กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 08-02-2011, 15:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จิตมีความเบามาก เบาจนหนูตกใจมาก แทบจะเบาโหวงเหวง จับต้องไม่ได้เลย หนูพูดไม่ถูก..?
ตอบ : เบา บาง และนิวรณ์กินไม่ได้

ถาม : ใช่ค่ะ..เหมือนกับว่าไม่มี
ตอบ : อย่าเพิ่งไปเชื่อว่าดี เชื่อเมื่อไรเดี๋ยวโดนกิเลสบีบคอตายอีก ตามดูไปสักระยะหนึ่ง กติกาอะไรที่เราทำแล้วเกิดสิ่งนี้ได้ เราต้องซักซ้อมทำไปทุกวัน โดยเฉพาะในส่วนของกาย วาจา ใจอะไรก็ตาม ที่จะกระทบกับผู้อื่น พยายามระมัดระวังให้สุดขีด เพราะว่าถ้ามาถึงระดับนี้จริง ๆ ก็จะเป็นโทษแก่เขามาก กลายเป็นว่าเราต้องปรับตัวขนานใหญ่

ถาม : อีกอย่างหนึ่งคือ เราก็ทรงสมาธิของเราในระดับปกติ แต่กลายเป็นว่าจิตเชื่อมโยงกับสิ่งต่าง ๆ
ตอบ : จิตจะทำงานอัตโนมัติเองอยู่แล้ว

ถาม : เป็นอัตโนมัติใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเราทำถึงตรงนั้นเมื่อไร ก็จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ จำไว้นะ..อย่าเชื่อเป็นอันขาด เชื่อว่าดีเมื่อไร ตายเมื่อนั้น เราไม่ใช่ไกรทอง ที่บอกว่าเราไม่ใช่ไกรทอง ก็คือ ไกรทองเขามั่นใจในครูบาอาจารย์ เขาเลยไม่กลัวชาละวัน กลอนเขาว่า

ไกรทองเข้าชิดติดชนัก...........จมน้ำสำลักไม่ยักหนี
ทิ้งชนักควักมีดกรีดกุมภีล์....... เชื่อดีต่อสู้ไม่รู้รา


เชื่อดีก็คือ เชื่อมั่นในครูบาอาจารย์ เชื่อในความสามารถของตัวเอง แต่ของเราอย่าไปเชื่อว่าดีอย่างนั้น เชื่อว่าดีเดี๋ยวจะแย่

ถาม : บางทีก็มีความเผลอ ปรุงแต่งไปว่าเราดี พอเผลอตัวสมาธิก็เข้ามาหยุดไว้ทันที กลายเป็นว่า ปรุงไปได้สักประมาณ ๑-๒ วินาที ทีนี้เราก็ใช้ปัญญามองเห็นว่า แม้กระทั่งการที่เรามองเห็นว่าเราดีหรือเราชั่ว ก็ยังเป็นอารมณ์ที่หนักอยู่ ถ้าอย่างนั้นเราไม่ดีเราไม่ชั่วก็แล้วกัน หนูว่าตรงนี้จะใช่มากกว่า
ตอบ : เราต้องไม่เกาะทั้งสองฝ่าย ถ้ามีความคล่องตัวจริง ๆ กรรมฐานพวกนี้เขาจะขึ้นมาทำหน้าที่ของเขาโดยอัตโนมัติเอง อย่างที่เล่าให้ฟังเมื่อเดือนก่อนว่า อยู่ ๆ ก็โดนอสุภกรรมฐานเข้ามาเล่นจนเกือบหงายท้อง ทำต่อไป..เรียนจบเมื่อไรค่อยเข้าวัด เป้าหมายสูงมากเลย เรียนจบแล้วเข้าวัด..!

ถาม : วันนั้นคุยกับเพื่อน เผลอพูดออกไปว่า แม้กระทั่งจิตก็ไม่ใช่เรา เพื่อนเขารู้สึกค้านในใจ เขาบอกว่าหลวงพ่อฤๅษีบอกไม่ใช่หรือ ว่าร่างกายกับจิตเป็นคนละส่วนกัน ร่างกายไม่ใช่เรา ส่วนเราคือจิตที่แยกออกมา หนูก็บอกเพื่อนไปว่า ลองคิดดูสิ..ถ้าทำไปจนถึงระดับหนึ่ง จนท้ายสุดเห็นว่าทุกสิ่งไม่ใช่เรา แม้กระทั่งจิตซึ่งเป็นส่วนที่ละเอียดที่สุด จะเห็นว่าเป็นเราได้อย่างไร ? คือ มีสภาวะของความเป็นจิตอยู่ แต่เราไม่ไปยึดมั่นถือมั่นว่าจิตนั่นคือเรา
ตอบ : สาธุ...อธิบายได้ชัดแล้ว แต่เพื่อนจะเข้าใจหรือเปล่า ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2011 เมื่อ 16:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 08-02-2011, 15:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เรารู้สึกว่า เรากินเหล้าได้ เป็นอารมณ์ที่กินก็ได้ ไม่กินก็ได้ เพียงแต่ว่าเราไม่กินเพราะรู้ว่าไม่ดี เป็นอารมณ์วางหรือเป็นมิจฉาทิฐิคะ ?
ตอบ : เป็นมิจฉาทิฏฐิ แต่ว่ายังมีปัญญาประกอบอยู่ จึงไม่ล่วงละเมิด ดังนั้น..เขาเรียกว่า ปริยุฏฐานกิเลส ยังเป็นกิเลสที่กรุ่นอยู่ข้างในใจ ยังไม่ล่วงละเมิดออกมา ถ้าล่วงละเมิดออกมาก็จะเป็นวีติกกมกิเลส ถ้าขาดปัญญานิดเดียวก็ไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 06-02-2019 เมื่อ 00:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 08-02-2011, 22:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกชายเหมือนเป็นออทิสติก เป็นกฎของกรรม โยมเป็นแม่ จะช่วยเขาอย่างไรคะ ?
ตอบ : ดูแลเขาให้ดีที่สุดจ้ะ บางทีคนออทิสติกก็มีอัจฉริยภาพบางอย่างเหนือกว่าคนทั่วไป เราดูว่าเขาถนัดทางด้านไหน แล้วให้เขาศึกษาทางด้านนั้น เขาจะทำได้ดีมากเลย ลองให้หมอลองทดสอบดูก่อนว่าเขาถนัดทางด้านไหน

ออทิสติกจะมีแค่การรับรู้หรือการอยู่ร่วมกับคนอื่นที่ลำบากเท่านั้น แต่การเรียนของเขาบางด้านจะเป็นอัจฉริยะเลย

ถาม : ตัวนี้จะติดไปตลอดชีวิตหรือว่าจะเบาบางลง ?
ตอบ : จะมีพัฒนาการของเขาอยู่ ถ้าพัฒนาถูกทางก็จะเบาบางลงได้

ถาม : กรรมตัวนี้ เขาต้องรับไว้ทั้งชีวิตเลยหรือคะ ?
ตอบ : อาจจะหลายชาติด้วยซ้ำไป ถ้ามีโอกาสก็ให้เขาทำบุญ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรบ่อย ๆ ขอให้อโหสิกรรมให้เขาด้วย

ถาม : แล้วเขาจะมีโอกาสที่เขาจะนิพพานในชาตินี้บ้างไหมคะ ?
ตอบ : ต้องดูว่าเขาจะมีความเข้าใจและตัดสินใจในการปฏิบัติได้หรือไม่ ? ถ้าหากสามารถที่จะเข้าใจธรรมะ ตัดสินใจได้ ก็มีโอกาสจ้ะ

ถาม : สอนลูกอย่างไรให้ได้สติทีละน้อย ?
ตอบ : ทำตัวเองให้เป็นตัวอย่าง อยากให้เขาทำสมาธิ เราก็ต้องนั่งสมาธิให้เขาดู อยากให้เขาทำบุญ เราก็ต้องพาไป สำคัญตรงพ่อแม่ต้องทำเป็นตัวอย่าง

ลองให้หมอเขาทดสอบก่อนว่าเด็กเขาชำนาญทางด้านไหน แล้วให้เขาศึกษา ให้เขาทำในสิ่งที่เขาชอบ เขาก็จะมีความสุข

ถาม : โรงเรียนที่ลูกเรียนอยู่ บางทีเขาก็ไม่อยากเอา
ตอบ : เดี๋ยวนี้กฎหมายเขาบังคับแล้วจ้ะ บังคับว่าแต่ละโรงเรียนจะต้องรับเด็กด้อยโอกาสหรือเด็กพิการกี่คน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 08-02-2011, 23:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าเรื่องการเลี้ยงลูกให้ฟังว่า "การเลี้ยงลูกต้องมีทั้งขนมทั้งไม้เรียว เราจะไปรักไปเมตตาเขาอย่างเดียวไม่ได้หรอก ถ้าเมตตาอย่างเดียว เดี๋ยวจะเหมือนในข่าว ที่ลูกไม่พอใจก็เลยขับรถเบนซ์ไล่ชนคนตายไปสามสี่ศพ..!

เด็กจะมีจิตสำนึกได้ ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของพ่อแม่ เพราะพ่อแม่จะเป็นคนที่อบรมสั่งสอนก่อน หลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องของครูบาอาจารย์ สำคัญตรงพ่อแม่ ส่วนใหญ่จะตัดใจไม่ได้ ไม่กล้าตีลูก

บางทีอาตมาตีเด็กวัด พ่อแม่เขาก็ดูไปร้องไห้ไป เขาบอกว่าดีแล้วที่หลวงพ่อตี ถ้าผมตีก็ไม่กล้าตีขนาดนั้น แต่ก็แปลก..เราตีเท่าไรเขาก็อยู่กับเรา เพราะเขารู้ว่าที่เขาทำนั้นผิดจริง ๆ

เราจะมีข้อตกลงกันก่อน ตกลงกันว่า ทำผิดครั้งแรกโดนตี ๑ ที ครั้งที่สองโดนตี ๒ ที ครั้งที่สามโดนตี ๓ ที เพิ่มไปเรื่อย ๆ บางคนโดนเป็นโหล แต่เขาจะไม่ผิดเรื่องเดิม เขาจะไปผิดเรื่องใหม่

ถ้าเด็กเขารู้ว่าเราหวังดี เขาก็จะรับได้ โดยเฉพาะถ้าได้ตกลงกันไว้ก่อนว่า ทำผิดแล้วจะโดนลงโทษ เขาจะรู้ตัวเร็ว อย่างเราบอกเขาว่า จะทำผิดแค่ไหนก็ไม่ว่า ยกเว้น หนึ่ง...ถ้าเราเห็นเอง สอง...มีคนฟ้องแล้วยอมเป็นพยานให้ อย่างนี้จะโดน

เด็กพวกนี้เขารักกันมากเลย บางทีก็ไปตัดพ้อต่อว่ากัน "ทำไมมึงต้องไปฟ้องหลวงพ่อด้วย" เพราะถ้าอาตมาไม่เห็นเอง และไม่มีคนฟ้องเป็นพยาน ก็จะปล่อย ถือว่าไม่รู้ไม่ชี้ จะทำอะไรเรื่องของเอ็ง แต่ถ้าเห็นเอง หรือมีคนฟ้องเป็นพยานให้ โดนแน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 03:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 08-02-2011, 23:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บางทีญาติโยมเขาเห็นเด็กขาแตกเป็นแผล ลายไปหมด เขาก็ใส่บาตรไปน้ำตาไหลไป "นี่หลวงพ่อตีมันขนาดนั้นเลยหรือ ?" อาตมาก็บอกว่า "ให้มันเจ็บตัวแล้วจำ ดีกว่าให้มันไปเป็นโจร..!"

เวลาเราตี เราไม่ได้ตีเขาด้วยความโกรธ บางคนกว่าจะตีครบ ๑๒ ที ก็กินเวลาไปครึ่งชั่วโมง พอตีแล้ว เขาก็ลงไปม้วนกองกับพื้น เราก็สอนไปเรื่อย ๆ หายเจ็บก็ให้ลุกขึ้นมาตีใหม่ ตั้งแต่ต้นจนจบ เสียงไม่มีเปลี่ยน อารมณ์ทรงตัวดีมาก เขาก็จะรู้ว่า ที่แท้ตีเขาเพราะเขาผิดจริง ๆ

มีอยู่ช่วงหนึ่งอาตมาไม่อยู่วัด พอกลับไปเด็กวัดหายเกลี้ยง ไปถามดูจึงรู้ว่าอาจารย์สมพงษ์ตีเด็ก ท่านตีแค่ ๖ ที แต่ตีในลักษณะระบายอารมณ์ ตอนแรกเขาก็ปล่อยเด็ก ไม่ทำโทษ แต่พอนาน ๆ เข้า เด็กทำผิดบ่อยจนตัวเองอดรนทนไม่ไหว ทีนี้ก็เลยตีระบายอารมณ์ ตีไปด่าไป เด็กเขารับไม่ได้จึงหนีกลับบ้านหมด อาจารย์สมพงษ์ก็แปลกใจ "ผมตีแค่ ๖ ทีเอง มันหนีกันหมดเลย หลวงพ่อตีเป็นโหล มันก็ยังอยู่""

ถาม : ก่อนตีควรมีคำตักเตือนเขาไหมคะ ?
ตอบ : ต้องมีจ้ะ บอกเขาว่าทำอย่างนี้ทำไม่ถูกนะ ถ้าคราวหน้าทำอีกก็จะโดนตี บอกเขาไปเลย ถ้าทำอีกจะโดนตีกี่ที พอคราวหน้าเขาทำอีก ให้บอกก่อนว่า "แม่บอกแล้วใช่ไหมว่า ถ้าทำอย่างนี้จะโดนตี เพราะฉะนั้น..มาให้ตีเสียดี ๆ"

เด็กสมัยนี้เขาฉลาด เขารู้ว่าจะจัดการพ่อแม่อย่างไร ถึงจะอยู่มือเขา แล้วเด็ก ๆ จะเรียนรู้เร็วมากเลย มีอย่างเดียวก็คือ ต้องวางใจเป็นอุเบกขาแล้วลงโทษเขาให้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วต่อไปจะไม่มีใครเอาอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 06-02-2019 เมื่อ 00:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 09-02-2011, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โยมเรียนปริญญาเอก จะทำงานวิจัยร่วมกับทางต่างประเทศ อยากจะถามว่า ถ้าจะฝึกเด็กให้มีจิตสัมผัสที่ละเอียดขึ้น ภายในสองวัน หัวใจของการฝึกควรจะเริ่มต้นอย่างไรคะ ?
ตอบ : ควรจะเอาสมาธิเป็นหลัก ระหว่างที่ฝึกสมาธิอยู่ ก็ต้องให้ศีลเขาทรงตัวด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือ ตอนที่เขาทำสมาธิ เขาไม่ได้ละเมิดศีลอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าให้มั่นใจว่าศีลของเราช่วงนั้นบริสุทธิ์

คราวนี้การที่จะฝึกให้ได้ผลจริง ๆ นั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าเราดูในมหากัมมวิภังคสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า โยคีบุคคลผู้ตั้งใจปฏิบัติในอานาปานสตินับแสนคน จะทรงฌานได้สักคนก็แสนยาก บุคคลผู้ทรงฌานสักแสนคน จะได้ทิพจักขุญาณสักหนึ่งคนก็แสนยาก

คราวนี้สัมผัสต่าง ๆ ที่เราต้องการให้รับรู้ในสิ่งที่ละเอียด ที่นอกเหนือจากอายตนะสัมผัสทั้ง ๕ จะต้องเป็นส่วนของทิพจักขุญาณ กลายเป็นว่าระยะเวลาสองวันที่เราว่ามา ถ้าคนไม่มีพื้นฐาน สองชาติยังไม่ได้ไปไหนเลย..! สิ่งที่เราทำ ถ้าจะมีผลขึ้นมาได้ก็เกิดจากบุคคลที่มีของเก่ามาแล้วเท่านั้น

ถาม : แล้ววิธีการตรวจสอบว่า เด็ก ๆ ที่มีของเก่ามาแล้ว ควรตรวจสอบอย่างไรคะ ?
ตอบ : ไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้โดยวิธีการปกติ เพราะว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต้องเป็นบุคคลที่มีทิพจักขุญาณด้วยกัน เขาจึงสามารถบอกได้ แต่ขณะเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็ยังมีอยู่ มีโอกาสผิดพลาดอยู่ที่ ๒๐ เปอร์เซ็นต์

เอาเป็นว่า ถ้าเด็กคนนั้นมีความปรารถนาหรือความชอบที่จะทำในเรื่องอย่างนี้ ให้คาดไว้ก่อนว่าเขามีของเก่ามาก่อน ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ชอบเรื่องอย่างนี้ ถ้าทำเป็นรูปธรรมได้ ถือว่าสุดยอดมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 03:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 09-02-2011, 00:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตรงนี้โยมได้ทำวิจัย และได้ผลออกมาขั้นหนึ่งแล้ว เนื่องจากว่าการเข้าสู่สมาธิ จริง ๆ เมื่อมองทางด้านสรีระร่างกาย เป็นเรื่องของการปรับคลื่นสมอง เพราะว่าพอปรับคลื่นสมองมาระดับหนึ่ง จากปกติที่ไม่มีสมาธิ จิตฟุ้งซ่านอยู่ พอเข้าสมาธิเป็นการรวมจิตเข้ามา คลื่นสมองเขาจะค่อย ๆ ลดลงมา ต่ำลง
ตอบ : นั่นเป็นขั้นแรก..จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สามารถใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์วัดได้

ถาม : ขั้นของสมาธิลงมาแต่ละขั้น เราก็มีเครื่องมือที่วัดได้ว่า เขาอยู่ในระดับไหนแล้ว จนกระทั่งตอนนี้เรามีเทคโนโลยีที่สามารถเข้าไปตรวจสอบเรื่องฌาน

ฌานก็จะมีอยู่สองแบบ คือ แบบอลมณู ที่พิจารณาแบบสมถะ กับลักขณู ก็คือ พิจารณาแบบไตรลักษณ์ แบบสมถะจะเป็นแบบฌานนิ่ง แต่ถ้าเป็นลักขณู จะเป็นฌานระดับที่พิจารณา ซึ่งมีวิปัสสนาเข้ามาอยู่ ตรงนี้เทคโนโลยีเขาก็พัฒนาไปจนถึงขีดที่จะรู้ตรงนี้ได้

ตอบ : น่าจะยังไม่ทันนะ..เพราะว่าบุคคลที่มีความคล่องตัวมาก ๆ เขาสามารถทำไปจนถึงระดับฌานใช้งาน ฌานใช้งานอาการจะออกมาลักษณะเดียวกับวิปัสสนาที่เราใช้พิจารณาไตรลักษณ์

ถ้าถึงระดับนี้แม้ว่าจะทรงสมาธิอยู่ระดับไหนก็ตาม ก็สามารถที่จะเคลื่อนไหวทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ลักษณะเดียวกับบุคคลที่ไม่ได้ทรงสมาธิ

ถาม : แต่ภายในของเขาจะยังนิ่งอยู่ ?
ตอบ : จ้ะ..ถ้าเปรียบไปก็เหมือนกับน้ำก้นบ่อลึก ๆ น้ำปากบ่ออาจจะกระเพื่อมตามแรงลมบ้าง แต่ก้นบ่อจะนิ่งอยู่ตลอด ตรงนี้ถ้าเราวัดด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ เพื่อให้เป็นไปตามหลักวิชาการ จะได้นำไปใช้อ้างอิงได้ โอกาสที่ผลออกมาผิดพลาดก็ยังมีอยู่

ถาม : เพราะว่าสิ่งที่เขาสัมผัสจะจริงหรือไม่จริง ก็ต้องแยกออกมาอีกส่วนหนึ่ง ในจุดที่โยมจะแปลง ก็คือ จะสอนเด็กโดยประยุกต์ลักษณะนี้ให้ออกมาเป็นแนวสากล เพราะว่าเด็กยุคสมัยนี้ ถ้าบอกให้มาทำสมาธิ
ตอบ : ขาดใจตายแน่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 03:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 09-02-2011, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ใช่ค่ะ..จากการที่โยมศึกษาข้อมูลของทางต่างประเทศด้วยก็พบว่า จุดหนึ่ง ต้องสร้างให้เด็กมีความสนุก ทางพุทธศาสนาเรียกว่าปีติ
ปีติก็คือ ฮอร์โมนตัวหนึ่งที่ต่อมไพเนียลจะทำงาน พอทำงานก็จะมาเชื่อมกับต่อมพิทูอิทารี ซึ่งตรงนี้ ถ้าสองต่อมเชื่อมกันก็จะเรียกว่าเป็นลักษณะการสว่างวาบ จะสามารถหยั่งรู้บางสิ่งบางอย่างที่เหนือธรรมชาติขึ้นมา
ตอบ : จัดเป็นวิชาการมากเลย

ถาม : ก็คือ เอาวิทยาศาสตร์กับพระพุทธศาสนามาผสม โยมอยากจะทำในลักษณะที่เป็นสากล ที่เด็กทั่วไปจะเข้ามา เพราะจะเป็นจุดหนึ่งที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาอีกแง่มุมหนึ่งของเด็กสมัยใหม่
ตอบ : ได้ลองไปดูของแนวสัตยาไสของอาจารย์อาจองมาบ้างหรือยังจ๊ะ ? เขาจะออกมาแนวนี้เหมือนกัน แต่ด้านพุทธศาสนาก็ยังเอามาใช้น้อยอยู่

ถาม : ในเรื่องของสมาธิ ผู้ที่มีญาณหยั่งรู้จะรู้ได้ แต่ถ้าเรามีตัววัด พอจะได้บ้างไหม ? คือ ค่าความคลาดเคลื่อนของตัววัดนั้นมีอยู่แน่นอน
ตอบ : ตามที่ว่ามานั้นใช่เลย เพราะในแต่ละระดับร่างกายของเรา จะมีปฏิกิริยาทางเคมีของฮอร์โมนหรืออวัยวะภายใน ที่แสดงออกอย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าเครื่องมือเหล่านี้ที่วัดได้ เป็นที่ยอมรับกันก็จริง แต่ถ้าไปถึงระดับหนึ่งจริง ๆ ในระดับที่เขาทรงสมาธิกันได้ เครื่องมือจะวัดไม่ได้นะสิ.. เพราะร่างกายเราจะเหมือนกับคนตายไปเลย

เขาทดสอบกันมาแล้วจ้ะ พอถึงเวลาแล้วเครื่องมือวัดไม่ได้ เพราะสภาพจะละเอียดเกินกว่าเครื่องมือวัดได้ ทั้ง ๆ ที่เรานั่งคุยกัน แต่สภาพข้างในร่างกายเหมือนกับคนตาย ไม่มีอวัยวะส่วนไหนระบุว่ากำลังทำงานอยู่..! เอาเป็นว่า ส่วนที่เราทำยังอย่าเพิ่งให้ถึงตรงนี้ เพราะเครื่องมือยังไม่สามารถที่จะวัดได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 12:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 09-02-2011, 08:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขั้นที่ ๑ ขั้นที่ ๒ โยมจะค่อย ๆ สอนเด็ก อยากให้ท่านช่วยแนะนำค่ะ ตอนนี้โยมประยุกต์พุทธกับวิทย์ มาบูรณาการร่วมกันให้ทันสมัยขึ้น
ตอบ : ทางที่จะทำให้เด็กสนใจก็คือ ให้เขาสนุกก่อน การที่จะให้เขาสนุก อย่างเช่นใช้ดนตรี หรือไม่ก็อาจจะมีการออกกำลังควบกับสมาธิ อย่างคนจีนเขามีพวกไท้เก๊ก ชี่กง เรื่องพวกนี้อาจจะทำให้เด็กสนุกและเริ่มสร้างสมาธิขึ้นมาได้

ถาม : ถ้าเด็กเขามีจิตสัมผัสที่ละเอียดขึ้น อย่างขั้นที่ ๑ โยมไม่ค่อยเป็นห่วงในการสร้างให้เด็กมีสัมผัสที่ละเอียดขึ้น อันนี้โยมมีผลงานวิจัยรับรองผลแล้ว แต่พอมาถึงสภาวะหนึ่ง เด็กเขาจะเกิดการรับรู้ อายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

ภาพที่เขาได้เห็นหรือได้ยินเข้ามา จะมีอยู่สองประเภท คือ เขาโดนหลอกกับเป็นของจริง ตรงนี้จะทำให้เขาแยกได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ผู้ใหญ่ยังแยกไม่ออกเลย..! คือ คนหลอกเขาเป็นสุดยอดฝีมือเลย เขาวางหมากกี่ชั้น เขาสามารถจะกินเราได้ทุกชั้นเลย ต้องยอมรับว่าแม้แต่ตัวอาตมาเองยังโดนหลอกอยู่ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้น...เราจะทำให้เด็กเขาเข้าใจอย่างไรนั้น อย่าเพิ่งเอาผลตรงนั้นดีกว่า เราเอาผลตรงที่ว่า เมื่อเด็กมีจิตที่สงบลง ความเปลี่ยนแปลงอันดับแรก สมาธิดีขึ้น อาจจะมีผลการเรียนดีขึ้น และความประพฤติเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้นด้วย

เราเลือกมาวัดทางด้านนี้จะดีกว่า ถ้าจะไปเอาตรงจุดนั้น แม้แต่อาตมาก็ยังโดนหลอกมาตลอดเลยจ้ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 09:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 09-02-2011, 08:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขั้นที่ ๑ ของโยม เด็กมีสมาธิ มีจิตที่ละเอียดขึ้น พฤติกรรมเปลี่ยน อันนี้ผลได้แล้ว แต่พอหลังจากนั้น การที่เด็กเขามีการฝึกอย่างต่อเนื่องไปอีก เพราะโยมก็ให้การบ้านไปฝึก จิตเขาจะมีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ พอพัฒนามาจนถึงจุดหนึ่ง เขาจะเจอสภาวะนี้ค่ะ แม้กระทั่งลูกของโยมตอนนี้ก็เจอ
ตอบ : บอกเขาว่า สิ่งที่เรารู้เห็น เรารู้เห็นจริง แต่เรื่องที่เราเห็นไม่แน่ว่าจะจริง อาตมาเคยยกตัวอย่างอยู่เสมอว่า เห็นคนเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา เราอาจจะไปแจ้งตำรวจหรือลากมีดลากปืนไปช่วยเขา แต่จะโดนเขาเหยียบตายเพราะเขากำลังถ่ายหนังกันอยู่..!

สิ่งที่เราเห็น คือ เขาไล่ฆ่ากันมาจริง ๆ แต่เรื่องที่เห็นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะฉะนั้น..พวกนี้เขาสามารถที่จะปรุงแต่งหลอกเราได้ตลอดเวลา ก็เหลืออยู่คาถาเดียว ที่จะบอกเด็กก็คือ อย่าเพิ่งเชื่อในเรื่องที่เห็น จนกว่าจะพิสูจน์ได้

การพิสูจน์ก็ให้พิสูจน์ในสิ่งที่เห็นได้ในระยะสั้น ๆ อย่างเช่นว่า เราไปโรงเรียนพรุ่งนี้ คุณลองใช้จิตสัมผัสดูว่า คุณจะเจอเพื่อนคนไหนก่อน ? หรือไม่ก็ถ้ามีการแข่งกีฬาอยู่ ผลของฟุตบอลคู่นี้ออกมา ใครแพ้ ใครชนะหรือเสมอกัน ? ลองกำหนดใจดูซิ ก็จะสามารถพิสูจน์ในระยะเวลาสั้น ๆ ได้

ถ้าหากเขาทายผิด บอกเขาว่าไม่ต้องไปจำอารมณ์นั้นไว้ แต่ถ้าหากทายถูก เขาวางอารมณ์ได้ถูกอย่างไร ให้เขาจำอารมณ์นั้นไว้ ให้เขาฝึกซ้อมอย่างนี้บ่อย ๆ โอกาสที่จะโดนหลอกก็จะมีน้อย เพราะจะจำได้ว่าอารมณ์ที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน เวลาที่ผิดพลาดโดนหลอก เราวางอารมณ์ผิดอย่างไร

แต่คราวนี้ไม่มั่นใจว่าเด็กที่เราเอาเป็นกลุ่มตัวอย่าง ช่วงอายุเท่าไร ?

ถาม : มีสองกลุ่ม ช่วงอายุ ๕-๑๐ ขวบ และ ๑๑-๑๔ ขวบ
ตอบ : กลุ่มที่สองยังพออธิบายให้เขาฟังได้จ้ะ ว่าความต่างของอารมณ์ใจที่ถูกกับผิดเป็นอย่างไร แต่กลุ่มแรกนี่ไม่มั่นใจแล้ว เพราะฉะนั้น..ให้เขาพยายามจำในส่วนที่ถูก ถ้าส่วนไหนผิด ไม่ต้องจำ ถ้าเขาจำในส่วนที่ถูกต้องได้ เรากำหนดอารมณ์นั้นได้เมื่อไร ความรู้สึกนั้นจะใช่ทุกครั้ง แต่ถ้ากำหนดผิดเมื่อไร ก็จะพลาดทันที

โดยเฉพาะในส่วนของก่อนการที่จะทำตรงนั้น ต้องพิจารณาในส่วนของไตรลักษณ์อย่างที่โยมว่า จนกระทั่งเห็นชัดเจนว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา จิตจะไม่เกาะร่างกายนี้ ความผ่องใสจะมีมากเป็นพิเศษ การรู้เห็นจะชัดเจนถูกต้องมากกว่า นี่เป็นคำแนะนำ แต่ไม่สามารถที่จะออกเป็นแบบสอบถามเพื่อการวิจัยได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 09:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 09-02-2011, 09:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในส่วนของนิวรณ์ จะสอนเด็กอย่างไรให้เข้าใจได้ง่าย ?
ตอบ : ถ้าสมาธิทรงตัว นิวรณ์จะไม่มี เพราะฉะนั้น..บอกให้เขาอยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าลมหายใจผ่านจมูก...ผ่านอก..ไปสุดที่ท้อง ลมหายใจออกจากท้อง..ผ่านอก..ไปสุดที่จมูก ถ้าความรู้สึกอยู่แค่นี้นิวรณ์จะไม่มี

ทุกคนที่ความรู้สึกรู้ลมเข้าออกสามฐานนี้ได้ตลอดครบถ้วน คือ บุคคลที่ทรงปฐมฌานทั้งนั้น ขอยืนยัน แต่จะทรงได้นานเท่าไรแค่นั้นเอง อาตมากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำ เพราะอาตมาตามดูเฉพาะเรื่องนี้อยู่สามปี เพราะฉะนั้น..ถ้าเขาอยู่แค่นี้ได้ นิวรณ์ก็กินไม่ได้

ถาม : อย่างเวลาให้เขาทายอะไร ถ้ามีเครื่องล่อมาเป็นรางวัล..
ตอบ : โอกาสพลาดจะมาทันที เพราะจะเกิดรัก โลภ โกรธ หลง มาแทน จิตจะไม่สะอาด มีอยู่อย่างเดียวก็คือว่า ให้เขาทำในสิ่งที่เขาสนใจ ต้องการรู้อย่างไร กลับไปวันนี้จะเจอใครที่บ้านก่อน พรุ่งนี้จะเจอเพื่อนคนไหนก่อน เขาจะได้ตรวจสอบได้

ถาม : จากคำแนะนำ โยมประมวลได้ว่า สัมผัสแรกที่เข้ามากระทบ ไม่ว่าจะเสียง ภาพ กลิ่น หรืออะไรก็ตามขึ้นมาก่อน อย่าเพิ่งตัดสินว่าจริงหรือไม่จริง
ตอบ : จ้ะ..จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าถูกต้องหรือไม่

ถาม : จนกว่าอาจจะมีสิ่งหนึ่ง ที่อาจจะเป็นภาพหรือเสียงอื่นเข้ามารับประกัน เข้ามากระทบอีก เพื่อประมวลภาพเสียง กลิ่น รส นั้นออกมาเป็นองค์รวม ว่าสอดคล้องกันไหม ? ขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิต..?
ตอบ : ถ้าไม่มีความมั่นคง เอะใจสงสัยแม้แต่นิดเดียว ก็จะผิดเลย

ถาม : นี่คือวิจิกิจฉา ?
ตอบ : ใช่..ความสงสัยเกิดขึ้นนิดเดียว จะผิดเลย แต่อาตมาไม่มั่นใจในวุฒิภาวะของเด็ก ก็คือว่า แรก ๆ ของเขาเองอาจจะวางอารมณ์ใจได้ถูก แต่พอรู้มากขึ้น ๆ จะมีการเพริด ก็คือ อยากรู้อะไรมากกว่านั้นไป คราวนี้จะทำให้พลาดได้

พอตัวความอยากเข้ามา เท่ากับว่าเอากิเลสเข้ามาบวกแล้ว โอกาสที่เขาจะแทรกเข้ามาหลอกลวงก็มีมากขึ้น

ถาม : บางทีถูกหลาย ๆ ครั้ง ก็เริ่มมีมานะ
ตอบ : นั่นก็จะยิ่งไปกันใหญ่เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 09:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 09-02-2011, 10:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้โยมเจอพวกนักข่าวโทรทัศน์เขาโจมตีว่า...?
ตอบ : ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิบากกรรม ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าคุณมาเราพร้อมจะอธิบายให้ฟัง แต่ถ้าคุณเอาแต่โจมตีโดยไม่คิดหาความจริง ก็ถือว่าคุณกำลังขว้างลูกเทนนิสใส่ข้างฝา เดี๋ยวกรรมก็พาให้เด้งกลับใส่หน้าตัวเอง

ถาม : ตอนแรกโยมใช้คำว่าอภิญญา เลยโดนคุณส.พูดชื่อนามสกุลออกโทรทัศน์
ตอบ : รู้ไหมว่าคนอื่นต้องจ้างเขานาทีละเป็นแสนกว่าจะได้ลงโฆษณา เราไม่ต้องจ้างเขาก็ช่วยพูดให้ ถือว่าพลิกวิกฤตเป็นโอกาส

ถาม : แต่เขาพูดในทางลบค่ะ
ตอบ : ต้องถือว่าเขาช่วย สมัยก่อนหลวงพ่อฤๅษีอยู่ที่ซอยสายลม ท่านบอกว่า รับสังฆทานเดือนไหนได้ถึงสามหมื่นดีใจจนนอนไม่หลับเลย อยู่ ๆ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐไปโจมตีท่าน บอกว่ามีพระ แต่ไม่ยอมใช้ชื่อเป็นพระ ใช้ชื่อเป็นสัตว์เดรัจฉาน เที่ยวมาสอนคน ไม่รู้ว่าอวดอุตริมนุสธรรมหรือเปล่า

ปรากฏว่าคนอยากรู้อยากเห็น แห่ไปทำสังฆทานกันแน่นบ้านสายลมเลย เพราะฉะนั้น..บางอย่างวิกฤตก็เป็นโอกาสไปในตัวเหมือนกัน อย่างไรก็ขอเอาใจช่วยให้สำเร็จจ้ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 12:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 09-02-2011, 10:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของปฏิสัมภิทาญาณ ท่านรอบรู้ในธรรม ในเมื่อท่านรอบรู้ธรรม สิ่งที่ท่านรู้ทุกอย่างก็ลงที่เดียวกัน ก็คือ รู้ในเรื่องของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของร่างกายและทุกสรรพสิ่ง เท่ากับว่าท่านทรงพระไตรปิฎกไปเลย เพราะว่าพระไตรปิฎก ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ก็กล่าวถึงแต่เรื่องพวกนี้ทั้งนั้น

บุคคลที่จะสามารถอ่านพระไตรปิฎกได้ครบ ๔๕ เล่ม มีจำนวนน้อยมาก น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย อาตมาเองโดนหลวงพ่อบังคับจึงยอมอ่าน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้พอไปฝังอยู่ในจิต จะไม่ได้ฝังอยู่แค่ชาติเดียว แต่ว่าจะพาติดตัวข้ามชาติข้ามภพไปเรื่อย ๆ พอกระทบเข้าเมื่อไร ก็จะเกิดการตื่นรู้ขึ้นมาทันที ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าเรารู้เพราะอะไร เพราะไม่ทราบว่าโดนเพาะฝังไว้ตั้งแต่แรกแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 12:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 09-02-2011, 10:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระที่ไม่เดินบิณฑบาต แต่มาประจำอยู่ร้านค้าตอนเช้า ๆ อย่างนี้ผิดวินัยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วพระพุทธเจ้าท่านให้ไปโปรดสัตว์ อยู่กับที่จะไปโปรดใคร ? ถามว่าผิดพระธรรมวินัยหรือไม่ ? ยังไม่นับว่าผิด แต่ถ้าหากว่าเป็นธุดงควัตรจะทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะธุดงควัตรท่านบอกไว้ชัดว่าต้องบิณฑบาตไปตามลำดับ

การที่พระไปยืนประจำอยู่ที่ร้านค้าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่ผิดพระวินัยแต่ไม่เหมาะสม สมัยนี้พระวินยาธิการเขาเข้มงวดมาก มีกฎของเจ้าคณะกรุงเทพมหานครห้ามเวียนเทียนบิณฑบาต ถ้าทำแล้วมีคนแจ้งไป มีสิทธิ์โดนจับสึก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 12:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 09-02-2011, 13:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "มีอย่างหนึ่งที่อาตมาเคยบอกอยู่เสมอว่า มารใช้คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว ในการขวางเราไม่ให้ทำความดี เพราะฉะนั้น..ถ้าเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้น ทำให้เราเสียกำลังใจในการปฏิบัติความดี ให้รู้ว่านั่นเป็นการพยายามขัดขวางของเขา

แต่ให้ดีใจว่า ถ้าเขาพยายามขวางเรา แสดงว่าเรามีคุณค่าพอที่เขาจะลงมือ ถ้าเรายังห่างเป้าหมาย เขาไม่เสียเวลามาขวางเราหรอก ถ้าเราไม่มีราคาพอ เขาไม่เสียเวลาลงมือหรอก ฉะนั้น..ยิ่งโดนหนัก ๆ ก็ยิ่งน่าปลื้มใจว่า เขาเห็นว่าเราสมควรที่จะลงมือได้

ต้องบอกว่าเขาเป็นสุดยอดแชมป์โลก เขาอาศัยยึดครองจิตใจของมนุษย์มาจนกระทั่งนับกัปไม่ถ้วน เราที่ปฏิบัติตามแบบของพระพุทธเจ้า เหมือนกับบุคคลผู้ท้าชิง ต้องขึ้นเวทีไปเอาชนะเขา เพื่อที่จะก้าวผ่านให้ได้

ถ้าหากเราไม่มีทางที่จะชนะเขาได้ เขาไม่มายุ่งกับเราหรอก จะว่าไปแล้ว มารไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นครูที่ดีมาก ๆ เพียงแต่ว่าครูคนนี้ขยันทดสอบมาก ข้อสอบจะมาทุกเวลาที่เราเผลอ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-02-2011 เมื่อ 16:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 09-02-2011, 13:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมปรารถนาพุทธภูมิครับ ขอคำแนะนำ
ตอบ : ไม่ต้องขอ ลุยไปเลย ทุกอย่างที่ทำเพื่อประโยชน์สุขของบุคคลส่วนรวม ไม่ต้องกลัวความเหนื่อยยาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 14:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 09-02-2011, 13:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โหลดเพลงในอินเตอร์เน็ต ถือว่าผิดศีลข้อขโมยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าเขาให้โหลดได้ แสดงว่าไม่มีลิขสิทธิ์ ไม่เข้าข่ายขโมยหรอก ของที่มีลิขสิทธิ์เขาไม่ให้โหลดง่าย ๆ หรอก ต้องให้เราสมัครสมาชิก ต้องจ่ายเงินก่อนสารพัด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 14:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 09-02-2011, 13:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เร็ว ๆ นี้มีใครจะเข้าสมาบัติบ้างไหมคะ ?
ตอบ : ยังไม่มีจ้ะ อาตมาเองเคยเข้าแค่สามวัน พอไปคุยกับครูบาเหนือชัย อารมณ์ทุกอย่างที่ทำเหมือนกันหมดเลย มิน่าเล่า..คนที่ทำเหมือนกัน เดินทางเดียวกัน จะรู้เหมือน ๆ กัน พออาตมาเล่ามาครึ่งหนึ่ง ท่านก็ต่ออีกครึ่งหนึ่ง พอท่านพูดครึ่งหนึ่ง อาตมาก็พูดต่ออีกครึ่งหนึ่ง ต่างคนต่างรู้กัน

แสดงว่า ถ้าเราปฏิบัติไปจนถึงระดับหนึ่งแล้ว สิ่งที่พบเห็นก็เหมือน ๆ กันหมด

ถาม : ครูบาท่านเข้ากี่วัน ?
ตอบ : ๗ วัน บรรดาท่านทั้งหลายเหล่านี้ พอจะออกจากกรรมฐาน จะหาพระที่มั่นใจว่าดูแลรักษาท่านได้ ให้ไปรับท่านออกมา

ช่วงที่ท่านอดอาหาร ๗ วัน ร่างกายจะเพลียมาก ในเมื่อสภาพร่างกายแย่ สติสมาธิก็จะลดหย่อนไปด้วย อันตรายจะแทรกเข้ามาตอนนั้น ฉะนั้น..ท่านก็ต้องหาบุคคลที่มั่นใจว่าป้องกันรักษาได้ไปรับท่านออกมา ระยะหลังอาตมาต้องไปรับท่านหลายราย ถึงเวลาท่านจะระบุตัวเจาะจงมาเลย ปัจจุบันนี้ที่เป็นหลัก ๆ เลยก็ครูบาวิฑูรย์และครูบาเหนือชัย อย่างครูบาอริยชาติอาตมายังไม่มีโอกาสได้ไป เพราะท่านนิมนต์มาตอนติดสอนกรรมฐานต้นเดือนพอดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2011 เมื่อ 14:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 09-02-2011, 14:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าว่า สมาบัติ ๘ ต้องมีกสิณเป็นพื้นฐาน ?
ตอบ : จำเป็นต้องได้กสิณกองใดกองหนึ่ง แล้วเพิกภาพกสิณนั้นมาจับอรูปฌานแทน แต่ต้องทำให้ครบอรูปฌาน ๔ นะ ถ้ายังไม่ครบก็ยังไม่เป็นสมาบัติ ๘ แปลว่า หลังจากฌาน ๔ ในกสิณแล้ว ก็ต้องมาเป็นอรูปฌาน ๑ , ๒ , ๓ , ๔ หลังจากนั้นก็ต้องเก็บรอไว้ก่อน เขาเรียกว่า ยังเป็นข้าวดิบ กินไม่ได้

จนกว่าความเป็นพระอนาคามีเข้าถึงเมื่อไร คุณจะเป็นปฏิสัมภิทาญาณทันที ถ้ายังไม่ถึงความเป็นพระอนาคามี ตรงนี้จะเข้าถึงไม่ได้ เพราะอานุภาพที่สูงมาก ถ้ายังรัก โลภ โกรธ หลง แบบคนปกติอยู่ โลกนี้บรรลัยแน่

ถาม : อย่างนั้นวิธีการที่จะทำให้คาถาเงินล้านถึงสมาบัติแปด ทำได้ไหมครับ ?
ตอบ : ทำได้ เวลาคุณว่าคาถาเงินล้าน ให้คุณจับภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งเป็นหลัก จนกระทั่งภาพพระนั้นชัดเจนแจ่มใสเป็นประกายพรึกเต็มที่ แล้วคุณค่อยเพิกภาพนั้นมาจับอรูปฌานแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-02-2011 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 09-02-2011, 15:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,179 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระนามจริงท่านปู่ คือ สักกเทวราช แล้วท่านย่าละครับ?
ตอบ : ตกลงนี่คุณไม่รู้จริง ๆ หรือ? คำว่า สักกะเทวราช แปลว่า ราชาของเทวดาแห่งสรวงสวรรค์ เป็นตำแหน่ง ไม่ใช่ชื่อ

แล้วเรื่องของผู้ใหญ่ ถ้าไม่จำเป็น เรียกปู่เรียกย่าได้ก็จะปลอดภัยที่สุด คนที่จะเรียกโดยออกชื่อได้ จะต้องอาวุโสมากกว่า

ปัจจุบันอาตมาได้ยินหลายคนเรียก "สมเด็จเกี่ยว" ได้ยินแล้วใจหายทุกที ตัวเขาเองยิ่งใหญ่ขนาดเรียกจิกหัวท่านได้เลยหรือ ? เพราะฉะนั้น..ถ้าใครรู้ตัวว่ายังเรียกลักษณะนั้นอยู่ ให้เลิกได้แล้ว อาตมาเองเรียกแบบเป็นที่เข้าใจว่า "หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศ" นึกถึงคุณเต้ย (สุรจิตร) ของเรา เต้ยเขาโพสต์ในกระทู้ว่า "สมเด็จเกี่ยว" พอบอกให้เขาแก้ไข เขาก็แก้เป็น "หลวงตาเกี่ยว" อดสงสัยไม่ได้ว่า ตกลงเขาโง่หรือบ้ากันแน่

อะไรที่หนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใช้ อย่าพยายามไปใช้ตาม เพราะบางทีสื่อมวลชนก็ไม่ได้ให้ความเคารพในพระรัตนตรัย ได้แต่เสนอข่าวเอามันอย่างเดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 06-02-2019 เมื่อ 00:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว