กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-08-2012, 19:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,375
ได้ให้อนุโมทนา: 150,734
ได้รับอนุโมทนา 4,397,256 ครั้ง ใน 33,964 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

ทุกคนขยับตัวนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ตามแต่ที่ตนเคยมีความถนัด

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการเจริญกรรมฐานประจำเดือนสิงหาคมวันสุดท้าย เมื่อตอนช่วงบ่าย อาตมาอ่านหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ซึ่งมีตัวบทคาถาต่าง ๆ อ่านด้วยความเคยชินที่เคยเล่นเกี่ยวกับเรื่องของคาถาอาคมมา สภาพจิตก็จะวิ่งไปอยู่ในระดับที่ทำแล้วเคยใช้คาถาต่าง ๆ ได้ผล ก็เลยทำให้เกิดอาการที่เรียกว่าของขึ้น หรือคาถาขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ไม่ได้ใช้คาถาเหล่านี้มา ๒๐ - ๓๐ ปีแล้ว

จึงมานึกได้ว่า ในการปฏิบัติของเรานั้น บางทีสภาพจิตที่ฟุ้งซ่านมาก ๆ ไม่สามารถที่จะรั้งอยู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงเคยมอบคาถาเรียกจิตเอาไว้ให้ ผู้ใดเกิดความฟุ้งซ่าน ไม่สามารถที่จะระงับใจให้สงบนิ่ง ไม่สามารถที่จะภาวนาได้ ท่านให้ภาวนาคาถานี้สัก ๓ - ๕ นาที ก่อนการปฏิบัติกรรมฐานทุกครั้ง จะช่วยให้จิตสงบได้เร็ว คาถามีว่า “อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง”

เรื่องของคาถานั้น เป็นบาทหรือเป็นพื้นฐานของอภิญญา บุคคลที่จะทำคาถาขึ้น ต้องมีความจริงจัง สม่ำเสมอ เคยทำอย่างไร เท่าไร วันละกี่จบ ต้องทำให้ได้อย่างนั้น เท่านั้น สม่ำเสมอกันทุกวัน ถึงจะเกิดผล และโดยเฉพาะต้องมีความเชื่อ ความเลื่อมใส ทุ่มเทกำลังใจทั้งหมดลงไปจริง ๆ จึงจะเกิดผลอย่างที่ต้องการ

ถ้าทำแบบขอทดลองดู ทำแบบไม่เลื่อมใส อยากรู้ว่าอานุภาพเป็นอย่างไรเท่านั้น หรือทำเพราะอยากดี อยากเด่น อยากดัง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็จะไม่เกิดผลแก่เรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2012 เมื่อ 16:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 102 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-08-2012, 12:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,375
ได้ให้อนุโมทนา: 150,734
ได้รับอนุโมทนา 4,397,256 ครั้ง ใน 33,964 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คาถาอีกบทหนึ่งนั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเรียนมาจากหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ท่านบอกว่าเอาไว้สำหรับคนที่กำลังกลัดกลุ้ม มีแต่ความทุกข์ มีแต่ความเศร้าในชีวิต ท่านบอกว่าให้ภาวนาคาถานี้ แล้วจะทำให้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงและหายไปจากชีวิตของเรา

ตัวคาถาว่า “ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพภะยา โสกัปปัตตา จะ นิสโสกา โหนตุ สัพเพปิ ปาณิโน โหตุ สัพพะทา” คาถาค่อนข้างจะยาว แต่ถ้าใครเคยสวดมนต์ทำวัตรเป็นประจำ จะรู้ว่าบทนี้แหละที่เวลาเจริญพุทธมนต์ พระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นบทส่งเทวดากลับ เพียงแต่ต่อท้ายด้วย โหตุ สัพพะทา เท่านั้น ท่านให้ภาวนาไปเรื่อย ความทุกข์ ความเศร้าหมองต่าง ๆ จะค่อยหมดไปจากใจของเราเอง

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้หลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ของเรา ท่านทำแล้วเกิดผล จึงนำมาสั่งสอนต่อ ๆ กันมา ถ้าเรามีความเชื่อ มีความเลื่อมใส เป็นคนมีสัจจะ ทำอะไรทำจริงจังและสม่ำเสมอ ก็สามารถที่จะทำแล้วเกิดผลได้ง่าย ความจริงคาถานั้น มาจากภาษาบาลีว่า กถา แปลว่า วาจาเป็นเครื่องกล่าว ซึ่งหมายความว่า คำพูดทุกคำก็คือคาถานั้นเอง

แต่คาถาที่เราคุ้นเคยกันนั้น คือถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ เมื่อท่องบ่นภาวนาแล้วจะเกิดผลตามที่ครูบาอาจารย์กำหนดเป็นอุปเท่ห์ต่าง ๆ เอาไว้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเรามีความสงสัยก็ควรจะพิสูจน์ด้วยการทดลองทุ่มเททำดู เพราะว่าคาถาต่าง ๆ เป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิ ถ้าไม่มีสมาธิเป็นเครื่องรองรับ คาถาก็ไม่เกิดผลอยู่แล้ว

ดังนั้น..การที่เราเล่นคาถาต่าง ๆ จึงเป็นการภาวนาโดยตรงนั่นเอง เพียงแต่ว่าแทนที่จะใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” ว่า “นะมะพะทะ” ว่า “พองหนอ ยุบหนอ” ว่า “สัมมาอะระหัง” ก็กลายเป็นใช้บทคาถาต่าง ๆ เป็นคำภาวนาแทนเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 95 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-08-2012, 09:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,375
ได้ให้อนุโมทนา: 150,734
ได้รับอนุโมทนา 4,397,256 ครั้ง ใน 33,964 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อกำลังใจของเรามุ่งมั่น รู้ว่าคาถานี้ภาวนาแล้วจะเกิดผลอย่างไร กำลังใจที่มุ่งไปด้านเดียวนั้นแหละ จะทำให้เกิดความสำเร็จขึ้นมา เรียกว่า มโนมยา คือสำเร็จได้ด้วยใจ เมื่อถึงวาระนั้นสมาธิของเราเริ่มทรงตัวแล้ว เราก็แค่เอามาพิจารณาในวิปัสสนาญาณต่าง ๆ

เช่น เห็นความไม่เที่ยงของร่างกายนี้ เห็นความทุกข์ของร่างกายนี้ เห็นความตั้งอยู่ไม่ได้ ยึดถือมั่นหมายเป็นตัวตนไม่ได้ของร่างกายนี้ แล้วเกิดเบื่อหน่าย ไม่ปรารถนาการเกิดมามีความทุกข์เช่นนี้อีก ก็เอาจิตเกาะพระนิพพานหรือเกาะภาพพระ แล้วภาวนาของเราต่อไป ก็จะเป็นการตัดลัดเข้าหาการปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผลในลำดับต่อไปนั่นเอง

ครูบาอาจารย์ท่านมีความฉลาด รู้ว่าถ้าสอนการภาวนาตรง ๆ สอนการรักษาศีลตรง ๆ ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถที่จะรับได้ ท่านจึงให้ตัวบทพระคาถาต่าง ๆ ไปภาวนา โดยแจ้งให้ทราบว่า คาถาบทนั้นมีอานุภาพอย่างนั้น คาถาบทนี้มีอานุภาพอย่างนี้ แต่ว่าการปฏิบัติภาวนาต้องมีกติกาอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นต้น

เป็นการสอนให้คนอยู่ในกรอบของความดี ให้เคยชินกับศีล สมาธิ ปัญญาในเบื้องต้น เมื่อทำเกิดผล เกิดความมั่นใจแล้ว จะเอากำลังใจนั้นไปปฏิบัติในเรื่องของสมาธิภาวนา หรือว่าเอามาพิจารณาวิปัสสนาญาณ ก็จะมีผลดีแก่ตนเองสืบไปนั่นเอง

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนกำหนดดู กำหนดรู้ลมหายใจออกของเรา จะใช้คำภาวนาหรือพิจารณาอย่างไรก็ได้ตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๕

(ถอดจากเสียงเป็นตัวอักษรโดยเถรีและรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2012 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 21-12-2013, 15:11
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,194 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-08-05

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:28



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว