กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 18-02-2012, 14:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้บวชเนกขัมมะ ๒ วัน คือ วันที่ ๒๕-๒๖ กุมภาพันธ์ อาตมาคงอยู่กับพวกเราได้วันหนึ่งพอดี รุ่งขึ้นหลวงตาวัชรชัยนิมนต์ไปพุทธาภิเษก อาตมาบอกว่าติดงานไปไม่ได้ ท่านก็อ้อนวอน เห็นหลวงตาพูดเหมือนกับว่า ถ้าอาตมาไม่ไปสักคนงานจะล่มอย่างนั้นแหละ ท่านโทรมานิมนต์เอง ฎีกาส่งตามมาทีหลัง

ส่วนใหญ่งานของพี่ ๆ น้อง ๆ ถ้าปลีกตัวไปได้จะพยายามไป เพราะโอกาสที่จะไปอยู่กันพร้อม ๆ หน้านั้นหายาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-02-2012 เมื่อ 15:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 18-02-2012, 16:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อครู่ผมไปหาหมอมา หมอบอกให้ผมกลั้นหายใจ แล้วอัลตร้าซาวด์ คิดว่าลมหายใจหายไปก็เหมือนกับตาย จึงจับภาพพระ ช่วงแรก ๆ ก็เฉย นึกภาพพระตามไป แต่พอลมหายใจจะหมด เกิดความรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ควรจะแก้อย่างไร ?
ตอบ : จิตใจยังไม่มั่นคงพอ ต่อไปซ้อมเกาะภาพพระให้ชิน ไม่มีลมหายใจเข้าออกก็ให้นึกถึงภาพพระไว้ ถ้าต้องรอให้มีลมหายใจแล้วค่อยนึกได้ ถึงเวลาไม่หายใจแล้วจะยุ่ง..! คราวนี้เราก็ได้เห็นจริง ๆ แล้วว่า ไม่มีอะไรที่เรารักยิ่งกว่าตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-02-2012 เมื่อ 18:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 18-02-2012, 16:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระปิดตาเนื้อนวโลหะกับเนื้อชินเหมือนหรือต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : เนื้อนวโลหะใส่ส่วนผสมโลหะมากชนิดกว่า เนื้อชินมีส่วนผสมแค่ตะกั่ว สังกะสี และเงินเท่านั้นเอง ชอบแบบไหนก็เลือกเอาแบบนั้น อยากเสียสตางค์มากก็เลือกแบบที่แพงหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-02-2012 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 19-02-2012, 08:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ไม่มีอะไรหรอก อารมณ์เบื่อที่เกิดขึ้น ถ้าเบื่อแบบมีปัญญา ก็จะรู้ว่าเบื่อเพราะร่างกายนี้มีสภาพทุกข์อยู่ตลอดเวลา เบื่อโลกนี้ที่มีแต่ความทุกข์เร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าปัญญาไม่ถึง ก็เกิดเบื่อขึ้นมาเฉย ๆ แต่จะบอกว่าปัญญาไม่ถึงก็ไม่ใช่ ก็เพราะปัญญาถึง ถึงได้รู้สึกเบื่อ แต่ว่าละเอียดไม่พอที่จะแยกแยะว่าเบื่อเพราะอะไร

ความเบื่อของนิพพิทาญาณ หลายต่อหลายคนพบแล้วไม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง แต่ขอให้รู้ไว้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะถ้าตราบใดที่เรายังไม่เบื่อ เราก็ยังอยากที่จะเกิดอยู่ ถ้าเบื่อเมื่อไรความอยากเกิดก็จะลดน้อยถอยลง จิตเบื่อหน่ายก็คลายกำหนัด ความปรารถนาในการเกิดไม่มี ความปรารถนาในร่างกายตนเองไม่มี ความปรารถนาในร่างกายผู้อื่นไม่มี ความปรารถนาในโลกนี้ไม่มี ความปรารถนาที่จะเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมไม่มี ก็จะแสวงหาทางเพื่อไปสู่นิพพาน

ถ้าหากว่ามีสมาธิคุมอยู่กำลังใจจะนิ่ง ความละเอียดของจิตมีมาก ก็จะรู้ว่าเบื่อมาจากสาเหตุอะไร แต่ถ้าหากยังไม่ถึงตรงจุดนี้ ก็มีแต่อารมณ์เบื่อขึ้นมาเฉย ๆ เบื่อจนบางทีอยากจะเดินหนีไปเฉย ๆ ไปไหนก็ได้ ไปให้ไกล ๆ

อาตมาเองเกิดอารมณ์นิพพิทาญาณกลางห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว สุดยอดจริง ๆ เกิดที่ไหนไม่เกิด ตอนนั้นห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวเปิดใหม่ ๆ สาวเขาอยากจะไปช็อปปิ้ง อาตมาก็เลยไปเป็นเพื่อน พอเขาซื้อของก็ต้องช่วยเขาหอบหิ้ว สัก ๔ - ๕ ถุงก็พะรุงพะรังไปหมด อยู่ ๆ เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า "นี่เอ็งกำลังทำอะไรอยู่ ? ทำไมเหลวไหลอย่างนี้..!"

พอความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมา ก็ให้เบื่อและสลดใจกับทุกอย่างไปหมด เบื่อจนชนิดที่ว่าอยากมุดดินหนีหายไปเดี๋ยวนั้นเลย ต้องบอกว่าความรู้สึกของผู้หญิงไวมาก ๆ เขาหยุดกึก หันขวับมาถามว่า "พี่เป็นอะไร ?" อาตมาบอกว่า "เป็นอะไรก็ไม่รู้ ? แต่ตอนนี้เบื่อหน้าเธอฉิบหายเลย..!" เขาบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นก็กลับกันเถอะ"

แบบเดียวกับพระครูแสง เขาไปเกิดขุททกาปีติบนรถเมล์ ลูกผู้ชายตัวเล็กกว่าควายนิดเดียว แต่ไปนั่งน้ำตาไหลอยู่บนรถ ใคร ๆ เห็นก็คงคิดว่าไปอกหักรักคุดมา เขาอายก็เลยต้องลงรถไปเลย (หัวเราะ) ตอนนั้นเขาขึ้นรถเมล์แล้วไปเห็นว่า ชีวิตคนทุกข์ขนาดนี้เชียวหรือ ? แย่งกันกิน แย่งกันทำงาน แย่งกันขึ้นรถเมล์ เบียดกันไปอัดกันมาอยู่ทั้งวัน ลำบากลำบนแทบตายชัก ไปถึงที่ทำงานก็ไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร คิดแค่นั้นน้ำตาร่วงเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 19-02-2012, 08:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำขอบรรพชา ?
ตอบ :ใช้แบบเอสาหัง ภัณเต ถ้าบวชหมู่ใช้เอเต มะยัง ภัณเต แต่ที่นั่นก็ใช้เอสาหังทั้งหมด ยกเว้นตอนท้ายเขาใช้ สังฆัม ภัณเต อุปะสัมปะทัง ยาจะมะ แปลก..เพราะบวชเดี่ยวมาตั้งแต่ต้น แล้วก็ไปรวมกันตอนท้ายเอาเฉย ๆ

ด้วยความเคยชินของอาตมา บางทีพอบอกไปแล้ว พระอุปัชฌาย์ก็นั่งงง ๆ ว่าสวดแบบนี้ได้ด้วย ? จึงบอกว่าได้ครับ เป็น เอเต มะยัง ภัณเต สุจิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คัจฉามะ (ไม่ใช่มิ) ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ ละเภยยามะ มะยัง ภัณเต ตัสสะ ภะคะวะโต ธัมมะวินะเย ปัพพัชชัง ละเภยยามะ อุปะสัมปะทังฯ

เรื่องนี้เกิดจากตอนแรกที่อาตมาบวช เข้าใจว่าวัดท่าซุงเป็นมหานิกายก็ท่องคำขอบวชแบบอุกาสะไป ท่องจนคล่องแล้ว ปรากฏว่าพอไปถึงเขาบอกว่าวัดเราเป็นมหานิกายแปลง ให้ท่องแบบเอสาหัง อาตมาก็ใช้เวลา ๒ วัน ท่องเอสาหัง ภัณเต จนได้ พอท่องได้ พระพี่เลี้ยงท่านก็บอกว่า "เฮ้ย..ของเราบวชหมู่ ให้ใช้ เอเต มะยัง ภัณเต" เจริญมาก..ตั้งแต่นั้นมาไม่ว่าจะบวชอย่างไร บอกมาก็แล้วกัน เพราะอาตมาท่องได้หมดทุกอย่างแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 19-02-2012, 08:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ใบพระขรรค์โสฬสหล่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือประกอบด้ามและฝัก ตอนช่วงนี้งานที่ยุ่งที่สุดก็คือพวกลายโลหะรัดด้ามและฝัก เพราะว่าต้องหล่อแยกต่างหาก แล้วต้องเอามาชุบทองก่อน ค่อยประกอบกันเข้าไป

ลวดลายจะมีหุ้มช่วงบนตรงฝักและตรงปลายด้ามที่จะขันเกลียว ที่ฝักก็จะมีช่วงปลายข้างบน ทำงานทั้งทีทำให้ดีเข้าไว้ แพงเท่าไรไม่ว่า เพราะไม่ได้ตั้งใจเอากำไรมาก สร้างผลงานฝากไว้ในแผ่นดิน คิดว่าอีกกี่ชาติก็คงไม่มีใครสร้างใหญ่ขนาดเท่าของจริงแบบนี้

ตอนแรกที่ทำมา แค่เฉพาะใบมีดอาตมาคนเดียวที่ถือมือเดียวได้ เพราะน้ำหนัก ๓ กิโลครึ่ง..! จึงบอกช่างว่าเกลาออกให้เหลือบางกว่านี้หน่อย เดี๋ยวคนอื่นต้องแบกแล้วจะลำบาก เฉพาะใบก็ ๓ กิโลครึ่ง ประกอบเข้าไปคงไม่หนี ๕ กิโลกรัม ข้าวสารถุงหนึ่งเต็ม ๆ เลย

วันก่อนต้องส่งรถไปรับด้ามพระขรรค์มาโดยเฉพาะ ช่างทำแล้วไม่กล้าเอามาส่งเพราะเป็นไม้พะยูง กลัวตำรวจจับ อาตมาบอกเขาว่าถ้าทำเสร็จแล้วเขาไม่ว่าอะไร "ไม่เอา...อาจารย์มารับเองเถอะ" อาตมาบอกว่า "ถ้าเป็นท่อน ๆ เป็นแผ่น ๆ เขาเอาคุณแน่ แต่ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์หรืออะไรเรียบร้อยแล้วเขาไม่ว่าหรอก" "ไม่ได้..อาจารย์มารับเองเถอะ"

เขาเองก็พูดง่าย ๆ ว่าไม่อยากมีปัญหา ถ้าเกิดตำรวจเฮี้ยนจับขึ้นมาจริง ๆ เขาต้องมาชดใช้ให้ยุ่งไปหมด ไม้หวงห้ามถ้าไม่ได้ตีตราจากป่าไม้อย่างถูกต้อง ก็ผิดกฎหมายทั้งนั้นแหละ

เขามีโครงการปลูกไม้หวงห้าม สนับสนุนให้เกษตรกรปลูก พอปลูกแล้วก็ไปแจ้งขึ้นทะเบียนไว้ที่อำเภอ ทางอำเภอจะส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจว่าเป็นพื้นที่เท่าไร มีไม้กี่ต้น เมื่อไม้ได้ขนาดที่ต้องการจะตัด ก็ไปแจ้งทางอำเภอขออนุญาตตัด ถ้าอย่างนั้นตัดได้ เขาจะส่งเจ้าหน้าที่มาตีตราให้ ทางด้านทองผาภูมิมีญาติโยมจำนวนมากเลยที่เข้าโครงการนี้ ปลูกไม้สักทองไว้ ปัจจุบันนี้ถ้าหากทำไม้หน้า ๖ หน้า ๘ ได้สบายเลย แต่ว่าหลายแห่งบอกว่าจะเก็บไว้ให้ลูกให้หลาน ถ้าถึงรุ่นลูกรุ่นหลานนี่น่าจะแพงกว่าทองอีก เพราะว่าอาตมาทำมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองที่วัด สร้างด้วยไม้ตอนนี้ยังแพงกว่าคอนกรีตหลายเท่าเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 19-02-2012, 08:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แต่ก่อนนี้ ไม่ต้องไกลมาก แค่รุ่นคุณยาย คุณแม่ ของพวกนี้เช่นเพชรลูก ก็ยังมาทำกระดุม พลอยก็เอามาเล่นหมากเก็บเป็นปกติ
จึงสงสัยว่า เดี๋ยวนี้ไม่เห็นอย่างนั้นแล้ว กลับเป็นของมีค่าไป ต่างจากต่างดาวที่ยังเกลื่อนกลาดอยู่ เพราะอะไร?
ตอบ : ดาวบางดวงเขามีแก้วมณีเกลื่อนกลาดไปหมดแต่ไม่มีราคา เหมือนกับกรวดเหมือนทรายบ้านเรา ลองแก้วมณีบ้านเขาหลุดมาถึงบ้านเราสักเม็ดสิ..รวยกันไม่รู้เรื่อง..!

อาตมาเคยเห็นคนโบราณเขาทำเพชรซีก จะว่าไปก็ไม่ได้งามเหมือนเพชรของสมัยนี้ แต่ก็เป็นเพชร อาจเป็นเพราะว่าฝีมือเจียระไนของเขา ยังไม่ได้ศึกษาว่าทำอย่างไรให้แสงทำมุมตกกระทบเหมือนอย่างสมัยนี้ สมัยก่อนเขาเรียกง่าย ๆ ว่าเพชรลูกกับเพชรซีก เพชรลูกเป็นก้อนเลย ถ้าเพชรซีกก็มาเป็นซีก"

ถาม : บนโลกนี้ที่ไม่เห็นเพชรพลอยขนาดนั้น เพราะคนไม่มีบุญเท่าเขา หรือเพราะยังไม่มีเจ้าของมาเอา?
ตอบ : อาตมาไปนั่งไปนอนหกคะเมนตีลังกาบนก้อนมรกตขนาดใหญ่เท่าเตียงมาแล้ว ปลื้มใจมากว่าชีวิตนี้เราเคยนอนเตียงขนาดนี้มาแล้ว ลักษณะอย่างนั้นถ้าสามารถเอารถยกเข้าไปได้ สามารถยกมาแกะพระองค์ใหญ่ ๆ ได้เลย

ชีวิตเกิดมาก็ไม่ได้นึกว่าจะได้มีโอกาสเห็นสมบัติมากมายมหาศาลขนาดนั้น เห็นไปเห็นมาก็เลยเกิดความนิ่งนอนใจว่า ถ้าอยากรวยเมื่อไรก็แค่สึกแล้วไปขนมาเท่านั้นเอง ตอนนี้ความอยากรวยยังไม่พอ ไม่รู้ว่าตอนที่จะไปขนนี่เขาจะให้ไหม ? แต่ตอนเป็นพระนี่แหม..อยากให้นัก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-02-2012 เมื่อ 20:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 19-02-2012, 08:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กรรมอะไรทำให้เราโดนหลอกอยู่ตลอดเวลา ?
ตอบ : เคยไปหลอกคนอื่นเขามา

ถาม : แล้วจะทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : เกิดใหม่..! เรื่องของพระท่านตรงไปตรงมา

จริง ๆ ไม่มีอะไร ก็แค่คิดดี ทำดี พูดดี มั่นคงอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าทำได้ต่อเนื่องยาวนานพอสักระยะหนึ่ง เดี๋ยวความดีเหล่านี้ก็จะส่งผลให้เอง เพราะว่าปัจจุบันของเราก็คือผลของกรรมดีกรรมชั่วในอดีต แต่จากวินาทีนี้ไปถึงวินาทีหน้า วินาทีนี้ก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว

ถ้าหากว่าเราทำความดีได้ต่อเนื่องยาวนานพอ ต่อไปความดีเหล่านี้ก็จะส่งผลให้ สิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ก็จะถอยห่างไป แต่อย่าให้ความดีขาดช่วงนะ เพราะความชั่วเขาไม่ได้ไปไหน ยังรออยู่ ถ้าตราบใดที่กรรมยังไม่ได้ให้ผล กรรมทั้งหลายก็ยังตามอยู่เป็นปกติ ให้ผลเมื่อไรก็อยู่ที่ว่าให้หมดแล้วหรือยัง ? ถ้ายังไม่หมดก็ตามไปชาติอื่นอีก ถ้าหมดก็กลายเป็นอโหสิกรรมกันไป

ถาม : อย่างนั้นผมก็ต้องอดทนหรือครับ ?
ตอบ : แน่นอน ขันติ..ขันติ..ขันติ ท่องไว้ เอาให้ได้อย่างท่านขันติวาทีดาบส โดนตัดแขนตัดขาอย่างไรท่านก็ยังยืนยันว่าขันติเป็นหลักธรรมที่ดีที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 19-02-2012, 08:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกอาหารเสริม เช่น นมแคลเซียมสูง ถ้าไม่ใช่หมอสั่งก็ไม่ต้องไปกินหรอก กินอาหารตามปกติของเราก็พอแล้ว จะให้กระดูกแข็งแรง ก็เพิ่มพวกปลาเล็กปลาน้อย จะได้กินทั้งกระดูกลงไปด้วย และออกกำลังกายบ้าง รับแสงแดดบ้าง กระดูกจะแข็งแรงเอง

ถ้าประเภทไม่ทำอะไรเลย เอาแต่กินนมจะให้กระดูกแข็งแรง ระวังไว้..จะกลายเป็นโรคกระดูกงอกทับเส้นประสาท เพราะว่าร่างกายของผู้ใหญ่กระดูกส่วนต่าง ๆ เจริญเติบโตเพิ่มไม่ได้แล้ว ส่วนที่ยังงอกอยู่ก็คือเล็บ ถ้ากินแคลเซียมมากเกินไป ก็จะตกผลึกอยู่ตามข้อ กลายเป็นคนนิ้วบวมเป็นก้อน ๆ ไม่นิ้วมือก็นิ้วเท้า บางคนถ้ามากเกินไปขาก็คดผิดรูปไปเลย เพราะกระดูกมาในส่วนที่ไม่ควรจะมา

ถ้าหมอสั่งก็กินแค่หมอสั่ง ไม่ใช่คิดว่าอะไรที่มาก ๆ ไว้แล้วจะดี อย่าเพิ่งไปเชื่อแรงโฆษณา พระพุทธเจ้าตรัสถึงมัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งหมายถึงในทุกเรื่อง อะไรที่พอดีถึงจะเกิดประโยชน์ มากเกินไปก็เป็นโทษทั้งนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 19-02-2012, 08:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมจะไปบวชธุดงค์ครับ นอกจากการถือศีลแปดแล้ว ควรมีอะไรที่ผมต้องทำบ้าง ?
ตอบ : แผ่เมตตาทุกวัน แล้วก็อธิษฐานขอพระหรือเทวดาท่านว่า สิ่งใดที่สมควรรู้เห็นก็ขอให้ได้รู้เห็นด้วย ไม่อย่างนั้นถ้ามีอะไรดี ๆ ขึ้นมา เราต้องวิ่งหาเอง

ถาม : อย่างการธุดงค์ต้องกินมื้อเดียวหรือเปล่าครับ หรือว่าตามอารมณ์ ?
ตอบ : ที่นั่นเขาบังคับอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ?

ถาม : บังคับ
ตอบ : ต้องมื้อเดียวอยู่แล้ว คุณไม่ต้องไปกินเผื่อนะ ขอยืนยันว่ากินให้อิ่มพอดีแล้วจะไม่มีปัญหา แต่ถ้ากินเผื่อ ตอนเย็นจะหิวไส้ขาดเลย เพราะตอนกินเผื่อร่างกายจะรู้สึกว่าได้อาหารเยอะ มื้อต่อไปร่างกายคิดว่าจะได้เยอะ เลยเตรียมน้ำย่อยไว้เพียบ กลายเป็นว่ามื้อต่อไปหิวปางตายเลย วันแรกวันที่สองอาจจะรู้สึกหิวหน่อย วันที่สามไปก็อยู่ตัวแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 19-02-2012, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กรุ่นใหม่ ๆ สมัยนี้เขาเรียนอะไรก็ไม่รู้ เรียนแล้วก็ไม่ได้จำไว้ สมัยก่อนเด็ก ๆ อาตมาต้องเรียน อันนกกาอาศัยซึ่งปีกหาง ไปสู่ทางที่ประสงค์จำนงหมาย รู้หลบหลีกปีกป้องประคองกาย อันตรายมิได้ใกล้ให้อาวรณ์ฯ... เขาเปรียบเทียบเหมือนกับวิชาความรู้ ที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายอย่างปลอดภัยได้

ปากเป็นเอกเลขเป็นโทโบราณว่า หนังสือตรีมีปัญญาไม่เสียหลาย ถึงรู้มากไม่มีปากลำบากตาย มีอุบายพูดไม่เป็นเห็นป่วยการฯ สมัยก่อนเขาเรียนกันเป็นเล่ม ๆ ต้องการให้ชินกับความงามของภาษา แต่สมัยนี้ตัดตอนมาเรียนแค่บางส่วน

พวกเราเองยังแยกไม่ออกเลยว่า ในบทกลอนต่าง ๆ นั้น "บัดนั้น" กับ "เมื่อนั้น" ต่างกันตรงไหน ? ถ้าหากว่า "เมื่อนั้น" จะเป็นตัวละครที่เป็นพระราชา เจ้านายใหญ่ ส่วน "บัดนั้น" เป็นข้ารับใช้ดี ๆ นี่เอง

เมื่อนั้น...พระตรีภูวนาถนาถา รู้เลยว่าพระเจ้าแผ่นดินเสด็จมาเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 19-02-2012, 08:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิ บางทีเขาต้องการบุญต่างประเภทกันไป ?
ตอบ : เท่าที่พบมา ถ้าท่านมีบุญส่วนไหนแล้ว ท่านก็มักจะต้องการบุญส่วนอื่น แต่คุณอย่าไปสรุปโดยใช้คำว่าเทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิ จำไว้เลยว่าถ้าตราบใดที่ยังไม่เป็นพระอริยเจ้า ความเป็นมิจฉาทิฐิก็ยังมีอยู่ ถ้าคุณไปสรุปอย่างนั้นเดี๋ยวโดนท่านเหยียบแบน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 19-02-2012, 09:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นเด็กรุ่นใหม่ ๆ แล้วกลัวแทนพวกเขา เพราะโลกอยู่ยากขึ้นทุกวัน บรรยากาศเปลี่ยนแปลงแปรปรวนง่าย การเข้าใจวิถีการดำรงชีพตามธรรมชาติแทบจะไม่มี ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นมาเด็กรุ่นหลังจะเอาตัวรอดได้ยาก แค่ไฟฟ้าดับก็ทำอะไรไม่เป็น เคยปรารภกับพระที่วัดว่า อยากให้ไฟฟ้าดับที่วัดสักอาทิตย์หนึ่ง ดูซิว่าพวกคุณจะตายกันไหม ?

สมัยแรก ๆ ที่พาโยมไปบึงลับแล ไปกัน ๒๗ คน ไปถึงอาตมาก็ถามว่ามีใครหุงข้าวเป็นบ้าง ? มีคนยกมือขึ้นหลายคนน่าชื่นใจมาก แล้วก็มีเสียงถามว่าเสียบปลั๊กตรงไหน ? อาตมาก็หลงดีใจ ท้ายสุดพระต้องไปหุงข้าวให้พวกเขากิน..!

คนที่เคยลำบากมาก่อน ต่อไปพอเกิดอะไรขึ้นก็ยังพอเอาตัวรอดได้ หรือว่ารู้ว่าควรจะเอาตัวรอดอย่างไร แต่คนที่ไม่เคยลำบากเลย อย่างเด็กรุ่นหลัง ๆ เคยชินกับที่ต้องการอะไรก็กดปุ่มเอา แม้กระทั่งปัจจุบันการซื้อข้าวของอะไรก็เป็นตลาดเสมือน ถึงเวลาชอบใจอันไหนก็กดปุ่ม เดี๋ยวเขาก็ส่งมาให้ที่บ้าน แค่แจ้งหมายเลขบัตรเครดิตเท่านั้น

ต่อไปกาลข้างหน้า การทำงานก็คงอยู่ในลักษณะว่าจะไม่ได้เห็นเงินที่แท้จริง มีแต่เพียงตัวเลขในบัญชี แล้วก็โอนกันไปโอนกันมา ถึงเวลารับค่าแรงก็โอนเข้าบัญชี สมัยนี้ยังเอาบัตรไปกดออกมา แต่ต่อไปข้างหน้าถ้าความสะดวกมีมากขึ้น ไม่ต้องไปกดแล้ว จะซื้ออะไรก็โอนข้ามไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 09:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 19-02-2012, 09:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เชื่อไหมว่าแอฟริกาที่เราว่าล้าหลังสุด ๆ ใช้บริการธนาคารผ่านอินเตอร์เน็ตมากที่สุดในโลก เพราะว่าบ้านเขาระยะทางไกลจากเมืองมาก การเดินทางก็ลำบาก เดินไปกลางทางอาจจะโดนสิงโตเอาไปกินก็ได้ เขาเลยใช้วิธีโอนเงินซื้อขายทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ตกัน

ดังนั้น..พวกแอฟริกาชนเผ่าพื้นเมือง ที่เราเห็นเขาเป็นต้นตระกูลของนิโกร ปัจจุบันนี้เขาเก่งกว่าเราเยอะ เราจะไปหาประเภทนิเชาไม่ได้แล้ว สมัยคุณนิเชามาโฆษณากระเบื้อง ๕ ห่วง เขาขอค่าแสดงเป็นวัวฝูงหนึ่ง งานระดับนั้นค่าแรงวัวฝูงหนึ่งนี่ถูกสุด ๆ เลย สมัยนี้คงต้องโอนตัวเลขเข้าธนาคารให้เขาแล้ว

บ้านเขาเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนั้น ก็เลยมาดูว่า เดี๋ยวนี้เรื่องของลมฟ้าอากาศก็เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปหมด ถ้ากำลังใจของคนไม่มั่นคง การเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศจะทำให้จิตใจแปรปรวนไปด้วย จะกลายเป็นคุ้มดีคุ้มร้าย แล้วตอนนั้นจิตแพทย์ก็ลำบาก ลำบากตรงที่ว่าถึงเวลาจิตแพทย์ก็จะเป็นไปเองด้วย (หัวเราะ)"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 12:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 19-02-2012, 09:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คนรุ่นหนึ่งไปสู่คนรุ่นหนึ่ง สมรรถภาพก็เสื่อมลงไปเรื่อย ๆ ขนาดคนจีนเขามีภาษิตว่า ครอบครัวร่ำรวยรุ่งเรืองเท่าไรก็ไม่เกิน ๓ ชั่วคน สมมติว่ารุ่นเราทำให้เจริญขึ้นมาได้ เราก็ไม่อยากให้ลูกต้องลำบากอย่างเรา ลูกก็จะสบาย ไม่รู้จักความลำบาก พอรุ่นหลานเกิดมาบนกองเงินกองทองแล้ว ลำบากอย่างไรก็ไม่รู้

เพราะฉะนั้น..วิธีที่จะรักษาทรัพย์สมบัติเอาไว้ให้ได้ ก็จะเป็นเรื่องที่เกินความสามารถของเขา รู้จักใช้ไม่รู้จักหา รุ่นถัดไปก็เรียบร้อยแล้ว คนจีนเขาถึงบอกไว้ว่า ร่ำรวยรุ่งเรืองขนาดไหนก็ไปได้ไม่เกิน ๓ รุ่น ต้องระวังให้ดี ถ้าอยากจะให้ครอบครัวมั่นคง อยากให้วงศ์ตระกูลรุ่งเรืองไปนาน ๆ ต้องปล่อยให้ลูกหลานลำบากบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2012 เมื่อ 12:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 19-02-2012, 16:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : อาตมาเลิกใช้น้ำมันมา ๒ ปีกว่าแล้วนะ หันมาใช้แก๊สแทน ตอนแรกได้รับคำแนะนำว่าวิ่งให้ได้ ๑ หมื่นกิโลเมตรก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนแก๊ส ปรากฏว่าพอเติมน้ำมันถังแรกเจอไป ๒,๙๐๐ บาท ต้องเปลี่ยนเลย..! พอเติมแก๊สเหลือแค่ ๕๐๐ บาทเท่านั้น

ตอนนี้แก๊สทั้ง NGV หรือจริง ๆ ก็คือ CNG กับ LPG ต่างกำลังทยอยขึ้นราคา LPG ที่ใช้เติมรถอยู่ เขาจะขึ้นเดือนละ ๗๕ สตางค์ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบ ๙ บาท ส่วน NGV ก็ขึ้นในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ได้ไปจดจำว่าขึ้นแบบไหน

จะว่าไปแล้วเรื่องของน้ำมันและแก๊สบ้านเราต้องบอกว่าโดนผูกขาด และบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปตท. แกล้งทำเป็นโง่ เพราะว่าการเซ็นซื้อน้ำมันแต่ละครั้ง กว่าจะส่งมาทีก็ ๓ - ๖ เดือน สมมติว่าเราเซ็นซื้อน้ำมันตอนบาร์เรลละ ๘๐ เหรียญ แต่ปัจจุบันน้ำมันชุดนั้นยังส่งมาไม่ถึง ราคาน้ำมันในตลาดโลกเกิดขึ้นราคาไปเป็น ๘๕ เหรียญ บ้านเราก็ปรับขึ้นตามราคาใหม่ทันที...ซึ่งไม่ใช่ ถ้าจะให้ถูกต้อง เราต้องรอให้ชุดราคา ๘๐ เหรียญนั่นขายหมดแล้วซื้อใหม่ ถึงค่อยปรับราคาใหม่ได้ แต่บ้านเราแกล้งโง่แบบนี้ทุกครั้ง

พอน้ำมันในท้องตลาดขึ้นเมื่อไรก็ขึ้นราคาทันที แต่ถ้าลงเมื่อไร จะยื้อเอาไว้ให้นานที่สุดไม่ยอมลด ขึ้นไปแล้ว ๒ - ๓ บาท ลดให้ที ๓๐ - ๔๐ สตางค์ เพราะฉะนั้น..จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาแจกรางวัลประจำปีกันทีละ ๖ - ๘ เดือน

ส่วนที่ควรจะสนับสนุนที่สุดคือ NGV เพราะว่าบ้านเราผลิตได้เอง แต่เนื่องจากว่าเป็นการผูกขาดอยู่เจ้าเดียว จึงกำหนดราคาตามใจชอบ เมื่อกำหนดราคาตามใจชอบ มีกำไรมากอยู่แล้ว แต่พอความต้องการในท้องตลาดมากขึ้น แทนที่จะเฉลี่ยราคาลดลงมา เพราะความต้องการมากขึ้น ขายได้มากขึ้น กำไรก็มากขึ้น ควรที่จะเฉลี่ยลดให้ก็ไม่ลด แต่ไปขึ้นราคา ซึ่งเป็นวิธีทำกำไรที่ค่อนข้างจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย

บ้านเราพวกอัตราค่าน้ำมันและเชื้อเพลิงต่าง ๆ ก็บิดเบือนมาโดยตลอด โดยเฉพาะในส่วนที่เอาเงินกองทุนน้ำมันไปอุดหนุน เพื่อให้คงราคาเดิมเอาไว้ ทำให้คนไม่ตระหนักถึงความหายากและแพงขึ้นของเชื้อเพลิง ยังคงใช้ล้างผลาญกันเป็นปกติ ไปนึกถึงตอนน้ำมันขึ้นพรวด ๆ จาก ๑๑ บาทกว่า ไปถึง ๒๔ บาท รถบนถนนหายไปครึ่งหนึ่ง ที่ยังอยู่บนถนนก็ขับ ๖๐ - ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอนช่วงนั้นอาตมามีความสุขเป็นบ้าเลย เพราะรถวัดยังคงเหยียบ ๑๒๐ เท่าเดิม..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 19-02-2012, 16:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่พอผ่านไปสักระยะหนึ่งก็เริ่มตายด้าน รถออกมาเต็มถนนเหมือนเดิม รถรุ่นใหม่ออกมาเมื่อไรมีป้ายแดงวิ่งบนถนนทันที นี่เป็นนิสัยของคนไทย เรียกว่าไม่รู้จักเข็ด..! โดยเฉพาะอัตราการสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศติดระดับล้านล้านบาทแล้ว อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงถึงขนาดเป็นล้านล้านบาทนี่ ประชากรเขาต้องมีมากกว่าเราหลายเท่าตัว แต่บ้านเราประชากรแค่ ๖๐ กว่าล้านคน มีอัตราการใช้เงินเพื่อซื้อหาเชื้อเพลิงจากต่างประเทศถึงระดับล้านล้านบาทนี่น่ากลัวมาก

ดังนั้น..ถ้าญาติโยมถามว่าที่รัฐบาลขึ้นราคาทั้งแก๊สและน้ำมัน มีความเห็นว่าอย่างไร ? อาตมาบอกว่าสมควรและน่าจะขึ้นให้มากกว่านี้ เพราะว่ารอบบ้านของเราน้ำมันแพงทั้งนั้นเลย ยกเว้นพม่าที่ผลิตน้ำมันได้เอง แต่ถึงพม่าผลิตได้เองก็ขายแพง เขาจะมีราคาควบคุมเฉพาะอยู่ในสถานบริการน้ำมัน

ตอนช่วงที่อาตมาไปพม่านั้น น้ำมันในสถานบริการของรัฐบาลแกลอนละ ๑๘๐ จั๊ต รถคันไหนเข้าไปเขาก็ลงปันส่วนให้ ๑๐ แกลลอน ได้วันละแค่นั้น แต่จ่ายจริง ๆ ก็ ๓ - ๕ แกลลอน แล้วแต่รถใหญ่หรือรถเล็ก แล้วที่เหลือล่ะ ? ที่เหลือก็เอาไปจำหน่ายที่สถานบริการเถื่อนใกล้ ๆ กันนั้นแหละ ถ้าไปแถวสถานบริการเถื่อนเจอราคาอย่างต่ำ ๆ ก็ ๓๕๐ จั๊ต แพงขึ้นไปเป็นเท่าตัว ถ้าใครต้องการมากกว่าส่วนที่ได้ ก็ต้องไปยอมเสียเงินให้สถานบริการเถื่อน

ดังนั้น..น้ำมันของพม่าแม้ว่าผลิตได้เอง แต่ก็ยังต้องใช้ของแพงอยู่ดี ความร่ำรวยก็ไปอยู่ที่บรรดาผู้มีอำนาจในแผ่นดิน ต่างคนต่างกอบโกยใส่กระเป๋าตัวเองและพวกพ้อง จะว่าไปแล้วนี่ก็เป็นวิสัยของปุถุชนทั่วไป ที่จะต้องทำทุกอย่างเพื่อตนเองและพวกพ้อง หาคนที่เสียสละเพื่อส่วนรวมได้ยาก ต่อให้มีจิตสำนึกต้องการจะทำเพื่อส่วนรวม แต่พอไปอยู่ร่วมกับคนอื่นนาน ๆ เข้า สิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลต่อชีวิต และท้ายสุดก็จะลืมความตั้งใจของตัวเอง กลายเป็นทำเพื่อตัวเองและพวกพ้องเหมือนกับคนอื่นเขา

จะว่าไปแล้วบ้านเราก็ยังไม่เลวร้ายเกินไป ถ้าเปรียบกับบางประเทศรอบ ๆ ด้านของเรา แต่ว่าในเรื่องของความเจริญนั้นเราจะไม่ทันใครแล้ว อย่าลืมว่ารอบบ้านของเรา มาเลเซียและสิงค์โปร์ ปัจจุบันนี้เป็นประเทศที่พัฒนาไปแล้ว ลาวกับเขมรมีโทรศัพท์ "3G" แล้ว พม่ากำลังเปิดประเทศ นักลงทุนต่างชาติดาหน้ากันเข้าไปเพราะค่าแรงถูกและคนขยันขันแข็ง เผลอ ๆ ลาวกับเขมรจะแซงบ้านเราไปอีก

บ้านเราสิ่งที่สมควรที่สุดคือความสามัคคีกัน โดยเฉพาะรัฐบาลและฝ่ายค้าน ทำอย่างไรถึงจะช่วยกันสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่ว่าปัดแข้งปัดขากันอยู่ตลอด บ้านเราเป็นเมืองพุทธแท้ ๆ แต่ว่าแทบจะไม่ได้ใช้หลักธรรมในการดำเนินชีวิตเลย ก่อนหน้านี้เขาบอกว่า "การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร" ปัจจุบันนี้ถึงขนาด "ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ" กันไปเยอะแล้ว มาสรุปมารวมตรงที่ว่าเด็กรุ่นใหม่น่ากลัวมากว่าจะอยู่กันได้อย่างไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-02-2012 เมื่อ 17:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 19-02-2012, 16:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่ที่โยมว่าอยากตาย จริง ๆ อยากตายได้แต่ให้อยู่ไปก่อน ถ้าตราบใดที่บุญกรรมยังรักษาอยู่ อายุ ไออุ่น และวิญญาณ ยังไม่ปราศจากเสีย อย่างไรต้องกัดฟันทนอยู่ต่อไป

ไออุ่นที่ว่านี่เขาแปลจากบาลี ถ้าเรียกให้ชัด ๆ ก็คือปราณ ถ้าคำว่าปราณยังไม่ชัดก็ต้องใช้ว่าพลังชีวิต ถ้าอายุขัยยังไม่หมด พลังชีวิตเหลือเฟือ วิญญาณคือประสาทความรู้สึกยังสมบูรณ์ ก็อยู่ไปเถอะ นานเท่าไรก็อยู่ได้ แต่ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งชำรุดก็อยู่ยากขึ้น ชำรุดมาก ๆ ซ่อมไม่ไหวก็ตายไป

ปีนี้อาตมารู้ตัวว่าแก่นะ เพราะว่าหน้าหนาวเริ่มปวดข้อ ถ้าหากว่าหนาวแล้วเริ่มปวดข้อก็แปลว่าเริ่มหมดสภาพแล้ว สรุปว่าพระกาฬส่งจดหมายเตือนมาเป็นระยะ ๆ สายตาสั้นลง ฟันหลุด ผมหงอก หนังเหี่ยว เตือนมาตลอดเวลา แต่พวกเราฟังคำเตือนนั้นหรือเปล่าเท่านั้นเอง

นึกถึงพระเจ้าจักรพรรดิในอดีต พระองค์ท่านตรัสกับกัลบก (ช่างตัดผม) ว่า ถ้าเห็นผมขาวให้เตือนด้วย ช่างตัดผมก็ตัดผมไปเรื่อย พอเห็นผมขาวเส้นหนึ่งก็กราบทูลให้พระเจ้าจักรพรรดิทราบ ท่านสละราชสมบัติออกบวชเลย บอกว่าแก่แล้ว เรื่องการปกครองประเทศชาติบ้านเมือง ควรจะให้เป็นหน้าที่ของลูกหลานจัดการไป คนแก่ควรจะเร่งรีบปฏิบัติธรรมเพื่อความสุขในอนาคตของตนเองบ้าง นี่ถ้าบ้านเรามีค่านิยมแบบนั้น พระเต็มวัดแน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 19-02-2012, 16:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เอเชียเรามี ๓ ฤดูคือ ฤดูร้อนหรือคิมหันตฤดู ฤดูฝนหรือวสันตฤดู ฤดูหนาวหรือเหมันตฤดู

ส่วนทางซีกโลกตะวันตก เขามีฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูใบไม้ผลิด้วย ใบไม้ร่วงนี่มาก่อนหนาว ส่วนใบไม้ผลินี่มาก่อนฝน ถ้าหากพวกเราไม่เคยชินก็จะงง นึกอย่างง่าย ๆ ก่อนฤดูหนาวจะเห็นว่าใบไม้เปลี่ยนสีแล้วก็ร่วงหมดจึงหนาว พอพ้นจากฤดูหนาวไป ต้นไม้ก็เริ่มแตกดอกออกใบ บางทีเขาเรียกว่า bloom season แล้วฝนก็จะมา

ทางด้านตำราของพราหมณ์แบ่งฤดูกาลออกเป็น ๔ ส่วน เขาจะมีครีษมายันคือฤดูร้อน เหมายันคือฤดูหนาว วสันต์วิษุวัตคือกึ่งกลางระหว่างร้อนกับฝน ศารทวิษุวัตคือกึ่งกลางระหว่างฝนกับหนาว เขาแยกได้ (หัวเราะ)"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 19-02-2012 เมื่อ 17:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 19-02-2012, 16:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,534
ได้ให้อนุโมทนา: 151,526
ได้รับอนุโมทนา 4,406,844 ครั้ง ใน 34,124 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมจึงสันนิษฐานว่าอุทัยเทวีเป็นเปรต?
ตอบ : เปรตจัดเป็นโอปปาติกะ บรรดาโอปปาติกะเกิดแล้วโตเลย จะไม่ผ่านการเป็นเด็กมาก่อน

แต่มีโอปปาติกะอยู่ประเภทหนึ่งคืออชคราทิเปรต เป็นเปรตที่อยู่ในร่างสัตว์เดรัจฉาน อย่างที่คนจีนเขาว่าชะมดหรือสุนัขจิ้งจอกแปลงเป็นคน เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-02-2012 เมื่อ 20:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว