กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 20-11-2018, 22:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาคอยเตือนพระเตือนเณรอยู่เรื่อยว่า ถึงเวลาคุณบวชนานไป ไม่รู้ว่าชาวบ้านเขาลำบากกันอย่างไร อย่ากินทิ้งกินขว้าง รู้ไหมว่าอาหารเขาใส่บาตรมาชุดหนึ่ง ๕๐ - ๖๐ บาท ทั้ง ๆ ที่มีแค่ข้าวถุงหนึ่ง กับถุงหนึ่ง น้ำถ้วยหนึ่งแค่นั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2018 เมื่อ 03:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 20-11-2018, 22:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พูดถึงวัตถุมงคล "เดี๋ยวนี้วัดอื่นเขาสร้างกันเต็มที่ก็ ๒,๐๐๐ ชิ้น แล้วเราบังอาจเล่นเป็นหมื่นชิ้น ถ้าไม่ใช่พระท่านสงเคราะห์ก็อย่าหวังเลยว่าจะจำหน่ายหมด น่าจะอยู่ไปหลายปี"

ถาม : เหรียญรอยพระพุทธบาทจำหน่ายถล่มทลายเลย ?
ตอบ : ทำให้เห็นว่าสิ่งที่ท่านตั้งใจสงเคราะห์จริง ๆ ราคาไม่ต้องสูงหรอก

ถาม : เขาว่าเหรียญสวยขนาดนี้ สองร้อยก็ได้ด้วยหรือ ?
ตอบ : ที่อื่นไม่ได้ แต่ของเราได้ เราขอให้ได้ทุนคืนก็พอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2018 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 23-11-2018, 08:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยอาตมาเด็ก ๆ เวลาไปวัด ก็ไม่รู้ว่าทำไมชอบไปวัด รู้แต่ว่าเย็น นอนสบาย โดยที่ไม่รู้ว่าเวลาที่อยู่วัด กระแสความดีซึ่งเย็นทำให้ใจสงบ ก็แปลกใจว่าไปวัดทีไรหลับทุกที เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ สถานที่ซึ่งมีคนทำความดีเยอะ ๆ กระแสความดีมีมาก เข้าไปแล้วก็สบายใจ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2018 เมื่อ 09:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 23-11-2018, 08:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราส่วนใหญ่จะไปนึกถึงท่านท้าวเวสสุวรรณในฐานะหัวหน้าเทวดา แล้วก็ภูตบดี หรือ ภูเตศวร คือหัวหน้าของผีทั้งหมด โดยที่ลืมไปว่าท่านมีอีกนามหนึ่งก็คือ ธนบดี เจ้าแห่งขุมทรัพย์ เพราะว่าท่านเป็นหัวหน้าเทวดาชั้นจาตุมหาราช ซึ่งเทวดาชั้นจาตุมหาราชมีหน้าที่ดูแลขุมทรัพย์ทั้งโลก เวลาบูชาท่านก็นึกถึงท่านให้ครบทุกด้าน เดี๋ยวจะได้ไม่ครบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2018 เมื่อ 09:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 23-11-2018, 09:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “พอเห็นเด็กเรียนยาก ๆ แล้วอาตมาก็งงว่า ตั้งแต่เด็กอาตมาไม่เคยเรียนอะไรยากเลย เห็นคนอื่นเขาทุกข์ทรมานกับการเรียนแล้ว อาตมาก็งงว่าตกลงเราเป็นตัวอะไร ? ปริญญาเอกเขาให้เรียน ๓ ปี อาตมาก็เรียนไม่เต็มเวลากับเขา ปริญญาโทยิ่งหนักใหญ่เลย ต่ำสุด ๒ ปีอาตมาได้เรียนแค่ ๑๓ เดือน ปริญญาตรี ๔ ปี แต่เรียน ๒ ปี ๑๑ เดือน ความจริงแค่ ๒ ปีครึ่งเท่านั้นแหละ แต่คราวนี้ติดพันช่วยเหลือเพื่อนอยู่ เลยเป็น ๒ ปี ๑๑ เดือน ไม่เคยเจอของยาก ก็เลยไม่รู้ว่าทำไมเด็กสมัยนี้เรียนอะไรยากมาก

เรียนปริญญาโทได้ ๑๐ เดือน จะขอสอบจบวิทยานิพนธ์ ท่านอาจารย์บอกว่าถ้าไม่ครบ ๒ ปี สกอ.เขาไม่ให้จบ เป็นระเบียบของมหาวิทยาลัยที่ต้องระบุเอาไว้ พอดีน้ำท่วมเลื่อนเวลาสอบไปอีก ๓ เดือน ได้เป็นเลข ๒ ปี พ.ศ. ก็เลยจบได้ ดีเหมือนกัน แสดงว่าไม่จำเป็นต้องจบตามเวลาจริง ๆ เอาให้ได้ ๒ เลข พ.ศ. ก็จบได้แล้ว

สุนทรภู่ท่านบอกว่า จะเรียนร่ำทำอะไรไม่ลำบาก มียอดยากอยู่อย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง ดูท่าจะจริง ท้ายสุดก็เลยต้องมาบวชเพราะว่าทำแบบนั้นไม่เป็น”

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2018 เมื่อ 09:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 23-11-2018, 09:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมมาถวายสังฆทาน พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อเดือนที่แล้วหายไปไหน ? คิดว่าจำไม่ได้ใช่ไหม ? เห็นหลวงพ่อนั่งก้มหน้าก้มตาทั้งวันเลยคิดว่าจำไม่ได้หรือ ? ตูจะจำหรือเปล่าเท่านั้นเอง..!

คนเขาสงสัยว่าคนเป็นพันจำได้อย่างไร บอกไปว่าจำคนเดียว ก็คือจำคนใหม่ ถ้าจำคนใหม่คนเดียวก็จบแล้ว เพราะว่าคนเก่าก็จำได้แล้ว หลักการจำก็ง่าย ๆ แค่นี้แหละ”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2018 เมื่อ 09:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 23-11-2018, 09:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โยมทำสังฆทานแก้บนค่ะ เคยบนไว้หลายที่ขอให้สำเร็จ พอตอนนี้สำเร็จแล้วลืมว่าบนใครบ้าง ?
ตอบ : นึกถึงใครก็ตามที่เราเคยบนนั่นแหละ ขอให้ท่านมาโมทนา คราวหน้าก็ช่วยจำให้แม่น ๆ หน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2018 เมื่อ 10:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 23-11-2018, 09:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “เดี๋ยวอาตมาจะลองขอพระท่านดูว่า จะสร้างพระแบบหลวงพ่อทรง วัดศาลาดินได้ไหม ? หลวงพ่อทรงท่านมีพระนักธรรม ให้เด็กแขวนแล้วเรียนเก่ง หรือไม่ก็มีตะกรุดอ้อป่อง ที่ช่วยให้ปัญญาดี แต่ตะกรุดแบบนี้อาตมาไม่เคยเรียนมา เลยทำไม่เป็น”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2018 เมื่อ 10:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 23-11-2018, 22:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ท่านเป็นพระดีกลางกรุง ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแนะนำให้พวกเราไปกราบไปไหว้ ไปขอหลักธรรมการปฏิบัติจากท่าน

อาตมาเองสนิทสนมคุ้นเคยกับท่านตั้งแต่อาตมายังเป็นฆราวาส เวลาท่านไปวัดท่าซุงก็มีหน้าที่ต้อนรับขับสู้ คอยอุปัฏฐากรับใช้ ที่แน่ ๆ ก็คือเคยขโมยรองเท้าของท่าน จะเรียกว่าขโมยก็ไม่ได้หรอก เอาของใหม่ไปเปลี่ยน เอาของเก่าของท่านมาเก็บไว้บูชา ปรากฏว่าของใหม่ท่านใส่ไม่ถนัด หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านถนัดยี่ห้อบาจา อาตมาเอาตราอูฐไปอย่างดี ท่านกลับใส่ไม่ถนัด

ถึงเวลาท่านไปวัดท่าซุง ในสมัยที่ท่านยังเป็นเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์อยู่ หลวงพ่อวัดท่าซุงก็ให้อาตมาพาท่านไปพักที่ห้องพักของท่าน แล้วก็อนุญาตว่าให้นอนบนเตียงของท่านได้ อาตมาก็จัดเตียงให้อย่างดี พอไปถึงหลวงพ่อท่านลากผ้านวมลงไปนอนอยู่กับพื้น กราบเรียนท่านว่า “นิมนต์นอนข้างบนครับ หลวงพ่อวัดท่าซุงอนุญาตแล้ว” ท่านบอกว่า “เตียงของพระอรหันต์ระดับหลวงพ่อวัดท่าซุง มิบังอาจนอน” ท่านบอกชัดมาก

ก็ไม่เห็นท่านนอนอะไร ท่านแค่ตะแคงตัวแบบสีหไสยาสน์ จับอารมณ์ภาวนา ประมาณสักครึ่งชั่วโมงท่านก็ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำ เตรียมตัวออกไปงาน ไม่ได้เห็นท่านพักนาน แต่ลักษณะการพักในสมาธิแบบนั้น เหมือนอย่างกับคนอื่นได้นอนเป็นวัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2018 เมื่อ 04:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 23-11-2018, 22:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอบวชเข้ามาอาตมาก็ยังคงทำหน้าที่เดิม แล้วก็ไปกราบท่านที่วัดสระเกศ ท่านบอกว่าให้มาอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้ง คำว่ามาอย่างน้อยเดือนละ ๑ ครั้งก็คืออยู่ในลักษณะที่ให้พรไว้ เมื่อถึงเวลาสามารถเข้าไปรบกวนท่านได้ทุกเวลา อาตมาเองก็ไปสม่ำเสมอ จนกระทั่งท่านป่วยหนักถึงได้งดไป

ตอนนั้นพระครูปลัดสุวัฒนสิทธิคุณ หรือ ท่านเจ้าคุณปิง ท่านบอกว่า “พระอาจารย์ครับ หลวงพ่อสมเด็จฯ ถามหา ว่าทำไมเดือนนี้ไม่มา ?” อาตมาแจ้งว่า "เห็นว่าหลวงพ่อป่วย ไม่กล้าไปรบกวน ก็เลยงดเว้นไม่ไป" ท่านบอกว่าให้ไปตามปกติ อาตมาเองเป็นคนขี้เกรงใจ โดยเฉพาะเกรงใจพระแก่ เกรงใจพระป่วย ก็เลยดื้อไม่ไป เพราะว่าถ้าไปท่านก็ต้องเสียเวลามาคุย เสียเวลาพักผ่อนของท่าน

ท่านประทานพระนาคปรกขนาด ๙ นิ้วให้ ๑ องค์ ซึ่งเป็นต้นแบบพระพุทธรูปพระนาคปรกของวัดท่าขนุน ท่านบอกว่า “คุณอยู่ป่าอยู่ดงใช้พระอย่างนี้ดีกว่า” บางครั้งอาตมามาป่วยหนักไป ท่านก็เมตตาบอกว่า “แม้ว่างานศาสนาสำคัญ แต่สุขภาพก็สำคัญนะ แต่ร่างกายนั้นช่างเถอะ สภาพจิตยังแรงยังเร็วแบบนี้ยังใช้งานได้ดีอยู่” เผลอเมื่อไรโดนท่านดูหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2018 เมื่อ 04:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 23-11-2018, 22:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ท่านเจ้าคุณปิงตอนนั้นยังเป็นพระกวีศิลป์อยู่ แล้วก็มาเป็นพระมหากวีศิลป์ ท่านก็งง ๆ ว่าหลวงพ่อสมเด็จฯ คุยอะไรกับพระอาจารย์ พูดรู้เรื่องกันแค่สองคน

เห็นหนังสือมีรูปท่านแล้วก็นึกถึงท่าน โดยเฉพาะคำสอนท่านที่ได้ใช้แบบประจำเลย ก็คือเรื่องเตือนในการทำบุญ ท่านบอกว่า “ศรัทธานั้นดี แต่ต้องมีปัญญาประกอบด้วย” ฟังแล้วสะดุ้งกันบ้างไหม ? ก็คือส่วนใหญ่แล้วพวกเรามีศรัทธากันอย่างเดียว ไม่ได้มีปัญญาประกอบ ตอนนั้นที่ท่านเตือนก็เพราะว่า แย่งกันเข้าไปถวายเงินถวายทองร่วมหล่อพระ แล้วมีเตาหลอมร้อน ๆ อยู่ใกล้ ๆ ถ้าใครล้มใส่สักคนก็เป็นเรื่องเลย ท่านจึงเมตตาเตือน

ครูบาอาจารย์บางทีท่านเตือน ท่านพูด แล้วเราก็ปล่อยผ่านหูไป แบบเดียวกับหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ ท่านไม่ได้เหมือนอาตมาหรอก หลวงปู่ท่านเมตตามาก
ญาติโยมเข้าทำบุญกับท่าน ใครมาทางทิศไหนท่านก็รับเขาหมด จึงกลายเป็นว่าไปประดังอยู่ตรงหน้าท่าน คนขวาก็จะออกซ้าย คนซ้ายก็จะออกขวา เบียดกันอยู่ตรงนั้น

หลวงปู่ท่านบอกว่า “ข้ามน้ำหื้อผ่อคนนำเน้อ” ฟังกันไม่รู้เรื่องหรอก ท่านบอกว่าข้ามน้ำให้ดูคนนำ เขานำไปทางไหนให้ไปทางนั้น มาจากในพระไตรปิฎกที่ว่า "ฝูงโคข้ามลำน้ำ โคจ่าฝูงนำไปทิศไหน โคทั้งหลายก็ตามไปทิศนั้น" เพราะฉะนั้น..คนเป็นผู้นำก็ต้องระมัดระวังตัวเองให้จงหนัก เพราะว่าอาจจะนำเขาผิดทางได้

คราวนี้ญาติโยมไม่ได้ดูว่าคนหน้าเขาออกซ้าย เราจะไปซ้ายตาม หรือคนหน้าออกขวา เราจะได้ขวาตาม นี่คนซ้ายไปขวา คนขวาจะไปซ้าย ที่ข้างหลังก็เบียดเข้ามา จึงไปประดังกันอยู่ตรงหน้าท่าน ออกไม่ได้ บางทีครูบาอาจารย์ท่านบอกอะไรแล้วพวกเราก็ไม่ได้ฟัง ปล่อยให้ผ่านหูไปเฉย ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2018 เมื่อ 04:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 23-11-2018, 22:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พูดถึงหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ อาตมาเคยได้รับนิมนต์จากหลวงพ่อเจ้าคุณพระพรหมสิทธิ ให้ไปเสกรูปเหมือนของหลวงพ่อสมเด็จฯ อยู่รุ่นหนึ่ง ลองไปเสาะหากันดูว่ายังพอเหลืออยู่บ้างไหม ?

ต้องบอกว่างานใหญ่ ๆ ครูบาอาจารย์มากต่อมากด้วยกัน ถึงเวลาอาตมาไปก็อาศัยพึ่งพิงซึ่งกันและกัน ผู้ใหญ่ประคองผู้น้อย ผู้น้อยติดตามผู้ใหญ่ งานก็บรรลุไปได้โดยง่าย โดยเฉพาะถ้าเป็นหลวงปู่ฟู วัดบางสมัคร นี่สบายใจมาก นั่งภาวนาด้วยกัน ถึงเวลาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกัน มองหน้ากันท่านก็พยักหน้าให้ บอกว่า “เต็มแล้ว..ไปกันเถอะ” ...(หัวเราะ)...

เป็นเรื่องแปลกดีเหมือนกันทั้ง ๆ ที่มาคนละสายวิชา ท่านมาทางสายตะวันออก อาตมาสายภาคกลาง แต่ท่านรู้เสียยิ่งกว่ารู้อีก พอถึงเวลาพระท่านบอกว่าเต็มแล้วให้เลิกได้ หลวงปู่ฟูก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกันเลย

ตอนนี้เสียดายหลวงปู่แขกที่เพิ่งมรณภาพไป เคยร่วมงานกัน ๒-๓ ครั้ง หลวงปู่แขกถึงเวลาปีติขึ้น ท่านถึงขนาดเด้งจากธรรมาสน์ลงไปที่พื้นเลย ปัจจุบันนี้มีอีกรูปหนึ่งก็คือหลวงปู่ชุบ วัดวังกระแจะ ลูกศิษย์ต้องคอยกดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นพอสมาธิถึงระดับ ก็จะเริ่มกระโดดโลดเต้น เพราะว่าปีติเกิด

ถามว่าสมาธิไม่เป็นฌานจะเสกของขลังหรือ ? ต้องบอกว่าขลังมาก เพราะว่าการเสกของให้ขลังหรือว่าการใช้คาถาให้ได้ผล จะเริ่มได้ผลตอนปีติ เพราะว่าสมาธิจะเริ่มทรงตัว เราจะเห็นว่า ครูบาอาจารย์หลายท่านที่เราตื่นเต้นกัน สมาธิท่านไม่ได้สูงมาก แต่ความชำนาญในการเข้าสมาธิในระดับนั้น ๆ และความมั่นใจในหลักวิชาการ ในเวทมนตร์คาถาที่ท่านเรียนมา ทำให้ท่านเสกอะไรก็ขลัง

อาตมาเองยังภูมิใจว่าตัวเองเป็นคนขี้เกียจ ถึงเวลาถ้าพระท่านสงเคราะห์อาตมาก็นั่งหลับ ถ้าหากว่าท่านสั่งให้ตั้งธาตุ
หนุนธาตุ ปลุกธาตุแล้ว โอ๊ย..เหนื่อย นาน ๆ ท่านจะสั่งที ส่วนใหญ่จะเป็นของประเภทที่ไม่ใช่รูปพระ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2018 เมื่อ 04:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 23-11-2018, 22:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ควายเผือกที่เขาเอามาทำวัตถุมงคล ส่วนใหญ่แล้วเป็นควายเผือกที่ถูกฟ้าผ่าตาย บางทีต้องบอกว่าเคราะห์หามยามดี เลี้ยงควายอยู่กลางทุ่ง ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาตายเป็น ๑๐ ตัวเลย เขาก็จะไปเลือกเอาเฉพาะควายเผือก ตัดเขามา แต่ถ้าเป็นหลวงพ่อหม่น วัดคลองสิบสอง ท่านเอาหนังด้วย เอาหนังมาทำพระสมเด็จกับทำตะกรุด เพราะว่าควายเผือกเป็นควายที่หายากกว่าควายดำหลายเท่า แล้วโดนฟ้าผ่าถือว่าได้รับพลังงานจากฟ้า เป็นสิ่งที่เทพประทานอำนาจมาให้ สามารถล้างอาถรรพ์และป้องกันภูตผีปิศาจได้

มีหลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก จังหวัดเพชรบุรี ที่ท่านทำพระขรรค์จากเขาควายเผือกโด่งดังมาก ล้างอาถรรพ์ได้ทุกอย่าง พวกเสือสมัยก่อนที่เหนียวนักเหนียวหนานี่กลัวพระขรรค์หลวงพ่อโสกมาก ไม่ได้กลัวพระขรรค์เล่มเล็ก ๆ เท่านิ้วก้อยนะ แต่เขากลัวว่า ถ้าเอาพระขรรค์ไปใส่ไว้ในปืนลูกซองแล้วยิง ต่อให้เหนียวแค่ไหนก็ยุ่ยเป็นหยวกกล้วย

หลวงพ่อโสกท่านทำพระขรรค์ กริช กระบองท้าวเวสสุวรรณ อันจิ๋ว ๆ ทั้งนั้นเลย ยาวที่สุดที่เคยเจอก็ประมาณ ๔ นิ้วครึ่งถึง ๕ นิ้ว แล้วก็มีแผ่นยันต์เขาควายเผือก มีปลัดขิก แต่ละอย่างลูกศิษย์หวงแหน กันมาก ที่เขาจัดอันดับสุดยอด ๙ เครื่องรางในตำนานสะท้านแผ่นดิน ถ้าหลวงพ่อโสกท่านเป็นรุ่นเก่ากว่านั้น จะต้องติดอันดับอย่างแน่นอน แต่นี่ท่านถือเป็นรุ่นหลัง ก็เลยไม่ได้ติดอันดับใน ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2018 เมื่อ 04:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 23-11-2018, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถัดมาท่านที่ทำก็คือหลวงพ่อหม่น วัดคลองสิบสอง ใช้หนังควายเผือกสร้างพระสมเด็จ แล้วอีกท่านที่ทำได้ดังมากเลยก็คือหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ปลัดขิกเขาควายเผือกของท่านเรียกว่าปลัดขิกนางครวญ แล้วก็มีบางท่านก็ได้พระปิดตาเขาควายเผือกไป ซึ่งหายากเพราะว่าควายเผือกโดนฟ้าผ่าตายนั้น ปกติก็หายากอยู่แล้ว

อีกท่านหนึ่งที่ดังระเบิดเถิดเทิงเลยก็คือ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก สร้างแพะมหาเสน่ห์ด้วยเขาควายเผือกโดนฟ้าผ่าตาย อีกท่านหนึ่งก็สุดยอดปรมาจารย์ด้านการสร้างหนุมาน ก็คือหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน ร้อยวันพันปีก็จะมีหนุมานแกะจากเขาควายเผือกถูกฟ้าผ่าตายหลุดมาสักองค์

อาตมาเองโชคดี ได้หนุมานแกะจากเขาควายเผือกองค์ใหญ่ แบบที่เขาเรียก "องค์ครู" มาด้วย บรรดาเซียนเครื่องรางของขลังมาขอซื้อหลายทีแล้วแต่ไม่ให้ เขาให้ราคาแพงเกินไป อย่างหนุมานหน้าโขนทรงเครื่อง แกะจากรากพุดซ้อนนี้ เขาเล่นปล่อยกันเป็นสิบล้าน ในกระทู้คนมีเงินฯ อาตมาปล่อยแค่ ๓๐,๐๐๐ บาท ๕๐,๐๐๐ บาท โดนบ่นว่าแพง ในเมื่อเขาคิดแพงมาก อาตมาก็เลยไม่ให้ เอามาปล่อยในกระทู้คนมีเงินของเราดีกว่า อย่างน้อย ๆ ก็ไปไหนไม่ไกลหรอก คนที่บูชาก็รู้จักกันอยู่ ถ้าคิดถึงก็ขอซื้อคืนได้ ถ้าหลุดไปในมือเซียนแล้วขอคืนไม่ได้หรอก เพราะไปแล้วราคาก็แพงขึ้นมาเป็นร้อยเท่าเลย

เขาควายเผือกบางทีก็ไม่ได้สีขาวหมดนะ ปลาย ๆ เขาก็ดำปี๋เหมือนกัน ควายเผือกเขาให้ดูที่ตา ตาออกสีชมพูหรือแดงอ่อน บางตัวเผือกแต่ผิว แต่ตาดำ เขาจะดำปี๋เลย แต่ว่าขอให้ตัวขาวก็ใช้ได้เหมือนกัน ถ้าถึงเวลาฟ้าผ่ากลางทุ่งแล้ว พวกชอบวัตถุอาถรรพ์จะรีบไปดู ว่ามีควายเผือกถูกฟ้าผ่าตายไหม ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2018 เมื่อ 04:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 24-11-2018, 22:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "กล้วยตากที่น่ากินที่สุดต้องกล้วยตากราชบุรี แต่สมัยนี้ไม่น่ากินแล้ว สมัยก่อนที่น่ากินเพราะว่าตากข้างถนน ถึงเวลารถวิ่งผ่าน ฝุ่นลูกรังจะลงไปเคลือบจนเป็นสีแดงสวยมาก...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2018 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 24-11-2018, 22:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่อยู่บ้านอนุสาวรีย์ฯ พอมีคนเยอะ ๆ ก็มีตำรวจสายสืบขึ้นมา หลังจากที่ขึ้นมา ๒ - ๓ ครั้ง เขาก็มากราบทำบุญด้วย บอกว่าเป็นสายสืบจาก สน.พหลโยธิน เห็นรองเท้าเยอะ ๆ นึกว่าบ้านนี้เปิดบ่อน แอบมาตั้งหลายครั้งแล้ว เพิ่งจะมาสารภาพ เดี๋ยวเห็นบ้านเติมบุญนี้คนเข้าออกเยอะ ๆ ก็คงคิดว่าเปิดบ่อนกันอีก..!

ความจริงเขาไม่ได้บอก อาตมาก็ไม่ได้สนใจหรอก เพราะว่าสิ่งที่เราทำไม่มีอะไรผิดกฎหมาย แต่เขายอมสารภาพก็เป็นเรื่องขำ ๆ อยู่เหมือนกัน เขาบอกว่าเห็นรองเท้าเยอะ ๆ ก็เลยมาดูลาดเลา ๓ - ๔ รอบแล้ว ตอนแรกคิดว่าเปิดบ่อนแน่ ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2018 เมื่อ 03:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 24-11-2018, 22:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนตอนหลวงพ่อเกษม วัดสุสานไตรลักษณ์ยังอยู่ ท่านดังมาก ๆ เขาสร้างวัตถุมงคลของท่านเป็นร้อยเป็นพันรุ่น แต่ก็ไม่ได้เข้าพิธีอะไรใหญ่โตเหมือนกับที่ทางวัดท่าขนุนทำ หลวงพ่อท่านจะยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เถ้าแก่ก็ให้ลูกน้องคนงานแบกวัตถุมงคลมายืนตรงหน้าต่าง ท่านก็โบกมือให้ผ่านไปทีละลัง แค่นั้นแหละ ขลังอย่าบอกใครเลย..!

พอ ๆ กับที่หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาค ถึงเวลาญาติโยมเอาของไปให้เสกทั้งพาน ท่านก็เอามือแปะ ๆ ๓ ที "เอ้า...เอาไป ใช้ได้แล้ว" ญาติโยมก็ไม่สบายใจ เพราะว่าหลวงปู่ไม่เห็นได้ทำท่าเสกอะไรเลย

ถึงเวลาขึ้นไปกราบหลวงปู่แหวนที่วัดดอยแม่ปั๋ง ก็เอาใส่พานให้หลวงปู่แหวนเสกใหม่ พอส่งไปถึง หลวงปู่แหวนบอกว่า "พอแล้ว..อาจารย์ฉันเสกมาดีแล้ว" ถามว่าอาจารย์หลวงปู่คือใคร ? ท่านบอกหลวงปู่สี สมัยธุดงค์อยู่ท่านแนะนำความรู้ให้หลายอย่าง ก็เลยถือท่านเป็นอาจารย์ โยมบอกว่าไม่เห็นหลวงปู่สีเสกอะไรเลยครับ ท่านเอามือแปะ ๆ แค่ ๓ ที หลวงปู่แหวนท่านบอกว่า "หลวงปู่สีเอามือแปะ ๓ ทีดีกว่าฉันเสกตั้ง ๓ เดือน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2018 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #138  
เก่า 25-11-2018, 07:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า หลวงปู่สีนี่เป็นแคสเซียส เคลย์ ของรุ่นเฮฟวี่เวท ซึ่งเป็นราชามวยโลก ถ้าหากว่าพูดถึงสุดยอดมวยโลกรุ่นเฮฟวี่เวท จะหลุดจากเคลย์จากไปไม่ได้ อย่างไรก็ต้องมีชื่อติดโผแน่นอน หลวงปู่สีท่านมรณภาพตอนอายุ ๑๒๘ ปี

รุ่นของอาตมากับพระครูแสงไป ช่วงนั้นต้องบอกว่าเป็นเด็กเบี้ยน้อยหอยน้อย ทำงานได้ค่าแรงวันละ ๒๕ บาท เงินเดือนออกเป็นอาทิตย์ เขาเรียกออกเป็น "วีค" อาทิตย์หนึ่ง ๑๕๐ บาท มีวันอาทิตย์หยุดหนึ่งวันก็วิ่งไปหาหลวงปู่กัน กัดฟันบูชาเหรียญนวโลหะของท่านมาในราคา ๘๐ บาท แพงสุด ๆ ค่าแรง ๓ วันกว่า แต่ว่าของที่อยากได้จริง ๆ ก็คือชานหมากของท่าน ไปนั่งเฝ้า เข้าแถวยาวกว่านี้อีก (หมายถึงเข้าแถวยาวกว่าที่มาบูชาแผ่นยันต์เกราะเพชร)

พอถึงเวลาหลวงปู่ท่านคายชานหมากออกมา ถ้าหากว่าเราขอ ท่านก็จะฉีกเศษผ้าอาบแล้วผูกให้ จะม้วนมาให้ทุกครั้ง ถ้าใครบอกว่ามีชานหมากหลวงปู่สีแล้วไม่มีผ้าอาบห่อมานี่ของปลอมแน่นอน ถ้าของจริงต้องมีผ้าจีวรหรือผ้าอาบห่อมา เด็ก ๆ อย่างอาตมาก็ไปแย่งกับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่สมัยนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นทหารอากาศจากกองบิน ๔ ตาคลี พากันไปนั่งเฝ้าเหมือนกัน เพราะว่าของหลวงปู่ท่านเด็ดขาดมาก คายออกจากปากมานี่ควักปืนยิงได้ตรงนั้นเลย ไม่ออกสักนัดเดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2018 เมื่อ 17:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #139  
เก่า 25-11-2018, 07:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมามีความเข้าใจทีหลังว่า การที่พระรุ่นเก่า ๆ ท่านฉันหมาก ก็คือการเคี้ยวไปภาวนาไป ตามหลักของอิริยาบถและสัมปชัญญะในมหาสติปัฏฐานสูตร ถึงเวลาก็ภาวนาไป เคี้ยวไป นึกไป กำหนดรู้ตามไป ในเมื่อเสกมีสติขนาดนั้นก็ต้องขลังอยู่แล้ว ยิ่งหลวงปู่สีท่านเป็นพระอรหันต์ระดับปฏิสัมภิทาญาณด้วย เป็นรุ่นเฮฟวี่เวทเสียด้วย ก็ยิ่งขลังเข้าไปใหญ่ ตอนหลวงปู่สีมรณภาพ อาตมายังไม่ได้เศษอายุของท่านเลย ท่านมรณภาพอายุ ๑๒๘ ปี อีกตั้งหลายปีกว่าอาตมาจะ ๒๘ ปี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2018 เมื่อ 17:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #140  
เก่า 25-11-2018, 07:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การกรวดน้ำ ?
ตอบ : ถ้าคำว่ากรวดน้ำหมายถึงการอุทิศส่วนกุศล ถ้าเป็นไปได้ควรที่จะอุทิศส่วนกุศลทุกครั้ง เพราะว่าคนที่รอรับอยู่นั้นมี บางทีเวลาเขามีหน่อยเดียว ถ้าเราช้า เขาก็อด เพราะฉะนั้น...จะทำบุญอะไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ทำเสร็จแล้วรีบกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เขาก่อน

ถาม : ไม่จำเป็นต้องอุทิศส่วนกุศลแบบกรวดน้ำได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ได้ กรวดน้ำในความหมายของการอุทิศส่วนกุศล ถ้าตั้งใจอุทิศก็ไม่จำเป็นต้องกรวด การกรวดน้ำเป็นรูปแบบของพราหมณ์ สมัยก่อนพราหมณ์เขาจะให้อะไรใคร เขาจะเอาน้ำรดมือคนนั้น เป็นสัญลักษณ์ว่าฉันให้เธอแล้ว

แต่คราวนี้พอพระพุทธเจ้าบอกพระเจ้าพิมพิสารให้กรวดน้ำเป็นครั้งแรกในพระพุทธศาสนา ท่านก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ด้วยความเคยชินของการปฏิบัติแบบพราหมณ์ก็เอาน้ำรด แต่คราวนี้ผีเขาไม่ยื่นมือมาให้เห็น ท่านก็เลยต้องรดมือตัวเอง พวกเรารุ่นหลังได้รับแบบอย่างมา ก็จัดการเอาน้ำราดมือตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่าที่มาคืออะไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-11-2018 เมื่อ 17:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:25



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว