กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 13-02-2020, 09:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ก็ต้องซักซ้อมการเข้าออกสมาธิให้ชำนาญ พยายามประคับประคองอารมณ์ไว้ หลุดไปไม่ต้องเสียดาย ให้เริ่มต้นใหม่ ยิ่งทำจะยิ่งคล่องตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ ต่อไปจะสั่งได้ดั่งใจ เข้าลึกเข้าตื้นขนาดไหน จะออกเมื่อไรกำหนดได้หมด

สภาพจิตพอตื่นอยู่ เวลาเราหลับเราจะรู้ว่าหลับ ถึงเวลาจะตื่น ถามตัวเองว่าพร้อมจะตื่นหรือยัง ? ถ้าพร้อมจะตื่นก็จะขยายความรู้สึกไปตามประสาทร่างกาย ตลอดไปถึงปลายมือ..ปลายเท้า..รู้ตัวทั่วพร้อมแล้วลืมตา..พลิกตัว..ลุกนั่ง..ยืน..เดินไปห้องน้ำ คนอื่นเห็นแต่ดูไม่ออกว่าละเอียดขนาดนั้น เพราะว่าดูเหมือนกับพลิกได้ก็ลุกไปเลย แต่ในความรู้สึกของเราที่ยิ่งปฏิบัติ ความแหลมคมว่องไวของจิตมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าแต่ละขั้นตอนช้ามาก เหมือนกับค่อย ๆ สั่งทีละอย่างเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 13-02-2020, 09:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การปฏิบัติสภาพจิตที่แหลมคมว่องไวขึ้น มีแต่จะทำอะไรเร็วขึ้น และเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นการเร็วโดยไม่ผิดพลาด ถ้าสภาพจิตของเราเร็วไม่พอ เราจะป้องกันกิเลสไม่ทัน กิเลสเกิดเร็วมาก ตาเห็นรูปก็ไปแล้ว กิเลสกินเราไปครึ่งตัวแล้ว ไม่ทันรู้ตัวหรอก หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัสก็เช่นกัน เราต้องป้องกันเอาไว้ก่อน ไม่ใช่รอให้กิเลสกินเราแล้วค่อยมาแก้ อย่างนั้นโอกาสชนะมีน้อยมาก เราต้องป้องกันไว้ก่อนโดยการใส่เกราะ อยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับสมาธิ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 13-02-2020, 09:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าอยากได้ร้อยอย่างอาจารย์ต้องทุ่มเทเกินร้อย ยอมเหนื่อย ยอมมอบกายถวายชีวิต

ใคร ๆ ก็บอกว่าท่านพาหิยทารุจีริยะเป็นเอตทัคคะทางขิปปาภิญญาคือบรรลุเร็วที่สุด ฟังเทศน์สั้น ๆ แค่ว่า “พาหิยะ...เธอจงอย่าสนใจในรูป” แค่นั้นก็บรรลุแล้ว ที่เห็นว่าเร็วคือเร็วชาตินี้ ชาติที่แล้วมาท่านอดตาย ทำบันไดปีนขึ้นไปบนถ้ำบนยอดเขา ถ้าไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณเหาะไปบิณฑบาตได้ จะยอมอดตาย แล้วก็ถีบบันไดทิ้งเลย...ท่านตายจริง ๆ...!

กำลังใจต้องเด็ดขาดเข้มแข็งแบบนั้น แต่ละชาติท่านลำบากมามากแล้ว เหมือนคนเก็บเงินมาจนพอ รถเบนซ์ราคาสามล้านห้า ถึงเวลาควักเงินสดซื้อได้เลย เราก็รู้สึกว่าเขารวยมาก เช่นเดียวกับท่านพาหิยทารุจีริยะ เราไม่ได้ดูว่าท่านสะสมมากี่ชาติ พวกเราเองจะได้สักเสี้ยวหนึ่งของท่านไหม ? ถ้าไม่ใช้ความพยายาม พิจารณาตนเองด้วยนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 13-02-2020, 09:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ธัมมจักกัปปวัตนสูตร เรียกว่าปฐมเทศนา เป็นการประกาศความรู้ของพระพุทธเจ้า เป็นความกล้าหาญ เพราะว่าสมัยนั้นมีความเชื่ออยู่สองอย่างคือ เชื่อว่าตายแล้วเกิด กับเชื่อว่าตายแล้วสูญ โดยมีที่สุดของเขาคือ ปรมาตมันหรือตัวตนอันยิ่งใหญ่ หรือว่าพรหมมัน ตัวตนแห่งพระพรหม หรือโมกษะ ความหลุดพ้นของเขา เขาว่ามีการฝึกปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงแค่สองวิธี

อย่างแรกคืออัตตกิลมถานุโยค ทรมานตน

อย่างที่สองคือกามสุขัลลิกานุโยค คลุกอยู่กับกาม หลักการของตันตระมี ๕ ม. มัทนะ..กินเหล้า เมถุน..เสพกาม มังสะ..กินเนื้อ มันตรา..ท่องบ่นมนต์ และมุทรา..ร่ายรำ ถ้าทำให้เต็มที่ไปเลย จะเบื่อไปเอง จริงไหม..? ยากมาก..!

พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วว่า การกิน การนอน การเสพกาม การเสวยอำนาจ ถ้าไม่ใช่บุคคลผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ไม่มีใครเบื่อหรอก อาจจะเบื่อพักเดียว เดี๋ยวก็อยากใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 13-02-2020, 09:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...สายอัตกิลมถานุโยค การทรมานตน จึงได้รับความนิยมสูงสุด มั่นใจว่าบรรลุโมกษะได้ บรรลุปรมาตมันได้ บรรลุพรหมมันของเขาได้ พระพุทธเจ้าแหวกกลางขึ้นมาบอกว่าบรรลุไม่ได้ทั้งคู่

สมัยนั้นมีศาสดา ๖๒ ลัทธิ ปุพพันตกัปปิกทิฏฐิมีอยู่ ๑๘ ลัทธิ พวกนี้ระลึกชาติได้ เขาบอกว่าระลึกได้ร้อยชาติบ้าง ห้าร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง หมื่นชาติบาง แสนชาติบ้าง หนึ่งกัปบ้าง สองกัปบ้าง ห้ากัปบ้าง สิบกัปบ้าง ในเมื่อระลึกได้ไม่เท่ากัน ก็เลยตั้งทฤษฎีที่ไม่เหมือนกันขึ้นมา สมมุติว่าคนเราเกิดมาต้องเรียนจบ ป. ๔ อีกสำนักหนึ่งบอกว่าต้องเรียนจบ ป. ๗ อีกสำนักหนึ่งบอกว่าต้องจบ ม. ๓ อีกสำนักหนึ่งบอกว่าต้องจบ ม. ๖ แต่ไม่จบสักสำนัก ระลึกชาติได้ไม่เท่ากัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 13-02-2020, 09:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อปรันตกัปปิกทิฏฐิอีก ๔๔ ลัทธิ เห็นอนาคต คนตายแล้วไปไหน ตายแล้วเป็นสัตว์นรกบ้าง ตายแล้วเป็นเปรตบ้าง เป็นอสุรกาย บ้างเป็นสัตว์เดรัจฉานบ้าง เป็นรุกขเทวดาบ้าง เป็นภุมมเทวดาบ้าง เป็นอากาสเทวดาชั้นที่ ๑ บ้าง ชั้นที่ ๒ บ้าง ชั้นที่ ๓ บ้าง ไล่ไปเลย ๔๔ ลัทธิเห็นไม่เหมือนกัน ตัวเองเห็นแค่ไหน บอกแค่นั้น ยืนยันผล คนถึงได้เลื่อมใส พวกเขาเก่งจริง เพียงแต่ว่ายังเก่งสู้พระพุทธเจ้าไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 13-02-2020, 09:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในการที่จะเสนอของใหม่ขึ้นมาสู้กับสิ่งที่มีอยู่เดิม ก็ต้องเสนอทฤษฎีที่แปลกใหม่ขึ้นมา แต่ของท่านไม่ใช่ทฤษฎี ทฤษฎีคือเรื่องที่เขาเห็นว่าใช่ ตราบใดที่ยังไม่มีคนเถียง ก็ว่าตามนี้ก่อน แต่ถ้ามีคนเถียงได้เมื่อไร ทฤษฎีนี้ก็จะตกไป ทฤษฎีใหม่จะขึ้นมาแทน แต่ของพระพุทธเจ้าเถียงไม่ได้ เพราะว่าพระองค์ท่านรู้จริง ใช้คำว่าทฤษฎี (Theory) ไม่ได้ ของพระพุทธเจ้ามีคำเดียวคือ Theorem ทฤษฎีสัมบูรณ์ ไม่ต้องเถียงแล้วจบแค่นี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 13-02-2020, 09:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระพุทธศาสนาไม่ใช่ปรัชญา ปรัชญาเป็นการตั้งสมมติฐานเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา แล้วถกเถียงหาข้อยุติกัน ยุติได้เมื่อไรก็เป็นศาสตร์ อย่างเช่นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ จิตศาสตร์ เป็นต้น หลักธรรมของพระพุทธเจ้าจัดเป็นปรัชญาไม่ได้ หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นอริยสัจ เป็นความจริงแท้ ใครก็เถียงไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 13-02-2020, 09:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านบอกว่าคนเราเกิดมาแล้วทุกข์ มีใครบอกว่าไม่ใช่บ้าง..? เกิดมาแล้วไม่เที่ยง ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนได้ แล้วทำอย่างไรถึงจะเข้าถึง..? พระองค์ท่านบอกว่าหนทาง ๘ ประการ ย่อลงมาเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา

สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก เห็นว่าไม่เที่ยง เห็นว่าเป็นทุกข์ เห็นว่าไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา
สัมมาสังกัปปะ ความดำริถูก ดำริอยากพ้นจากกองทุกข์ อยากออกจากกาม

สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ เป็นปัญญา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 13-02-2020, 09:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สัมมาวาจา พูดดี พูดถูก
สัมมากัมมันตะ ทำดี ทำถูก คือไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ดื่มสุราเมรัย ไม่เสพยาเสพติด
สัมมาอาชีวะ ทำมาหาเลี้ยงชีพถูกต้องตามกฎหมายและศีลธรรม

สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ เป็นศีล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 13-02-2020, 09:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สัมมาวายามะ เพียรได้ถูกต้อง เพียรในการขับไล่ความชั่วออกจากใจ เพียรระวังไว้อย่าให้ความชั่วเข้ามาใหม่ เพียรสร้างความดีให้เกิดขึ้นกับใจ เพียรพยายามระวังรักษาให้ความดีนั้นเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
สัมมาสติ มีสติตั้งมั่น ตั้งมั่นเพราะว่าเป็นมหาสติ
สัมมาสมาธิ มีสมาธิทรงตัว เป็นอัปปนาสมาธิ คือตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป

ก็แปลว่า ปัญญา ศีล สมาธิ ไม่ใช่ ศีล สมาธิ ปัญญา
พระองค์ท่านบอกทำตามนี้แล้วจะหลุดพ้นอย่างแท้จริง เพราะว่าปัญญารู้เห็นชัดเจน จนหมดความยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวางได้ทั้งหมด คือ รู้เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 13-02-2020, 09:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทุกข์ คือสิ่งที่ต้องทน ทนมาก ทนน้อย เป็นทุกข์หมด
สมุทัย สาเหตุที่เกิดทุกข์

พระพุทธเจ้าไม่พูดถึงสาเหตุก่อน แต่พูดถึงทุกข์ก่อน เพราะเวลาคนทั่วไปทุกข์ขึ้นมา จะไม่คิดถึงสาเหตุของทุกข์ รู้แต่ว่าทุกข์เหลือเกิน ทุกข์จนกระทั่งหาทางออกไม่ได้ ทุกข์มาก ๆ เข้า จึงค่อยไปหาสาเหตุ ถึงได้รู้ว่าทุกข์เพราะว่าเราอยากมากเกินไป

พระพุทธเจ้าตรัสอริยสัจตามสภาพจิตของคน จิตใจรู้สึกอย่างไรก็พูดแบบนั้น เจอทุกข์ รู้สึกทุกข์ พูดถึงทุกข์ก่อน พอเริ่มมีปัญญาหาทางออกจากทุกข์ ค่อยมาหาว่าสาเหตุของทุกข์คืออะไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 13-02-2020, 09:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นิโรธ ความดับ
มรรค หนทางเข้าถึงความดับ

นิโรธกับมรรคก็เช่นกัน อยู่ ๆ ไฟที่กำลังไหม้อยู่ดับลง สบายเหลือเกิน ไม่ได้คิดหรอกว่าดับเพราะอะไร ก็เลยพูดถึงนิโรธคือความดับก่อน..ความเย็น..ความสบาย แล้วหลังจากนั้นพอร้อนใหม่ ทุกข์อีกแล้ว จึงค่อยหาทางดับ ดับได้..เย็น..สบาย ก็สรุปเอาทางดับมาไว้ทีหลัง คือมรรค ๘ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 13-02-2020, 09:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของการอธิษฐาน คนจะไปพระนิพพานชาตินี้ ต้องเห็นทุกข์ ต้องเข็ดกับความทุกข์ ถึงจะเบื่อหน่าย หมดความอยากเกิด ถ้าเราไม่ขยันพิจารณาทุกข์อย่างที่สอนไปเมื่อตอนกรรมฐานภาคเช้า ก็จะเกิดสภาพโดนบังคับให้ทุกข์ ถ้าโดนบังคับเมื่อไรก็จะสาหัส เพราะฉะนั้น..ถ้าอยากดำเนินชีวิตง่าย ๆ สะดวกราบรื่นแบบคนอื่น ก็ให้พิจารณาทุกข์ไว้ทุกวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2020 เมื่อ 18:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 13-02-2020, 09:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,959 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระพุทธเจ้าบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เสวยวิมุตติสุขอยู่ ๔๙ วัน กำลังอย่างพวกเราอยู่ไม่ไหว พระพุทธเจ้ามีกำลังเท่ากับช้างหนึ่งแสนเชือก ไม่ใช่เจ็ดช้างสารแบบพระอานนท์ กำลังขนาดนั้นเอามาจากแรงบุญ บุญบันดาลให้เป็นไป

แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ป่วยออด ๆ แอด ๆ มีอยู่วันหนึ่งร่างกายดีขึ้นมา บอกให้อาตมายกเครื่องโยกออกกำลัง ลักษณะคล้ายกรรเชียงเรือ มีสปริงขนาดแขนอยู่สองข้าง ท่านโยกไม่กี่ทีสปริงขาดเลย..!

ท่านเดินยังไม่ค่อยจะไหว แต่โยกสปริงขาด..! ต้องนึกถึงรถสิบล้อเครื่องไม่ดี วิ่งไม่เต็มสูบ สิบล้อวิ่งไม่เต็มสูบแต่ถ้าชนรถเก๋ง รถเก๋งจะเหลือไหม..? ก็แปลว่าลำพังกำลังตัวเองแบกน้ำหนักตัวเองไม่ไหว แต่การปะทะกับของอื่นเป็นเรื่องเล็ก


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรม ช่วงบวชเนกขัมมะปีใหม่ ๒๕๖๓ ณ วัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๓๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเลและนาทาม)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 07-03-2020 เมื่อ 16:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว