กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 07-06-2016, 16:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมัยที่พระอาจารย์เจอคู่บุพเพสันนิวาสแล้วต้องตัดเขาไป ช่วงนั้นท่านวางกำลังใจแบบไหนครับ ?
ตอบ : วางกำลังใจว่า เรื่องของมึง...! เรื่องเหล่านี้น่าเสียดายว่านักปฏิบัติมากต่อมากด้วยกัน ที่ไปเสียท่าเสียทางจนกระทั่งกลายเป็นครอบครัวขึ้นมา แล้วทำให้ปฏิบัติธรรมได้ยากขึ้น

อาตมาเองก็ไม่ได้เก่งกาจกว่าญาติโยมทั้งหลายเลย เพียงแต่นิสัยเฉพาะตัวก็คือ ถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับใครก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของเขา แล้วดันไปรู้ว่าตัวเองจะต้องบวช ถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขา รับผิดชอบชีวิตของเขา ก็แปลว่าไม่สามารถที่จะบวชได้ ก็เลยจำเป็นที่จะต้องอดใจไว้ว่า...อย่าไปยุ่งกับเขา...เท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2016 เมื่อ 17:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 07-06-2016, 16:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การปฏิบัติบารมีอย่างกลาง ๗ เดือน ต้องทำอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ทำไมไปเอา ๗ ปี ? ก็ทำในศีล สมาธิ ปัญญาเหมือนกัน เอา ๗ วันสิ...!

จริง ๆ แล้วเขาถามผิด เรื่องของ ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี เป็นเรื่องของการปฏิบัติในมหาสติปัฏฐานสูตร พระพุทธเจ้าตรัสว่า อานิสงส์ของมหาสติปัฏฐานสูตรก็คือ ผู้ใดตั้งใจปฏิบัติ อย่างช้า ๗ ปี อย่างกลาง ๗ เดือน อย่างเร็ว ๗ วัน แล้วก็มี ๖ วัน ๕ วัน ๔ วัน ๓ วัน ๒ วัน ๑ วันเหมือนกัน ก็จะสามารถเข้าถึงมรรคผลซึ่งหวังได้แค่สองอย่าง ก็คือ พระอนาคามีและพระอรหันต์ ก็แปลว่า ถ้าใครทุ่มเทให้กับมหาสติปัฏฐานสูตรอย่างแย่ที่สุด ๗ ปี ต้องได้เป็นพระอนาคามี แต่กลัวว่าจะทำผิด กลายเป็น ๗ ชาติก็ยังไม่ได้อะไร...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2016 เมื่อ 17:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 07-06-2016, 16:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กำลังฝึกกรรมฐานและคิดว่าอารมณ์จะเข้าฌานสี่ แต่ไม่สามารถตัดร่างกายได้เพราะกลัวตาย กราบขอคำชี้แนะด้วยค่ะ ?
ตอบ : ถ้ายังกลัวตายอยู่ ฌานหนึ่งก็ยังไม่ได้เลย ไม่ต้องไปหวังฌานสี่ เพราะถ้ายังกลัวอยู่แสดงว่าจิตไม่รวมตัว ถ้าสภาพจิตรวมตัวตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป มีแต่ความอาจหาญ ความตายอะไรก็ไม่กลัวทั้งนั้น แสดงว่าเข้าใจผิดว่าที่ตัวเองแหย่ ๆ อยู่นั้นกำลังเป็นฌานสี่ ...(หัวเราะ)...

อารมณ์ปฐมฌานมีแต่ความสุขสดชื่นเบิกบาน จิตใจไม่หวั่นไหวต่อ รัก โลภ โกรธ หลง เมื่อ รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นไฟใหญ่สี่กองโดนอำนาจฌานกดดับลงชั่วคราวแล้ว คำว่ากลัวตายแม้แต่นิดหนึ่งก็ไม่มี เพราะมัวแต่สุขกับอารมณ์ใจตรงหน้า จึงบอกว่าถ้ากลัวตายอยู่ฌานหนึ่งยังไม่ได้เลย ไม่ใช่ว่าจะฌานสี่แล้วกลัวตาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-06-2016 เมื่อ 17:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 07-06-2016, 18:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานอุปสมบทหมู่ ๑๐๐ ปีหลวงพ่อวัดท่าซุง ถ้าใครเป็นญาติเป็นโยมจะไปโกนหัวนาค ให้ไปเช้าวันที่ ๙ ถ้าไปช้าก็จะไม่ทันเพราะอาตมาไม่รอ โกนหัวนาคเสร็จจะบวชเณรไปก่อนเลย เพื่อถวายพระราชกุศลแด่บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสทรงครองราชย์ ๗๐ ปี ประมาณ ๗ วัน แล้วพอวันที่ ๑๕ ก็บวชพระต่ออีก ๗ วัน สรุปว่าบวชครั้งนี้ได้กำไร ๒ ต่อ ได้ทั้งอานิสงส์ในการบวชพระ และอานิสงส์ในการบวชเณร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 04:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 07-06-2016, 19:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ลูกศิษย์ของท่านแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท

ประเภทที่ ๑ เป็นลูกศิษย์รุ่นใหญ่
ประเภทที่ ๒ เป็นลูกศิษย์รุ่นกลาง
ประเภทที่ ๓ เป็นลูกศิษย์รุ่นจิ๋ว


ท่านบอกว่า ลูกศิษย์รุ่นใหญ่ของท่าน ต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบันขึ้นไปเป็นอย่างน้อย ลูกศิษย์รุ่นกลาง อย่างน้อยต้องทำมโนมยิทธิหรือทรงฌานสมาบัติได้ ส่วนลูกศิษย์รุ่นจิ๋ว อย่างน้อยต้องรักษาศีล ๕ ได้

อาตมาเองก็อยากจะแบ่งลูกศิษย์ตัวเองเป็น ๓ รุ่นเหมือนกัน รุ่นที่ ๑ เรียกว่า รุ่นเป็นง่อย...! คือ ไม่คิดจะช่วยตัวเองอะไรเลย นอกจากโดดเกาะอย่างเดียว เกาะเฉย ๆ ก็ไม่ว่า รัดคออีกต่างหาก...! อาจารย์ไม่ตายก็บุญโขแล้ว พยายามจะถีบจะผลักให้เดินอย่างไร ก็ไม่สนใจทั้งนั้น กูจะเกาะอย่างเดียว แถมยังมีการไปต่อว่าอีกว่าพระอาจารย์ใจร้ายใจดำ ไม่ยอมให้เกาะ

ประเภทที่ ๒ กึ่งเป็นง่อย...! ก็คือ ช่วยงานอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้เป็นภาระมากนัก ก็ถือว่าพอใช้ได้อยู่ ส่วนประเภทที่ ๓ มาช่วยงาน แต่ก็ยังแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ประเภทยิ่งช่วยยิ่งยุ่ง มีน้ำใจแต่ไร้ฝีมือ ยิ่งช่วยยิ่งมีปัญหา กับประเภทช่วยแบ่งเบาภาระงานได้จริง ประเภทที่ ๓ นี่มักโดนประเภทที่ ๑ และประเภทที่ ๒ มาอิจฉาอยู่เสมอ หาว่าทำไมรุ่นนี้ถึงใกล้ชิดได้ ทำไมเขาใกล้ไม่ได้ ฟังแล้วเครียด...!

การที่จะทำตัวเป็นภาระให้กับครูบาอาจารย์นั้น ในความรู้สึกของเขารู้สึกว่าดีเหลือเกิน โดยที่ไม่ได้รู้ว่าการที่แบกภาระนั้นหนักแค่ไหน จนกว่าจะเป็นครูบาอาจารย์เองนั่นแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 04:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 07-06-2016, 19:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เมื่ออาทิตย์ก่อนน้องพลอย (ลูกสาวคุณชวง) ตอนนี้เป็นรองประธานนักเรียนอยู่ บอกว่าเพื่อนมาปรึกษาว่าจะหนีออกจากบ้าน คราวนี้นอกจากในฐานะเพื่อนแล้วยังในฐานะรองประธานนักเรียน ที่ทำหน้าที่แทนประธานทุกอย่าง เพราะประธานงอมืองอเท้า ไม่ทำอะไรเลย จึงต้องพยายามเกลี้ยกล่อมจนเพื่อนเปลี่ยนใจ ไม่หนีออกจากบ้าน แล้วน้องพลอยก็หงายผลึ่ง...! สลบเหมือด บอกว่า หมดแรงเลยค่ะหลวงพ่อ

อาตมาก็เลยบอกว่า "หนูแบกภาระคนแค่คนเดียว อาศัยกำลังตัวเองไปพลิกเปลี่ยนกำลังใจของคน ยังรู้สึกหมดแรงขนาดนี้ แล้วหลวงพ่อแบกคนตั้งครึ่งค่อนประเทศ รสชาติเป็นอย่างไร ? แล้วในหลวงแบกคนทั้งประเทศ รสชาติเป็นอย่างไร ? มีทางเดียว...หนูต้องไปทำสมาธิให้เข้มแข็งกว่านี้ จะได้แบกภาระได้มากขึ้น" เพราะฉะนั้น...บรรดาท่านที่เป็นง่อยและกึ่งเป็นง่อยทั้งหลาย กรุณาเดินเองได้แล้ว หาไม่...ตอนนี้ไม่ใช่ถีบส่งเฉย ๆ แต่จะถีบลงเหวไปเลย...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 04:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 07-06-2016, 19:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

...(ทิดเต้ยยิ้ม)... "ไม่ต้องยิ้ม...เอ็งด้วย ช่วยงานไม่ได้ไม่พอ หาภาระมาเพิ่มให้ตูตลอด...! แค่สำรวมกาย วาจา ใจของตัวเอง ตรวจดูว่ามีความชั่วอยู่ในใจหรือเปล่า ? ถ้ามีก็ไล่ออกไป ไล่ออกไปได้แล้วก็ระวังอย่าให้เข้ามาอีก ความดีมีอยู่ในใจหรือเปล่า ? ถ้าหากว่าไม่มีก็ทำให้มีขึ้นมา เมื่อมีแล้วก็รักษาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป แค่นั้นเอง แต่ทำไม่ได้สักที เจอหน้ากี่ครั้งก็เหมือนเดิม

นอกจากไม่เป็นภาระแก่ครูบาอาจารย์ ก็ยังเป็นการส่งเสริม เป็นเกียรติเป็นศรีแก่ครูบาอาจารย์อีกด้วย ว่าเรารักดีใฝ่ดี ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติให้สมกับเป็นคนที่เข้าวัดปฏิบัติธรรม แต่ส่วนใหญ่แล้วเปล่าเลย กระโดดเกาะอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เอาเลย ประเภทนี้ต้องไปเจอคุณมงคล คุณมงคลบอกไว้ตั้งแต่สมัยบ้านอนุสาวรีย์แล้ว บอกว่า “หลวงพี่...ถ้าประเภทนี้นะ ผมปล่อยแม่ง...ตายห่....หมดเลย...!” สมควรปล่อยสักทีนะ...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 04:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 07-06-2016, 19:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้ายืนหยัดด้วยตัวเองได้ ก็ผ่อนคลายภาระครูบาอาจารย์ไปตั้งครึ่งตั้งค่อนแล้ว ไม่ต้องถึงกับมาช่วยงานก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือครูบาอาจารย์แล้ว ก็คือช่วยทำตนไม่ให้เป็นภาระ

แต่บางคนช่วยงานไม่ได้ไม่ว่า ยังพยายามทำตนเป็นภาระอีกต่างหาก แล้วเขาก็ไม่เข้าใจว่ากำลังใจของพระก็คือสงเคราะห์เฉพาะหน้า นอกเหนือจากนั้นแล้วก็ถือว่าแล้วกันไป แต่ดันมีการโวยวายน้อยอกน้อยใจว่าทำไมถึงสนใจแต่คนโน้น ทำไมไม่สนใจคนนี้ ตัวเองอายุ ๕๐ ปี ๖๐ ปีแล้ว เรียกร้องจะเอาเท่ากับเด็กอายุ ๑๐ กว่าปี ตูจะบ้า...! ต้องเรียกว่าเติบโตเพราะกินข้าว แก่เฒ่าเพราะอยู่นาน หาความดีอะไรไม่ได้เลย

ว่าอย่างไรนาทาม ? ถ้ามีคุณป้าคุณยายมาเรียกร้องให้หลวงพ่อสนใจมากเท่ากับสนใจหนูนี่จะน่ารักมากไหม ? น่าเหวี่ยงใช่ไหม ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 04:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 08-06-2016, 15:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ที่ญาติโยมมาน้อยส่วนหนึ่งละลายไปเพราะลม ไม่ใช่ฝนนะ แค่ลมเท่านั้น ทิดดอยบอกว่าฝนตกแน่ แต่อาตมาบอกว่าไม่ตก นั่งเถียงกันอยู่สองคน เชื่อเถอะ...อาตมาชนะตลอด..!

การที่เราใช้ความเป็นทิพย์ จะมีตัวอุปาทานทำให้เฝือ ทำให้ผิด ก็คือ ลักษณะอย่างที่ทิดดอยว่า "ตกแน่" ตกแน่ตัวนี้ไม่ใช่ความเป็นทิพย์ที่แท้จริง แต่เกิดจากการไปยึดของเก่าว่า ลมลักษณะอย่างนี้ฝนจะต้องมา การยึดของเก่าเขาเรียกว่า อุปาทาน คนที่ฝึกมโนมยิทธิที่ไปเกาะอุปาทาน โอกาสผิดมีตั้งแต่เริ่มคิด จะไปยึดของเก่าไม่ได้เลย ต้องเชื่อกำลังใจแรกอย่างเดียว

กำลังใจตอนนั้นบอกว่าอะไร ให้เชื่อตามนั้น แต่พวกเราก็มักจะมีความดี เพราะมีประสบการณ์เก่าเยอะ ก็คือไปยึดอุปาทานเก่า ๆ ในเมื่อเราไปยึดของเก่า "ฮื้อ..ไม่ใช่กระมัง ?" "เอ๊ะ..น่าจะเป็นอย่างนี้นะ" เจ๊งเลย แล้วไปพิสูจน์ดูเถอะ อารมณ์ใจที่บอกครั้งแรกถูกทุกทีแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 15:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 08-06-2016, 15:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีญาติโยมถามว่า ทำไมอาตมาไม่สอนมโนมยิทธิ ? มโนมยิทธิเป็นกรรมฐานที่ช่วยให้เข้าพระนิพพานได้ง่ายที่สุด แต่ทำให้คนหลงยึดติดได้มากที่สุดเช่นกัน ตัวหลงยึดติดส่วนใหญ่ก็คือ เพราะว่าเราเห็น เราจึงเชื่อ แล้วใครบอกก็ไม่ฟังด้วย เพราะว่าเห็นมาด้วยตัวเอง

อาตมาเคยเปรียบเทียบมาหลายทีแล้วว่า เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย จะโดนเขากระทืบตายเพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่..! เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมาจริง ๆ แต่เรื่องที่เห็นไม่ใช่เรื่องจริง เป็นหนังที่เขากำลังแสดงกัน ลักษณะการทดสอบมโนมยิทธิก็แบบนั้น เรายิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร การทดสอบก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้น การใช้มโนมยิทธิจึงต้องระวังจนตัวลีบ เหมือนกับเดินอยู่บนเชือกที่ข้ามเหว พลาดเมื่อไรก็ลงเหวทันที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 15:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 08-06-2016, 15:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"รุ่นของอาตมา หลังจากเจริญกรรมฐานรอบค่ำที่ตึกธัมมวิโมกข์เสร็จ ก็มานั่งวิเคราะห์อารมณ์ใจกัน ขนาดนั่งวิเคราะห์วิจัยกันอยู่ทุกวันก็ยังพลาด กลายเป็นทาสให้เขาใช้งานอยู่ถึงสามปี ถึงเวลาแล้วคนอื่นเขาชมก็ก้นกระดก พอเขาบอกว่า "ทำไมรู้ชัดเจนอย่างนี้ ?" "แหม...แจ่มใสเหลือเกิน" "พูดอะไรก็ถูกไปหมด" ปลื้มใจ...ตัวพองเบ้อเร่อ คงพอ ๆ กับอึ่งอ่างตัวที่โดนวัวเหยียบตาย...! กว่าจะรู้ว่าตายตอนนั้น พระนิพพานที่เราหวังก็คงไม่ต้องหวังเลย มัวแต่เป็นขี้ข้าไปดูให้ชาวบ้านเขา

ฉะนั้น...ใครฝึกมโนมยิทธิโปรดทราบว่า ปัจจุบันที่ทำ ๆ กันอยู่ ส่วนใหญ่แล้วผิดทั้งนั้น มโนมยิทธิหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้เรารู้เพื่อละ รู้แล้วจะได้เข็ด เกิดมากี่ชาติก็ยังทุกข์อยู่ ควรที่จะพอกันทีหรือยัง ? ไม่ใช่ไปดูว่าคนนั้นเป็นอย่างนั้นกับเรา คนนี้เป็นอย่างนี้กับเรา แทนที่จะเข็ดจะกลัว กลับไปฟื้นความสัมพันธ์กันใหม่ คนที่กำลังว่ายน้ำอยู่ แทนที่จะตะกายขึ้นฝั่ง ดันไปกอดคอกันเป็นพรวน ก็จมน้ำตายไปด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ..!

โดยเฉพาะที่โดนกระทืบมาแล้วก็คือ ไปบอกเมียชาวบ้านว่า ในอดีตเคยเป็นเมียตัวเอง แยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอดีต อะไรเป็นปัจจุบัน
สมน้ำหน้ามัน...! "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 16:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 08-06-2016, 15:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ขนาดอาตมานั่งวิเคราะห์วิจัยกันอยู่ทุกวันกับพระพี่พระน้อง ยังโดนเขาหลอกอยู่ตั้งสามปี วิจัยกันอยู่ทุกวันแต่วิจัยไม่ถึง เพราะคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นดีแล้ว ก็เลยไม่ได้ยกมาเป็นบทเรียน

ถ้าถามวิจัยกันขนาดไหน ? ก็แค่เดินบิณฑบาต มาถึงหน้าวัดโยมก็ดักใส่กันเยอะ มีสาวสวยคนหนึ่งใส่น้ำหอมฟุ้งมาเชียว อาตมาได้กลิ่นปุ๊บกลั้นใจปั๊บเลย รู้ว่าสู้ไม่ได้ ตั้งใจดูปรากฏว่าพระพี่พระน้องทั้ง ๑๑ รูปที่เข้าแถวอยู่ด้วยกันกลั้นใจทุกคนเลย...!

ไปหอฉัน เทข้าวลงส่วนกลาง ล้างบาตรเช็ดเรียบร้อย นั่งรอสายอื่นเขามาก็นั่งวิจัยกัน ว่าที่เราทำเป็นตัวปัญญาหรือเปล่า หรือเราหนีปัญหา ? สรุปว่าเป็นตัวปัญญาแท้ ๆ เลย รู้ว่าสู้ไม่ไหว ก็ต้องหนี โดยเฉพาะหลวงตาวัชรชัยบ่น "ไอ้ห่...Chanel No.5 ของโปรดกูเลย"

ส่วนพวกเราไม่ค่อยจะวิเคราะห์วิจัยอะไรกัน ส่วนใหญ่ก็เปะปะมั่วไปเรื่อย ได้ผลขึ้นมาก็เริงร่าหน้าบาน แบบทิดน็อต พอเวลาไม่ได้ผลก็ "พระไม่เห็นช่วยผมเลย" มารดามันคิดแบบนี้คงจะได้ผลอยู่หรอก...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 16:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 08-06-2016, 16:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ไม่รู้จักใช้ธัมมวิจยะ ก็คือ พยายามศึกษา สืบสาวไปให้ถึงต้นตอ ว่ากำลังใจของเราที่ดีแบบนี้เกิดจากอะไร พอถึงเวลาผิดพลาดขึ้นมา กำลังใจตกต่ำ จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก เกิดจากสาเหตุอะไร

ในเมื่อเราไม่เคยวิเคราะห์หาสาเหตุ ก็แปลว่า ไม่มี ธัมมัญญุตา อัตถัญญุตา ก็คือ ขาดสัปปุริสสธรรม ๗ ในเรื่องของการรู้เหตุรู้ผล ในเมื่อไม่รู้เหตุก็แก้ไขไม่ได้ จึงหกล้มหกลุกไปเรื่อย เพราะฉะนั้น...หัดใช้สมองบ้าง เก็บไว้คั่นใบหูมานานแล้ว...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 16:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 08-06-2016, 19:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วัตถุมงคลที่เป็นมหาเสน่ห์นี่เรียกตีนด้วยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าอยู่ในราศีตีนก็โดน...! โบราณเขาบอกว่า "คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ" ถ้าใช้วัตถุมงคลหรือคาถาสายเสน่ห์จริง ๆ ต้องทำให้ได้ผล ถามว่าทำให้ได้ผลขนาดไหน ? ตัวอย่างสมัยก่อนก็ท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี เสกน้ำมันทาให้แมว ทาให้หนู แล้วก็จับใส่กรงเดียวกัน ก็เห็นนัวเนียอยู่ด้วยกัน ไม่เห็นหนูจะหนีแมวหรือแมวจะกินหนู หรือไม่ก็อย่างหลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ทำสีผึ้งเสร็จทาให้ไก่เพื่อทดสอบดู ไก่เดินตามทั้งวันเลย ต้องให้ได้ขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นก็หนีตีนไม่พ้น เพราะคนหมั่นไส้มี ทำอย่างไรจะให้คนที่หมั่นไส้เปลี่ยนเป็นควักกระเป๋าไปซื้อขนมให้เรากิน ?

ถาม : ไม่ใช่สังคหวัตถุ ๔ หรือครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่...ใช้กำลังสมาธิล้วน ๆ เรื่องของคาถาเป็นมโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ ถ้ากำลังใจทำถึง ใครอยู่ในบริเวณนั้นก็เสร็จเราหมด สมัยก่อนที่เขาศึกษากันนักหนา เพราะว่าบรรดาว่าที่พ่อตาส่วนใหญ่โคตรดุเลย บางบ้านนี่ถือลูกซองเฝ้าลูกสาวอยู่ ไปถึงริมรั้วพนมมือ "โอมศรีกูงามคือฟ้า หน้ากูงามคือพระแมน แขนกูงามคือพระนารายณ์..." ท่องไม่ทันจบ ลูกปืนมาแล้ว...! วิ่งกันตีนพลิก จำไว้ว่าคาถามหาเสน่ห์อย่าใช้บทยาว ...(หัวเราะ)... ยาวเกินไปภาวนาไม่ทันลูกปืน

ถาม : อย่างอันนี้ (ปรอทสำเร็จ) เป็นขั้นป้องกันตัวหรือมหาเสน่ห์ครับ ?
ตอบ : เอาเป็นอันว่าเริ่มต้นแล้วกัน

ถาม : ขั้นแรกคือ ?
ตอบ : ก็คือมหาเสน่ห์

ถาม : เราสามารถเลือกได้ใช่ไหมครับว่าเป็นเสน่ห์กับเพศตรงข้ามเท่านั้น ?
ตอบ : ดูท่าจะเลือกไม่ได้...! บอกแล้วว่าถ้าทำได้ หมูหมากาไก่ก็โดนหมด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 20:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 08-06-2016, 19:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมขึ้นรถเมล์โดนขยำแก้มก้นครับ ?
ตอบ : นึกว่าให้ทานเขาเถอะ...! ถ้าประเภทเห็นดีเห็นงามด้วยก็แกล้งปิดป้องแต่พองาม..!

ถาม : แล้วอย่างนี้ต้องคิดว่า ตัวเราไม่ใช่ของเรา เพราะเป็นกรรมเก่าของเราใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ส้นตีนแน่ะ...! ป้องกันได้ก็ไม่ป้องกัน โง่ตายห่..!

ถาม : ผมง้างมือกำหมัด จะหันไปข้างหลัง พอหันไปดูเห็นหุ่นเขาแล้ว ผมก็เลยลงป้ายหน้าเลย..?
ตอบ : ถ้าเห็นว่าหล่อหน่อยก็ไปด้วยกัน...! อย่าว่าแต่คุณเลย สมัยก่อนอาตมาขึ้นรถเมล์ก็โดน แต่เป็นพวกสาว ๆ เด็กนักเรียนวัยรุ่น ดูหน้าก็รู้ว่าเพิ่งจะมัธยมต้น อะไรจะรีบขยันหาผู้ชายขนาดนั้น บังเอิญอาตมาตายด้าน ก็เลยไม่ไปเออออห่อหมกกับเขาด้วย

น่าเห็นใจเหมือนกันนะ อาตมามีน้องชายอยู่คนหนึ่ง เกิดราศีตีนเหมือนกัน ไปด้วยกัน พวกจิ๊กโก๋จ้องกระทืบเขาอยู่คนเดียว ขนาดเดินอยู่ด้วยกันเขาก็โดนคนเดียว แสดงว่าเกิดราศีตีนจริง ๆ เรียกตีนได้ดีมาก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-06-2016 เมื่อ 20:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 11-06-2016, 11:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานวันพฤหัสบดี ปกติแล้วจะต้องไปทำหนังสือเดินทางเพื่อไปอังกฤษ ปรากฏว่าหนังสือรายชื่อผู้ได้รับอนุมัติให้เดินทางของสำนักพุทธฯ ออกไม่ทัน อาตมาก็เลยไปวัดท่าซุงแทน ไปกราบเรียนหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า บวชพระถวายท่าน ๑๐๐ รูป แล้วก็ไปเชิญ "ท่านขุนแผน" มาปลุกเสกพระวันเป่ายันต์เกราะเพชร กราบขอบารมีสมเด็จองค์ปฐมช่วยสงเคราะห์ในงานพุทธาภิเษกและเป่ายันต์เกราะเพชร รู้สึกว่าเป็นงานใหญ่เหมือนกัน จึงต้องจัดเครื่องบูชาชุดใหญ่ถวายท่าน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2016 เมื่อ 15:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 11-06-2016, 11:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระที่วัดนั้นฉันข้าวเย็น ?
ตอบ : อย่าไปสนใจเขาสิวะ...! เรารู้ว่าศีลพระเป็นอย่างไร พระธรรมวินัยเป็นอย่างไร ก็ทำของเราไป แล้วเขาก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่าของเราไปเองแหละ ถ้าอยากจะเป็นพวกเดียวกับเขาก็ไปกินข้าวเย็นกับเขาก็หมดเรื่อง...!

เดี๋ยวนี้จะหาวัดที่พระอุปัชฌาย์อาจารย์สอนพระให้ละอายชั่วกลัวบาปก็หายากขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้สอนบางทีท่านเองก็ปากเปียกปากแฉะ แต่พวกนั้นดันไม่ฟัง แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นลูกท่านหลานเธอ คนที่ให้การอุปถัมภ์อุปัฏฐากวัด บางทีท่านก็ไม่กล้าด่าไม่กล้าไล่เหมือนกัน บอกพวกนั้นว่าไปบวชวัดท่าขนุนดูสิ แล้วจะซาบซึ้งในอนาคต...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2016 เมื่อ 15:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 11-06-2016, 12:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องศีลข้อสามครับ ถ้าคนที่เขามีคู่ครอง ไม่ว่าจดทะเบียนหรือไม่จดทะเบียน หรือประกาศตัวว่ามีแฟนแล้ว ถ้าเราไปยุ่งกับเขาอันนี้ศีลขาดแน่ ที่สงสัยก็คือ คนที่เขาประกาศตัวว่าเขาโสดอยู่ แต่ก็มีคนคุยด้วย ถ้าเราไปยุ่งกับเขา (มีเพศสัมพันธ์) ?
ตอบ : นั่นเป็นเรื่องของทางโลก เราเอาเรื่องของทางธรรมสิ เรื่องของทางธรรมพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า บุคคลนั้นมีพ่อปกครอง มีแม่ปกครอง มีพี่ปกครอง มีน้องปกครอง จนกระทั่งมีญาติปกครอง มีคนจองแล้วด้วยพวงมาลัยก็คือมีคนหมั้น มีคนให้ผ้าก็คือลักษณะที่ว่าซื้อตัวไป ท้ายสุดก็มีธรรมปกครอง ซวยฉิบหา...ไม่รอดสักราย เพราะฉะนั้น...ความประพฤติในปัจจุบันเป็นมาตรฐานไม่ได้ พูดง่าย ๆ คือไปยุ่งเมื่อไรก็ซวยเมื่อนั้นแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2016 เมื่อ 15:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 11-06-2016, 12:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฉายาต้องให้พระอุปัชฌาย์ตั้งให้ ?
ตอบ : ให้ท่านตั้ง คนอื่นตั้งให้ถือว่าผิดมารยาท ฉายาเป็นหน้าที่อุปัชฌาย์ ขึ้นว่า ตาวะเทวะ ฉายา เมตัพพา อุตุปปะมาณัง อาจิกขิตัพพัง ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่น เป็นหน้าที่พระอุปัชฌาย์บอก ทิวะสะภาโค อาจิกขิตัพโพ ให้บอกส่วนของวัน ส่วนของวันสมัยนี้ไม่ต้องบอกแล้ว เพราะว่าเป็นนาฬิกาแน่นอน สมัยนั้นต้องบอกว่าเป็นช่วงเช้า ช่วงสาย ช่วงเพล ช่วงเที่ยง ช่วงบ่าย ช่วงค่ำ สังคีตี อาจิกขิตัพพา ต้องบอกการรวมองค์ในการบวช ประกอบไปด้วยพระอุปัชฌาย์ พระคู่สวด พระอันดับเท่าไร

ความจริงบาลีเขาบอกรายละเอียดไว้ คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยได้ศึกษา แปลไม่ออกอีกต่างหาก ก็ไปกันใหญ่เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2016 เมื่อ 15:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 11-06-2016, 12:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอุปัชฌาย์ที่วัด ท่านรู้จักหลวงพ่อด้วยครับ พอบอกว่าเป็นลูกศิษย์วัดท่าขนุน ท่านก็ว่า อ๋อ...ท่านพระครูวิลาศกาญจนธรรม พระอาจารย์เล็ก ?
ตอบ : ท่านที่เรียนหนังสืออย่างหลวงพ่อเจ้าอาวาสของคุณ ที่ไม่รู้จักพระอาจารย์เล็กไม่มีหรอก ตูทำชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเลย

ตอนที่รับปริญญาตรี เขาหาตัวอาตมากันให้ควั่ก เขาสงสัยว่า อาตมาสอบอย่างไรได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของประเทศ ? ก็คือเกียรตินิยมอันดับหนึ่งคะแนนสูงสุดของประเทศ และทำอย่างไรทั้งห้องได้เกียรตินิยมหมดเลย ? ก็คือได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ๙ รูป ที่เหลือได้เกียรตินิยมอันดับ ๒ เขาไล่ตามตัวเพื่อสัมภาษณ์ ก็เลยกลายเป็นคนดังไปโดยปริยาย

ท้ายที่สุด มจร.ก็ไม่ยอมปล่อย ล็อกคอให้เป็นอาจารย์ไปเลย ปัจจุบันเวลาที่เขานั่งเถียงกันเรื่องอาจารย์ปล่อยเกรด “ถ้าคุณทำให้ยากเขาก็ไม่มาเรียน” อีกฝ่ายหนึ่งก็ “ถ้าหากว่าทำให้ง่ายผู้ที่จบออกไปก็ไม่มีคุณภาพ” เถียงกันอยู่อย่างนั้น ท้ายที่สุดก็มีคนสรุปว่า “ปล่อย ๆ ไปเถอะ ถ้ามีคนอย่างพระครูเล็กสักรุ่นละรูปสองรูปรวม ๆ กัน ก็เยอะไปเอง” สรุปว่าตูไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่โดนเขายกตัวอย่างทะเลาะกันในวงประชุมไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2016 เมื่อ 15:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:04



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว