กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-01-2010, 13:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,504 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default โยนิ ๔

ถาม : เรื่องการเกิด ๔ จำพวก มีจำพวกหนึ่งที่เกิดในที่หมักหมม ไม่เข้าใจครับ ?
ตอบ : บางคนเขาบอกว่าเกิดในเถ้าไคล อย่างพวกจุลินทรีย์หรือเชื้อโรคต่าง ๆ

ถ้าว่ากันตามพระไตรปิฎก คนเราก็สามารถเกิดได้ทั้ง ๔ จำพวก เราต้องพูดถึงโยนิ คือ การเกิด ๔ ประเภท ท่านบอกว่า ชลาพุชะ ชำแรกไส้เกิด อัณฑชะ เกิดจากฟองไข่ พ่อแม่ไข่มาก่อน แล้วก็ค่อยฟักเป็นตัว สังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล หรือของสกปรก อย่างพวกเชื้อโรคหรือหมู่หนอน เป็นต้น โอปปาติกะ โตขึ้นฉับพลันทันทีนั้นเลย โผล่ขึ้นมาโตเดี๋ยวนั้นเลย อย่างเช่นพวกเทวดา พวกผี เป็นต้น

คราวนี้ในพระไตรปิฎก อรรถกถาจารย์ท่านพูดถึงชลาพุชะ เรารู้ว่าคือ คนทั่ว ๆ ไปเกิดนั่นแหละ อัณฑชะเกิดจากฟองไข่ ...มีไหม? มี ตัวอย่างคือพระภิกษุ ๒ รูป เป็นลูกของโกฏนกินรี ๒ คน แม่มาได้เสียกับพ่อที่เป็นมนุษย์ แล้ววางไข่ไว้ ๒ ฟอง แล้วแม่ก็กลับหิมพานต์ไป แต่คราวนี้พ่อเป็นคนฟักไข่ ปรากฏว่าแตกออกมาเป็นเด็กผู้ชาย ๒ คน โตขึ้นแล้วได้บวชด้วย ถ้าจำไม่ผิด เป็นพระอรหันต์ทั้งคู่ การเกิดน่าจะจัดอยู่ในสัตว์เดรัจฉาน...แต่ไม่ใช่ เพราะกายเป็นมนุษย์ ในเมื่อกายเป็นมนุษย์มีอาการครบ ๓๒ แปลว่าบวชได้ เพราะว่าสมบัติครบถ้วน

ในเรื่องของสังเสทชะ ต้องดูประวัติของพระนางอุบลวรรณาเถรี ในชาติที่เป็นนางปทุมวดี พระนางปทุมวดีท่านตั้งครรภ์ แล้วคลอดบุตรเป็นชลาพุชะ คือ เกิดจากท้อง ๑ คนเท่านั้น แต่ว่าอีก ๔๙๙ เขาบอกว่าเกิดจากเม็ดเหงื่อ อันนี้คือลักษณะของสังเสทชะ เกิดจากขี้เถ้า เกิดจากเหงื่อไคล เกิดจากสิ่งที่หมักหมม ตกลงว่า พระนางปทุมวดีมีลูกทีเดียว ๕๐๐ คน แล้วพอโตได้ ๗ ขวบ ลูก ๆ เข้าไปเที่ยวในสระสวนอุทยาน เห็นดอกบัวบานอยู่ สภาพจิตก็จดจำถึงสัญญาเก่าของตนได้ ก็เลยนั่งขัดสมาธิเข้าฌานพิจารณาธรรม บรรลุเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๕๐๐ พระองค์

พอตะวันบ่ายคล้อย มหาดเล็กก็มาตาม "พระลูกเจ้า..กลับวังเถอะ เดี๋ยวพระแม่เจ้าจะเป็นห่วง" ท่านบอกว่า "กิจในการกลับวังของเราไม่มีแล้ว" มหาดเล็กก็ถามว่า "ทำไม ?" ท่านบอกว่า "เราเป็นนักบวชแล้ว" พวกมหาดเล็กหัวเราะแล้วก็บอกว่า นักบวชใครเขาแต่งตัวกันอย่างนี้" ท่านถามว่า "นักบวชแต่งตัวอย่างไร?" "อ๋อ...นักบวชต้องมีผมสั้นไม่เกิน ๒ องคุลี ต้องนุ่งผ้าคากรอง ต้องมีอัฐบริขาร" ท่านก็ยกมือลูบศีรษะแล้วแปลงสภาพกลายเป็นนักบวช ท่านบอกว่ามีสมณสารูปประหนึ่งว่าบวชมาแล้ว ๑๐๐ พรรษา

ตอนหลังท่านได้มาโปรดพระนางปทุมวดี แต่ไม่ได้แค่โปรดพระนางปทุมวดีเท่านั้น มีอยู่ ๘ รูป ที่ได้ไปโปรดนางขุชชุตตรา ตอนนั้นคนที่ใส่บาตร เขาเทข้าวต้มร้อน ๆ ใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านต้องก็ต้องสลับมือไปเรื่อยเพราะบาตรมันร้อน พอดีนางขุชชุตตราใส่กำไลงาช้างอยู่ข้างละ ๔ วง ก็เลยรูดกำไลออกถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ พระองค์ แล้วก็อธิษฐานว่าธรรมใดที่พระคุณเจ้าเห็นแล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้เห็นธรรมนั้นด้วย เมื่อนางขุชชุตราเกิดมาชาติใหม่ ฟังเทศน์จบเดียวเป็นพระโสดาบันไม่พอ ยังเอาไปเทศน์ต่อ ได้พระโสดาบันมา ๕๐๑ องค์ ฉลาดขนาดนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2010 เมื่อ 16:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-01-2010, 13:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,504 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

รายต่อไปที่เกิดโดยโอปปาติกะ มีอยู่ ๒ ราย รายหนึ่งคือนางจิญจมาณวิกา ที่ไปตู่พระพุทธเจ้าว่าทำตัวเองท้อง นางจิญจมาณวิกานั้นเกิดจากโพรงต้นมะขาม ผุดขึ้นมาแล้วก็โตเลย อีกรายหนึ่งคือนางเวฬุวดี เกิดจากปล้องไม้ไผ่ เรื่องนี้ที่คนไทยเอามาดัดแปลงเป็นเรื่องนางยอพระกลิ่น ที่เขาบอกว่าเกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ก็มาจากเรื่องนี้

แม้แต่มนุษย์เราก็เกิดโดยโยนิ ๔ ได้ครบถ้วนเหมือนกัน ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเทวดาจึงจะเป็นโอปปาติกกะ เป็นโอปปาติกกะในสภาพมนุษย์ก็ได้ เพียงแต่ว่าการเกิดนั้นพิเศษไปหน่อย

บางทีอ่านพวกอรรกถาฎีกาไปเยอะ ๆ บางอย่างก็เฝือ บางอย่างก็สนุก เพราะว่าอรรถกถาจะอธิบายพระไตรปิฎก อย่างพระไตรปิฎกบอกว่าพระพุทธเจ้าเป็นโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะกับพระนางสิริมหามายา เกิดที่กรุงกบิลพัสดุ์ พระไตรปิฎกอธิบายแค่นั้น อรรถกถาบอกว่าพระองค์ได้ศึกษาศิลปศาสตร์ ๑๘ ประการ จบในอายุ ๑๖ ปี อธิบายความเพิ่มเติมในส่วนที่ยังขาดอยู่ เช่นบอกว่าได้รับการศึกษา มีปราสาทสามฤดู ได้แต่งงานกับพระนางยโสธรา พระนางพิมพาเป็นเจ้าหญิงของโกลิยวงศ์ เป็นลูกของใคร เป็นหลานของใครก็อธิบายหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ ฉะนั้นตอนท้ายจึงเฝือ

ถาม : ยังไม่เข้าใจครับ จุดที่เป็นจุดแตกต่าง แยกระหว่างสังเสทชะและโอปปาติกะ คือ..
ตอบ : อันหนึ่งเกิดขึ้นโตเลย อันหนึ่งยังต้องมีระบบการสืบพันธุ์อยู่ ขณะเดียวกันยังสามารถที่จะมองเห็นได้ อย่างพวกหนอน เป็นต้น หรือไม่ก็ใช้เครื่องมือดูได้ แต่โอปปาติกกะ ถ้าเป็นโอปปาติกกะที่แท้จริง เราไม่สามารถจะใช้เครื่องมือดูได้...


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ถาม-ตอบ ช่วงเย็น ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-01-2010 เมื่อ 16:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
การเกิด, โยนิ, อัณฑชะ, อุบลวรรณาเถรี, โอปปาติกะ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:16



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว