กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 16-05-2017, 21:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,209 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในเรื่องของการปฏิบัติกรรมฐานนั้น ถ้าเราจับจุดกรรมฐานกองใดกองหนึ่งที่เรารักเราชอบได้แล้ว ก็ให้เร่งรัดปฏิบัติกรรมฐานกองนั้นไป หรือว่าเรายึดถือแนวทางการปฏิบัติกรรมฐานสายไหน ก็ให้เราเร่งรัดปฏิบัติตามสายนั้นไป

อย่าเปลี่ยนกองกรรมฐานบ่อย จนกว่ากองเดิมจะได้ผลแล้ว หรืออย่าเปลี่ยนสายการปฏิบัติกรรมฐานบ่อย ๆ จนกว่าเราจะปฏิบัติตามจนได้ผลแล้ว ไม่อย่างนั้นเราจะเป็นคนที่จับจด ปฏิบัติอะไรก็ไม่จริงจัง เหมือนกับคนที่ขุดบ่อตั้งใจจะเอาน้ำ พอขุดลงไปได้ ๒ เมตร ๓ เมตร มีคนบอกว่าตรงจุดโน้นน่าจะขุดแล้วได้น้ำดีกว่า เราก็ย้ายที่ไปขุดตรงโน้น พอขุดตรงโน้นลงไปได้ ๓ เมตร ๔ เมตร มีคนบอกว่าอีกที่หนึ่งดีกว่า เราก็ย้ายไปขุดที่ใหม่อีก

ลักษณะอย่างนี้แหละที่ทำให้เรากลายเป็นคนขุดบ่อแต่ไม่เคยได้น้ำเลย เช่นเดียวกับการที่เราเปลี่ยนสายการปฏิบัติกรรมฐาน หรือเปลี่ยนกองกรรมฐานบ่อย ๆ โดยที่ยังไม่ได้ทำของเดิมให้ได้ผลเสียก่อน เมื่อถึงเวลาเราเริ่มเคยชิน อารมณ์ใจเริ่มทรงตัวกับกรรมฐานกองนี้ ยังไม่ทันที่จะทำให้ถึงที่สุด เราก็ย้ายเปลี่ยนไปทำกรรมฐานกองอื่น ลักษณะอย่างนี้เราก็เท่ากับเป็นคนขุดบ่อแล้วไม่ได้น้ำ

หรือเปรียบโลกนี้เป็นคุกที่กักขังเราเอาไว้ เราเจาะกำแพงเพื่อที่จะให้ได้ช่องทางในการหลบหนี กำแพงนี้ค่อนข้างจะหนา เราเจาะเข้าไปได้สักศอกสักวา คนบอกว่าจุดโน้นน่าจะเจาะได้ง่ายกว่า เราก็ย้ายที่ไปเจาะใหม่ กลายเป็นเปลืองกำลังโดยใช่เหตุ เพราะว่าไม่สามารถที่จะทะลุ หลุดพ้นจากการกักขังนั้นไปได้สักที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 17:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-05-2017, 17:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,209 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กรรมฐานทุกกองนั้น อารมณ์ตอนปลายเท่ากัน ก็คือจบลงที่ฌาน ๔ บางท่านอาจจะแย้งว่าอรูปฌานนั้นจบลงที่ฌาน ๘ อาตมาขอยืนยันว่า อรูปฌานนั้นเป็นฌาน ๘ ด้วยกำลังของฌาน ๔ ก็คือต้องใช้กำลังเท่ากับฌาน ๔ ในการปฏิบัติ แล้วบวกกับการพินิจพิจารณาในอารมณ์กรรมฐานนั้น ๆ จนกระทั่งเขาแยกไปนับเป็นฌานที่ ๕ ที่ ๖ ที่ ๗ ที่ ๘ แต่ความจริงแล้วกองกรรมฐานตรงนี้ ก็มีกำลังเท่ากับฌาน ๔ นั่นเอง เพียงแต่มีการแยกแขนงออกไปเล็กน้อยเท่านั้น

เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของการปฏิบัติของเรา ตราบใดที่เรายังไม่สามารถทรงฌานได้คล่องตัว ตราบนั้นเราก็ยังเป็นทาสกิเลสอยู่เต็มตัว

การที่เราทรงฌานได้คล่องตัว สภาพจิตเราจะพ้นจาก รัก โลภ โกรธ หลง ได้ชั่วคราว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า มารจะมองไม่เห็นเมื่อบุคคลทรงฌาน เนื่องจากว่าสภาพจิตระงับ รัก โลภ โกรธ หลง ลงไปได้ รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นบริวารไม่สามารถรายงานให้พญามารรู้ได้ว่าเราทำอะไร ? อยู่ที่ไหน ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 17-05-2017, 17:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,209 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากเราพินิจพิจารณาในวิปัสสนาญาณเพิ่มเติมเข้าไป สภาพจิตของเรายอมรับว่า การเกิดมานี้ไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด สภาพจิตยอมรับว่าการเกิดมานี้มีแต่ความทุกข์ เกิดก็เป็นทุกข์ แก่ก็เป็นทุกข์ เจ็บก็เป็นทุกข์ ตายก็เป็นทุกข์ พลัดพรากจากของรักของชอบใจก็เป็นทุกข์ ได้รับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบใจก็เป็นทุกข์ ปรารถนาไม่สมหวังก็เป็นทุกข์

สภาพจิตของเรายอมรับได้ว่าสภาพร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี ของวัตถุธาตุทั้งหลายก็ดี ประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้อาศัยได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น หลังจากนั้นก็เสื่อมสลาย ตายพังกลับคืนเป็นสมบัติของโลก ไม่มีอะไรหลงเหลือเป็นเราเป็นของเราเลยแม้แต่นิดเดียว

ถ้าสภาพจิตของเรายอมรับเช่นนี้ ก็จะเกิดความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ปราศจากความต้องการในการเกิด ไม่มีความปรารถนาทั้งในกายของตนเองและกายของผู้อื่น สภาพจิตก็จะหลุดพ้นจากการยึดเกาะในร่างกายนี้ ในโลกนี้ การหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานก็จะพึงมีพึงเกิดแก่เราได้

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว