กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 29-05-2013, 20:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ถามญาติโยมว่า "เคยลองสมมติสถานการณ์ไหมว่า ถ้าไม่มีไฟฟ้าสักครึ่งเดือนเราจะทำอย่างไร ? รับรองว่าถ้าบ้านหน้าตาแบบนี้ไม่มีคนอยู่ในบ้านหรอก ถ้าวัดท่าขนุนไฟดับสักครึ่งวัน มีแต่พระโผล่อยู่หน้ากุฏิเต็มไปหมด พวกเราเคยชินกับความสะดวกสบายที่เครื่องอำนวยความสะดวกเขาให้ ทั้งพัดลม โทรทัศน์ ตู้เย็น สารพัด พอไฟดับแล้ว ความเคยชินหายไปจะรู้สึกว่าลำบาก แต่ถ้าเราเฉย ๆ หรือไม่ก็ไม่ให้ความเคยชินเหล่านี้มาครอบงำเรา เราก็จะอยู่ได้สบาย ๆ

จำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ ไม่ค่อยได้ใส่รองเท้า กลัวอยู่อย่างเดียวคือหนามโคกกระสุน พวกนี้เม็ดเกือบเท่าหัวแม่มือ มีหนามรอบเลย ถ้าไม่ใช่โคกกระสุนนี่ไม่กลัวหรอก เดินลุยได้ทุกอย่าง ตอนไปโรงเรียนครั้งแรก ๆ ใส่รองเท้าแล้วรองเท้ากัด กว่าจะใส่รองเท้าได้ต้องพยายามอยู่เป็นปี

แต่ความรู้สึกในยุคนั้น การเป็นนักเรียนเหมือนกับเป็นบุคคลอีกชนชั้นหนึ่ง แม้กระทั่งพ่อแม่ก็รู้สึกว่าปฏิบัติกับเราต่างจากปกติ เพราะคนสมัยก่อนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้หนังสือ พอมีคนรู้หนังสือแล้ว รู้สึกว่าเหมือนกับเขาให้เกียรติเรามากกว่าปกติ แม้เราจะเป็นเด็ก แต่ถ้าเราอ่านหนังสือออก ผู้ใหญ่เขาก็จะชื่นชม

เวลานั่งรถเมล์ด้วยกันเยอะ ๆ เขาจะถาม “ไอ้โน่นอะไรไอ้หนู ไอ้นี่อะไรหนู” ถ้าอ่านออกเขาจะปลื้มกันใหญ่ แต่ก็แปลก...โยมแม่อ่านหนังสือไม่ออก แต่ไปได้ทั่วไปหมด เพราะจำทางได้หมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2013 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 29-05-2013, 21:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าดูจากตัวเลข พระยาฉัตทันต์มีกำลังมากกว่าช้างปกติหนึ่งหมื่นล้านเชือก เพราะเขาบอกว่าช้างตระกูลกาฬวกหัตถีมีกำลังมากกว่าช้างปกติ ๑๐ เชือก ช้างตระกูลคังเคยยหัตถีมีกำลังมากกว่าช้างตระกูลกาฬวกหัตถี ๑๐ เชือก ก็แปลว่าจากธรรมดาก็ต้องเป็นร้อย

ตระกูลปัณฑรหัตถีมีกำลังมากกว่าคังเคยยหัตถี ๑๐ เชือก ก็ต้องเป็นพัน ตามพหัตถีมีกำลังมากกว่าปัณฑรหัตถี ๑๐ เชือก ก็เป็นหมื่น ปิงคลหัตถีมีกำลังมากกว่าตามพหัตถี ๑๐ เชือกก็เป็นแสน
คันธหัตถีมีกำลังมากกว่าปิงคลหัตถี ๑๐ เชือก ก็เป็นล้าน มังคลหัตถีมีกำลังมากกว่าคันธหัตถี ๑๐ เชือก ก็เป็นสิบล้าน เหมหัตถีมีกำลังมากกว่ามงคลหัตถี ๑๐ เชือกก็เป็นร้อยล้าน อุโบสถหัตถีมีกำลังมากกว่าเหมหัตถี ๑๐ เชือกก็เป็นพันล้าน ฉัตทันต์หัตถีมีกำลังมากกว่าอุโบสถหัตถี ๑๐ เชือก ก็เป็นหมื่นล้าน

บาลีเขาบอกว่าพระพุทธเจ้ากำลังมากกว่าช้างฉัตทันต์หัตถีอีก ฉะนั้น..ที่ท่านเดินทางวันละ ๑๒๐ โยชน์นี่เล็ก ๆ เลย พระนามของพระพุทธเจ้ามีอย่างหนึ่งก็คือ “นาคะ” ความหมายหนึ่งคือผู้ประเสริฐ ความหมายหนึ่งคือผู้ผ่านการฝึกมาอย่างดีแล้ว อีกความหมายหนึ่งก็คือผู้ที่มีกำลังเหมือนช้าง"


ถาม : แล้วข่าวที่พบช้างเผือกที่แก่งกระจาน เป็นช้างเผือกจริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : น่าจะเป็นช้างเผือกเพราะเม็ดสีทำงานผิดปกติ ไม่น่าจะใช่ช้างเผือกจริง ๆ เพราะถ้าช้างเผือกจริง ๆ ช้างอื่นมักจะไม่กล้าเข้าใกล้ ได้แต่คอยดูแลแวดล้อมอยู่ห่าง ๆ คราวนี้ตามข่าวเขาบอกว่าลงเล่นน้ำด้วยกัน สมัยที่ป่ายังเยอะ ๆ อยู่ คุณน้อย อินทนนท์ หรือมาลัย ชูพินิจ ไปล่าแรดเผือก ตามจนกระทั่งเจอ ยิงตูมแล้วไปดูเป็นแรดดำธรรมดา แต่มันไปเกลือกปลักที่เป็นโป่ง พวกดินโป่งจะมีแต่เกลือ พอแห้งแล้วส่าเกลือขึ้นขาวไปทั้งตัวเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2013 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 29-05-2013, 21:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่เขาอายุยืนเป็นร้อยปี เขาทำอะไรถึงได้อายุยืน ?
ตอบ : ปาณาติบาตน้อยจ้ะ พูดง่าย ๆ ก็คือ ชาติก่อนเรื่องฆ่าคนฆ่าสัตว์ ตั้งแต่เล็กสุดถึงใหญ่สุดนี่แทบไม่เตะเลย

อายุยืนเกิดจากพื้นฐานของจิตใจที่มีเมตตา ไม่ได้ทำปาณาติบาตเอาไว้ ในเมื่อเราไม่ฆ่าเขา ถึงเวลาอายุเราก็อยู่ยั้งยืนยง แต่ก็ไม่เกินเกณฑ์เท่าไรหรอก

เว้นจากการฆ่าสัตว์อายุจะยืน เว้นจากการลักทรัพย์ ทรัพย์สินจะไม่เสียหายด้วยภัยธรรมชาติหรือโจรภัย เว้นจากการประพฤติผิดในกาม จะเป็นผู้ที่มีอำนาจ สามารถปกครองคนอื่นให้เชื่อฟังทุกอย่างได้ เว้นจากการโกหก เกิดใหม่พูดอะไรก็มีแต่คนเชื่อฟัง เว้นจากการดื่มสุราเมรัย เกิดใหม่จะไม่เป็นโรคปวดหัว ไม่เป็นโรคเส้นประสาท ไม่เป็นโรคบ้า ส่วนนี้เป็นแค่เศษ ๆ เท่านั้น เพราะว่าโทษหนักจริง ๆ ส่วนใหญ่ไปรับอยู่ข้างล่างแล้ว หลงมาเกิดเป็นคนแล้วถึงจะได้รับเศษที่เหลือ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2013 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 29-05-2013, 21:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมพระเยซูในศาสนาคริสต์ถึงดื่มไวน์ได้คะ ?
ตอบ : ศีล ๕ เป็นของศาสนาพุทธ จะเอาไปเปรียบกับศาสนาคริสต์ได้อย่างไร อย่าลืมว่าแม้แต่งานวิจัยของฝรั่ง เขาทดสอบด้วยการที่ให้ดื่มไวน์ ๔ แก้ว หรือเบียร์ ๒ กระป๋อง ไม่เมาหรอก แต่พอถอยรถเข้าซอง ชนบรรลัยหมดเลย เขาบอกว่าไม่เมา แต่ประสาทการกะระยะเพี้ยนไปแล้ว

ลักษณะเดียวกับผู้ปฏิบัติธรรม ท่านบอกว่ากิเลสเหมือนอย่างกับน้ำ ศีลเป็นเขื่อนกั้น ถ้าเราปล่อยให้เขื่อนมีรูแม้แต่นิดเดียว ถ้าน้ำเจาะทะลวงผ่านได้ไปเรื่อย ๆ รูก็จะกว้างขึ้นเรื่อย ในเมื่อกว้างขึ้นไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเขื่อนก็พัง สู้กระแสกิเลสคือน้ำไม่ได้ ดังนั้น..พระพุทธเจ้าจึงให้งดเว้นไปเลยดีกว่า ไม่ต้องไปเสี่ยงด้วยประการทั้งปวง

อาตมาก็ไม่เคยฉัน ไม่รู้ว่าเบียร์ ๒ กระป๋องเมาหรือเปล่า ? คนไม่เคยฉันนี่ลำบาก อย่างวันก่อนไปงานหลวงตาวัชรชัยที่วัดเขาวง อาตมาฉันน้ำชาเข้าไป ๔ ทุ่มแล้วยังไม่ได้นอนเลย ไม่มีอะไรจะทำก็ภาวนาคาถาเงินล้านไปเรื่อย ๆ ขนาดน้ำชายังถ่างตาจนดึกดื่นเที่ยงคืน แสดงว่าประสาทอ่อน เคยแต่น้ำเปล่าเจอน้ำชาเข้าไปก็ตาค้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2013 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 29-05-2013, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เทวดาเขามีประเทศไหมคะ ?
ตอบ : มีแต่เขต แต่ละท่านจะมีเขตเฉพาะของตนอยู่ เป็นไปตามกำลังบุญ สร้างบุญไว้มากเขตก็ใหญ่โตกว้างขวาง สร้างบุญไว้น้อยเขตก็เล็กหน่อย ต้องดูตัวอย่างพระนางโรหิณี พระนางโรหิณีขึ้นไปเป็นนางฟ้า มีความสวยมาก ใคร ๆ ก็อยากได้ คราวนี้ว่านางฟ้าถ้าอยู่ในเขตวิมานของใคร ก็เป็นบาทบริจาริกาของวิมานนั้น ปรากฏว่าพระนางโรหิณีไปนั่งอยู่ตรงกลาง ๔ วิมานพอดีเลย

เขามีกติกาว่าถ้าหันหน้าไปทางไหนก็เป็นของวิมานนั้น แม่เจ้าประคุณดันนั่งก้มหน้า เทวดาจะตีกันตายสิคราวนี้ เพราะต่างคนต่างอยากได้ ท้ายสุดพระอินทร์ต้องริบไปเอง ฉะนั้น..เทวดาไม่มีประเทศ มีแต่เขตตามกำลังบุญของตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2013 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 29-05-2013, 21:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อวัดท่าซุงเคยสงสัยว่าตอนนี้พระเยซูท่านอยู่ที่ไหน พอดีวันนั้นขึ้นดาวดึงส์ไปก็เห็นพระเยซูท่านเดินมา แต่งตัวแบบเทวดาฝรั่ง ใส่ผ้าขาวรุ่มร่าม ๆ มีวงแสงอยู่บนหัวด้วย หลวงพ่อท่านก็เลยพูดล้อเล่นว่า “เฮ้ย...ข้างบนนี้ไม่มีนะ เทวดาที่แต่งตัวแบบนี้” ท่านบอกว่า ถ้าผมไม่มาแบบนี้ท่านก็ไม่รู้ว่าผมคือเยซู หลวงพ่อถามว่าตอนนี้ท่านอยู่ไหน ? ท่านบอกว่าอยู่ชั้นดุสิต เป็นพระโพธิสัตว์ ต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อการตรัสรู้ต่อไปข้างหน้า

สรุปว่าไม่ว่าประเทศไหน ชาติไหน ภาษาไหนก็นรกสวรรค์เดียวกัน เพียงแต่ว่าถ้าไปขอพบเป็นพิเศษ ท่านก็จะแสดงให้เห็นว่าของท่านแต่เดิมมาจากไหน


ถาม : พระเยซูลงมาที่ชั้นดาวดึงส์ได้ ?
ตอบ : อยู่สูงกว่าลงมาต่ำได้จ้ะ อยู่ต่ำจะขึ้นสูงกว่าต้องรอเขาเชิญก่อน ถ้าไม่มีใครเชิญก็ไปไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2013 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 30-05-2013, 09:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อพระบิณฑบาตกลับมาถึงวัด หนูมีหน้าที่จัดกับข้าวถุงใส่ในสำรับพระ ทีนี้พระบางรูปเห็นอาหารที่โยมใส่มาแล้วอยากฉัน จึงหยิบกับข้าวถุงนั้นออกไปใส่สำรับของตนเองเลย เท่ากับว่าผ่านมือหนูก่อนแล้วครั้งหนึ่ง แล้วพระมาหยิบไปเองโดยที่ยังไม่ได้ประเคน อย่างนี้เป็นอาบัติไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเป็นของจากบาตรของท่าน แล้วใจท่านยังผูกอยู่ว่าเป็นของท่าน จะผ่านกี่มือก็ไม่ขาดประเคน ไม่ต้องอาบัติ แต่ถ้าเป็นของจากบาตรท่านอื่นก็โดนไปเต็ม ๆ

ถาม : เช่นเดียวกัน พอจัดสำรับพระเสร็จ เตรียมจะฉัน พระลากสำรับนั้นไปใกล้มือตนเอง เพื่อให้หนูประเคน หนูก็เลยงงว่า แบบนี้เป็นอาบัติหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้ายังไม่ประเคน ไปแตะต้องเข้า โดนอาบัติทุกกฎ

ถาม : กรรมการวัดที่นี่มีนโยบายให้นำกับข้าวถุงที่เหลือจากมื้อเพล ออกขายในราคาถูก (กว่าราคาจริง) บอกกับชาวบ้านว่าเป็นค่าน้ำค่าไฟวัด ไม่ทราบว่าทำแบบนี้ชาวบ้านติดหนี้สงฆ์หรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าสงฆ์ไม่อนุญาต ก็อเวจีกันเป็นแถว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2013 เมื่อ 10:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 30-05-2013, 09:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โยมที่ทำหน้าที่ทำความสะอาดโรงครัว พอมีกับข้าวเหลือ โยมก็จะนำเอากลับบ้าน ซึ่งถือว่าติดหนี้สงฆ์ แต่ถ้าโยมคนนั้นบ้านอยู่ในวัดเลย (เจ้าอาวาสองค์ก่อนปลูกไว้ให้อยู่) ไม่ทราบว่าการนำกับข้าวกลับไปกินที่บ้านแบบนี้ติดหนี้สงฆ์หรือไม่คะ ?
ตอบ : จะอยู่ที่ไหนสิ่งที่เอาไปก็ยังเป็นของสงฆ์อยู่ดี โดนเต็ม ๆ เหมือนกัน

ถาม : ที่วัดเขาจะกำหนดให้แม่ชีมีสิทธิ์ฉันอาหารได้เท่าเทียมกับพระ ก็คือ พอพระได้กับข้าวมา แยกส่วนหนึ่งให้พระ ส่วนหนึ่งให้แม่ชี ถ้าเป็นกรณีนี้แม่ชีจะบาปหรือไม่ ? ถ้าไม่ผ่านพระสงฆ์ก่อนแต่กลับนำไปฉันได้เลย
ตอบ : แม่ชีคือฆราวาสที่ถือศีล ๘ โดนเต็ม ๆ จ้ะ..!

ถาม : หนูไม่สบายใจเรื่องนี้มานาน เพราะไม่ทราบว่าที่ถูกที่ควรเป็นอย่างไร เกรงว่าตัวเองจะลงนรกค่ะ
ตอบ : ถ้าจะปลอดภัยก็ทำอะไรไปเรื่อย จนท่านฉันเสร็จแล้วจึงเอาที่เหลือจากท่านมาฉัน ส่วนคนอื่นก็ตัวใครตัวมัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-05-2013 เมื่อ 10:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 10-06-2013, 21:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้บ้านเมืองเรา สถาบันที่ควรได้รับการเชื่อถือมากที่สุดคือศาลรัฐธรรมนูญ แต่ว่าเละเป็นโจ๊กเลย ต้องบอกว่าเขาทำตัวเอง เป็นเรื่องแปลกที่สถาบันซึ่งควรจะเป็นหลักของประเทศ และเป็นสถาบันที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สถิตความยุติธรรม กลับทำอะไรที่ทำให้คนอื่นเห็นความเป็น ๒ มาตรฐานอย่างชัดเจน

ถ้าช่วงที่ผ่านมาใครติดตามข่าวคราวก็จะเห็นว่า อะไรก็ตามที่พรรคเพื่อไทยยื่นไป เขาปัดทิ้งหมด แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยื่นไปเมื่อไรจะรับทันที ขณะที่สายตาชาวโลกเขาเห็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นผลพวงมาจากการปฏิวัติปี ๔๙ ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปโดยไม่ชอบธรรม แต่สายตาของพวกเขากลับไม่ได้มองตรงจุดนั้น ก็เลยทำให้ความน่าเชื่อถือของประเทศชาติลดลง

จะว่าไปแล้วเรื่องทั้งหมดก็อยู่ที่รัก โลภ โกรธ หลง เท่านั้นแหละ เพียงแต่ว่าถ้าถึงระดับนั้นแล้ว ยังโดนครอบงำด้วยผลประโยชน์รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ก็เป็นที่น่าเสียดาย โดยเฉพาะเรื่องของรัฐสภา วุฒิสภา และศาลสถิตยุติธรรม เป็นการใช้พระราชอำนาจแทนในหลวง ถ้าเลอะเทอะเหลวไหลอย่างในปัจจุบันนี้ ก็คงจะอยู่ในลักษณะสะดุดขาตัวเองล้มเอง

ปัจจุบันนี้เห็นสื่อมวลชนบางคณะใช้คำว่า “เป็นกรรมการแต่ลงไปชกคนดู” คือศาลต้องอยู่ในลักษณะของกรรมการ ถ้าเพื่อไทยชกกับประชาธิปัตย์ แล้วคนดูไม่ชอบใจ โห่ไล่ขึ้นมา เพราะเห็นกรรมการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน กรรมการแทนที่จะแก้ไขตนเอง ไม่ให้เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง กลับลงไปชกคนดู ก็เลยเป็นอะไรที่ตลกในสายตาของต่างประเทศเขา

ถ้านึกถึงเกียรติภูมิของประเทศชาติ นึกถึงเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ของในหลวง แล้วก็นึกถึงชื่อเสียงวงศ์ตระกูลของตัวเอง ก็คงจะไม่ทำอย่างนั้น คราวนี้ไปนึกถึงผลประโยชน์ที่จะพึงได้ของตนและพวกของตนเข้า ก็เลยออกมาเละเทะดูไม่ได้ ถ้าพวกเราไม่ไปมีอารมณ์ร่วมด้วยก็ไม่มีปัญหา ถ้าเกิดอารมณ์ร่วมด้วยก็จะแบ่งเป็นฝ่ายต่าง ๆ แตกกันกระเจิดกระเจิง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2013 เมื่อ 03:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 10-06-2013, 21:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอเห็นสภาพของบ้านเมืองและผู้คนที่วุ่นวาย ก็นึกถึงท่านชาติชาย เวลาไปงานคนอื่นเห็นงานเขาวุ่นมากเมื่อไร ท่านชาติชายจะนั่งหัวเราะ คนเราถ้าใจเริ่มสงบแล้ว ไปเห็นความวุ่นวายของคนอื่นก็เหมือนกับตลก ในสายตาของเราไม่ใช่ปัญหา แต่ในสายตาของคนที่วุ่นวาย กำลังใจไม่นิ่ง ไม่เห็นช่องทางแก้ปัญหา ก็เลยตลก เหมือนกับมดหัวขาด

เด็ก ๆ สมัยนี้ไม่เคยแกล้งมดขนาดนั้น มดหัวขาดจะเดินเปะปะไปหมด หาทิศไม่เจอเพราะไม่มีหัวแล้ว ในเรื่องของบ้านเมืองของเราก็เหมือนกัน ถ้าถึงเวลาเราเป็นผู้มีสติ ตั้งมั่นอยู่ในธรรมได้ ไม่ไปวุ่นวายกับเขา บ้านเมืองก็ไม่เดือดร้อนยุ่งเหยิงอะไรมากมาย แต่ถ้าเราขาดสติ ไปร่วมมือกับเขา โดดลงไปเล่นด้วย คราวนี้ยุ่งแล้ว แทนที่จะเป็นคนดูกลายเป็นคนเล่น ตอนเป็นคนดูก็เห็นหมด ตอนเป็นคนเล่นนี่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาท่าไหน เหมือนกับคนดูมวย เชียร์ได้ทุกที่ แต่พอชกเองก็ไม่เป็นท่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-06-2013 เมื่อ 03:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 14-06-2013, 20:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงการเลี้ยงลูกว่า "ต้องไปดูแม่ไก่ที่วัดท่าขนุน แม่ไก่ที่วัดท่าขนุนยอมกกลูกกับพื้นแค่ ๓ วัน พอถึงวันที่ ๔ แม่ไก่บินขึ้นยอดไม้เลย ลูกขึ้นได้ก็ขึ้น ขึ้นไม่ได้ก็เรื่องของลูก แม่เขายอมเสี่ยงอันตรายอยู่ที่พื้นมา ๓ คืนแล้ว พอคืนที่ ๔ แม่บินขึ้นยอดไม้เลย เลี้ยงลูกต้องเลี้ยงแบบลูกเสือลูกจระเข้แบบนั้นแหละ

ฉะนั้น..เวลาเราคิดว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ให้คิดว่าถ้าไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่แล้วเราอยู่ได้ไหม ? แค่นั้นแหละ ถ้าไม่มีพ่อแม่แล้วเราอยู่ได้ ดูแลตัวเองได้ ทำงานหาเงินได้ก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ถ้ายังต้องพึ่งพ่อแม่อยู่นี่ อายุแค่ไหนก็ยังไม่ใช่ผู้ใหญ่

ลูกเสือจะอยู่กับแม่ประมาณหนึ่งปี ช่วงหลังจาก ๓ เดือนไปแล้วแม่จะพยายามหาสัตว์ จะจับสัตว์มาแบบไม่ให้ตาย แล้วก็เอามาให้ลูกซ้อมมือเล่น หัดล่า หัดตะครุบ พอคล่องตัวแม่ก็ให้ตามออกไปดูว่าแม่ล่าสัตว์อย่างไร หลังจากนั้นก็ปล่อยให้ลูกล่าเอง คราวนี้ถ้าลูกล่าสัตว์เป็นแล้วแม่ก็ทิ้งเลย ต้องอย่างนั้น เขาถึงเรียกลูกเสือลูกจระเข้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2013 เมื่อ 15:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 14-06-2013, 20:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช้างที่เป็นข่าวไม่น่าจะเป็นช้างเผือก ช้างเผือกที่เป็นช้างสำคัญ ๑๐ ตระกูลไม่ค่อยจะหากินรวมกับตัวอื่น เพราะช้างอื่นจะกลัว ส่วนใหญ่ก็แค่ล้อมวงดูแลอยู่ห่าง ๆ แต่ในข่าวช้างตัวนี้ไปคลุกคลีอยู่ในฝูงด้วยกันเลยไม่น่าจะใช่

ช้างเผือกส่วนใหญ่เหมือนกับรู้ตัวว่าตัวเองเกิดมาแล้วตระกูลสูงกว่าเขา แล้วช้างอื่นก็ยอมรับด้วย เพราะฉะนั้นก็เลยมักจะคอยตามพิทักษ์รักษา คอยแวดล้อมดูแลอยู่ แต่ไม่ใช่ประเภทคลุกคลีตีโมงเล่นหัวกันอย่างนั้น ยกเว้นว่าเขาจะเปลี่ยนความประพฤติแล้วไปทำตัวติดดิน ซึ่งไม่ใช่..นั่นมันคน..ไม่ใช่ช้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2013 เมื่อ 15:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 15-06-2013, 20:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ยุคนี้ ยังมีช้าง ๑๐ ตระกูลอยู่หรือไม่คะ ? ?
ตอบ : พวกนี้ถึงเวลาแล้วจะเกิดมาเอง จะผ่าเหล่าผ่ากอขนาดไหนก็ตาม ถึงวาระก็จะเกิดมาเอง

ถาม : ต้องขึ้นอยู่กับกษัตริย์ด้วยหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ก็คงจะขึ้นอยู่กับเรื่องของชาวบ้านด้วย อย่างช้างปัจจยนาเคนทร์ของพระเวสสันดร เวลาอยู่ฝนฟ้าตกต้องบริบูรณ์ ชาวบ้านก็สบาย แสดงว่าต้องบุญเขาส่วนใหญ่รวมกัน แต่ผู้นำถือว่าเป็นหลัก

ถ้าเราไปอ่านผู้ชนะสิบทิศ จะเด็ดทอดบ่วงคล้องช้างเผือก อ้างพระบารมีพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ อ้างแล้วอ้างอีกก็คล้องไม่ติด จวนจะค่ำอยู่แล้ว แทบจะมองอะไรไม่เห็น ท้ายที่สุดต้องอ้างบารมีตัวเองว่า ถ้าจะได้เป็นกษัตริย์ขอให้ทอดบ่วงติด ปรากฏว่าคล้องช้างติดเลย คราวนี้ก็น้ำท่วมปากบอกใครไม่ได้ ได้แต่ทูลพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ว่าเป็นเพราะบารมีพระองค์ท่านจึงคล้องได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-06-2013 เมื่อ 12:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 15-06-2013, 20:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมช้างเผือกมีบารมีเยอะกว่าช้างอื่น ?
ตอบ : สมัยก่อนมีการศึกการสงครามเป็นหลัก ช้างเผือกมีบารมีข่มช้างทั่วไปได้ เพราะกำลังสู้กันไม่ได้ ประเภท ๑ ต่อ ๑๐ เราลองนึกถึงพระอานนท์หรือนางวิสาขาที่มีกำลังเท่า ๗ ช้างสาร

พระเจ้าปเสนทิโกศลปล่อยช้างตกมันมา ตั้งใจดูว่าใครคือนางวิสาขา ในบาลีเขาใช้คำว่า ถ้านางวิสาขาเอามือจับงวงสลัดออกไป ช้างอาจจะบาดเจ็บสาหัส ท้ายสุดไม่รู้ทำอย่างไรก็เลยเอานิ้วทิ่มหน้าผากไว้ กลัวช้างจะเจ็บ ยังดีที่ทิ่มไว้เฉย ๆ ถ้าแรงหน่อยก็คงกะโหลกทะลุ..! คราวนี้ในเมื่อกำลังต่างกันมาก ช้างด้วยกันเขาจะรู้ เมื่อช้างด้วยกันรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็ถอยไว้ก่อน เมื่อช้างหนีจะรบอย่างไร ? ก็เท่ากับกองทัพแตกไปโดยปริยาย อย่างช้างปัจจยนาคถ้าอยู่ที่ไหน ฝนฟ้าจะตกต้องตามฤดูกาล

แต่แปลก..ในบาลีเขาบอกว่า ช้างคู่บารมีพระเจ้าจักรพรรดิจะเป็นช้างตระกูลอุโบสถ ทั้ง ๆ ที่ฉัตทันตหัตถีตระกูลสูงกว่า หัตถิรัตนะ ช้างแก้วเป็นช้างสำคัญตระกูลอุโบสถ เขาระบุไว้ชัดเลย ไปดูในจักรวรรดิสูตร อังคุตตรนิกาย

ของเรามีพลายทองคำที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ลำปาง ไม่รู้ยังอยู่หรือเปล่า ? ลักษณะดีมาก ๆ เลยแต่ไม่ใช่ช้างเผือก เพราะลักษณะสำคัญมีไม่ครบ เขาก็เลยตีว่าเป็นช้างสีประหลาด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2013 เมื่อ 03:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 15-06-2013, 20:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช้างเผือกจะต้องเป็นช้างพลายหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะเป็นช้างพลายหรือช้างพังก็ได้ ท่านไม่ได้จำกัดไว้ นางพญาคำแก้วมิ่งเมืองลาวก็เป็นช้างพัง

ที่น่าขายหน้าที่สุดก็คือ มัคคุเทศก์พม่าพาคณะคนไทยไปดูช้างเผือก เขาบอกว่าช้างเผือกพม่ามี ๓ ช้าง แล้วท่านทราบไหมครับว่าช้างเผือกไทยมีกี่ช้าง ? คนไทยตอบไม่ได้ ความจริงแล้วช้างเผือกไทยมี ๑๑ ช้าง แต่เนื่องจากในหลวงเป็นรัชกาลที่ ๙ จึงขึ้นระวางไว้แค่ ๙ ช้าง เขารู้เรื่องของเรามากกว่าคนไทยเสียอีก

เขาบอกว่าถ้ามาที่นี่จะได้ดูแต่ช้างเผือกเท่านั้น แต่ถ้าท่านอยากดูช้างวาดรูป ดูช้างเตะฟุตบอล ให้ไปดูที่เชียงใหม่ ให้ตายเถอะ..แนะนำคนไทยให้ไปดูช้างที่เชียงใหม่..!


ถาม : ช้างเผือกต้องมีบุญบารมีเยอะใช่ไหมคะ ?
ตอบ :จะว่าไปแล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ กติกาของความเป็นพระโพธิสัตว์ก็คือ ถ้าเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะมีอัตภาพร่างกายไม่เล็กกว่านกกระจาบและไม่ใหญ่กว่าช้าง นกกระจาบก็อย่างเช่นสรรพสิทธิชาดก ดังนั้น..ปลาวาฬสีน้ำเงินหรือไดโนเสาร์เป็นพระโพธิสัตว์ไม่ได้ เพราะใหญ่เกินช้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2013 เมื่อ 03:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 16-06-2013, 20:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม :ถ้าเกิดเป็นสัตว์ จะบำเพ็ญบารมีได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : สบาย...ถ้าเกิดเป็นกระต่ายก็กระโดดเข้ากองไฟให้พราหมณ์กิน ถ้าเกิดเป็นนาก หาปลามาได้ก็ซุกเอาไว้ก่อน ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าวันนี้ใครต้องการปลาเราจะให้เขา เกิดเป็นลิงหาผลไม้มาได้ ตั้งใจว่าวันนี้เป็นวันอุโบสถ ถ้าได้อาหารมาเราจะให้ทานก่อน จะไม่กินจนกว่าผู้อื่นจะได้รับอาหารนี้แล้ว ถ้าเช้ายันค่ำยังไม่มีคนมาขอ ก็แสดงว่าตัวเองต้องอดไปด้วย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2013 เมื่อ 00:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 16-06-2013, 20:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กายในกับกายนอกคุยกันได้ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ได้...ยกเว้นจะตั้งใจคุยกับตัวเอง คุยในลักษณะของพระจูฬปันถก พระจูฬปันถกนั่งกรรมฐาน ถือเนสัชชิกังคธุดงค์ ไม่ยอมนอน คราวนี้โรคตากำเริบ หมอบอกว่าให้นอนหยอดยาเข้าจมูกแล้วโรคตาจะหาย ท่านก็ไม่ยอมนอน เพราะกลัวว่าจะเสียสัจจะ จนกระทั่งหมอบอกว่าถ้าไม่ทำอย่างนี้ก็รักษาไม่ได้ ต้องตาบอดแน่

พระจูฬปันถกใช้คำว่า 'ปรึกษากับกรัชกายนี้' ก็คือปรึกษากับกายที่จะต้องเน่าเปื่อยสูญสลายนี้ว่า เราต้องการธรรมะมากกว่าหรือต้องการร่างกายนี้มากกว่า ? สรุปได้ความว่าที่ปฏิบัติแทบล้มประดาตายก็เพราะต้องการธรรมะ ท่านจึงตัดใจไม่รักษา พิจารณาธรรมไป ท่านใช้คำว่าบรรลุมรรคผลพร้อมกับตาแตกทั้งสองข้าง นี่เป็นเพราะเป็นกรรมเก่าตามมา

ฉะนั้น..ถ้ากายนอกจะคุยกับกายใน ก็ต้องคุยแบบพระจูฬปันถกนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2013 เมื่อ 00:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 18-06-2013, 08:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมผีถึงได้กลัวคาถาไล่ผีคะ ?
ตอบ : เหมือนกับโจรกลัวตำรวจ คาถาไล่ผีเป็นบารมีพระ ผีกลัวพระเป็นปกติอยู่แล้ว ผีเหมือนกับความมืด พระเหมือนกับความสว่าง พอความสว่างมาถึงความมืดก็หายไป คราวนี้ในเมื่อเป็นคาถาที่เป็นบารมีพระ ผีก็เหมือนขโมยที่เจอตำรวจ ย่อมเผ่นก่อน แต่อย่าไปเจอขโมยหน้าด้านเข้านะ ประเภทนี้ไม่กลัวคาถาไม่พอ ยังช่วยท่องให้อีกด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2013 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 18-06-2013, 08:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมเราถึงจะมองเห็นใจตัวเองได้ว่าดีหรือไม่ดีครับ นอกจากอารมณ์ที่เรารับรู้ว่าเรามีราคะมีโทสะ ?
ตอบ : วัดด้วยนิวรณ์ ๕ วัดด้วยศีล วัดด้วยสังโยชน์ พิจารณาดูอยู่บ่อย ๆ หรือถ้าฝึกมโนยิทธิได้ก็ซักซ้อมเจโตปริยญาณให้คล่องตัว จะเห็นใจตัวเอง

ถาม : ซักซ้อมการมองภาพพระหรือครับ ?
ตอบ : จริง ๆ ก็คือการกำหนดดูดวงจิตตัวเอง ดูสองลักษณะ ลักษณะแรกคือดูเป็นดวงแสงหรือเป็นวงกลม ลักษณะที่สองคือเห็นเป็นกายในของเราเลย พอเห็นเป็นกายในซ้อนอยู่ข้างใน พอกายในมีความชัดเจนผ่องใสแสดงว่าสภาพจิตของเราดี ถ้ากายในมืดมัวแสดงว่าสภาพจิตของเราไม่ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2013 เมื่อ 07:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 18-06-2013, 08:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,764 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เพื่อนไปบวช ๗ เดือน เพิ่งลาสิกขามาเมื่อเดือนที่แล้ว ทุกวันนี้ก็อยากกลับไปบวชอีก ?
ตอบ : อยากไปก็ไปสิ ใครเขาห้าม ...(หัวเราะ)... ตัดสินใจเอาเองเถอะ ไม่ต้องถามคนอื่น อยากไปก็ไป อยากอยู่ก็อยู่ ทำอะไรต้องเด็ดขาด ถ้าเด็ดไม่ขาดก็คาราคาซังไปเรื่อย

ถาม : โยมพ่อโยมแม่ไม่อยากให้เขาไป ?
ตอบ : ไปบวชท่านจะได้คิดถึงเราบ่อย ๆ เป็นอนุสติด้วย เท่ากับว่าทำให้ท่านสร้างความดีอยู่ทุกวัน ท่านนึกถึงเราก็เท่ากับนึกถึงพระสงฆ์

สำคัญตรงบวช ถ้าพ่อแม่ไม่อนุญาตก็บวชไม่ได้ ถ้าท่านไม่เห็นด้วย ท่านไม่อนุญาต เราก็หมดสิทธิ์ แต่ถ้าเราขอบวชแล้วท่านไม่ว่าอะไรก็ไม่ต้องห่วงท่านหรอก การบวชของเราถ้าท่านคิดถึงเราท่านก็เท่ากับคิดถึงพระสงฆ์ เท่ากับว่าท่านได้สร้างความดีอยู่เป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2013 เมื่อ 07:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:38



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว