กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 09-03-2012, 16:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในการสร้างพระสมเด็จองค์ปฐม ผู้ที่บวงสรวงต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ?
ตอบ : ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ควรจะรู้ให้จริงว่าท่านอนุญาตหรือไม่ ? ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวได้เฮงแน่

ถาม : ถ้าผู้ที่ทำพิธีไม่มีคุณสมบัติที่จะทำพิธีบวงสรวง เราสร้างพระกับท่าน บุญที่เราตั้งใจทำจะได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : บุญเป็นของเรา ความซวยเป็นของท่าน..!

ถาม : คาถาทะพะมะนะ เป็นคาถาปลดกุญแจ แล้วคาถามหาพิทักษ์ ท่านเอาไว้ล็อกทุกสิ่งทุกอย่างใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ท่านเอาไว้รักษาทรัพย์ แปลว่าต่อให้ปลดกุญแจได้ ถ้าคนใส่กุญแจเขาใช้คาถาเป็น เราก็ไม่นึกอยากที่จะขโมย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2012 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 264 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 10-03-2012, 12:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พวกรูปพระในหนังสือพิมพ์ ถ้าทิ้งสะเปะสะปะก็ไม่ควร ถ้าเราเอามาเผา ?
ตอบ : ขอขมาพระแล้วก็เผาไปเลย โบราณเรียกว่า "จำเริญ" เขาใช้ ๒ วิธีคือด้วยน้ำหรือด้วยไฟ แต่สมัยนี้ถ้าเราไปลอยน้ำในกรุงเทพฯ ก็อาจเสียค่าปรับเยอะ ดังนั้นก็เผาเสีย ที่โบราณเขานิยมลอยน้ำเพราะเขาถือว่าเย็นกว่า แต่ความจริงน้ำกับไฟมีสภาพเหมือนกัน ก็คือไม่รังเกียจว่าของจะสกปรกหรือสะอาด รับได้ทั้งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2012 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 253 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 10-03-2012, 13:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : อย่าเอาเรื่องคนอื่นมาใส่ใจก็สบายแล้วจ้ะ เราชอบไปแบกแทนคนอื่นเขานี่ ก็แค่เลิกเท่านั้นเอง ถึงรู้สาเหตุแต่ถ้าไม่แก้ก็ไม่ได้

ถาม : ผมปฏิบัติไปแล้ว โทสะกลับเกิดง่ายขึ้น ?
ตอบ : จริง ๆ แล้ว ก็แค่ควบคุมตากับหูเรา ตาเห็นกับหูได้ยินอย่าเพิ่งรับเข้ามาในใจ ถ้าตาเห็นหูได้ยินแล้วรับเข้ามาในใจ จะเป็น ๒ อย่าง คือ ชอบกับไม่ชอบ แล้วส่วนใหญ่เราก็ไม่ชอบเสียด้วย ในเมื่อส่วนใหญ่เราไม่ชอบก็จะหงุดหงิดขึ้นมาเพราะเกิดแรงกระทบ แล้วก็กลายเป็นโทสะ ต้องระวังให้ทันนะ

ความจริงจมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เอาเรื่องพอ ๆ เหมือนกันนั่นแหละ แต่หูกับตาจะมาเร็วที่สุด

ถาม : ระวังไม่ทันจึงสอบตก ?
ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ สอบตกทำให้เรารู้ตัวว่ากำลังยังไม่พอ เราจะได้เร่งตัวเองมากขึ้น การสอบตกไม่ใช่เรื่องน่าละอายจ้ะ เรารู้ตัวแล้วพยายามแก้ไข บอกแล้วว่าทำถูกได้กำไร ทำผิดได้บทเรียน มีแต่ได้ทั้งคู่ไม่มีเสีย

ถาม : ขอให้ผมสำเร็จซึ่งพระโพธิญาณในอนาคตกาลด้วยเถิด
ตอบ : โมทนาจ้ะ แต่อาตมาไม่ไปด้วยแล้วนะ อาตมาเดินทางมาถึงป่านนี้แล้ว รู้ว่าทางเส้นนี้ไกล แต่ก็แปลก มีที่แวะข้างทางมีเยอะ แต่หลายต่อหลายคนกำลังใจมุ่งมั่นมาก ไม่แวะสักที ก็อย่างว่า..คนจะทำงานใหญ่กำลังใจต้องเข้มแข็ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2012 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 248 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 10-03-2012, 13:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมส่วนใหญ่ถึงลาพุทธภูมิ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วกำลังใจไม่มั่นคงพอ เพราะว่าไม่ได้เกิดจากความปรารถนาที่แท้จริง จะอยู่ในลักษณะที่ว่า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ แสดงพุทธปาฏิหาริย์เปิดโลก ตั้งแต่พระนิพพานยันอเวจีมหานรกให้เห็นถึงกันหมด ทุกภพทุกภูมิทุกหมู่ทุกเหล่าก็จะเห็นว่านี่คือบุคคลที่เป็นเลิศที่สุด แล้วจะมีความปรารถนาลึก ๆ ในใจว่า ถ้าเราเป็นอย่างนั้นบ้างก็ดี นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการปรารถนาพุทธภูมิ

คราวนี้ก็อยู่ที่ว่ากำลังใจจะมั่นคงแค่ไหน แต่ก็อย่างว่า ร้อยละเกิน ๙๐ ทิ้งหมด ทนความลำบากไม่ได้

ถาม : เป็นพุทธธรรมเนียมหรือครับที่พระพุทธเจ้าแสดงปาฏิหาริย์เปิดโลก ?
ตอบ : ไม่ใช่พุทธธรรมเนียม ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในช่วงนั้น อย่างพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันโดนศาสนาอื่นคุกคามมาก ทั้งที่เจ้าลัทธิอื่นบางทีก็ไร้ความสามารถ แต่เนื่องจากว่าได้ลาภยศจากการที่คนเขาเคารพนับถือมาก่อน พอศาสนาพุทธมาชี้แจงธรรมะที่แท้จริงให้ คนได้สติมากขึ้น เลิกงมงาย หันมาปฏิบัติตามศาสนาพุทธ ทำให้ลาภผลของพวกเขาลดลง เขาก็เลยต้องหาทางสร้างความเสื่อมเสียให้เกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา

จ้างคนไปด่าว่าบ้าง มีการปล่อยข่าวลือบ้าง ท้ายสุดก็พอได้ยินพระพุทธเจ้าท่านประกาศห้ามสาวกแสดงฤทธิ์ เขาก็เลยประกาศว่าจะแสดงฤทธิ์แข่งกับพระพุทธเจ้า ต้องบอกว่าพวกนี้จริง ๆ แล้วฉลาดมาก เพียงแต่ว่าใช้ความฉลาดไปในทางที่ผิด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2012 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 250 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 10-03-2012, 13:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมไปอินเดียมา เอาใบโพธิ์ตรัสรู้มาถวายท่านด้วยครับ
ตอบ : โมทนาด้วยจ้ะ อาตมาเคยได้มาใบโพธิ์มาทั้งกิ่งเลย ตอนนั้นโยมเขาอยากได้ พอไปแล้วกิ่งสด ๆ หักลงมาทั้งช่อ เป็นสิบ ๆ ใบเลย แสดงว่าท่านให้จริง ๆ ส่วนอาตมาเคยเจอใบโพธิ์กว้างเป็นฟุตเลย ไม่ได้เก็บมาหรอก ถ่ายรูปไว้เฉย ๆ ต้นนี้อยู่ที่วัดหนองบัว

ปีนั้นเรากำหนดงานฉลองวัดหนองบัว เพราะว่าไปช่วยสร้างให้เขามา ๕ - ๖ ปี ปรากฏว่าปีนั้นต้นวาสนาทุกต้นออกดอกหมด แล้วใบโพธิ์แตกใบใหม่กว้างเป็นฟุต ใหญ่ขนาดเอามาปิดปากบาตรได้สบายเลย ก็ถือเป็นเรื่องอัศจรรย์ เพราะว่าวัดนั้น ๔๐๐ กว่าปีแล้วไม่มีการบูรณะ ไปทำให้เขาดีขึ้นมาก็เลยกลายเป็นนิมิตแสดงออกให้เห็น

ถาม : วัดหนองบัวอยู่แถวไหนครับ ?
ตอบ : จังหวัดจะอีน รัฐกะเหรี่ยง ประเทศพม่า แถวนั้นเขามีบ้านสองแคว บ้านสามพระยา บ้านป่าหวาย บ้านใหม่ บ้านป่าลาน คนไทยโดนกวาดต้อนไปสมัยเดียวกับพระนเรศวร ก็เลยยังใช้ชื่อไทยอยู่ แต่เวลาพม่าเรียกเราจะฟังยาก อย่างสามพระยาพม่าออกเสียงเป็นตำมะยา เลยกลายเป็นบ้านมะนาวแทนที่จะเป็นบ้านสามพระยา ป่าลานพม่าออกเสียงเป็นปาตะแล

ที่พม่าดีอยู่อย่างคือ ถึงแม้เราจะไม่ได้ภาษาเขา ก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักได้ ถ้าหากว่าไม่ได้ภาษาเขา ไม่ได้ภาษาอังกฤษ ก็ใช้ภาษาไทยนี่แหละ คนพม่าทั้งประเทศพูดไทยได้เกือบหมด เพราะมาทำงานเมืองไทยกันแทบทุกคน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2012 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 248 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 10-03-2012, 14:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงงานพุทธาภิเษกที่วัดเนินสุทธาวาสว่า "ปกติแล้วงานพุทธาภิเษกแบบนั้น ถ้ามีเวลาก็จะแอบดูว่าท่านอื่น ๆ ทำอย่างไร จึงพบว่าเกินร้อยละ ๙๐ ใช้กำลังตนเองทั้งนั้น ก็เลยแปลกใจว่าวิธีการขอบารมีพระสงเคราะห์ไม่ใช่เรื่องปกปิดอะไร ต้องบอกว่าเป็นที่รู้กันทั่วไป แล้วทำไมท่านไม่ทำกัน ?

อาจจะเป็นเพราะความเคยชินก็ได้ ถึงเวลาก็ใช้กำลังตัวเอง แต่ว่าหลายท่านกำลังใช้ได้จริง ๆ กำลังใจพุ่งเป็นเข็มเลย พอดีนั่งคู่กับหลวงปู่ฟู วัดบางสมัคร แล้วก็มีหลวงพ่อนิยม วัดถลุงทอง ขนาบข้างอีกข้างหนึ่ง หลวงปู่ฟูท่านเข้าไปก่อนสัก ๑๐ นาที ส่วนอาตมาเขานิมนต์ตามเข้าไปเพราะว่าที่นั่งไม่พอ เขานิมนต์พระ ๔๙ องค์ แต่ว่าที่นั่งมีไม่ถึง ก็ต้องผลัดกันเข้าผลัดกันออก

ไปถึงขอบารมีพระท่านเสร็จสรรพเรียบร้อยก็เข้าสมาธิยาวไปเลย รอจนพระท่านบอกว่าเสร็จแล้ว ลืมตาขึ้นมาทำน้ำมนต์ หลวงปู่ฟูท่านก็ลืมตามาทำน้ำมนต์ ทำเสร็จเรียบร้อยท่านก็หันมาบอก "พอแล้ว..เต็มแล้ว..ไปกันเถอะ" หลวงปู่ก็เป็นยอดฝีมือ แสดงว่าท่านก็ดูอยู่ว่าพระท่านบอกอย่างไร พอถึงเวลาพระท่านบอกเต็มแล้วก็ลืมตามาทำน้ำมนต์ ทำน้ำมนต์เสร็จก็ต่างคนต่างพรม พรมเสร็จก็ชวนกันออกมา ปล่อยท่านอื่นเขานั่งกันต่อไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 260 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 10-03-2012, 14:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"วัดเนินสุทธาวาส ถ้าหลวงปู่เกลี้ยงมรณภาพนี่จะลำบากนิดหนึ่ง เพราะคนเป็นเจ้าอาวาสใหม่จะต้องลำบากใจ และเป็นอย่างนี้แทบทุกวัด คือต่อให้เจ้าอาวาสใหม่เก่งเท่าเจ้าอาวาสเก่า เขาก็คิดถึงแต่เจ้าอาวาสเก่า ถ้าเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าไม่ได้ ก็จมดินหายไปเลย วัดโทรมทันตาเลย แล้วหลวงปู่เกลี้ยงท่านเป็นเจ้าอาวาสมา ๕๐-๖๐ ปี ไม่ใช่บวชมา ๕๐-๖๐ ปีนะ แต่เป็นเจ้าอาวาสมา ๕๐-๖๐ ปี..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2012 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 257 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 10-03-2012, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จิตวิญญาณกับวิญญาณขันธ์เป็นอันเดียวกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถามแล้วได้อะไร ? ถ้าช่วยให้การปฏิบัติเราก้าวหน้าก็ถามมา แต่ถ้าถามเพราะอยากรู้ก็ไม่ต้องถาม

ถาม : ก็มีส่วนให้ก้าวหน้าครับ คำว่าจิตวิญญาณกับวิญญาณขันธ์ เป็นอันหนึ่ง ?
ตอบ : คุณถามคำถามผิด จิตก็คือจิต วิญญาณก็คือวิญญาณ จิตในความหมายของคุณก็คือที่เขาเรียกว่าผี แล้วดันไปเรียกว่าวิญญาณ แต่วิญญาณของบาลีก็คือตัวประสาทรับรู้ของร่างกายเรา

เพราะฉะนั้น..ถ้าแยกระหว่างจิตกับวิญญาณก็เป็นคนละอย่างกัน จิตคือตัวรู้ วิญญาณก็คือประสาทรับความรู้สึก เพราะฉะนั้น..วิญญาณขันธ์ของคุณ ถ้าตามหมอสมัยใหม่ก็เป็นเส้นประสาท

ถาม : แล้วที่เขาบอกว่าจิตกับวิญญาณต้องอาศัยกันอยู่จริงไหมครับ ?
ตอบ : จิตอาศัยร่างกายนี้อยู่ ถ้าไม่มีวิญญาณรับรู้จิตก็ทำงานไม่ได้

ถาม : คนที่ตายไปแล้วที่อยู่ในภพภูมิอื่น ถือว่ามีจิตวิญญาณไหมครับ ?
ตอบ : นั่นคือจิต แต่ส่วนใหญ่ภาษาชาวบ้านจะเรียกว่าวิญญาณหรือเรียกว่าผี

ถาม : แล้ววิญญาณในขันธ์ ๕ ที่แปลว่าตัวรู้ นี่คนละอันกัน ?
ตอบ : วิญญาณคือประสาทรับความรู้สึก ถ้าร่างกายนี้ตาย วิญญาณหรือประสาทรับรู้ก็ตายไปด้วย

ถาม : แล้ววิญญาณในขันธ์ ๕ ในพระไตรปิฎกคืออะไรครับ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าประสาทความรู้สึก

ถาม : ไม่ใช่แปลว่าตัวรู้หรือครับ ?
ตอบ : ตัวรู้คือจิต
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-03-2012 เมื่อ 07:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 10-03-2012, 21:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วกฎแห่งกรรมกับกฎสังสารวัฏ ใครเป็นผู้คุมกฎ ?
ตอบ : เราทำเอง เพราะฉะนั้น..จะเรียกว่าเราเป็นผู้คุมกฎก็ได้ เพราะถ้าเราไม่ทำก็ไม่ต้องรับกรรมนั้น ๆ ถ้าทำเมื่อไรก็ต้องรับ ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว

ถาม : แต่ละคนเป็นคนรับ ไม่มีใครมาคุม ?
ตอบ : การกระทำของเรา ที่บาลีเขาเรียกว่ากรรมหรือกัมมะนั่นแหละคือตัวควบคุม เขาถึงได้เรียกว่ากฎแห่งกรรม ก็คือ ทำดีคุณได้ดี ทำชั่วคุณได้ชั่ว เพียงแต่ว่าเร็วช้าอยู่ที่ลักษณะการกระทำของเรา

ถาม : เสมอทุกคนหรือครับ ?
ตอบ : ทุกคนไม่มีเว้น จนกว่าจะเข้าถึงความบริสุทธิ์ที่หลุดพ้นกรรมไปแล้ว สิ่งที่ท่านกระทำเป็นเพียงจริยาเท่านั้น ไม่เป็นกรรมเพราะว่าจิตไม่ได้ปรุงแต่งไปด้วยรัก โลภ โกรธ หลง

เรื่องพวกนี้เกินความรู้คุณไปมาก พูดไปก็ไร้ประโยชน์ แล้วที่ถามมาอาตมาไม่เห็นประโยชน์เลย สักแต่ว่ารู้ให้หายคันแล้วก็เอาไปนั่งเถียงกับคนอื่นเขาต่อ บางทีก็ไปยืนยันกับเขาว่าอาตมาว่าอย่างนั้น ถ้าคนที่เขาจะเถียงเสียอย่างก็เลยพลอยด่าอาตมาไปด้วย

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า "อย่ากล่าววาจาอันเป็นเหตุให้เถียงกัน เพราะการเถียงกันทำให้ต้องพูดมาก บุคคลที่พูดมากจิตย่อมฟุ้งซ่าน บุคคลที่ฟุ้งซ่านย่อมไม่สามารถเข้าถึงสมาธิ" ผู้ที่ไม่เข้าถึงสมาธิปัญญาไม่เกิด ในเมื่อปัญญาไม่เกิดการหลุดพ้นก็ไม่มี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2012 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 235 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 10-03-2012, 21:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สุขาวดีกับพุทธเกษตร เป็นอันเดียวกับนิพพานหรือไม่ครับ ?
ตอบ : นั่นเป็นเรื่องของมหายานเขา อย่าเอามาปนกัน อย่าลืมว่าของเรานับถือพุทธศาสนาสายเถรวาท

ถาม : ตามความเชื่อของมหายาน ถ้าทำจริง ๆ แล้วมีจริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : มี

ถาม : ถ้ามีแล้วอยู่ในเขตภพภูมิไหน ?
ตอบ : อยู่สวรรค์ชั้นดุสิต แล้วไม่ต้องไปยืนยันกับคนอื่นเขา เขาจะหาว่าคุณบ้า สุขาวดีหรือพุทธเกษตรเป็นแดนของพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์จะอยู่ประจำที่ชั้นดุสิตเป็นปกติ

พระพุทธเจ้าไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องทั้งหลายนี้ พระองค์ท่านรู้เสียยิ่งกว่ารู้ แต่ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนในธรรมที่ไม่เนิ่นช้า ท่านหมายเอามรรคผลนิพพานเป็นที่ตั้ง การที่ปฏิบัติตามปฏิปทาของพระโพธิสัตว์ ต้องเวียนตายเวียนเกิดอีกนับชาติไม่ได้ พระองค์ท่านก็เลยไม่สอน แต่ว่าครูบาอาจารย์รุ่นหลังท่านไปพบเข้าแล้วเกิดชอบใจ เอามาสอนก็เลยกลายเป็นพุทธศาสนาสายมหายานขึ้นมาเท่านั้นเอง

ถาม : ที่ว่าอรูปพรหมสื่อไม่ได้หรือสื่อไม่ถึง เป็นจริงไหมครับ ?
ตอบ : ลองไปสื่อดู ท่านไม่มีอายตนะรับรู้ มีแต่จิตเฉย ๆ ก็เลยรับอะไรไม่ได้ จนกว่าจะหมดบุญหมดกรรมแล้วมามีขันธ์ ๕ ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นขันธ์ทิพย์หรือขันธ์หยาบก็ตาม ต้องประกอบไปด้วยอายตนะถึงจะรับรู้ต่อไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-03-2012 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 11-03-2012, 08:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงการสาธยายพระไตรปิฎกว่า "ช่วงที่อาตมาไปฝึกอบรมนักเทศน์ เขาบอกว่าการประกาศศักราชไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ถ้าใครมีได้ก็จะดี ยังดีที่ยุคหลังนี้การประกาศศักราชเพียงแต่บอกว่าผ่านไปแล้วเท่าไร ถ้าเป็นสมัยก่อนนี่นอกจากบอกว่าผ่านไปแล้วเท่าไร ยังบอกอีกว่าเหลืออีกกี่วัน กี่เดือน กี่ปี

ความจริงเป็นการเตือนสติให้คนรู้ว่า ระยะเวลาของพระพุทธศาสนาสั้นลงไปเรื่อย ๆ แล้ว ถ้าเราไม่เร่งทำความดีไว้ อาจจะไม่ทัน เนื่องจากว่าการประกาศศักราชนั้นเขาประกาศเป็นบาลี ก็มีการเปลี่ยนปี เปลี่ยนเดือน เปลี่ยนวัน อยู่บ่อย ๆ พวกขี้เกียจจำหรือขาดความคล่องตัวก็เลยเบื่อที่จะประกาศศักราช เพราะกลายเป็นของยาก

ปกติแล้วช่วงเช้าวันเสาร์-อาทิตย์ ที่บ้านวิริยบารมีคนจะมาน้อย ก็เลยพอที่จะหลบไปช่วยท่านอาจารย์พระมหาณรงค์ศักดิ์ประกาศศักราช แล้วค่อยกลับมารับสังฆทาน อย่างน้อย ๆ เวลาที่พวกเราไปกันเห็นคนเป็นกลุ่มเป็นก้อน ยังพอดูแล้วชื่นใจหน่อย ว่าคนที่สนใจทำความดียังพอมีอยู่ ไม่ใช่กลายเป็นส่วนน้อย แปลกแยกจากสังคม ทำแล้วบ้า..!

ใครที่ทำตัวมีสติ ในสายตาของคนไร้สติเขาจะว่าบ้าทุกคน ให้ทนไปก่อน เดี๋ยวต่างคนต่างตายไปก็รู้เองว่าใครเป็นใคร

แบบเดียวกับคุณยายเมื่อเช้านี้ บอกว่าเจอผีอิสลามอุ้มลูกมาอยู่หน้าบ้าน ผีเรียกให้ออกไป คุณยายก็ออกไปดูหน้า แล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะกลัวว่าอุทิศส่วนกุศลไปแล้วผีจะไม่รับ โธ่..ผีอุตส่าห์มา อาตมาบอกคุณยายว่าผีเวลาตายเขาฉลาดทุกตัว ไม่เหมือนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่โง่บรรลัยเลย เพราะไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว พอตายแล้วรู้ทุกตัว รู้ว่าอะไรดีมีที่ไหนก็พยายามที่จะไปหา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2012 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 11-03-2012, 08:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ท่านอาจารย์พระมหาณรงค์ศักดิ์ ท่านมีประสบการณ์ตายแล้วฟื้น โดนไฟช็อตตาย พอฟื้นขึ้นมาท่านก็ตั้งหน้าตั้งตาจัดงานสาธยายพระไตรปิฎก จัดเป็นการกุศลจริง ๆ ใครจะทำบุญกับท่านอย่าถาม เอาเงินไปส่งให้ท่านเลยก็จบแค่นั้น เพราะถ้าถามท่านจะบอกว่าไม่รับ

ท่านจัดสาธยายพระไตรปิฎกมาหลายปีแล้ว เข้าเนื้อท่านอยู่บ่อย ๆ แต่ก็จัดไปเรื่อย เงินเดือนผู้ช่วยศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ น่าจะอยู่ ๓๐,๐๐๐ บาทเศษ ๆ แต่เกลี้ยงไม่เหลือหรอก ถึงเวลาท่านเช่าเต็นท์จัดงานที ๗ วัน ค่าเต็นท์เต็นท์ใหญ่ ๆ เขาคิดวันละ ๒,๕๐๐ - ๓,๐๐๐ บาท ๗ วันก็ตกสองหมื่นบาทแล้ว ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 15-03-2012 เมื่อ 13:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 226 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 11-03-2012, 09:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงวงการพระเครื่องว่า "มีพวกเซียนพระบางคนเล่นเฉพาะพระเนื้อทองคำ เขายืนยันว่าอย่างไรเขาก็มีกำไร มีอยู่รายหนึ่งได้พระเป็นมรดกจากพ่อ ๓๐๐ กว่าองค์ อยากจะได้เงินไปลงทุนทำธุรกิจ ก็เลยเอาพระไปให้เซียนเขาดู ปรากฏว่าปลอมทุกองค์ แต่พอแกะกรอบไปขายแล้วได้มาเกือบ ๓ ล้านบาท เพราะพ่อเลี่ยมทองไว้ทุกองค์เลย แสดงว่าพ่อรักพระจริง พระ ๓๐๐ กว่าองค์เลี่ยมทองนี่ปาไปเท่าไรแล้ว ตีเสียอย่างน้อยทอง ๑๕๐ บาทแล้ว สรุปว่าพระปลอมแต่ทองแท้ ได้เงินไปลงทุนจนได้

จะว่าไปแล้วคำว่าปลอมหรือไม่ปลอมอยู่ที่ตัวเราเอง ถ้ากำลังใจเราเห็นเป็นรูปพระพุทธเจ้า มีความเคารพเป็นปกติ ต่อให้ปลอมแค่ไหนก็เป็นของจริง แต่ถ้าหากว่าไม่มีความเคารพพระ คิดอยู่แต่เรื่องของการค้าขายเอากำไรอย่างเดียว จริงแค่ไหนก็เหมือนกับปลอม เพราะว่าไม่ได้ประโยชน์จากพระเลยนอกจากขายเอาเงินมาใช้

วงการพระเครื่องเป็นวงการของเสือสิงห์กระทิงแรด หาคนที่ซื่อสัตย์จริงใจยากมาก ใครที่มีของต่อให้แท้แค่ไหน เข้าไปถ้าเจอพวกขี้โกงก็กลายเป็นของปลอม เขาจะมีพวกเขาอยู่ ๘ - ๑๐ คน พอเขาบอกว่าปลอม ส่งต่อไป ทำท่าไม่สนใจ รายที่ ๒ ก็บอกปลอม รายที่ ๓ ก็บอกปลอม รายที่ ๔ ก็บอกปลอม พอเจ้าของหมดกำลังใจ เก็บพระลงกระเป๋าทำท่าจะกลับ “พี่ ๆ ปลอมได้เจ๋งมากเลย ขอซื้อไว้ดูเป็นตัวอย่างหน่อยเถอะ พี่จะเอาเท่าไร ?”

ต้องขายให้เขาถูก ๆ เขาจะเอาเป็น "องค์ครู" ว่าอย่างนั้น ใช้คำว่าซื้อความรู้ แต่ถ้าขายเมื่อไรเราเองจะกลายเป็นฝ่ายซื้อความรู้ ซื้อแพงด้วย เพราะมารู้ทีหลังว่าโดนหลอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2012 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 11-03-2012, 09:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีพระบางรุ่นเขาตีว่าแท้ สร้างประวัติขึ้นมา พอคนฮือฮาก็ขายต่อในราคาสูง คนรับช่วงก็จุกไปตามระเบียบ หรือไม่ก็เที่ยวไปกว้านซื้อพระใหม่นี่แหละ สมมติว่าเป็นพระของวัดท่าขนุนก็แล้วกัน ไปถึงก็กว้านซื้อพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน รุ่น ๒ ไว้ พอถึงเวลากว้านซื้อไปเยอะ ๆ เข้า คนเห็นว่าเซียนใหญ่กว้านซื้อต้องมีราคาแน่ ก็วิ่งไล่ซื้อเอาบ้างจนราคาสูงไปเรื่อย ๆ

พอสูงได้ระดับที่เขาต้องการ เขาก็ปล่อยที่ซื้อมา คนที่รับช่วงต่อไปก็จุกสนิท เพราะราคาสูงจนกระทั่งคนเขาไม่ตามกันแล้ว ก็เลยมีอนาคตแน่ ๆ เพียงแต่เป็นอนาคตลงดิ่งเหว วงการนี้เขี้ยวลากดิน ไม่จำเป็นอย่าเข้าไป หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่คบพวกนี้เลย

ประมาณปี ๒๕๑๘ อาจจะหลังจากปีนั้นหน่อยหนึ่งก็ได้ หลวงพ่อท่านสร้างพระปิดตา ตชด. เป็นปิดตาลักษณะเดียวกับพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านที่อาตมาทำองค์เล็กนั่นแหละ เพียงแต่ของท่านตัดมุมเป็นเหลี่ยม ไม่ได้ทำมุมมนแบบพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน ท่านสั่ง ๓๐,๐๐๐ องค์ ปรากฏว่าเขาทำเกินเก็บไว้ถึง ๒๐,๐๐๐ องค์ พอเอาพระไปส่ง หลวงพ่อท่านสั่งเก็บเลย ท่านบอกว่าทางโรงงานผลิตเกิน จะว่าปลอมก็ไม่ได้เพราะเนื้อก็ใช่ พิมพ์ก็ใช่

ตอนนั้นหนังสือลานโพธิ์เขาไปลงว่า “ฤๅษีลิงดำรู้ด้วยญาณ โรงงานโกง สร้างพระเกินจำนวนที่สั่งไว้ ระงับการพุทธาภิเษก” หลังจากนั้นหลายปี พอเรื่องซาลงแล้ว ไม่มีใครใส่ใจแล้ว หลวงพ่อท่านค่อยเอาออกมาแจก ไม่อย่างนั้นทันทีที่ออกท้องตลาด เขาก็จะวางขายตามไปเลย

แบบเดียวกับพระขรรค์โสฬสวัดท่าขนุน ขนาดทำสัญญารัดกุมมากเลยว่าห้ามทำซ้ำ เขาก็ยังทำหน้าตาเฉย เพียงแต่เขาลดขนาดลง เขาทำเล็กกว่าของทางวัดหน่อยหนึ่ง เพียงแต่ชื่อเดียวกัน วัดเดียวกัน โรงงานเดียวกันอีกต่างหาก แล้วที่แสบกว่านั้นคือมีการถวายวัดมาอีก ๒๐๐ เล่ม เขาจะดูว่าวัดปล่อยออกมาราคาเท่าไร เขาจะได้ใช้ราคานั้นเป็นหลัก

อาตมาก็เลยให้โยมไปถามว่าที่โรงงานเขาออกราคาเท่าไร เขาบอกว่าโรงงานออก ๑๙๙ บาท จึงให้ทางวัดออก ๒๐๐ บาท ให้กำไรเขา ๑ บาท ในเมื่อเขาให้มา เราก็เลยช่วยเขาหน่อย ช่วยให้เขาได้กำไรไป ๑ บาท หลังจากนั้นมาอาตมากับโรงงานนี้ก็เลิกคบกัน ความดีเขาเยอะเกินไป ถ้าคบต่อไปเดี๋ยวจะดีตามไปด้วย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-09-2013 เมื่อ 02:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 11-03-2012, 10:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงงานพุทธาภิเษกที่วัดเขาวงว่า "พออาตมาไปถึง หลวงตาวัชรชัยก็ส่งไมค์ให้ “เอ้า..เล็ก..ช่วยเชียร์น้ำมนต์ให้หน่อย” ทำอย่างกับอาตมาเป็นเด็กเชียร์เบียร์ไปได้ (หัวเราะ)

โอกาสที่พี่น้องจะไปรวมกันแบบนั้นจะยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแต่ละคนมีภารกิจ ยกเว้นว่าจะกำหนดล่วงหน้าเป็นงานประเพณีเฉพาะไปเลย ถ้าอย่างนั้นจะกำหนดวันล่วงหน้าได้ อย่างงานวันแม่ ๑๒ สิงหาคมของวัดท่าขนุน พี่ ๆ เขามักจะไปกันไม่ได้ เพราะวัดที่เป็นสำนักปฏิบัติธรรมต้องจัดงานกันทั้งนั้น อย่างวัดท่าซุง วัดเขาวง วัดศาลพันท้ายฯ ถึงเวลาก็ต้องจัดงานของตัวเอง ไปงานวัดท่าขนุนไม่ได้

พี่ ๆ แต่ละคนนี่เหลือเกินจริง ๆ เวลาพุทธาภิเษกก็นั่งรออาตมาเลย ปล่อยให้อาจารย์เล็กนำไปเถอะ ส่วนตนเองนั่งเชียร์ พอเสร็จพิธีเรียบร้อยเมื่อไร ก็รอดตายไปที

เคยได้ยินภาษิตจีนไหม ที่บอกว่า "เมื่อขึ้นมาจากน้ำไยต้องกลัวเปียกฝน" หรือไม่ก็ "คนอยู่ในยุทธจักรไม่เป็นตัวของตัวเอง" งานอย่างนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมาถึง ในเมื่อไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมาถึง ก็โดดใส่งานเสียแต่แรกก็หมดเรื่อง จะเสียเวลาไปหลบไปหนีทำไม ประเภทหนีจนแทบล้มประดาตายแล้วในที่สุดก็เสร็จจนได้นี่เสียชื่อ วิ่งใส่เสียแต่แรกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าใครจะอยู่ใครจะไป

บางท่านก็กลัวว่ามางานอย่างนี้แล้วต่อไปจะเสียความเป็นส่วนตัว เพราะคนจะรู้จักเยอะ นั่นไม่ใช่..ความเป็นส่วนตัวขึ้นอยู่กับเรา ถ้าความโหดเพียงพอก็จะไม่เสียความเป็นส่วนตัว ใครโผล่มาผิดจังหวะก็งับหัวให้ เดี๋ยวเขาก็ถอยไปเอง

ในเมื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเป็นส่วนหนึ่งของลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ก็เท่ากับเป็นบุคคลในยุทธจักร ต่อให้คุณต้องการความสงบขนาดไหน อย่างไรก็หาความเป็นตัวของตัวเองยาก ในฐานะที่เกิดมาจากวัดท่าซุงก็เหมือนกับอยู่ในน้ำแล้ว ในเมื่อขึ้นมาจากน้ำเปียกโชกไปทั้งตัวแล้วจะไปกลัวฝนทำไม ? ว่าแล้วก็เดินลุยไปเลย เพราะฉะนั้น..ภาษิตจีนนี่มีความหมายลึกซึ้งนะ ขึ้นมาจากน้ำแล้วไยต้องไปกลัวเปียกฝน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2012 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 234 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 11-03-2012, 10:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกแก้วจักรพรรดิในงาน เป็นของหลวงพ่อฤๅษีฯ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใช่..ความจริงอาตมาจะหยิบมาแล้ว เพราะว่าตอนหลวงพ่อมรณภาพ ย่ามของหลวงพ่ออยู่กับอาตมา แล้วอาตมาเองเป็นคนเอาไปถวายหลวงพี่อนันต์ท่านเอง ถ้าจะอมไว้เองตอนนั้นก็ไม่มีใครกล้าว่า เพราะตอนนั้นอาตมาเป็นมาเฟียคุมวัดอยู่..!

ถ้าหากว่าเอามาก็คงจะเหนื่อยรากเลือดอีก ความจริงแก้วทั้ง ๒ ดวงนั้น ถ้าหากว่าดูในแสงปกติจะทึบ ต้องส่องไฟใส่ถึงจะใส เพราะฉะนั้น..ถ้าหากอยู่ ๆ เห็นใครเขาถ่ายรูปดวงแก้วทึบ ๆ มา แล้วเราก็ไปบอกไม่ใช่ มีหวังเถียงกันตายเลย เพราะถ้าไม่ส่องไฟใส่จะสีทึบ

ถาม : ทำไมไม่เอามาละครับ ?
ตอบ : อาตมายังอยากมีชีวิตอยู่อีกพักหนึ่งว่ะ..ถ้าเอามาก็ตายเร็ว เท่ากับแบกงานไว้ทั้งหมด ตอนนี้งานของอาตมาก็เท่ากับเสี้ยวเดียว แหม..รื่นเริงมาก

ถาม : แล้วมีดูดมาบ้างไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ดูดเฉย ๆ เผื่อหมดทุกคนเลย แบ่งกัน..พวกเอ็งรวยข้าก็สบายไปด้วย แต่ที่ทำพิธีพุทธาภิเษกช้าเพราะว่าการเสกแก้วให้มีอานุภาพเหมือนพระเป็นเรื่องยากจริง ๆ ขนาดบารมีพระท่านสงเคราะห์ และมีแก้วจักรพรรดิอยู่ด้วยยังยาก ไม่อย่างนั้นมีหวังปาเข้าไปอย่างน้อย ๒ - ๓ ชั่วโมง

ถาม : ทำไมท่านไม่ทำเพชรจักรพรรดิบ้างละครับ แบบเพชรเบลเยียม ?
ตอบ : เดี๋ยวรอคุณก้านบัวว่าง ๆ ก่อน จะเล่นเพชรเดอเบียร์เลยก็ไม่ว่า เท่าไรก็ไม่ว่าถ้าคนอื่นลงทุน..!

ลูกศิษย์สายวัดท่าซุงเขาหมั้นกันด้วยแหวนจักรพรรดิมาเยอะแล้วนะ เล่นเอาสาว ๆ บ่นอุบเลย บอกว่าแหวนจักรพรรดิไม่เป็นสากล ยอมรับกันเฉพาะหมู่พวกเราเท่านั้น แต่สาวจะปฏิเสธก็ไม่ได้ ถ้าปฏิเสธก็หาว่าเพชรของหลวงพ่อไม่ดีสิ แล้วถ้าหนุ่มเอาไปหมั้นคนอื่นแทน ตัวเองก็จะเดือดร้อนอีก ท้ายสุดก็กัดฟันรับ ๆ เอาไว้

หมายเหตุ : ข้อความนี้ไม่อนุญาตให้นำออกจากเว็บวัดท่าขนุนค่ะ

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-03-2012 เมื่อ 10:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 241 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 11-03-2012, 16:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีงานทำบุญบ้านวิริยบารมีวันที่ ๒๙ มีนาคมนี้นะจ๊ะ สวดมนต์ ฉันเพล น่าจะเริ่มงานสัก ๑๐ โมง ถ้าใครว่างก็แวะมาช่วยกันเลี้ยงพระหน่อย ปีที่แล้วทำบุญเปิดบ้านวันที่ ๓๑ มีนาคม ปีนี้วันที่ ๓๑ อาตมาติดงาน จึงต้องเลื่อนมาวันที่ ๒๙ แทน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-03-2012 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 12-03-2012, 10:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เกี่ยวกับบรรดาคำทำนายต่าง ๆ พวกเราอย่าเพิ่งไปแตกตื่นตามนั้น เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทรงรู้ดีที่สุด ถ้าพระองค์ท่านขยับเรื่องใดแล้วเราค่อยขยับตาม อย่างพระองค์ท่านให้ทำทางด่วนระบายน้ำมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ แต่ไม่มีใครทำ พอน้ำท่วมแล้วค่อยนึกขึ้นมาได้ว่าในหลวงมีรับสั่งไว้นานแล้ว

ขอให้พยายามช่วยกันประคับประคองในหลวงของเราอยู่ให้นานที่สุด เพราะว่าบุคคลที่เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ซึ่งผีและเทวดาเกรงใจ ตอนนี้มีอยู่ไม่มากแล้ว ถ้าสิ้นพระองค์ท่านไปแล้วเขาเลิกเกรงใจ พวกเราอาจจะเดือดร้อนหนักกว่านี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2012 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 12-03-2012, 10:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงนี้มีผู้ชายไม่แท้อยู่เยอะ จะทำอย่างไรครับให้เขาเปลี่ยนเป็นผู้ชายแท้ครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปเปลี่ยน อย่าไปทะลึ่งอุตริ..! จำไว้ว่าอะไรที่มีมากจะเป็นปกติ ต่อไปพวกคุณแหละที่จะผิดปกติ เพราะพวกเขามีเยอะขึ้นเรื่อย ๆ

ช่วงนี้เป็นช่วงที่พวกเขามาสร้างบารมีกัน จึงมีมากขึ้น ๆ พอถึงอุปบารมีขั้นปลายก็จะกลายเป็นผู้ชายแท้ ๆ ไปเอง อุปบารมีขั้นกลางยังเป็นกึ่งหญิงกึ่งชายอยู่ พวกผู้หญิงใกล้จะเป็นผู้ชาย จะเอานิสัยห้าวมาใช้ เราก็ไปเรียกเขาว่าทอม พวกที่ข้ามมาเป็นผู้ชายแล้วยังติดจริตนิสัยผู้หญิง ก็ไปเรียกเขาว่าตุ๊ด ความจริงแล้วเป็นเรื่องปกติ พวกคุณก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2012 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 12-03-2012, 11:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,145 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางครั้งเวลาที่เราไปกราบหลวงปู่หลวงพ่อ แล้วเราอาจจะให้ท่านสงเคราะห์เจิมนั่นเจิมนี่ ถือว่าเราไปใช้ท่านหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ใช่..พูดง่าย ๆ ว่าเวลาไปหาพระ เอ่ยปากให้ท่านทำอะไรก็คือใช้ท่านนั่นแหละ

ถาม : มีโทษถือว่าเป็นการปรามาสหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไปพิจารณาเอาเองแล้วกัน ถ้าอาตมาบอกเดี๋ยวจะเป็นลมไปก่อน ประเภทใช้ให้ท่านทำมาจนนับไม่ถ้วนแล้ว ดันมากลัวเอาตอนนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-03-2012 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:12



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว