กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-01-2013, 07:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,645 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๖

ขอให้ทุกคนขยับตัวนั่งในท่าที่สบายของเรา ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา จะกำหนดลมหายใจเป็นฐานเดียว ๓ ฐาน ๗ ฐานก็ได้ ตามความเคยชินที่ฝึกมาก่อน แม้กระทั่งคำภาวนาก็ใช้คำภาวนาที่เราถนัด ที่เราชำนาญมาก่อน เพื่อที่สภาพจิตซึ่งเคยชินแล้วจะได้ดำเนินเป็นสมาธิได้ง่าย

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานต้นเดือนมกราคมรับปีใหม่เป็นวันสุดท้าย สำหรับในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือความอดทน ความพากเพียร และการใช้ปัญญา

ความอดทนนั้นจำเป็นสำหรับการปฏิบัติธรรมทุกระดับชั้น ถ้าไม่มีขันติ คือความอดทนที่พอเพียง ก็มักจะท้อถอยเสียก่อน เนื่องจากว่าการปฏิบัติธรรมในระยะแรก ๆ เปรียบไปแล้วก็เหมือนกับการว่ายทวนน้ำ หรือการปีนภูเขา ซึ่งต้องใช้การทุ่มเททั้งความพยายามและเรี่ยวแรงอย่างมหาศาล ถ้าความอดทนของเราไม่เพียงพอ การปฏิบัติก็ไม่ได้ผล เพราะเราจะท้อถอย หรือเลิกไปเสียก่อน

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ในโอวาทปาฏิโมกข์ ประโยคแรกเลยก็คือ ขันตี ปรมัง ตโป ตีติกขา ขันตินี้เป็นเครื่องประดับอย่างยิ่งของผู้ตั้งใจบำเพ็ญตบะ พูดง่าย ๆ ก็คือว่าผู้ใดก็ตามที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ต้องมีขันติ คือความอดทน อดกลั้น อดออมอย่างพร้อมมูล ไม่เช่นนั้นแล้วการปฏิบัติก็จะไม่เกิดผล ท่านที่ปฏิบัติแล้วยังไม่ได้ในส่วนที่ตนเองปรารถนา ก็ขอให้รู้ว่าเราอาจจะบกพร่องตรงขันติบารมีนี่เอง

ข้อที่สองคือความพากเพียร การปฏิบัติธรรมทุกอย่าง ต้องอาศัยความเพียรพยายามโดยไม่ท้อถอย เพียรพยายามในลักษณะของการฝนทั่งให้เป็นเข็ม ถ้าใครเคยเห็นเขาตีเหล็ก สิ่งที่รองชิ้นงานอยู่ ถูกเขาเอาค้อนฟาดลงไปอยู่ตลอดเวลานั่นคือทั่งเหล็ก ซึ่งจะเป็นชิ้นเหล็กที่ใหญ่โตมาก ถ้าเราจะฝนทั่งนั้นจนกระทั่งเล็กเท่ากับเข็ม ก็ต้องใช้ความพากเพียรและระยะเวลาที่ยาวนาน โบราณท่านถึงได้เปรียบเอาไว้ว่า ความพยายามของเราต้องให้ได้ในระดับฝนทั่งให้เป็นเข็ม ไม่เช่นนั้นแล้วก็จะไม่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานทุกอย่าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2013 เมื่อ 08:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 27-01-2013, 08:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,645 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเรามีความอดทนแล้ว ยังต้องมีความเพียรพยายาม การเพียรพยายามนั้นต้องเพียรพยายามให้ถูกต้องด้วย ไม่ใช่เราพากเพียรทุ่มเท ไม่ยอมกินไม่ยอมนอนต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ๆ ถ้าลักษณะอย่างนั้นร่างกายจะรับไม่ไหว อาจจะเกิดอาการสติแตก กรรมฐานแตก สร้างความเดือดร้อนให้กับเราเอง

ความเพียรพยายามนั้นต้องมีกำหนดเวลาที่แน่นอนและสม่ำเสมอ พากเพียรไม่ย่อท้อ ไม่ถึงจุดหมายปลายทางเมื่อไรจะไม่ละเว้นจากการปฏิบัติอย่างเด็ดขาด ถ้าเป็นเช่นนี้จึงกล่าวได้ว่าเราเป็นผู้ประกอบไปด้วยวิริยบารมี คือมีความเพียรที่สมควรแก่การเป็นผู้ปฏิบัติธรรม

ข้อสุดท้ายคือปัญญาบารมี ถ้าเรามีความอดทน มีความพากเพียร แล้วขาดปัญญา ก็อาจจะอยู่ในลักษณะของบุคคลที่เรียกว่า ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา คือเป็นบุคคลที่ปฏิบัติก็ลำบาก บรรลุก็ยาก เพราะไม่รู้จักใช้ปัญญามองหากองกรรมฐานที่เหมาะสมแก่จริตของตน มองหาวิธีการที่จะปฏิบัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงนั้น ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นการปฏิบัติของเราก็จะกลายเป็นเนิ่นช้า

โดยเฉพาะตัวปัญญานี้ต้องมีกำกับอยู่ในหัวข้อธรรมทุกบท ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็อาจจะปฏิบัติผิด ๆ พลาด ๆ นอกจากไม่บังเกิดผลดีแล้ว ยังอาจจะเกิดผลร้ายขึ้นมาได้ การที่เราจะมีปัญญารู้ว่าอะไรถูก อะไรควรนั้น ก็เกิดจากการที่เราคอยระมัดระวัง เทียบเคียงหลักการปฏิบัติในปัจจุบันนั้น ว่าเกิดผลตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนมาหรือไม่ หรือว่าผลนั้นตรงตามตำราที่เราศึกษามาหรือไม่ หรือถ้าจะเอาให้ชัดเลยก็คือผลการปฏิบัติของเราตรงตามพระพุทธวจนะในพระไตรปิฎกหรือไม่

ถ้าเราใช้ปัญญาประกอบ ปฏิบัติไปด้วยความระมัดระวังเช่นนี้ โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จในการเจริญกรรมฐานก็จะมีมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-01-2013 เมื่อ 14:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-01-2013, 19:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,645 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..อาตมาพิจารณาดูแล้วว่าในปัจจุบันนักปฏิบัติส่วนใหญ่จะบกพร่องใน ๓ สิ่งใหญ่ ๆ ก็คือความอดทน ความพากเพียร และการใช้ปัญญาประกอบในการปฏิบัติธรรมของตน

เมื่อทราบแล้วก็ขอให้ทุกคนตรวจสอบดูว่าตนเองบกพร่องตรงจุดไหน ในระยะเวลาใด แล้วก็แก้ไขไปตามสภาพ ก็จะทำให้การปฏิบัติของเรามีความก้าวหน้าขึ้นจนเป็นที่พอใจได้

ลำดับต่อไปขอให้ทุกคนเอาใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออกและคำภาวนาของเรา หายใจเข้า..เอาความรู้สึกกำหนดรู้ตามไปตั้งแต่ต้นยันปลาย หายใจออก..เอาความรู้สึกตามออกมาตั้งแต่ต้นยันปลาย ใช้คำภาวนาหรือพิจารณาอย่างไรก็ได้ตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2013 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:51



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว