กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 21-09-2010, 20:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงภาษาบาลีว่า "ปาลิภาสา อุตฺตมภาสา แปลว่า ภาษาบาลีเป็นภาษาอันสูงสุด ในอรรถกถาท่านบอกว่า ที่เป็นภาษาสูงสุดเพราะพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสเป็นภาษาบาลี พระพรหมสนทนากันด้วยภาษาบาลี บุคคลต้นกัปใช้ภาษาบาลีในการสื่อสาร

เด็กที่เพิ่งเกิดใหม่ ถ้าไม่มีใครสอนภาษา ไม่เคยได้ยินภาษาอะไรมาก่อนเลย จะสื่อสารด้วยภาษาบาลี อย่างเช่น "อะมะ..ข้าแต่แม่" เพราะฉะนั้น..ความพิเศษของภาษาบาลี ก็ดังที่ได้วิสัชชนามานี้แล เอวัง."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2010 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 21-09-2010, 20:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากรู้วิธีการฝึกความเพียร
ตอบ : การฝึกความเพียร แค่ทำทุกอย่างบ่อย ๆ โดยไม่เบื่อเสียก่อน นั่นแหละคือการฝึก..!

เรียนก็ให้ตั้งหน้าตั้งตาเรียน เพื่อนอ่านหนังสือ ๑ จบ เราต้องอ่านให้ได้อย่างน้อย ๒๐ จบ นั่นแหละคือความเพียร เพื่อนทำสมาธิ ๕ นาที เราทำ ๕ นาทีเหมือนกัน แต่เราทำ ๕ รอบ ๘ รอบ นั่นคือความเพียร

สำคัญตรงที่ว่า ซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก กำลังใจต้องไม่ลดลง เบื่อไม่ได้ หน่ายไม่ได้ กำลังใจต้องเท่ากับครั้งแรกที่ทำ ไม่ใช่พอครั้งท้าย ๆ ก็ทำแบบซังกะตาย ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ความเพียร

บุคคลที่ทำความเพียรต้องมุ่งประโยชน์ ดูตัวอย่างของพระมหาชนก ท่านว่ายน้ำอยู่กลางมหาสมุทร ๗ วัน ๗ คืน นางมณีเมขลาถามว่าท่านจะว่ายไปทำไม ฝั่งยังมองไม่เห็นเลยว่าอยู่ตรงไหน ?

พระมหาชนกตอบว่า ที่ท่านเพียรพยายามว่ายอยู่ ก็เพื่อหวังบรรลุถึงฝั่ง ถ้าหากว่าฝั่งอยู่ไม่ไกล ถ้าท่านรามือปล่อยให้จมน้ำตาย ก็ถือว่าเสียชาติเกิด แต่ถ้าหากฝั่งอยู่ไกลเกินกำลัง หลังจากที่เพียรสุดกำลังแล้ว ถึงจมน้ำตายก็ยังตอบตัวเองได้ว่า เราได้ใช้ความพยายามเต็มที่แล้ว นางมณีเมขลาได้รับคำตอบแล้วชอบใจ ก็เลยช่วยอุ้มไปส่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2010 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 21-09-2010, 20:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อารมณ์ตรงนี้เหมือนกับเราตื๊อสู้กิเลส แล้วเราแพ้
ตอบ : แรก ๆ ก็จะเป็นอย่างนั้น ก็คือ กำลังของเรายังไม่พอหรอก เราแพ้กิเลสแน่ แต่พอทำไปบ่อย ๆ ก็จะเบาไปเรื่อย ๆ เพราะกำลังของเราเข้มแข็งขึ้น กิเลสชักจะสู้เราไม่ได้ ก็ค่อย ๆ รามือถอยไป จนกระทั่งท้ายสุดเราไม่ต้องใช้ความพยายาม เราก็สามารถทำได้อย่างสบาย ๆ

ลองไปดูคนที่รักษาศีลไม่ได้ หรือไม่ก็ลองนึกถึงตัวเราที่รักษาศีลใหม่ ๆ ผิดแล้วผิดอีก แต่เราก็พยายามทำอย่างไรที่จะให้ศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์อยู่ได้

ก็ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างสูงเลย สติ สมาธิ ปัญญา ความสามารถมีเท่าไรต้องทุ่มเทลงไปจนหมด แต่พอมาทุกวันนี้ศีลทรงตัวแล้ว เราไม่เห็นต้องใช้ความพยายามอะไรเลย จะยืน เดิน นั่ง นอน อย่างไรก็อยู่ในศีล

ขณะเดียวกันคนที่เขายังรักษาศีลไม่ได้ เขาจะเห็นเหมือนกับแบกช้างทั้งตัว ต้องทุ่มเทความสามารถชนิดจนหยดสุดท้ายแล้วก็ยังเอาตัวไม่รอด ถ้ามองตรงนี้เราจะเห็นความต่างอย่างชัดเจน


หลังจากที่ได้เพียรพยายามมาระยะหนึ่ง ความเข้มแข็งจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ งานก็จะเบาลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายสุด ทำงานก็เหมือนไม่ได้ทำ ถึงได้บอกว่า ถ้าเบาก็ถูก ถ้าหนักยังไม่ใช่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2010 เมื่อ 03:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 23-09-2010, 00:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์สอนน้องคนหนึ่งในเรื่องการเรียนว่า "ตอนอาตมาเรียนปริญญาตรีอยู่ อาจารย์นั่งตรวจข้อสอบ อาตมาก็เลียบ ๆ เคียง ๆ เข้าไปถามว่า "อาจารย์ครับ..วิชานี้ผมได้เท่าไร ?" อาจารย์ท่านถามเลขที่เท่าไร ? เราก็ตอบว่า "เลขที่ ๑๖ ครับ"

พออาจารย์เปิดดูก็บอกว่า "ได้เต็ม..เก่งนี่ ทำคะแนนได้เต็ม ไม่พร่องสักคะแนนเดียว" ก็เรียนอาจารย์ไปว่า "อาจารย์ครับ..วิชาอาจารย์ผมอ่านน้อยที่สุดเลย ประมาณ ๒๐ เที่ยวเท่านั้น..!"

คุณลองนึกดู..วิชาที่อาตมาอ่านมากที่สุดจะกี่เที่ยว ? ขณะเดียวกัน..เราเคยอ่านหนังสือจบสักเที่ยวจริง ๆ ไหม ?

ลองไปใช้ดู..ไม่ต้องถึง ๒๐ เที่ยวหรอก สัก ๑๐ เที่ยวก็พอ บางอย่างเราอาจจะไม่เข้าใจในการอ่านครั้งแรก พออ่านครั้งที่ ๒ ครั้งที่ ๓ ครั้งที่ ๔ ผ่านไป จะเริ่มจับเค้าหรือจับใจความได้

พอครั้งที่ ๕ ครั้งที่ ๖ ครั้งที่ ๗ ครั้งที่ ๘ คราวนี้ความกระจ่างจะมีขึ้นมากเรื่อย ๆ พระพุทธเจ้าท่านจึงได้ตรัสว่า สุตัง ปริโยทเปติ อะไรก็ตามที่ได้รู้ได้ฟังมา ถ้าหากได้รับฟังซ้ำเข้า ก็จะเข้าใจแจ่มชัดยิ่งขึ้น

ไปลองทำให้ระบือลือลั่นเสียที เต็มทุกวิชาไม่ได้ก็เอาให้เต็มสัก ๒ - ๓ วิชาก็ยังดี ไม่ใช่ทำทีไรก็ได้แค่คาบเส้นต่องแต่งหรือตกจนต้องซ่อมเป็นประจำ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 23-09-2010, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีครอบครัวหนึ่ง นำสุนัขมาที่บ้านอนุสาวรีย์ พระอาจารย์จึงกล่าวถึงหมาหรือสุนัขให้ฟังว่า

"หมาจะมีนิสัยขี้อิจฉาทุกตัว ถ้าเราไปโอ๋ตัวใดตัวหนึ่ง อีกตัวก็จะกัดทันที ต้องระวังให้ดี เพราะเขาจะเห็นเราเป็นจ่าฝูง การที่จ่าฝูงไปดีกับตัวไหน เหมือนเราไปเลื่อนฐานะให้ตัวนั้น ถ้าตัวนั้นเคยอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่า ตัวที่อยู่สูงกว่าจะไม่ยอม เขาจะกัด

กัดในลักษณะที่ว่า "เอ็งแน่จริงหรือเปล่า ? ถ้าเอ็งไม่แน่ก็อย่าเลื่อนชั้นขึ้นมา.." ฉะนั้น..เราจะเป็นสาเหตุให้หมาทะเลาะกันบ่อยโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว

แล้วเวลาหมากัดกันอย่าไปห้าม นั่นเป็นการจัดลำดับอาวุโสกัน ตัวไหนเก่งกว่า ตัวนั้นชนะ แล้วหลังจากนั้นอีกตัวจะไม่กล้าหือ แต่ถ้าเราไปห้าม แพ้ชนะยังไม่รู้กัน เขาจะกัดกันบ่อยมากแล้วเราจะรำคาญ เราเองเอาความรู้สึกของคนไปจับ ว่าไม่ควรทะเลาะกัน แต่ความรู้สึกของหมาก็คือ ผู้ที่แข็งแรงกว่าจึงจะชนะ ฉะนั้น..ต้องปล่อยให้เขาจัดลำดับกันเอง เรามีหน้าที่ใส่ยา ทำแผลให้ตอนจบ

สัตว์ที่อยู่ใกล้คนจะได้เปรียบ เพราะถ้าใจเกาะคนเขาก็จะไปเกิดเป็นคน ใจเกาะพระก็ไปเกิดเป็นเทวดา สัตว์เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับคน กรรมของการเป็นสัตว์เดรัจฉานของเขาจวนจะหมดแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-09-2010 เมื่อ 08:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 23-09-2010, 12:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สัตว์เขาจะมีภาษาเสียงเหมือนกับคำพูดของเรา และมีภาษากาย อย่างเช่น การกระดิกหาง การทำหางตก แยกเขี้ยวใส่กัน และยังมีภาษาใจอีก มนุษย์เรารับภาษาเสียงได้ ภาษากายบางอย่างเราก็รับไม่ได้ เราก็เลยสู้หมาไม่ได้

ลองเอาหมาไทยข้างถนนไปโยนอยู่ที่ประเทศอังกฤษดูสิ เราเห็นเขาคุยกับหมาอังกฤษรู้เรื่องโดยที่ไม่ต้องหัดภาษาอังกฤษเลย เอาไปโยนที่ประเทศลาว หมาก็เว้าลาวได้สบาย เอาไปโยนไว้ที่ประเทศไหน หมาก็คุยรู้เรื่องทันที เพราะเขาใช้สามภาษา คือภาษาเสียง ภาษากาย และภาษาใจรวมกัน

เราเองเรื่องของภาษากายเราก็รับได้ยากแล้ว ยิ่งภาษาใจยิ่งรับได้ยากเข้าไปใหญ่ กลายเป็นว่าเกิดเป็นคนวิวัฒนาการมากเท่าไร สมรรถภาพในการสื่อสาร โดยเฉพาะภาษาใจก็หายสาปสูญไปมากเท่านั้น

บางวันนั่งแปลภาษาหมาให้พี่มุกดาเขาฟัง และสอนให้พูดภาษาหมาด้วย ปรากฏว่าพี่มุกดาจำได้ไม่กี่คำ จำไว้ชัด ๆ นะ ที่หมาหอมแก้มเรา เขาไม่ได้หอมแก้มนะ เขาดมมุมปาก ท่าดมมุมปากแปลว่า มีอะไรให้กินหรือไม่ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 15:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 23-09-2010, 12:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยก่อนฆราวาสผู้ชายที่อยู่ใกล้หลวงพ่อมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะบวชหมด ช่วงนั้นที่เป็นหลักก็มีลุงเอี๊ยง มีจ่าประมวญ ส่วนพวกเราก็จะเป็นส่วนเสริม ก็มีอย่างคุณธวัชชัย ลุงพุฒ คุณธรรมนูญ หรือตัวอาตมาเอง นั่งอยู่รอบ ๆ หลวงพ่อ

พูดง่าย ๆ คือ มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ตาม ทดสอบกำลังใจกันแรงขนาดไหน คนอื่นเตลิดเปิดเปิงขนาดไหนก็ตาม แต่ ๔-๕ คนนี้ต้องอยู่ เพราะถ้าไปจะทำให้คนที่เหลือไปด้วย เหมือนกับเป็นตัวหลัก มาแล้วต้องเจอ ถ้าไม่เจอคนก็ใจหาย

นอกจากนี้จะมีอาจารย์ยกทรงคอยถามปัญหา มีคุณประเสริฐคอยเรี่ยไร บางทีคนมาทำบุญจนแน่นกระดิกไม่ได้ คนอยู่หลังไม่รู้จะทำอย่างไร คุณประเสริฐก็จะเดินถือขัน เขาก็จะบอกว่ารายการไหนบ้าง "สร้างหลวงพ่อไหลมาเทมาครับ" โยมก็ใส่เงิน ถึงเวลาก็ยกไปถวายหลวงพ่อ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 15:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 23-09-2010, 12:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอคำแนะนำเกี่ยวกับมโนมยิทธิ
ตอบ : ต้องซ้อมบ่อย ๆ ถ้าไม่ซ้อมสนิมจะกิน มโนมยิทธิต้องถึงขนาดที่ว่าเขาส่งของมา เราต้องบอกได้ว่าที่อยู่ในกล่องในห่อเป็นอะไร ถ้าทำขนาดนั้นไม่ได้ เราก็จะไม่มั่นใจตัวเอง

ถึงทำขนาดนั้นได้ ถ้าเขาตั้งใจจะทดสอบเรา ภาพที่ปรากฏจะเป็นคนละเรื่องกับของจริง ยังมีการทดสอบทำให้เราเป๋ออกนอกทางได้อีก ฉะนั้น..มีอย่างเดียว คือขยันซ้อมและอย่าเชื่ออะไรง่าย ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 15:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 23-09-2010, 12:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "ยาสมุนไพรดีกว่ายาฝรั่ง ตรงที่ว่าร่างกายเราขับออกได้ ไม่เหมือนยาฝรั่งที่มีการตกค้าง แต่ยาสมุนไพรจะให้เห็นผลทันตาเลยทีเดียวอาจจะยาก ต้องกินสะสมไประยะหนึ่ง อย่างเช่น ๑ - ๒ หม้อ ก็เลยทำให้คนสมัยใหม่ที่ใจร้อน ไม่ค่อยจะใช้สมุนไพรกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 15:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 23-09-2010, 13:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าฝึกมโนมยิทธิที่บ้าน ควรฝึกอย่างไรครับ?
ตอบ : นั่งกรรมฐานตามปกติ แล้วกำหนดความรู้สึกทั้งหมดให้มาอยู่ตรงหน้า เหมือนกับมีตัวเราอีกตัวหนึ่งเล็ก ๆ ไม่ต้องใหญ่มาก มาอยู่ตรงหน้าของเรา

สั่งให้เดินแถวแบบทหารเลย ซ้ายหัน ขวาหัน กลับหลังหัน ถอยหลังสองก้าว เดินหน้าสามก้าว ฯลฯ ให้ความรู้สึกของเราชัด ถ้าไม่ชัดให้เริ่มใหม่ ทำไปเรื่อย ๆ

เสร็จแล้วก็เดินวนรอบห้อง รอบตัวเราก็ได้ ช้า ๆ นะ ไม่อย่างนั้นจะวูบเดียวครบรอบเลย เดินไปที่ประตู เปิดประตู ลงบันได ไปชั้นล่าง เดินรอบชั้นล่างอีกรอบหนึ่ง ออกไปดูหลังบ้าน ออกนอกบ้าน เปิดประตู เดินไปปากซอย

ค่อย ๆ กำหนดความรู้สึกให้ช้า ๆ และชัด ๆ ไปเรื่อย ตอนแรก ๆ จะชัดมากเพราะเราคุ้นกับสถานที่ แต่พอถึงจุดที่เราไม่คุ้นแล้วยังชัดอยู่ อย่างเช่น เห็นป้ายโฆษณา เห็นชื่อร้านค้า เห็นวินมอเตอร์ไซค์ ให้จำไว้เลยว่ามีลักษณะอย่างไร เลิกกรรมฐานแล้วไปดูว่ามีลักษณะอย่างที่เห็นไหม ?

ซ้อมอย่างนี้ทุก ๆ วัน สวรรค์พรหมไม่ต้องไปหรอก เอาแค่นี้แหละ พอคล่องตัวมาก ๆ จนกระทั่งหลับตาและลืมตาเห็นชัดเท่ากัน คราวนี้เราจะไปไหนก็กำหนดใจไป แต่ต้องขยันซ้อม ซ้อมบ่อย ๆ ทิ้งไม่ได้เลย ทิ้งเมื่อไรสนิมขึ้นเมื่อนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 15:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 23-09-2010, 13:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเคยฝึกกสิณที่วัดแห่งหนึ่ง ผมถามว่า ถ้าจับรูปพระ จะดีกว่ามองแผ่นกสิณนี้ได้หรือเปล่า ? เขาบอกว่ารูปพระมีรายละเอียดเยอะ
ตอบ : นั่นเป็นความเห็นและเป็นความเข้าใจของเขา ที่วัดนั้นถ้าฝึกแล้วจะได้ผล ต้องเป็นคนมีของเก่าที่เคยทำมาในชาติก่อน ยกเว้นกสิณสีขาว สีเขียว สีแดง และสีเหลือง ๔ สีนี้เท่านั้น ที่ฝึกแล้วมีผล

ส่วนที่เขาไปสมมติกสิณดิน กสิณน้ำ นั่นไม่มีผลหรอก ยกเว้นคนมีของเก่า เพราะวัตถุที่เขาเอามาทำเป็นองค์กสิณยังไม่ใช่วัตถุที่ถูกต้อง กสิณดินแทนที่จะใช้ดินก็ไปใช้สีส้ม ถ้าไม่มีพื้นฐานเก่าปฐวีกสิณมาจากชาติก่อน อย่างไรก็ใช้งานไม่ได้

ถามว่าฝึกแล้วดีไหม ? ดี..อย่างน้อยเราก็ได้สมาธิ แต่ถ้าไม่มีของเก่า จะมีผลแค่เขียว ขาว แดง เหลือง ๔ สีเท่านั้นเอง นอกนั้นที่เหลือก็กลายเป็นอะไรติดตาเราไปก็ไม่รู้ ไม่สามารถที่จะใช้ผลของกสิณได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 15:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 23-09-2010, 16:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราจะปฏิบัติตัวอย่างไรที่จะให้เจริญในธรรมและไม่ขวางโลก ?
ตอบ : อันดับแรก เอาศีลเป็นกรอบ ถ้าเราไม่ละเมิดศีล ๕ อย่างไรเสียก็ไม่หลุดไปกับกระแสโลกไกลนัก อย่างเช่น ไปกินเหล้าเมายากับใครก็ไม่ได้ เพราะว่าเรามีศีลป้องกันตัวอยู่

อันดับที่สอง พยายามทำสมาธิบ่อย ๆ เพื่อให้กำลังใจของเรามั่นคง ถ้ากำลังใจไม่มั่นคง เวลาเจอลมปากเพื่อนบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ไหลตามเขาไปด้วย

ระยะที่อาตมาน่าจะเสียมากที่สุด คือ ตอนเรียนนักเรียนนายสิบ เพราะว่าเพื่อนทหารทั้งกินทั้งเที่ยว ยาเสพติดทุกประเภทมีหมด แล้วเขาก็มาว่าเรา "ไม่เป็นอะไรสักอย่างหนึ่ง ไปหากระโปรงมานุ่งซะ..!" แต่เราคนเดียวด่าเพื่อนทั้งกองร้อยกลับไปว่า "พวกมึงทั้งหมดนั่นแหละ ควรจะไปเอากระโปรงมานุ่ง กูรู้ว่าอะไรไม่ดี กูห้ามใจกูได้ กูนี่ถึงจะลูกผู้ชายจริง พวกมึงไม่ใช่หรอก..!"

เพราะฉะนั้น..ถ้ากำลังใจเราไม่มั่นคง เวลาโดนลมปากของคนอื่นแล้วเราจะอยู่ไม่ได้ ในเรื่องของศีล สมาธิ จะเป็นเครื่องช่วยในขั้นต้นเลย

ส่วนขั้นต่อไป มีปัญญารู้เห็นความเป็นทุกข์เป็นโทษของโลก ในเมื่อรู้ว่าสิ่งไหนเป็นโทษ สิ่งไหนเป็นประโยชน์ เราก็จะละในสิ่งที่เป็นโทษ และทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เอาแค่นี้แหละ ไม่เอาอะไรมากมาย ถ้าทำได้ครบก็อยู่ได้

เราไม่ต้องไปด่าเพื่อนเขาแรง ๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่า "โอย..ไม่ไหวหรอก กินแอลกอฮอล์แล้วเป็นผื่นไปทั้งตัว ให้ไปเมาอย่างนั้นคงแย่เลย"


ถาม : เนียน ๆ แบบนั้นได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ได้..ไม่เสียเพื่อนหรอก อาตมาเป็นทหารไม่ได้กินเหล้ากับเขานะ แต่ไปกับเขาได้

ถ้าหากวงไหนที่เมาแล้วมีคนสติดีอยู่คนหนึ่ง คนอื่นจะไม่กล้าแซวหรอก พอถึงเวลามีปัญหาเพื่อนเสียงดัง โต๊ะข้าง ๆ เขม่น เราก็ไปยกมือไหว้ "ขอโทษครับ..เพื่อนผมเมาเสียงดังไปหน่อย ขออภัยด้วยที่รบกวนพี่"

เขาเห็นมีคนไม่เมาอยู่ เขาก็เกรงใจไม่กล้าทำอะไร พอเพื่อนเมาสิ้นสภาพสุนัขไม่รับประทาน เราก็แบกเขากลับ ไปกับเขาได้ แต่เราไปแค่กรอบของศีล

อีกอย่างหนึ่ง คนไม่เมาไปนั่งวงเหล้าเปลืองกับแกล้มเขา เพื่อนกินเหล้าเรากินกับ พักเดียวเขาก็ไล่เราออกมาแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 23-09-2010, 16:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนอาตมาไปเป็นทหารอยู่ชายแดน เพื่อนพาไปเที่ยวผู้หญิง ไปกันเป็นหมวดเลย ทหารหมวดหนึ่งก็ ๔๐ กว่าคน ทีนี้ถ้าไปตอนกลางคืนเวลาทำการของผู้หญิงเขา เดี๋ยวแขกของเขาจะตกใจหมด เพราะเห็นทหารมาเยอะ ก็ต้องไปตอนบ่ายสอง เวลานอนของเขา

ไปทุบ ๆ ประตู เฮ้อ..! เราลองนึกถึงผู้หญิงที่แต่งหน้าจัด ๆ เพื่อให้สวยใต้แสงไฟ ทีนี้เราไปตอนที่เขานอน ลอกหน้าออกแล้ว นุ่งกระโจมอก หัวกระเซิง หน้าซีดอย่างกับผีตายซาก ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อน ๆ เขามีอารมณ์ได้อย่างไร ?

ส่วนเรานั่งเฉาสนิท ไปนั่งเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย นั่งเฝ้าหน้าห้องให้เพื่อน สรุปแล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เคยพยายามทำเหมือนกัน แต่ไม่สำเร็จเพราะฝีมือไม่ถึง..!

จากที่เล่ามา อยากจะบอกพวกเราทุกคนว่า ผลของการปฏิบัติ แรก ๆ ในเรื่องของศีล สมาธิ กำลังยังไม่พอตัดกิเลส แต่กำลังมีพอที่จะหักห้ามเราไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ได้ในระดับหนึ่ง

พอเราทำไป ๆ มากกว่านั้น ความเข้มแข็งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เราถึงจะห้ามตัวเองได้จริง ๆ
ไม่อย่างนั้นช่วงที่น่าจะเสียหายมากที่สุดก็ช่วงเป็นทหาร เพราะว่าเพื่อน ๆ เอาทุกทางจริง ๆ


ถาม : ไม่ใช่ว่าสั่งสมมาแต่อดีตหรือคะ ?
ตอบ : นั่นก็มีส่วน แต่อย่าลืมว่ากระแสโลกเขาแรง สติสัมปชัญญะอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีสมาธิ มีปัญญาเข้ามาช่วยอีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2010 เมื่อ 17:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 24-09-2010, 02:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การนั่งสมาธิหรือมโนมยิทธิ ควรที่จะต้องมีเวลาในการฝึกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ควรจะกำหนดเวลาให้แน่นอน อย่างเช่น เช้าสักครึ่งชั่วโมง เย็นครึ่งชั่วโมง จริง ๆ แล้วไม่พอรับประทานหรอก แต่อย่างน้อยให้มีส่วนกำไรบ้าง แล้วจะช่วยสร้างเหตุปัจจัยให้กำลังใจเราทรงตัวเข้มแข็งขึ้น ต่อไปถ้าปฏิบัติในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น เราก็จะทำได้ง่าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-09-2010 เมื่อ 05:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 24-09-2010, 02:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อารมณ์ปีติมีได้ทุกฌานใช่ไหมครับ ?
ตอบ : มีก่อนเข้าถึงฌาน เมื่อเป็นฌานแปลว่าข้ามพ้นปีติไปแล้ว แต่ว่าถึงแม้เราจะได้ถึงสมาบัติ ๘ แล้วก็ตาม ถ้าวิสัยเดิมของเรามาสายพุทธภูมิ จำเป็นต้องรู้ปีติให้ครบ ปีติก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้อีก

ถ้าเป็นดังนั้นต่อให้เราได้สมาบัติ ๘ แล้ว ถ้าปีติจะเกิดขึ้น อยู่ ๆ กำลังฌานจะลดลงมาเฉยเลย แล้วปีติก็เกิดขึ้นจนพอใจ ให้เรารู้ชัดเจนแล้วก็จะเลิกไปเอง


ถาม : แล้วจะกลับมาอีก ?
ตอบ : ถ้าตัวไหนเคยผ่านมาแล้วจะไม่เป็นอีก ฉะนั้น..จะไปคิดว่าเราได้ฌานสูง ๆ แล้วจะไม่มีปีติอีก ไม่ใช่หรอก...บทเขาจะมา กำลังฌานจะลดลงไปหน้าตาเฉย แล้วปีติก็เกิดขึ้น

ถาม : ถ้าเราปล่อยจะหายไหมครับ ?
ตอบ : รับรู้ไว้เฉย ๆ ไม่รู้ไม่ชี้ พอเต็มที่แล้วก็จะเลิกไปเอง

ถาม : ทันทีที่ผมจับลมจะอยู่ที่ฌานสาม แล้วสักพักก็จะสั่น ๆ บางทีก็เป็นปีติตัวพองขยาย
ตอบ : เขาเรียก ผรณาปีติ แสดงว่าฌานสามที่คุณเข้าใจยังไม่ใช่ฌานสามจริง ๆ

ถาม : จะวนอยู่อย่างนั้นมา ๖ เดือนแล้ว
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ อย่าอยากให้เป็น อย่าอยากให้หาย มีหน้าที่รับรู้ไว้เฉย ๆ จะเป็นอย่างไรก็ช่าง ถ้าวางกำลังใจอย่างนี้ได้ ปีติจะขึ้นจนเต็มที่เอง แล้วก็จะเลิก

บางทีตัวเราพองขึ้นเหมือนกับเราเป็นลูกโป่ง บางทีระเบิดตูมกลายเป็นฝุ่นไปเลยก็มี บางทีก็รู้สึกเป็นรูรั่ว มีอะไรไหลออกมาซู่ซ่าไปหมด

เรามีหน้าที่กำหนดรู้เฉย ๆ จะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ถ้าไปอยากให้เป็น อยากให้หาย เมื่อไรจะเลิกเสียที ไปคอยตามดูอยู่ ก็จะติดอยู่แค่นั้น

ถาม : ไปเพ่งไปกำหนดตามจี้อยู่ถึง ๖ - ๗ เดือน หรืออยู่เป็นปี อย่างไรครับ ?
ตอบ : แบบนั้นก็จะอยู่ไปจนชั่วฟ้าดินสลาย

ถาม : อย่างนี้จะเกี่ยวกับการพัฒนาหรือเปล่า ?
ตอบ : เกี่ยวแน่ เพราะเราข้ามไม่ได้สักที ความก้าวหน้ากว่านั้นก็ไม่มี แต่ถ้าเราไม่ให้ความสนใจ พักเดียวก็ไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-09-2010 เมื่อ 05:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 24-09-2010, 02:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นั่งทำงานอยู่ พอใจเป็นสมาธิ จะมีอาการเกร็งเหมือนโดนอะไรมัดร่างกาย จะมาอยู่สักพักหนึ่งแล้วก็ถอน
ตอบ : ปล่อยให้เป็นไปเถอะ คิดว่าเป็นขันธมารอย่างหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไปให้ความสนใจอยู่ตรงนั้น สมาธิจะไม่ก้าวหน้า

ถาม : ไม่ต้องสนใจไปใช่ไหม ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ ถ้าเราไปใส่ใจว่า ตอนนี้เป็นอย่างนี้ อีกสักพักจะเป็นอย่างนี้ เรารู้เพราะเคยผ่านมาแล้ว ถ้าอย่างนี้เดี๋ยวก็หายไปแล้วมาเป็นใหม่อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-09-2010 เมื่อ 05:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 24-09-2010, 02:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การนั่งสมาธิทำให้เราหายเหนื่อยได้หรือเปล่า ? สมมติเราเรียนมาทั้งวัน เราเหนื่อยมากแต่ไม่อยากนอน
ตอบ : ได้..ถ้าสมาธิลึกมากเท่าไรก็หายเหนื่อยเร็วเท่านั้น สมาธิยิ่งลึกระยะเวลาก็ยิ่งใช้น้อยเท่านั้น เข้าสมาธิลึก ๆ สัก ๓ นาทีหรือ ๕ นาที เหมือนกับนอนมาเป็นวัน

ถาม : ทำไมกีฬายิงปืน จึงเหนื่อยกว่ากีฬาวิ่งเล่น ?
ตอบ : อันดับแรก ใช้สมาธิมาก อันดับที่สอง แรงอัดของปืนที่กระแทกเรา

เวลายิงปืนแรงระเบิดของดินขับ เพื่อส่งกระสุนแหวกอากาศไป แรงระเบิดจะเป็นคลื่นอัดเข้ามาหาเรา อาตมาเคยยิงปืนทราบระยะ (กำหนดระยะในการยิง) อยู่สองวันสองคืน เหนื่อยรากเลือดยิ่งกว่าวิ่งสักสามสิบกิโล

ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมเหนื่อยขนาดนั้น พอไปดูพื้นทรายข้างหน้า ทรายที่เขาเกลี่ยไว้เรียบ ๆ กลายเป็นคลื่นเหมือนชายหาดทรายเลย แสดงว่าแรงอัดของปืนที่อัดออกไป ดันทรายไปได้ขนาดนั้น เราอาจจะใส่ที่ครอบหูไม่ได้ยินเสียง แต่แรงอัดก็ยังคงอัดใส่เราเป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-09-2010 เมื่อ 05:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 24-09-2010, 03:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พอเรารู้สึกว่าตอนนี้กิเลสตัวนี้เงียบหายไป เขาก็พยายามจะเล่นตัวอื่นเพื่อให้กระทบกับเรา พยายามจะทำให้เราฟุ้งซ่าน
ตอบ : ตั้งสติระมัดระวังให้สุดชีวิต หลับก็ต้องระวัง กิเลสจะมาแค่สี่มุมเท่านั้นแหละ รัก โลภ โกรธ หลง แต่เขาออกข้อสอบได้เป็นล้านข้อเลย เป็นสุดยอดของอาจารย์จริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-09-2010 เมื่อ 05:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 24-09-2010, 03:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วิธีฝึกเหาะ ?
ตอบ : ฝึกวาโยกสิณให้ได้ก่อน ถ้าเราตั้งใจเหาะ แล้วไม่ได้อธิษฐานให้ไปช้า ๆ คนจะไม่คิดว่าเราเหาะ เขาจะคิดว่าเราหายตัว เพราะจะแวบเดียวไปอยู่ที่จุดหมายเลย

แต่ถ้าหากว่าอยากจะไปช้า ๆ อวดชาวบ้านเขา ก็ต้องอธิษฐานด้วยว่าให้ไปช้า ๆ ผมอยากเท่ครับ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-09-2010 เมื่อ 05:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 24-09-2010, 10:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,378 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวให้ฟังว่า "สมัยก่อนบวชเคยดูหนังเรื่อง ๑๘ ยอดมนุษย์ทองคำ พระเอกต้องเข้าไปฝึกวิชาที่เส้าหลินเพื่อไปล้างแค้น พอฝึกวิชาสำเร็จฝ่าด่านมนุษย์ทองคำออกมาได้ หลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านให้โอวาทว่า "คิดก่อนทำ อดทนไว้ ให้อภัย"

เมื่อพระเอกลงไปในยุทธจักร ก็ใช้สามคำนี้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตของเขา แม้กระทั่งวาระสุดท้ายที่เขาไปต่อสู้กับตัวโกงที่ฆ่าพ่อเขา เมื่อใช้ท่าไม้ตายสุดท้าย กำลังจะฆ่าตัวโกง เขาก็ต้องหยุด เพราะคิดถึงคำของพระอาจารย์ที่ว่า "คิดก่อนทำ อดทนไว้ ให้อภัย" สุดท้ายพระเอกก็เลยละมือ เลิกการล้างแค้น

ส่วนใหญ่สมัยนี้คนใจร้อน ทำก่อนคิด ถึงได้มีบางท่านบอกไว้ว่า "ให้คิดทุกอย่างที่เราทำ แต่อย่าทำทุกอย่างที่เราคิด" จะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบก่อน

เรื่องของความอดทน ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของศาสนาพุทธได้เลย โอวาทปาฏิโมกข์ก็ขึ้นด้วยขันติ..ความอดทน ถ้าไม่อดทนอดกลั้นต่อสู้กับอารมณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบ ก็ไม่สามารถที่จะผ่านได้ และท้ายสุดก็อภัยให้เขาเถอะ ถ้าเขารู้ว่าสิ่งนั้นเป็นโทษ เขาก็คงไม่ทำแบบนั้นกับเราหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-09-2010 เมื่อ 10:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:25



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว