กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-12-2009, 23:24
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,457 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default เหตุใดภิกษุต้องใช้ผ้าย้อมน้ำฝาด

ถาม : น้ำฝาดเป็นอย่างไรคะ ? คำว่าผ้าย้อมน้ำฝาด ?
ตอบ : น้ำฝาดนี่มาจากภาษาบาลีว่า กาสาวะ แปลว่า น้ำฝาด คือ น้ำต้มจากเปลือกไม้ หรือว่าน้ำต้มจากเเก่นไม้

ถาม : แล้วส่วนใหญ่สมัยก่อนนี่ ผ้าจีวรพระย้อมมาจากน้ำต้มแก่นไม้อะไร ?
ตอบ : ส่วนใหญ่เป็นไม้ขนุน หรือไม่ก็เหง้าไม้อย่างขมิ้น

แต่ว่ามีอยู่องค์หนึ่งคือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ท่านไปอยู่ที่ฉัตทันตสระ หาแก่นขนุนมาต้มทำย้อมจีวรไม่ได้ ท่านก็เลยใช้ดินลูกรังเอามาต้มทำย้อมจีวร ผ้าเลยสีแดงผิดชาวบ้านเขา

ถึงเวลาที่ท่านเข้ามากราบพระพุทธเจ้า บรรดาพระใหม่ ๆ ไม่รู้จักนี่...ดูหลวงตาองค์นั้นสิ..น่ากลัวจังเลย ผอมมีแต่เอ็นสะพรั่งไปทั้งตัว นุ่งห่มจีวรสีอย่างกับเลือด พระพุทธเจ้าได้ยินต้องเรียกประชุมเลย บอกว่า "นี่เธอไม่รู้จักพี่ชายใหญ่ของพวกเธอหรือ ?"

พระอรหันต์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ถ้าไม่นับพระพุทธเจ้า โดนนินทาเต็มเปาเลย ท่านไปอยู่ในป่าสบายใจของท่าน อยู่กับช้างเป็นร้อย ๆ เชือก

ถาม : เรื่องจีวร ทำไมครั้งแรกต้องย้อมน้ำฝาดเป็นสีส้มค่ะ ?
ตอบ : คือว่าสมัยก่อนนี่ บุคคลที่นุ่งห่มผ้าย้อมน้ำฝาดเขาถือว่าเป็น อนาคาริก คือผู้ที่ไม่มีบ้านเรือน ลักษณะแบบคนพเนจร จรจัดไม่มีเวลามาหาของดี ๆ ที่จะมาประดับมาตกแต่งอะไรกัน

พระพุทธเจ้าต้องการลดต้นทุนลงมาให้ต่ำที่สุด เพื่อให้คนที่ถึงเวลาแล้ว คนชั้นต่ำสุดจะได้คิดว่า เออ..อย่างน้อย ๆ พระสมณโคดมก็เป็นพวกเดียวกับเรา จะได้กล้าเข้ามาหาท่าน ประโยชน์ของเขาจะได้ไม่เสียไป

ถาม : แสดงว่าเป็นความนิยมของคนสมัยก่อน ?
ตอบ : แล้วอีกอย่างหนึ่ง สมัยก่อนนี่คนโกนหัวเขาถือว่าเป็นกาลกิณี คนโกนหัวหรือผมสั้น ๆ นี่เขาถือว่าเป็นกาลกิณี ที่ไม่มีใครยอมคบด้วย แต่ให้สังเกตว่า จนกระทั่งในตอนนี้พวกอินเดียก็ยังไว้ผมมวยทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย ไว้ผมยาว ๆ กัน..ใช่ไหม ?

คราวนี้เมื่อเขาถือว่าเป็นกาลกิณีอย่างนั้น พระพุทธเจ้าท่านปลงเกศาไปเลย พูดง่าย ๆ ว่าตัดหนทางถอยของตัวเอง กลายเป็นคนที่เขาไม่ยอมคบกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วนี่ ถ้ากลับไปครองราชย์ก็ไม่มีใครเขาเอาด้วย ถึงเวลาจะได้ลุยขึ้นหน้าอย่างเดียวไม่ต้องไปพะวงหลัง

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๔

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2014 เมื่อ 10:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 29-12-2009, 20:02
สายท่าขนุน สายท่าขนุน is offline
สมาชิก VIP - ผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 759
ได้ให้อนุโมทนา: 160,001
ได้รับอนุโมทนา 133,092 ครั้ง ใน 5,305 โพสต์
สายท่าขนุน is on a distinguished road
Wink

นึกถึงพระเตมีย์ใบ้ในทศชาติชาดก ผู้มิปรารถนาสืบราชสันตติวงศ์
ด้วยทรงรำลึกได้ถึงกาลก่อนที่เคยเสวยทุกขเวทนาในนรก
เกรงต้องทำกรรมทำบาปลงโทษปลิดชีวิตผู้คนจนต้องไปเกิดในนรกภูมิ

จากการไปหาอ่านเรื่องของพระเตมีย์ จึงทำให้พลอยได้ทราบว่า
เหตุใด เมื่อครั้งพระอาจารย์กล่าวถึงผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก
จึงกล่าวว่าเป็นพระมารดาของพระพุทธองค์ ทำให้เป็นไปตามพระพุทธลักษณ์
หากผู้หญิงสูงเกินไป เวลาให้นมบุตรก็จะทำให้ผู้เป็นบุตรมีคอยืดยาว

จึงขอลอกตอนที่กล่าวถึงเรื่องนี้ มาลงไว้ที่นี้

"พระกุมารจึงได้พระนามว่า "เตมีย์" อันหมายถึง เหตุแห่งความปรีดาแก่ผู้คนทั้งปวง
และพระกุมารก็เป็นที่รักใคร่เอ็นดูของพระราชานัก ถึงกับคัดเลือก ๖๔ แม่นมผู้ถวายน้ำนม
โดยมีคุณสมบัติพิเศษ ๑๐ ประการตามตำรา ดังนี้คือ

๑. ไม่ให้นางนั้นมีผิวขาวจัดเกินไปนัก ด้วยเกรงว่าน้ำนมจะมีรสเปรี้ยวเกินไป
๒. ไม่ให้นางนั้นมีผิวดำคล้ำนัก ด้วยว่าจะมีน้ำนมที่เย็นจัดเกินไป
๓. ให้มีรูปร่างสมสัดส่วนดีไม่ผอมแห้งบอบบาง จนกระดูกจะทิ่มตำพระกุมารได้
๔. ให้มีรูปร่างไม่อ้วนเจ้าเนื้อเกินไป เพราะจะพลอยทำให้พระกุมารอ้วนตามไปด้วย
๕. ไม่ให้มีรูปร่างสูงเกินไปนัก เพราะพระกุมารจะสูงจนคอยาวไปด้วย
๖. ไม่ให้มีรูปร่างเตี้ยต่ำนัก เพราะจะทำให้พระกุมารคอหดและเตี้ยต่ำไปด้วย
๗. ให้คัดสรรแต่นางที่มีน้ำนมรสหวานกลมกล่อมสมบูรณ์ที่สุดเท่านั้น
๘. ให้คัดสรรแม่นมที่มีเต้านมเปล่งปลั่งไม่หย่อนยาน เพื่อจะได้มีน้ำนมบริบูรณ์
๙. ไม่ให้นางนั้นมีโรคหืดหอบ อันจะส่งผลให้น้ำนมไม่พิสุทธิ์สมบูรณ์
๑๐. ไม่ให้นางนั้นป่วยเป็นโรคไอเรื้อรัง เพราะราชกุมารจะพลอยขี้โรคไปด้วย
และน้ำนมจะออกรสเผ็ดเกินไป
"
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน
ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว...
กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน

อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-12-2009 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว