กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 18-05-2012, 12:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เขาเพิ่งจะบวชเสร็จ ใครจะบวชต่ออีกหรือเปล่า ? อย่าทำให้อาตมากลุ้มใจต้องถือไม้ตะพดเฝ้าวัดนะ ที่วัดมีแต่แม่ชีสาว ๆ เดี๋ยวหนุ่ม ๆ มากันให้พล่านไปหมด เป็นแม่ชีที่วัดท่าขนุนงานจะหนักมาก วันหนึ่งกว่าจะมีเวลาเป็นของตัวเองก็ประมาณบ่าย ๒ โมงแล้ว พอบ่าย ๔ โมงก็ทำความสะอาดวัดอีก เพราะฉะนั้นไปอยู่ที่นั่นจะอ้วนยาก

อำลาอาลัยพ่อแม่ญาติพี่น้องกันให้ดี แค่นี้ก็วัดอารมณ์ได้ชัดแล้วว่าตัดยากที่สุด ใจจะขาดรอน ๆ ตรงจุดนี้ก็อยากให้ทุกคนย้อนกลับไปนึกถึงวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ พระองค์ท่านถึงพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติทุกประการ มีพระชายาที่สวยที่สุด มีปราสาท ๓ ฤดู อีก ๗ วันสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิจะปรากฏแก่พระองค์ท่าน จะเป็นผู้ปกครองโลกทั้ง ๔ พูดง่าย ๆ ก็คือว่าในสุริยจักรวาลนี้ไม่มีใครยิ่งใหญ่เกินท่านอีกแล้ว พระโอรสที่รักยิ่งก็เพิ่งจะประสูติ พระองค์อภิเษกสมรสตอนพระชนมายุ ๑๖ ปี จน ๒๙ ปีจึงได้พระโอรส ๑ คน

แต่ว่าพระองค์ท่านสามารถตัดสินพระทัย เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ ทนลำบากอยู่ ๖ ปีเต็ม ๆ ลำบากชนิดเลือดตากระเด็น อดข้าวชนิดไม่ฉันอะไรเลยต่อเนื่องกันเป็นเดือน ๆ ไม่มีแม้แต่กำลังจะเดิน ล้มอยู่กับพื้น คนเขาก็คิดว่าเป็นซากศพเพราะมีแต่หนังหุ้มกระดูก แต่พระองค์ท่านก็ไม่ได้ท้อถอย ตั้งใจปฏิบัติเพื่อพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ด้วยดวงจิตที่มุ่งประโยชน์ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ว่าถ้าพระองค์บรรลุธรรมแล้ว เขาเหล่านั้นจะได้ประโยชน์ไปด้วย เป็นพวกเราจะไหวหรือไม่ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 18-05-2012, 12:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราคิดว่าเราทำได้ เป็นความคิดในตอนนี้นะว่าเราทำได้ แต่พอของจริงมาถึงแล้วจะรู้ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้านมารอบข้าง มีแต่โซ่ใหญ่ ๆ มาฉุดรั้ง “องค์ใดพระสรรเพชญ์ พระเผด็จกิเลสราญ หักห่วงและบ่วงมาร บ่มิหม่นมิหมองมัว” ห่วงนะ...แถมยังเป็นห่วงเหล็กมหึมาด้วย ดูซิว่าพวกเราจะหักห่วงได้ไหม ?

เรื่องของการบวชไม่ต้องถามคนอื่น พร้อมเมื่อไรไปทันที อย่ากระโตกกระตาก เดี๋ยวมารตื่น ไปตอนที่เขาเผลอ กว่าเขาจะรู้ตัวเราก็เผ่นไปแล้ว ค่อยให้เขามาตามล่าเราทีหลัง ถึงตอนนั้นเรามีหน้าที่หนีสุดชีวิต ส่วนเขาก็ตามล่าสุดชีวิต

ลองนึกถึงแค่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ทรงมีพระราชดำรัสว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม นั่นถือว่าเป็นการประกาศสัจจะวาจาในท่ามกลางองคมนตรีและในสายตาของประชาชน แล้วพระองค์ท่านก็บำเพ็ญพระองค์ให้เป็นไปตามพระราชดำรัสนั้นมาตลอด ๖๕ ปี ขึ้นปีที่ ๖๖ แล้ว พระองค์ท่านไม่เคยทำสิ่งใดที่ผิดไปจากคำพูดเลย

ฝรั่งบอกว่า "The king can do no wrong" พระราชาทำอะไรไม่ผิด..ไม่ใช่ พระองค์ท่านแปลว่า พระราชาห้ามทำอะไรผิด เพราะว่าถ้าหากว่าทำผิด ผลกระทบจะเกิดแก่คนทั้งประเทศ ตอนไปประเทศเขมร เวลาเดินชมประสาทหิน ตรงไหนต่ำ ๆ เขาจะติดป้ายไว้ว่า "Mind your head" ถ้าเป็นบ้านเราก็ติดว่า "ระวังศีรษะ" ใช่ไหม ? เขาว่าให้คิดถึงหัวตัวเองบ้าง ไม่อย่างนั้นจะชน ปรากฏว่าป้ามอยแปลได้เด็ดขาดที่สุด แปลว่า "หัดใช้หัวซะบ้าง" ในเมื่อรู้ตัวว่าเตี้ยก็ต้องรู้จักหลบด้วย (หัวเราะ)

เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของคำพูด การกระทำ ขึ้นอยู่กับการตีความ และการตีความอยู่ที่กำลังใจของแต่ละคน กำลังใจของคนไม่เท่ากันก็ตีความได้ไม่เท่ากัน การบรรลุธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงได้เป็นไปตามกำลังใจของคน คือ ใครตีความธรรมะได้สูง ตัดสินใจได้เด็ดขาดก็บรรลุธรรมขั้นสูงกว่า ใครตีความธรรมะได้ต่ำ ตัดสินใจไม่เด็ดขาดเท่า ก็บรรลุธรรมขั้นต่ำกว่า คนไหนไม่เข้าใจเลย ตีความไม่ได้ ไม่สามารถตัดสินใจได้ ก็เข้าไม่ถึงธรรม แต่อย่างไรเสียก็ขอให้ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นพลวปัจจัย เป็นอุปนิสัยนำส่ง ให้ชาติต่อไปของเราเข้าถึงธรรมได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะว่ามีการสั่งสมมาแล้ว

โมทนากับเขาก็พอนะ อย่าตัดสินใจบวชกันหมด วัดไม่มีที่ให้พัก ตอนนี้กุฏิแม่ชีหลังสุดท้ายเต็มแล้ว กำลังวางแผนว่าต่อไปจะเริ่มทำพื้นที่ในป่าช้า ใครจะเป็นผู้โชคดีรายแรกที่จะได้ไปอยู่ตรงนั้น ป่าช้าน่าอยู่ที่สุด เย็นสบาย ไม่มีใครกวน เงียบทั้งวัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 18-05-2012, 16:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอพรข้อหนึ่ง สำหรับกำลังใจค่ะ
ตอบ : ถ้าหากว่ามีศีลมีธรรมเป็นเครื่องคุ้ม ทำอะไรก็ขอให้สำเร็จจ้ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 18-05-2012, 16:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บวงสรวงขอลูกกับท่านปู่พระอินทร์ ทำอย่างไรคะ?
ตอบ : ใช้เครื่องบวงสรวงตามปกติ ขอบารมีท่านปู่พระอินทร์ว่า ถ้าเทวดาหรือนางฟ้าท่านใดจะลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมี ก็ขอให้ท่านอนุมัติให้มาเกิดกับเรา จะช่วยสนับสนุนการทำความดีของท่านทุกอย่าง แต่ขอให้เลี้ยงง่าย เฉลียวฉลาด มีความซื่อสัตย์กตัญญูด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 18-05-2012, 17:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจะโกนหัว จำไว้แม่น ๆ นะ ฟอกหัวให้ทั่วถึงสัก ๔ - ๕ ครั้ง ผมจะนิ่มแล้วโกนง่าย แม่ชีที่บวชใหม่ ๆ ไม่มีหรอกที่หัวจะไม่เลือดโชก อาตมาบอกให้ไปฟอกหัวมาหลาย ๆ ครั้ง เขาไม่ค่อยทำกันหรอก เขารู้ดีกว่า..!

พอโกนหัวครั้งที่ ๒ ครั้งที่ ๓ ชักจะรู้ตัวแล้ว เพราะถ้าขืนทำเหมือนเดิมก็เลือดโชกอีก มีแม่ชีโสภิตที่ขออนุญาตไม่โกนมาจนทุกวันนี้ ปล่อยให้ผมยาวไปเลย โกนครั้งแรกครั้งเดียวก็เข็ด อาตมาบอกว่าเอ็งไปฟอกหัวมา ๓ - ๔ เที่ยว จะได้ไม่มีบาดแผล ไม่เจ็บไม่คัน เขาดันไปฟอกพรวด ๆ ๓ ทีราดน้ำโครม โคนผมยังไม่ทันจะเปียกเลย เท่ากับโกนแห้ง ๆ ถลกหนังหัวตัวเอง..!

เวลาผมโดนน้ำจะนิ่ม โกนง่ายขึ้น หนังหัวเราพอชุ่มแล้ว เวลาโกนก็ไม่เป็นขุย ถ้าเป็นขุยเท่ากับถลอก พอถลอกก็เป็นแผล ราดน้ำโครมก็แสบสะดุ้งเฮือก สรุปว่าต้องผ่านบทเรียนกันก่อนถึงจะจำ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 18-05-2012, 17:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default




พระอาจารย์กล่าวถึงหนังสือว่า "หนังสือเรื่องหลินเจี้ยนหลง เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักเลง ที่โดนจับเข้าสถานดัดสันดานและคุก ด้วยข้อหานักเลง เปิดบ่อน และพยายามฆ่า ระหว่างถูกควบคุมตัว เขาดิ้นรนจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงได้ ท้ายสุดจบปริญญาเอกที่อเมริกา กลายเป็นศาสตราจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยไต้หวัน






ส่วนถ้าใครอ่านมังกรคู่สู้สิบทิศ จะเห็นได้ว่า กว่าที่คนเราจะก้าวไปถึงจุดที่ตัวเองต้องการได้ ต้องต่อสู้ดิ้นรนมาตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ในการต่อสู้ดิ้นรนระยะแรกเริ่ม ทำให้เห็นชัดเลยว่า ไม่มีอะไรที่ได้มาแบบบังเอิญ คุณต้องต่อสู้ช่วงชิง ต้องใช้ความพยายาม ส่วนใหญ่เราไปเห็นตอนเขาประสบความสำเร็จแล้ว ตั้งตนเป็นเจ้าแล้ว แต่ที่ไหนได้..ตอนเป็นอันธพาลขนาดข้าวยังไม่มีจะกิน ถ้าไม่มีอาซ้อเจินสนับสนุน แอบยัดซาละเปาให้ พระเอกก็อดตายไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 18-05-2012, 17:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



"หนังสือเรื่องหมาป่าของเจียงหรง ถ้าอ่านต้นฉบับภาษาจีนด้วยยิ่งดี ฉบับภาษาจีนชื่อหลางถู่โถว หลางคือหมาป่า ถู่โถวมาจากภาษาอังกฤษ ก็คือคำว่าโทเท็ม หลางถูโถ่ว คือสัญลักษณ์หมาป่า

เล่มนี้หนาปึ้กเลย เราจะได้รู้ว่าชนเผ่าเร่ร่อนสมัยก่อนทำไมถึงได้นับถือหมาป่าขนาดนั้น อยากจะบอกว่า หนังสือเล่มนี้สามารถเป็นผลงานวิจัยปริญญาเอกได้ เพราะว่าสมัยปฏิวัติวัฒนธรรม พวกนักศึกษา หรือพวกหัวก้าวหน้า หรือพวกวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมือง จะถูกส่งตัวไปทำงานแถว ๆ มองโกเลียใน ที่เขาใช้ว่ามองโกเลียในเพราะเป็นพื้นที่ของจีน ส่วนมองโกเลียนอกเป็นพื้นที่ของรัสเซีย แต่มีอาณาเขตติดกัน

ในเรื่องเฉินเจิ้นนักศึกษาจากปักกิ่งอาสาไปใช้แรงงานอยู่แถวนั้น ผจญกับความยากลำบากของดินฟ้าอากาศ ต้องไปตั้งคอมมูนในการผลิตอาหาร ผลิตพวกแพะ แกะ ส่งมาเป็นอาหาร ตัดขนทำเป็นเสื้อผ้า ถ้าการผลิตไม่ดีก็โดนวิจารณ์อีก ตัวที่แสบที่สุดคือหมาป่า เพราะป้องกันอย่างไรหมาป่าก็เอาแกะไปกินได้ เนื่องจากหมาป่ารู้จักแกะมากกว่าคน หมาป่ารอหิมะตกหนา ๆ ก่อน แล้วก็ต้อนแกะให้วิ่งไปถึงที่หิมะหนา ๆ พอแกะขายันพื้นไม่ได้ก็ติดอยู่ตรงนั้น รอให้หมาป่ามาลากไปกินทีละตัว"

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ก็คล้าย ๆ กัน เพราะว่าถ้าขาดสติ ขาดสมาธิ ก็สู้เขาไม่ได้ การฝึกวิทยายุทธก็คือฝึกสติฝึกสมาธินั่นแหละ ในเรื่องตอนเขานั่งขัดสมาธิ เสร็จแล้วอาจารย์ก็โยนเหรียญลงพื้นดังติ๊ง..! ถามว่าเหรียญอยู่ทิศไหน ถ้าตอบผิดก็เจออาจารย์จัดการลงโทษ

เราลองนึกดู หน้าเหนือ หลังใต้ ซ้ายตะวันตก ขวาตะวันออก จากนั้นก็ทะแยงระหว่างซ้ายขวาหน้าหลัง ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันตกเฉียงใต้ ได้ทิศพอดี ก็คือซ้าย ขวา หน้า หลัง ศอกซ้าย ศอกขวา เข่าซ้าย เข่าขวา ๘ ทิศพอดี คราวนี้รู้แล้วหรือยังว่าเขาแยกแยะได้อย่างไรว่ามาทิศไหน ? ฟังดูแล้วไม่น่ายาก แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการฝึก ต้องฝึกจนชินจริง ๆ ฟังเสียงลมรู้การเคลื่อนไหว

ในเรื่องมังกรหยกภาค ๑ นั้น ตัวละครที่ตาบอดเขาใช้การฟังเสียงเอา เวลาต่อสู้กัน เจออีกฝ่ายหนึ่งหลอก เขาใช้ท่าที่ทำให้คนตาบอดฟังไม่ออก เพราะไม่ใช่ท่าที่ใช้ฝ่ามือ ไม่ใช่หมัด ไม่ใช่นิ้ว ไม่ใช่กรงเล็บ คนตาบอดฟังเสียงไม่ออกก็ไม่กล้ารับ ไม่รู้ว่าเขาออกท่าอะไรก็หนีไว้ก่อน ความจริงก๊วยเจ๋งสู้ศพเหล็กที่ตาบอดไม่ได้หรอก แต่ศพเหล็กตาบอดเขาระแวง ก็เลยหนี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 25-03-2021 เมื่อ 15:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 19-05-2012, 08:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลานิมิตต่าง ๆ มาถึง บางทีมาแค่ชั่วพริบตาเดียว แต่สิ่งที่เรารู้อธิบายออกมาได้หลายหน้ากระดาษ เอาไว้ให้พวกเราเกิดนิมิตเองแล้วจะรู้ ภายในพริบตาเดียวความเป็นทิพย์จะรายงานหมดว่าอะไรเป็นอะไร รอก่อนนะ...รอให้ถึงตอนที่อาตมาเกิดในประเทศไทยก่อน แล้วค่อยเขียน ช่วงนั้นรบได้ทุกชาติ ไม่รบเขาก็ฆ่าเขา แล้วอาตมาจะไปเหลืออะไร จึงได้ป่วยอย่างนี้ทั้งชาติ

อาตมาเคยคิดจะแต่งหนังสือกำลังภายในเอง เพราะเห็นบางคนแล้วขัดใจ แต่งหนังสือกำลังภายในได้ห่วยมากเลย อาตมาไม่ต้องแต่งเองหรอก เขียนเรื่องจริงก็พอแล้ว เรื่องที่แต่งมีความสนุกเพราะว่าเป็นจินตนาการ แต่ถ้าเราเขียนเรื่องจริงจะสนุกกว่า เพียงแต่คนที่เขียนเรื่องจริงมุมมองเขาอาจจะไม่พอ

อย่างบันทึกไปพม่า เป็นเรื่องจริงล้วน ๆ บังคับเนื้อหาไม่ได้ด้วย ว่าแต่ละวันเราจะเจออะไร คนอ่านมักจะอ่านรวดเดียววางไม่ลง เราต้องเขียนให้คนอ่านเห็นเหมือนอย่างที่เราเห็น ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันนะ เพราะต้องนึกอยู่เสมอว่าเขาไม่เห็น ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระศรีศาสนวงศ์ บอกว่า "พระครู..เขียนได้เป็นธรรมชาติมาก ผมอยากเขียนอย่างนี้มานานแล้ว" คำว่าเป็นธรรมชาติของท่าน ก็คือเห็นอย่างไรก็บอกอย่างนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 19-05-2012, 08:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาเคยตั้งใจจะเขียนเรื่อง จอมทัพมหาราช ๓ ภาค มีพระเจ้าพรหมมหาราช พระนเรศวรมหาราช พระเจ้าตากสินมหาราช บอกแนวทางให้คุณลลิตาไป เขาบอกว่าเขียนไม่ได้ จินตนาการเขาไม่ถึง

สมัยก่อนที่อาตมาจะไปเป็นทหาร ได้เขียนหนังสือขายอยู่ระยะหนึ่ง กำลังมีคนอ่านติดตรึม พอกลับจากการเป็นทหารมาดูเรื่องที่เขียน มีเนื้อหาเก่าที่เขียนไว้เรื่องหนึ่ง ๒ บท มาเขียนต่อบทที่ ๓ กับบทที่ ๔ เขียนเสร็จแล้วอ่านทวน ปรากฏว่าบทที่ ๑ กับบทที่ ๒ เหมือนคนหนึ่งเขียน บทที่ ๓ กับบทที่ ๔ เป็นอีกคนหนึ่งเขียน ต่างกันอย่างเห็นชัดเลย

สรุปว่าประสบการณ์ตอนไปฝึกทหารอยู่ช่วงหนึ่งที่เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้มุมมองชีวิตต่างออกไป คนเดียวกันเขียนแต่ต่างเวลากันเท่านั้น กลายเป็นคนละคนเลย อาตมาจึงต้องวางมือ เขียนต่อไม่ได้แล้ว ยกแนวเรื่องให้คนอื่นเขาไปเขียนแทน

บางคนเขียนแล้วไม่สมจริง อย่างเรื่องรหัสลับหลังคาโลกที่กำลังดังระเบิด ในเรื่องเขาใช้อาวุธอันตรายขนาดนั้นคนต้องตายเป็นกองร้อยแล้ว ไม่เหลือหรอก หรือไม่ก็กับดักที่เขาใช้ยึดโยงต้นไม้ให้ดีด มีคนทำไว้ตั้งแต่อดีตเป็นร้อย ๆ ปีแล้ว พอไปกระทบเข้าก็ยังทำงานอยู่ ทหารหน่วยจู่โจมพิเศษที่ฝึกมาขนาดหนักยังตาย อาตมาก็นั่งหัวเราะว่าคนเขียนไม่รู้เรื่องต้นไม้ เขารู้แต่ว่าดัดต้นไม้แล้วต้นไม้จะดีดได้ แต่เขาลืมไปว่า ถ้าดัดต้นไม้ไว้สักอาทิตย์หนึ่งกิ่งไม้ก็ล้าแล้ว จะคงตัวเป็นรูปนั้นเลย แล้วในเรื่องเขาให้กับดักต้นไม้อยู่มาเป็นร้อย ๆ ปีแล้วยังทำงาน แสดงว่าเขาไม่เข้าใจว่าความจริงเป็นอย่างไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-05-2012 เมื่อ 15:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 19-05-2012, 09:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ให้โอวาทว่า "การอยู่วัด..สำคัญที่สุดคืออย่าไปตั้งความหวังกับคน สถานที่ดีแค่ไหนก็ตาม ครูบาอาจารย์ดีแค่ไหนก็ตาม คนรอบข้างก็ยังเป็นคนอยู่ ถ้าไปคิดว่าวัดดีแล้วคนต้องดี คิดว่าครูบาอาจารย์ดีแล้วเขาต้องดี เดี๋ยวก็อกหักดังกร๊อบ..!

ในเมื่อเป็นคนจะอยู่ที่ไหนก็ยังเป็นคน สำคัญที่ว่าเราจะปล่อยวางได้มากเท่าไร สรุปง่าย ๆ ว่า อย่ายุ่งกับเรื่องของคนอื่น ทำหน้าที่เราให้ดีที่สุดก็จบแล้ว จะได้ดูว่าเราเองปล่อยวางสักกายทิฐิได้มากเท่าไร ? ตัวกูของกู มานะยังมีเยอะไหม ? ถ้าไม่มีก็อยู่สบาย ถ้ามีก็กระแทกกันอยู่เรื่อย

โดยเฉพาะคนเรามีจุดอ่อนอยู่ที่ว่า เกิดอะไรขึ้นแล้วไม่สอบถาม แต่ตัดสินด้วยความคิดตัวเอง คราวนี้การตัดสินของเขาได้ตัดสินคนอื่นไปแล้ว โดยที่ลืมว่าตัวเราไม่ใช่บรรทัดฐานที่จะไปตัดสินคนอื่น ดังนั้น..ถ้ามีอะไรสงสัยก็ให้ถามกันตรง ๆ

ค่อย ๆ ปรับตัวเองไปเรื่อย ๆ แรก ๆ ก็เป็นลูกเต๋าสี่เหลี่ยม หล่นโครมลงไปก็อยู่ตรงนั้น พอค่อย ๆ ขัด ค่อย ๆ เกลา ลบเหลี่ยมลบมุมตัวเองไปเรื่อย ๆ ก็จะกระทบคนอื่นน้อยลงไปเรื่อย จนในที่สุดก็กลมเป็นลูกบิลเลียด คราวนี้จะกลิ้งไปไหนก็ได้ หรือถ้ายังไม่พอก็เป็นลูกบิลเลียดแช่น้ำมัน ลื่นพอ ๆ กับปลาไหลแช่น้ำมันนั่นแหละ

ทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตเป็นเครื่องทดสอบ สอบได้หรือสอบตกก็ไม่มีใครช่วยเราได้ บางทีเราแนะนำไป วิธีการเขารู้ แต่กำลังของเขาไม่พอ บอกเขาว่ากำแพงอยู่ตรงนี้ จอบก็มี ขวานก็มี เลื่อยก็มี พังลงไปให้ได้แล้วกัน แต่แรงเขายังไม่พอ จึงพังลงไปไม่ได้สักที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 19-05-2012, 09:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเป็นคนหวงเวลา คนที่มานอกทุ่งนอกท่าอาตมาไล่เตลิดหมด ที่วัดตั้งพระเป็นเวรรับสังฆทาน ๕ รูป ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป โยมขนสังฆทานมาจะมาถวายเจ้าอาวาส อาตมาก็ด่ากระจาย ถ้าอาตมารับสังฆทานเองแล้วจะตั้งเวรรับสังฆทานไปทำไม ?

ปรากฏว่าโยมเปลี่ยนวิธี ไม่มากวนที่กุฏิ แต่แบกไปรอถวายตอนฉันเพล พวกนี้เป็นประเภทไม่มีอุเบกขาในทานบารมี ความจริงจะถวายสังฆทานกับพระสงฆ์รูปไหนก็ได้ ต่อให้ศีล ๒๒๗ ข้อ ขาดวิ่นเหลือข้อเดียวก็ถวายไปเถอะ เพราะท่านเป็นตัวแทนของสงฆ์ ถวายไปก็ได้อานิสงส์เท่ากัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 19-05-2012, 09:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สำหรับตัวอาตมาเองแล้ว เรื่องทางโลกไม่มีอะไรให้ท้าทาย เพราะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จง่ายจนน่าเบื่อ ในเมื่อเป็นอย่างนั้นเหลืออย่างเดียวก็คือ การขัดเกลากิเลสตัวเอง

หลวงปู่มหาอำพันท่านเขียนติดหัวนอนไว้ว่า วิชาโลกเรียนเท่าไรไม่รู้จบ พื้นพิภพกลมกว้างใหญ่ลึกไพศาล วิชาธรรมเรียนและทำจนชำนาญ ย่อมพบพานจุดจบสบสุขเอย ท่านลงชื่อคนเขียนว่าแม่เฒ่าปักษ์ใต้ ไม่รู้ว่าเป็นใคร ? หลวงปู่คงไปอ่านเจอแล้วชอบใจ เลยลอกมาแปะติดหัวนอนไว้

ปัจจุบันนี้ที่อาตมาเรียนอยู่ เห็นประโยชน์ก็คือตอนไปสอนคนอื่น พอมีวุฒิรับรองการศึกษาสูง ๆ คนเขาจะให้ความสนใจมากกว่า คนเขาให้ความเชื่อถือมากกว่า ก็เลยเรียน ๆ ให้เขาหน่อย โลกเขาเคารพสมมติอย่างนั้น เราก็ต้องหาให้เขาหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 19-05-2012, 09:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำอย่างไรถึงจะปราบปะป๊าได้ ?
ตอบ : ไม่ต้องทำอย่างไรหรอกจ้ะ ปล่อยให้ปะป๊าแก่ตายไปเองดีกว่า แต่ถ้าจะปราบจริง ๆ ก็ต้องทำตัวให้น่ารักมาก ๆ ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เดี๋ยวปะป๊าเกรงใจก็เสร็จเราเอง ถ้าหากว่าเรายังทำดีไม่พอ ปะป๊ายังไม่เกรงใจเพราะว่าเราเป็นเด็ก เด็กต้องมีความดีเยอะกว่า ผู้ใหญ่เขาถึงจะเกรงใจ

กลับบ้านไปสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิทุกวัน รักษาศีลให้ครบถ้วน ตั้งใจเรียน เอาที่ ๑ มาบ่อย ๆ เดี๋ยวปะป๊าก็เกรงใจเอง เข้าใจนะจ๊ะ...ปราบให้อยู่หมัดเลยลูก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 19-05-2012, 09:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเป็นเก๊าท์อย่ากินยอดผัก อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ หรือเนื้อสัตว์ปีก เพราะจะเป็นการซ้ำให้อาการหนักขึ้น ต้องงดกินของพวกนี้แล้วไปดื่มน้ำอุ่นเยอะ ๆ ให้ปัสสาวะออกมามาก ๆ สักสามวันก็จะหาย เพราะว่าเก๊าท์เกิดจากผลึกกรดของโปรตีนไปตกอยู่ในข้อ แล้วผลึกก็แหลมเปี๊ยบอย่างกับเข็ม เมื่อเข็มทิ่มเนื้อก็ต้องปวดเป็นปกติ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 19-05-2012, 16:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวสอนคนเป็นพ่อแม่ว่า "เราจะไปรำคาญลูกไม่ได้ ในเมื่อมีเขาแล้ว จะรำคาญเขาไม่ได้ มีเขาแล้วต้องอาศัยธรรมข้อที่ว่าพ่อแม่เป็นพรหมของบุตร ต้องอดทนอดกลั้น วางอุเบกขากับเขาให้ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 19-05-2012, 16:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อภาวนาไปแล้ว เกิดอาการเหมือนเหวที่ไม่มีก้น นี่เป็นอาการของฌานหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่ใช่..เป็นอาการที่จิตตกศูนย์กลางพอดี จะลงกึ่งกลางไปเรื่อย ๆ ถ้าใครฝึกธรรมกายมาจะรู้ ลงกึ่งกลางของกึ่งกลางไปเรื่อย ๆ จึงเหมือนกับลงเหวที่ไม่มีก้น จนกว่าธรรมกายจะปรากฏจึงจะหยุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 19-05-2012, 16:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกคนที่อ่านหนังสือว่า "อ่านมูซาชิแล้วอย่าลืมอ่านซันชิโร่ด้วยนะ ตอนที่มูซาชิโดนบังคับให้ทำสมาธิ ทำให้เขารู้ว่า ก่อนที่คนจะเก่งนั้น ใจต้องนิ่งก่อน ส่วนซันชิโร่เขาอาศัยความบ้า ความบ้านะไม่ใช่ความกล้า เวลาเขาประลองกันท่ามกลางสายฝน ซามูไรคนไหนที่เงื้อดาบขึ้นก่อนมักจะโดนฟ้าผ่าตาย แต่ซันชิโร่ไม่กลัว เพราะถึงไม่โดนฟ้าผ่าตาย ตัวเองก็อาจจะตายเพราะอีกฝ่ายอยู่แล้ว คู่ต่อสู้เลยต้องทิ้งซามูไรหนี เพราะลูกบ้าของซันชิโร่มากกว่า

ถ้าคนเราสามารถตัดใจไม่กลัวตายได้สักเรื่องหนึ่ง จะทำอะไรได้เยอะมากเลย วิถีแห่งซามูไรภาษาญี่ปุ่นเขาเรียกว่าบูชิโดเป็นอักษรคันจิ ภาษาจีนคือบู๊เฮียบ หมายถึง จริยธรรมนักรบ ฉะนั้น..ทุกวันนี้วิถีบูชิโดหรือจริยธรรมนักรบ ก็ยังฝังอยู่ในจิตใจของชาวญี่ปุ่นอยู่เป็นปกติ เสียสละ กล้าหาญ อดทน เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีทั้งหมดอยู่ ๑๒ ข้อด้วยกัน

อย่างตอนที่เกิดสึนามิแล้วโรงงานปฏิกรณ์นิวเคลียร์รั่ว คนญี่ปุ่นเข้าแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยรับของแจก ลำบากแค่ไหนก็อดทน ไม่ปริปากบ่น นั่นก็คือจริยานักรบที่ฝังรากลึกอยู่ เพราะเขาได้รับการอบรมมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ถ้าเป็นบ้านเราไปแจกของก็คงจะเหยียบกันตาย เหยียบกันตายไม่พอ เขาจะเหยียบเราตายไปด้วย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 19-05-2012, 16:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : บ้านเราก็มีเหมือนกัน แต่พอมีแล้วกลายเป็นคนโง่ ทั้ง ๆ ที่เป็นคนดี แต่เป็นคนโง่ในสายตาคนอื่น จงยอมเป็นคนโง่ต่อไป เพราะคนโง่ โง่แล้วสบายกว่า คนฉลาดมักจะโดนคนอื่นเขาสกัด เพราะกลัวว่าจะล้ำหน้าตนเอง เป็นคนโง่ของเราไปได้เรื่อย ๆ ไม่ไปเกะกะขวางทางใคร

“ฉันไม่สู้เธอละฉันยอมแพ้ วาจาจากใจแท้แน่นักหนา ไม่ขอสู้กับใครในโลกา เป็นผู้แพ้ดีกว่าสบายใจ”

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ถ้าหากว่ามีตัวกูอยู่ก็ยอมแพ้ไม่ได้ ถ้าไม่มีตัวกูของกูก็ยอมแพ้ได้สบาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 03:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 20-05-2012, 09:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมมาถวายพระไตรปิฎก พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "ปกติพระไตรปิฎกควรจะต้องมีตู้ใส่ แต่ตู้ราคาแพงมาก ถ้าเป็นตู้ไม้สักราคา ๒ - ๓ หมื่นบาท พระไตรปิฎกชุดอรรถกถาราคาประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาท สรุปว่าตู้ราคาแพงกว่าพระไตรปิฎกเสียอีก เห็นพระไตรปิฎกแล้วนึกถึงความมานะพยายามของคนโบราณ เขาค่อย ๆ จารพระไตรปิฎกกันทีละแผ่นทีละผูก

เรื่องการอ่านพระไตรปิฎกเป็นอาชีพของพระ อาตมาเองอ่านพระไตรปิฎกหมดไปหลายจบแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้โยมควรจะอ่านกันเอง จะได้รู้ว่าพระพุทธวจนะที่แท้จริงเป็นอย่างไร พระองค์ท่านตรัสถึงแต่ละอย่างว่าอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะชุดที่ถวายมามีอรรถกถาแปลขยายความให้ด้วย ยิ่งเข้าใจได้ง่ายขึ้น พระไตรปิฎกเป็นภาษาไทยโบราณ เราจึงอ่านเข้าใจยาก อย่างเช่น เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงเข้าถึงทุคติ วินิบาต อ่านแล้วมึน บอกว่าตายแล้วลงนรกก็หมดเรื่อง..!

พระไตรปิฎกที่อยากจะให้อ่านมากที่สุด เป็นพระไตรปิฎกฉบับแก่นธรรม ที่ร้านหนังสือมหาจุฬาบรรณาคารน่าจะมี ส่วนพระไตรปิฎกฉบับประชาชนนั้นรวบรัดเกินไป รวบรัดเสียจนกลายเป็นดรรชนีค้นหาไปเลย ตอนแรก ๆ ยังดีอยู่เพราะมีเนื้อหาย่อให้ พอท้าย ๆ คนทำคงเหนื่อย ย่อไม่ไหว กลายเป็นดรรชนีบอกว่าเรื่องนั้นมีเนื้อหาอยู่ที่เล่มไหนไปเลย

แม้พระไตรปิฎกฉบับแก่นธรรมเนื้อหาจะไม่มากเท่ากับชุดใหญ่ แต่ก็ไม่น้อยไปจนกระทั่งไม่เข้าใจใจความ เพราะตัดเอาเนื้อหาสำคัญ ๆ มา แต่อาตมาอยากจะให้อ่านเล่มใหญ่เต็มฉบับ อย่างชาดกในพระไตรปิฎกบางฉบับมีแต่เนื้อหาเฉย ๆ ไม่ได้บอกว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงตรัสถึงชาดกเรื่องนั้น และไม่ได้สรุปว่า เมื่อจบแล้วองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมชาดกว่าอย่างไร เกิดผลอะไรขึ้นแก่ผู้ฟัง ทำให้พวกเราไม่รู้ว่าความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาว่าคืออะไร อยู่ ๆ ก็มีเนื้อเรื่องโผล่มาแล้วก็เงียบไปเฉย ๆ "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 17:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 20-05-2012, 10:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



พระอาจารย์กล่าวถึงหนังสือว่า "บางทีหนังสือดี ๆ กลับไม่ได้รับความนิยมจากตลาดเพราะขายไม่ได้ พิมพ์ครั้งหนึ่งก็เข็ด ไม่มีการออกใหม่อีก อาตมาอ่านลูกม้าสีแดงของจอห์น สไตน์เบ็ค ตั้งแต่อยู่ชั้น ป.๒ มาหาอ่านได้อีกทีตอนอายุเกือบ ๔๐ ปี ของดีมักจะขายไม่ค่อยออก ต้องเป็นประเภทพวกเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ ปัจจุบันนี้เด็กรุ่นใหม่นิยมอ่าน เขาก็เลยอยู่กับความฝันมากกว่าความจริง

ความฝันถือว่าช่วยเสริมสร้างจินตนาการ แต่เราต้องยอมรับด้วยว่าสภาพความจริงของโลกไม่ใช่สิ่งที่ฝัน มนุษย์ทุกรูปทุกนาม ทุกชาติทุกภาษามีความฝัน เพราะฉะนั้น..เขาจึงมียุคพระศรีอาริย์ มีแชงกรีล่า มีแดนดอกท้อ มียูโทเปีย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่ว่ามา อยู่ในลักษณะของจินตนาการ แต่บุคคลที่เข้าถึงความดีก็สามารถที่จะไปได้ อย่างแดนดอกท้อของจีนก็คือเมืองลับแล"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2012 เมื่อ 17:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:47



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว