กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-02-2018, 00:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมก่อนเวียนเทียน วันวิสาขบูชา ปี ๒๕๖๐

วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่ง ที่พระเถระซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของท่านทั้งหลายก็คือ หลวงพ่อมณฑล วัดทุ่งสมอ ใช้คำว่า วัดทุ่งสมอ เฉย ๆ ไม่ใช่ “เจ้าอาวาสวัดทุ่งสมอ” เพราะท่านบอกว่าไม่เป็นแล้ว

ในส่วนของวัดทุ่งสมอก็คงจะได้เจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัทไปแทน ส่วนเจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัทก็โยกมาจากวัดเกาะพระฤๅษี ส่วนวัดเกาะพระฤๅษีนั้น ท่าน ๑.๑ รับอาสาไปดูแล ก็คงจะหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป

ลักษณะอย่างนี้ค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปสู่ภาระหน้าที่ ไม่ใช่ตำแหน่ง จำไว้ว่า ตำแหน่งมักจะมาพร้อมกับภาระ ดังนั้น..สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ใช่เรื่องดี หลวงพ่อมณฑลท่านก็พิจารณาเห็นถึงจุดนี้ จึงได้ตั้งใจสละมาให้เบากายเบาใจที่สุด เวลาไปไหนเหมือนกับนกบินจากคอน ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ยังไม่พอ ไม่เหลียวหลังกลับไปดูอีกต่างหาก

ใครเคยเห็นนกบินเหลียวหลังบ้าง ? ไม่มีนะ...นกบินจากคอนไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ ยกเว้นว่าดันไปเหยียบขี้โคลนมา น้อยตัวนะที่เป็นอย่างนี้...(หัวเราะ)...
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2018 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-02-2018, 09:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องภาระต่าง ๆ ไม่ว่าจะทางโลก ทางธรรมอะไรก็ตาม ตราบใดที่เป็นภาระก็เป็นปัญหาที่หนัก โดยเฉพาะภาระคือร่างกายนี้ อย่างที่บาลีว่า ภารา หะเว ปัญจักขันธา ภาระหาโร จะ ปุคคะโล ฯลฯ บอกชัด ๆ เลย ว่ามีแต่ทุกข์ทั้งนั้น

ถ้าเรามีแก่ใจที่จะช่วยเหลือการงานของคณะสงฆ์ หรือของพระพุทธศาสนา ทุ่มเทเข้าถวายการรับใช้ ก็อย่าลืมเรื่องกำลังใจตัวเอง เราจำเป็นต้องสร้างกำลังใจของเราให้เข้มแข็งที่สุด ให้เหลือภาระหน้าที่ให้น้อยที่สุด เมื่อถึงเวลาจำเป็นขึ้นมา ต้องไปรับภาระในที่ใดที่หนึ่ง ให้เหนื่อยแต่กาย อย่าให้เหนื่อยใจไปด้วย แต่ถ้าต้องเหนื่อยใจในการรบกับกิเลสด้วยแล้ว โอกาสที่จะหลุดพ้นจากผ้าเหลืองมีสูงมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2018 เมื่อ 19:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-02-2018, 09:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อวันที่ ๔ ที่ผ่านมา ท่านอาจารย์สมบุญ ปุญฺญรตโน เจ้าอาวาสวัดปากลำปิล็อก สึกหาลาเพศเป็นนายสมบุญไปเรียบร้อยแล้ว ปรารภกับผม ๒ ครั้งว่าสุขภาพไม่ดี อยากจะสึก ผมถามว่าแก่จนปานนี้แล้ว สึกไปแล้วจะไปทำมาหากินอะไรทันใคร ? ท่านก็บอกว่า ก็เพราะว่าทำมาหากินไม่ทันใคร สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ก็เลยไม่อยากให้เป็นภาระต่อคณะสงฆ์

ซึ่งความจริงเรื่องนี้ท่านคิดผิด เพราะว่าคณะสงฆ์ของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่า เธอทั้งหลายเป็นผู้ปราศจากบ้านเรือนแล้ว ปราศจากหมู่ญาติแล้ว ถ้าเธอทั้งหลายไม่ให้ความอนุเคราะห์สงเคราะห์ต่อกันแล้ว ผู้ใดจะให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์

จริง ๆ แล้วก็คือ พระของเราสามารถที่จะดูแล สามารถที่จะช่วยเหลือกันได้ ตัวผมเองก็เคยกล่าวกับพระโดยตรงว่า เคยดูแลหลวงปู่หลวงพ่อมาหลายรูป ถึงขนาดที่เรียกว่าดูแลจนมรณภาพคามือไปเลยก็มี ดังนั้น...ในส่วนนี้ผมเองไม่ได้มีความกังวล ต่อให้แก่ ต่อให้ป่วยขนาดไหนก็ตาม ผมมั่นใจว่าอานิสงส์นี้ถึงเวลาก็มีคนดูแลผมอย่างแน่นอน ไม่ต้องหนักใจ เพราะว่าได้ทำเอาไว้เยอะแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2018 เมื่อ 19:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-02-2018, 09:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลายท่านอาจจะเห็นว่า เวลาผมเห็นหลวงปู่หลวงตาอายุมาก ๆ มาวัดเรา ผมจะเดินไปประคองท่านเลย ด้วยความเคยชินกับการบริการพระผู้เฒ่า ถ้าเห็นว่าท่านไม่ไหวก็จะเดินไปประคองท่านเลย

ขณะที่พวกเราหลายคนดูไม่ออกว่าคนแก่สุขภาพชำรุด กับคนแก่สุขภาพปกติต่างกันตรงไหน ? เราเองอาจจะเดินไปประคองพระท่านที่สุขภาพแข็งแรง แต่ปล่อยให้ท่านที่สุขภาพชำรุดเดินไปหกล้มหกลุกแถวไหนก็ได้ ต้องหมั่นสังเกตดู แบบเดียวกับที่ผมถามโยมว่า แข้งขาเป็นอะไร ถึงเดินท่านั้น ? โยมก็บอกว่าเจ็บอย่างนั้น ป่วยอย่างนี้ แต่สำหรับคนอื่นแล้วจะเห็นว่ายังเดินปกติอยู่

ดังนั้น...ในเรื่องของการสังเกตสิ่งหยาบ ๆ รอบข้างของเรา เป็นการแสดงออกซึ่งความละเอียดของกำลังใจเราด้วย เพราะว่ากำลังใจของเราเป็นสิ่งที่สังเกตได้ยากมาก ตามทันได้ยากมาก รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นเร็วมาก ถ้าสิ่งหยาบภายนอกเรายังสังเกตไม่ได้ ดูไม่ทัน มองไม่เห็น เราก็จะไม่สามารถที่จะสังเกตกำลังใจของเราได้ทัน และก็ไม่สามารถที่จะควบคุมให้อยู่ในกรอบที่ดีได้

คำว่า อยู่ในกรอบ ก็คือ ถ้าไม่สามารถจะจัดการให้ไปในขั้นเด็ดขาดได้ ต้องตีกรอบเอาไว้ กรอบของเราที่ชัดที่สุด ก็คือ ศีล สมาธิ และปัญญา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2018 เมื่อ 19:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 16-02-2018, 09:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อันดับแรกเลยก็คือศีล จับเสือใส่กรงไว้ กรงนี้คือศีล แต่ก็เป็นเรื่องที่หลายท่านรู้สึกว่าหนักหนาสาหัสเหลือเกิน เพราะว่าในชีวิตฆราวาส ถ้าเปรียบกิเลสเป็นเสือตัวหนึ่งอยู่ในป่า บางทีเราเดินทั้งปีก็ไม่เจอเสือตัวนั้น แต่พอเราบวชเข้ามา โดนตีกรอบด้วยศีล เหมือนกับเอาเสือตัวนั้น ยัดเอาไว้ในกรงแคบ ๆ กับเรา ก็โดนเสือกัดอยู่ทุกวัน

ทำอย่างไรที่เราจะสามารถกดคอเสือเอาไว้ได้ ? หลังจากนั้นเสริมสร้างกำลังของเราจนเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าสมาธิทรงตัวตั้งแต่เช้า โอกาสที่เราจะพลาดท่ากิเลสก็ยาก เพราะว่ากำลังใจของเรานั้น เหมือนกับเก้าอี้ที่คนนั่งได้คนเดียว ถ้าดีเข้าไปนั่งได้ ชั่วก็เข้าไปนั่งไม่ได้หรอก แต่ถ้าปล่อยให้ชั่วเข้าไปนั่งเมื่อไร กว่าจะงัดออกไปได้ก็หลายวัน

ฉะนั้น...ทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็จำเป็นจะต้องเอาความดีใส่ใจของเราก่อน รู้สึกตัวเมื่อไรรีบวิ่งเข้าหาลมหายใจเข้าออกทันที ภาวนาจนอารมณ์ใจตั้งมั่นก่อน ตั้งสติให้มั่นคงแล้วค่อยขยับขยายไปทำเรื่องอื่น ไม่อย่างนั้นถ้าพลาด ปล่อยให้ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นเมื่อไร เราจะฟุ้งซ่านไปเป็นวันและหลายวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2018 เมื่อ 09:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 16-02-2018, 09:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลายท่านที่เป็นพระเก่า สมัยเป็นพระใหม่ถามผมว่า ทำไมหลวงพ่อถึงตื่นเช้านัก ? ผมบอกว่า "ผมต้องตื่นก่อนกิเลส" ลูกผู้ชายทุกคนจะเข้าใจทันทีเลยสำหรับประโยคนี้ ต้องตื่นก่อนกิเลส อย่าให้กิเลสตื่นก่อนเรา ถ้ากิเลสตื่นก่อนเราเมื่อไร เราฟุ้งซ่านไปนานเลย

ตื่นขึ้นมาให้รีบภาวนา อารมณ์ใจทรงตัวเมื่อไรจะเป็น วิกขัมภนวิมุตติ ก็คือ หลุดพ้นด้วยการกดข่มเอาไว้ชั่วคราว ฆ่ากิเลสไม่ได้ไม่เป็นไร แต่อย่าให้กิเลสมีอำนาจเหนือใจของเรา หลังจากนั้นเราค่อยมาเสริมในเรื่องของสมาธิ เพื่อความมั่นคงยิ่งขึ้น แล้วก็ใช้ปัญญาพิจารณา มองหาช่องทางว่าจะจัดการกับกิเลสให้เด็ดขาดอย่างไร

พูดง่าย ๆ อันดับแรก ก็คือ ต้องตีกรอบให้ได้ อันดับที่ ๒ กดคอกิเลสให้อยู่ และอันดับที่ ๓ ก็คือ ค่อยหาทางทอนกำลังกิเลสไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสามารถจัดการได้ขั้นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแล้วถ้าเสียคนตอนแก่ จะอายชาวบ้านเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2018 เมื่อ 09:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 16-02-2018, 09:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ผมเคยเห็นหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดรูปหนึ่งของภาคอีสาน สึกไปล้างชามก๋วยเตี๋ยวมาแล้วครับ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นแม่ม่ายลูกติด ต้องบอกว่ามีเสน่ห์แบบคนอายุมาก

คนเรามักจะชอบคนในระดับอายุไม่เท่ากัน ถ้าคุณอ่านพุทธประวัติจะเห็นว่านางตัณหา นางราคา นางอรดี แปลงเป็นสาวประเภทต่าง ๆ เข้ามา เป็นสาวรุ่น เป็นสาวโตเต็มวัย เป็นสาวที่มีลูก ๑ คน ๒ คน ๓ คน พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ชอบผู้หญิงลักษณะแบบไหนก็มีให้หมด แต่ปรากฏว่าเหนื่อยเปล่า

เพียงแต่ว่าพวกเรา การชอบผู้หญิงแต่ละช่วงอายุไม่เท่ากัน ในเมื่อแต่ละช่วงอายุไม่เท่ากัน หลวงพ่อคณะจังหวัดรูปนั้น ท่านก็คงเห็นดีเห็นงาม และก็ไม่รู้ว่าไปพูดจาตกลงกันอีท่าไหน สุดท้ายก็สึกไปอยู่กินด้วยกัน จากเจ้าคณะจังหวัดที่มีทั้งพระและโยมเคารพกันทั้งจังหวัด ต้องไปเป็นเหมือนกับลูกจ้างล้างชามก๋วยเตี๋ยว เพราะว่าแม่หม้ายเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ๒ คูหา ขายดีมาก ก็เลยมีฐานะดี ใส่ทองหยองเต็มตัว ถึงเวลามาชักมาชวน ท่านก็แพ้กิเลสสึกออกไป กลายเป็นหมดความน่าเชื่อถือ เพราะว่าใครที่เคยเคารพนับถือมาก่อน มาเห็นลักษณะอย่างนั้นเข้าก็คงทำใจได้ยาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2018 เมื่อ 09:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 16-02-2018, 10:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนที่ผมอบรมพระอุปัชฌาย์ ครูบาอาจารย์หลายท่านบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ พระอุปัชฌาย์อย่าสึกอย่างเด็ดขาด ผมยกมือถามว่าทำไมครับ ? ท่านเจ้าคุณพระพรหมโมลี (ท่านเจ้าคุณสุชาติ วัดปากน้ำ) อรรถาธิบายว่า ถ้าลูกศิษย์อยู่ได้ แล้วพระอุปัชฌาย์สึกไป ลูกศิษย์ต้องขายหน้าเขา แต่ตัวผมเองนั้นอาถรรพ์ เพราะว่าผมบวชได้ ๗ วัน คู่สวดก็สึก หลังจากนั้นพระอุปัชฌาย์ก็มรณภาพ กลายเป็นไอ้คนไม่มีพ่อแม่สั่งสอน

ในส่วนนี้เราจึงต้องระมัดระวัง อยากอยู่ต่อ ก็อยู่อย่างสง่างาม ถ้าอยากจะไป ก็เอาให้ชัดเจนไปเลย อย่าอยู่ในลักษณะปล่อยให้เรื่องเรื้อรัง ศาสนาของเราจะเสียหายมาก

เหตุที่เสียหายมาก เพราะว่าไม่ได้เสียที่เราคนเดียว อย่างวัดท่าขนุน ถ้าหากว่าคุณทำผิด ในสายตาของชาวบ้านเขาไม่ได้ว่าพระรูปนั้นทำผิด พระรูปนี้ทำผิด แต่เขาบอกว่าพระวัดท่าขนุนทำผิด ไม่ได้เสียแต่เรา วัดเสียไปแล้ว แล้ววัดท่าขนุนอยู่ที่ไหน ? วัดใคร ? เกิดมีผู้ไม่รู้จักถามขึ้นมา เขาก็บอกว่าวัดหลวงปู่สาย บรรลัยไปถึงครูบาอาจารย์อีก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2018 เมื่อ 10:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 20-02-2018, 21:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้เราจำเป็นต้องสำรวมระวังอย่างยิ่ง เพราะว่าเราอยู่ในสายตาของชาวบ้านตลอดเวลา จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม โดยเฉพาะระยะหลัง ๆ นี้ บรรดาสื่อต่าง ๆ เร็วมาก โทรศัพท์ทุกเครื่องสามารถถ่ายคลิปได้ แม้กระทั่งเครื่องราคา ๖๙๐ บาทของผมก็ยังถ่ายได้

เมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าเราเผลอพลาดเมื่อไรจะเสียหายมาก เสียหายที่ตัวเรา เสียหายที่วัดท่าขนุน เสียหายถึงผมซึ่งเป็นเจ้าอาวาสคนใหม่ เสียหายถึงหลวงปู่ที่เป็นเจ้าอาวาสเก่า และท้ายสุดก็เสียหายถึงคณะสงฆ์ เสียหายถึงพระศาสนา ต่อกันไปเรื่อย ๆ

เรื่องพวกนี้เราจึงต้องมีสติ ถ้าไม่มีสติรำลึกอยู่ว่า บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใด ๆ ของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้น ๆ ไม่สำนึกตรงนี้เมื่อไร...เผลอ ตัวเองโดนอาบัติ อานิสงส์ที่จะพึงมีพึงได้จากการบวชก็จะลดน้อยถอยลงไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2018 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 20-02-2018, 21:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทันทีที่พระคู่สวดท่านประกาศว่า อุปะสัมปันโน สังเฆนะ หรือ อุปะสัมปันนา สังเฆนะ แล้วแต่ว่าจะบวชคู่หรือว่าบวชเดี่ยว ก็คือบัดนี้ได้สำเร็จเป็นอุปสัมบัน คือ เป็นสงฆ์แล้ว อานิสงส์ในการบวชเราก็ได้เต็มตรงนั้นแล้ว จะสึกเดี๋ยวนั้นเลยก็ได้

เมื่ออยู่ต่อก็อยู่ที่เรา ถ้าทำดีก็บวกเพิ่มเข้าไป แต่ถ้าทำไม่ดีนี่จะโดนลบไปเรื่อย ๆ ลบมาก ๆ เข้าก็ติดลบ ติดลบมาก ๆ เข้าก็ถึงกับล้มละลาย เป็นพระเป็นเจ้าความประพฤติติดลบ ล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ ท้ายที่สุดก็จะพาให้สถาบันคือพระพุทธศาสนาล้มละลายไปด้วย

เวลาคนอื่นเขาชมว่าพระวัดท่าขนุนดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ ผมเองก็ยังสงสัยว่าตาเขาจะลาย เพราะว่าคนชมเป็นคนแก่ เนื่องจากว่าสิ่งที่พวกคุณทำ ยังไม่เป็นที่พอใจของผมเลย แต่ถ้าไปเปรียบกับวัดอื่นแล้ว เราก็จะเข้มงวดกว่าเขาอยู่นิดหนึ่ง ซึ่งผมขอบอกว่า คุณเป็นได้แค่หัวหมาเท่านั้น คำว่า "เป็นได้แค่หัวหมา" ก็คือหางราชสีห์นั้นเรายังเป็นไม่ได้เลย หมายความว่า ถ้าไปเปรียบกับพวกดีหนึ่ง ประเภทหนึ่ง เรายังไม่ติดฝุ่นของเขาเลย ยิ่งถ้าไปเปรียบกับวัดป่าที่ท่านเข้มงวดกวดขันมาก ๆ การปฏิบัติของพวกคุณนี่ไม่ได้สะเก็ดฝุ่นใต้เท้าของท่านหรอก

เดินจงกรมตั้งแต่เช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า เราทำได้ไหม ? ไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น...ถ้าหากเขาชมว่าเราดีกว่า ผมขอยืนยันว่าเราเป็นได้แค่หัวหมาเท่านั้น เป็นหางราชสีห์ยังไม่ได้ เราจำเป็นที่จะต้องมีการฝึกฝนปฏิบัติให้เข้มงวดยิ่ง ๆ ขึ้นไป กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่อีก เราต้องทำกาย วาจา ใจเหล่านั้นให้ได้

ในสิ่งที่บอกกล่าวกับพระ ญาติโยมทางด้านนอก ไม่ว่าจะเป็นนักปฏิบัติหรือว่าไม่ปฏิบัติก็ตาม เข้าวัดเข้าวามาแล้ว ได้รับได้ฟังไปด้วย ถ้าเป็นประโยชน์แก่ตัวเองสามารถนำเอาไปใช้ได้เลย อาตมาไม่มีสิทธิ์ที่จะสงวนลิขสิทธิ์ เพราะว่าหลักธรรมทั้งหลายเป็นของพระพุทธเจ้า ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ตัวเองเมื่อไร สามารถนำไปใช้ได้ทันที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2018 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 20-02-2018, 21:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในตอนนี้เหลืออีก ๔ นาทีจะได้เวลาเวียนเทียนของพวกเราแล้ว ท่านทั้งหลายที่เพิ่งมาถึง แสวงหาดอกไม้ธูปเทียนสำหรับบูชาพระรัตนตรัยกันได้แล้ว ก็มารวมตัวกันอยู่ในกำแพงแก้วรอบโบสถ์ เมื่อถึงเวลาจะได้จุดธูปเทียนบูชาพระพร้อมกัน

หลังจากนั้นพระท่านก็จะตั้งแถว นำพวกเราเวียนเทียนเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา กำลังใจที่มุ่งตรงต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อพระธรรม ต่อพระอริยสงฆ์ มีอานิสงส์มหาศาลจนคาดไม่ถึง ตัวอย่างในพระไตรปิฏกมีมากต่อมากด้วยกัน ระลึกถึงแม้ชั่วช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ปรากฏว่าตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า มีวิมานทองคำเป็นที่อยู่

ถามว่าทำไมถึงมีอานิสงส์มากขนาดนั้น ? อานิสงส์ที่มากเพราะว่าคนอื่นมีน้อย แปลว่าอะไร ? ถ้าหากเปรียบเทียบกับบุคคลที่มีกำลังใจมืดบอด กำลังใจต่ำ ย่อมห่างจากบุคคลที่มีกำลังใจผ่องใส กำลังใจสูง ยิ่งกำลังใจสูงต่ำกันมากเท่าไร ระดับของความห่างก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เมื่อวัดไปถึงระดับจอมอรหันต์อย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงห่างกันจนยากที่จะประมาณได้

เมื่อเราทำความดีต่อท่านทั้งหลายเหล่านี้ ต่อพระพุทธเจ้าก็ดี ต่อพระธรรมก็ดี ต่อพระอริยสงฆ์ก็ดี จึงได้มีผลานิสงส์มากมหาศาลจนประมาณไม่ได้ เพราะว่าระดับห่างกันเหลือเกิน เราทำบุญกับเดรัจฉาน ๑ ครั้งมีผลเป็น ๑๐๐ แต่ว่าเราทำบุญกับบุคคลที่ทุศีล ยังมีผลมากกว่าสัตว์เดรัจฉานเป็น ๑๐๐ เท่า ก็แปลว่ามีอานิสงส์เป็น ๑๐,๐๐๐

ทำบุญกับบุคคลที่ทุศีล สู้บุคคลที่มีศีลแล้วทำศีลบกพร่องไม่ได้ ห่างกันเป็น ๑๐๐ เท่าอีก ก็แปลว่า ใส่ไปอีก ๒ ศูนย์ เป็น ๑,๐๐๐,๐๐๐ แล้ว ทำบุญกับสัตว์เดรัจฉานเป็น ๑,๐๐๐,๐๐๐ ครั้ง ไม่เท่ากับทำบุญกับบุคคลที่ศีลขาด ๑ ครั้ง

ระดับที่ขาดมากกับดีมาก จะยิ่งต่างกันไปเรื่อย ๆ ดังนั้น...ผลานิสงส์จึงมากมายมหาศาลไปด้วย ขอให้ทุกคนตั้งจิตตั้งใจด้วยความเลื่อมใสในคุณพระศรีรัตนตรัย ตั้งใจถวายดอกไม้ ธูปเทียนของเรา เป็นพุทธบูชา พวกเรามากราบพระ ไหว้พระ บูชาพระ ไปพร้อม ๆ กัน



พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
งานเวียนเทียนวันวิสาขบูชา
วันพุธที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ข้าแผ่นดิน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-02-2018 เมื่อ 03:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:25



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว