กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ > ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ

Notices

ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-01-2020, 15:33
ธีรธรรม ธีรธรรม is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jul 2019
ข้อความ: 11
ได้ให้อนุโมทนา: 2
ได้รับอนุโมทนา 268 ครั้ง ใน 17 โพสต์
ธีรธรรม is on a distinguished road
Default ทั้งวัดมีพระรูปเดียว ตั้งใจใส่บาตรเป็นสังฆทานได้หรือไม่ ?

๑.ถ้าหากว่า ในหมู่บ้านของผมมีพระรูปหนึ่งท่านมาบิณฑบาตหน้าบ้านผมอยู่เป็นประจำ ซึ่งผมก็ทราบว่า ท่านจำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียวในวัด แล้วผมก็ใส่บาตรกับท่าน และเนื่องจากหลวงพ่อเล็กเคยกล่าวเอาไว้ว่า เวลาใส่บาตร หากเราตั้งกำลังใจเอาไว้ว่า เราจะไม่ใส่บาตรเจาะจงพระรูปใดรูปหนึ่ง ให้ใส่บาตรกับพระรูปใดก็ได้ไม่ว่าพระรูปใดจะเดินผ่านมา ก็ถือว่า เราจะได้อานิสงส์สังฆทาน แต่ว่าหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ ที่วัดนั้น มีท่านเป็นพระอยู่เพียงรูปเดียว ผมอยากทราบว่า ผมจะได้อานิสงส์สังฆทาน หรือปาฏิปุคคลิกทาน ตามที่ผมเข้าใจคือ เราได้อานิสงส์สังฆทานอยู่ดี เพราะไม่แน่ว่า วันใดวันหนึ่งอาจจะมีพระรูปอื่นเดินผ่านมาหน้าบ้าน ซึ่งก็ไม่จำเป็นว่าจะเป็นพระรูปเดิม ผมเข้าใจถูกหรือไม่ครับ ?

๒.ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษาศีลข้อที่ ๔ ว่า ถ้าหากเราพูดไม่ตรงกับความเป็นจริงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของเรา ซึ่งถ้าหากบอกให้เขารู้ตรง ๆ ก็จะทำให้ตัวเราเองไม่สบายใจ อย่างเช่นว่า ถ้าหากมีคนมาถามว่า ทำไมถึงไม่มากินข้าวเย็นด้วยกัน เราตอบเขาไปว่า เราไม่หิว แต่ในความเป็นจริงแล้วเราหิว แต่เราไม่ชอบขี้หน้าเขาเราเลยไม่อยากไปด้วย ซึ่งถ้าหากเราไปกับเขาแล้วโทสะกำเริบก็เกรงว่า เราจะทำเรื่องที่ไม่ดี หรือถ้าบอกเขาไปตามตรงว่า เราไม่ชอบเขา ก็เกรงว่าจะมีปัญหากัน ซึ่งการที่ผมพูดไม่ตรงกับความจริงไปบ้างก็ไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย ผมอยากทราบว่าศีลข้อที่ ๔ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการพูดโกหกมีข้อกำหนดอย่างไรว่า เราทำผิดศีลข้อที่ ๔ ตามที่ผมเข้าใจคือ โกหกเพื่อทำลายประโยชน์ของเขา โกหกเพื่อหาประโยชน์ของเราโดยวิธีที่ผิดศีลธรรม แล้วมีอะไรอีกครับ ?

๓.สมมติว่า ผมไปถวายสิ่งของให้กับวัด ๔ วัด โดยไม่ได้เจาะจงพระรูปใด
แต่ผมรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า ทั้ง ๔ วัดนั้นมีพระอยู่แต่ละวัดเพียง ๑ รูป
ผมอยากทราบว่า ถ้าหากผมทำในลักษณะนี้จะได้อานิสงส์ปาฏิปุคคลิกทาน ๔ ครั้ง หรือได้อานิสงส์สังฆทาน ๔ ครั้ง หรือได้อานิสงส์สังฆทาน ๑ ครั้ง ซึ่งผมเข้าใจว่า ผมได้อานิสงส์สังฆทาน เพราะไม่แน่ว่า วันใดวันหนึ่งอาจจะมีพระในวัดนั้น ๆ ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไปก็ได้ ผมเข้าใจถูกหรือไม่ครับ ?

๔.ถ้าหากว่า มีคนมาทำให้เราโกรธ ผมเลยถือคติว่า เราไม่ควรคบคนพาล แต่ก็ยังรู้ตัวอยู่ว่า เรายังโกรธเขาอยู่ และผมก็ไม่ไปคบค้าสมาคมกับเขา ผมเข้าใจว่า การวางกำลังใจในลักษณะนี้ยังพร่องในกรรมบถ ๑๐ คือยังมีความพยาบาทอยู่ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตของการ ไม่จองล้างจองผลาญ ไม่เอาคืนเขา แต่ผมกลัวว่า ถ้าหากเราคบคนพาลเขาจะพาเรา คิด พูด ทำ ในสิ่งไม่ดี ซึ่งผมก็ไม่มีหลักประกันอะไรว่า เขาจะเป็นคนดี โดยพิจารณาจากสิ่งที่เขาทำเบื้องต้น ผมคิดว่า การไม่ไปคบหาสมาคมกับเขาเลยจะมีประโยชน์มากกว่าข้อเสีย ผมคิดถูกหรือไม่ และหลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?

๕.ผมมีข้อสงสัยในเรื่องของมานะกิเลสว่า เราต้องกำหนดจิตไว้ว่า เราจะไม่ตีตนดีไปกว่าใคร ไม่ตีตนด้อยไปกว่าใคร และไม่ตีตนเสมอใคร แต่ผมคิดว่า เวลาที่ผมกำหนดจิตว่า เราจะไม่ตีตนด้อยไปกว่าใคร แล้วมันทำให้ความรู้สึกว่า เราดีกว่าคนอื่น มันเด้งขึ้นมาพร้อม ๆ กันจนแยกความรู้สึกกันไม่ออก ถ้าหากว่า ผมกำหนดจิตไว้แค่ว่า เราจะไม่ตีตนดีกว่าใคร ไม่ตีตนเสมอใครไว้ก่อน เพราะผมรู้สึกว่า มันจะทำให้เรานอบน้อมถ่อมตนได้มากกว่า แล้วเราค่อยมาจัดการในการกำหนดจิตไว้ว่า เราจะไม่ตีตนด้อยไปกว่าใครทีหลัง ผมคิดถูกหรือไม่ และหลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?

๖.สมมติว่า เราเห็นคนอื่นที่เขาได้ดีเจริญก้าวหน้ากว่าเรา แล้วเราก็พยายามที่จะทำให้ได้ดีแบบเขา ไม่ว่าจะเป็นทางธรรม โดยการตั้งใจทำความดี ละเว้นความชั่ว และทางโลก โดยการมีความเพียรตั้งใจในการทำงาน การที่ผมตั้งใจเอาไว้แบบนี้ ถือว่าเราเข้าข่ายไม่อยากให้คนอื่นดีกว่าตนเองหรือไม่ แล้วเราควรตั้งกำลังใจแบบนี้ต่อไปหรือไม่ และหลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?

๗.ถ้าผมจำไม่ผิดหลวงพ่อเล็กเคยบอกเอาไว้ว่า ให้เราภาวนาให้จิตทรงตัวเป็นสมาธิมากที่สุด แล้วค่อยคลายออกมาพิจารณาวิปัสสนาญาณในลักษณะที่ว่า ทุกอย่างมันไม่เที่ยง ร่างกายไม่ใช่ของเรา สุดท้ายก็สลายหายไปหมดว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลือ แต่ผมกลับรู้สึกว่า ตอนผมพิจารณาว่า ทุกอย่างมันว่างเปล่า ร่างกายไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรก แล้วจิตเข้าสู่สมาธิได้ดีกว่าการภาวนาแบบอื่น ๆ แบบนี้ควรจะทำอย่างไรดีครับ ?

๘.การที่เราตั้งใจสร้างบุญบารมีในหมวด ทาน ศีล ภาวนา และระงับความชั่ว ในลักษณะที่ตั้งใจเอาไว้ว่า จะได้มีบุญเยอะ ๆ เก็บไว้ เพื่อตอนที่เราตายไปแล้วจะได้ไปสู่สุคติ แล้วพอมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่จะได้พบเจอแต่เรื่องดี ๆ ผมเข้าใจดีว่า ควรจะตั้งกำลังใจเพื่อเป็นไปในทางละกิเลสเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน แต่ผมก็คิดว่า เราก็ยังทำอยู่ในขอบเขตของการสร้างบุญบารมีและระงับความชั่วอยู่ และก็ไม่ได้ไปผิดทางขนาดนั้น ผมคิดถูกหรือไม่ และหลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?

๙.ถ้าหากว่า มีสะพานบุญท่านหนึ่งรับฝากเงินจากผู้อื่น เพื่อไปทำบุญในงานบุญแห่งหนึ่ง แล้วสะพานบุญท่านนั้น ก็เอาเงินจำนวนนั้นทั้งหมดไปให้อีกคนหนึ่ง
ที่สะดวกไปงานบุญ ให้เอาเงินไปทำบุญในงานบุญนั้นให้อีกที แต่ปรากฎว่าคนที่รับเงินไปทำบุญจากท่านที่เป็นสะพานบุญนั้น ไม่ได้เอาเงินไปทำบุญ หรือนำเงินไปทำบุญผิดวัตถุประสงค์ของกองบุญ ไม่ทราบว่า ใครจะติดโทษย้ายเจดีย์ ระหว่างท่านที่เป็นสะพานบุญ กับคนที่รับเงินจากสะพานบุญไปทำบุญให้ ?

๑๐.ผมมีข้อสงสัยว่า พระเจ้าอชาตศัตรูซึ่งท่านได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต แล้วมีช่วงที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด แล้วตรัสเอาไว้ว่า หากพระเจ้าอชาตศัตรูไม่ไปฆ่าพ่อตัวเองก่อนที่พระพุทธเจ้าจะมาโปรด ท่านก็จะได้บรรลุมรรคผล ผมไม่เข้าใจว่า ในเมื่อท่านบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามาตั้งแต่ต้น แล้วท่านจะมาบรรลุมรรคผลเป็นสาวกภูมิได้อย่างไรครับ ก็จริงอยู่หลังจากท่านสำนึกผิดไปแล้ว ท่านก็ได้ทำบุญอย่างหนัก แต่ก็ไม่น่าจะได้รับพุทธพยากรณ์จากการสร้างบารมีแค่ชาตินั้นเพียงชาติเดียว ?

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-03-2020 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ธีรธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-04-2020, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,143 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าในหมู่บ้านของผม มีพระรูปหนึ่งมาบิณฑบาตอยู่เป็นประจำ ซึ่งผมก็ทราบว่า ท่านจำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียวในวัด แล้วผมก็ใส่บาตรกับท่าน และเนื่องจากหลวงพ่อเคยกล่าวไว้ว่า เวลาใส่บาตรหากเราตั้งกำลังใจเอาไว้ว่า เราจะไม่ใส่บาตรเจาะจงพระรูปใดรูปหนึ่ง ให้ใส่บาตรกับพระรูปใดก็ได้ ก็ถือว่าเราได้อานิสงส์สังฆทาน แต่ว่าหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่ ที่วัดนั้นมีท่านเป็นพระอยู่เพียงรูปเดียว ผมอยากทราบว่า ผมจะได้อานิสงส์สังฆทาน หรือปาฏิปุคคลิกทาน ?
ตอบ : ได้อานิสงส์สังฆทาน เพราะว่าเราไม่ได้เจตนาว่าจะใส่บาตรพระรูปไหน ต่อให้ไม่ครบ ๔ ก็เป็นสังฆทาน สงสัยอย่างเดียวว่าคนใส่ทำใจได้ไหม ? เพราะรู้อยู่แล้วว่าทั้งหมู่บ้านมีพระอยู่รูปเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-04-2020, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,143 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมมติว่าผมไปถวายสิ่งของให้กับวัด ๔ วัด โดยไม่ได้เจาะจงพระรูปใด แต่ผมรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า ทั้ง ๔ วัดนั้นมีพระอยู่แต่ละวัดเพียง ๑ รูป อยากทราบว่า การกระทำในลักษณะนี้จะได้อานิสงส์ปาฏิปุคคลิกทาน ๔ ครั้ง หรือได้อานิสงส์สังฆทาน ๔ ครั้ง หรือได้อานิสงส์สังฆทาน ๑ ครั้งครับ ?
ตอบ : ได้สังฆทาน ๔ ครั้ง เพราะว่าถวาย ๔ ครั้ง แต่เชื่อเถอะว่า...คนถามถ้าไปถวายก็ได้ปาฏิปุคคลิกทานทุกครั้ง เพราะว่าเห็นพระรูปเดียวแล้วทำใจไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-04-2020, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,143 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษาศีลข้อที่ ๔ ว่า ถ้าเราพูดไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของเรา ซึ่งถ้าบอกให้เขารู้ตรง ๆ ก็จะทำให้ตัวเราเองไม่สบายใจ อย่างเช่นว่า ถ้าหากมีคนมาถามว่า ทำไมถึงไม่มากินข้าวเย็นด้วยกัน เราตอบเขาไปว่า เราไม่หิว แต่ในความเป็นจริงแล้วเราหิว แต่เราไม่ชอบขี้หน้าเขา เราเลยไม่อยากไปด้วย ซึ่งถ้าหากเราไปกับเขาแล้วโทสะกำเริบก็เกรงว่า เราจะทำเรื่องที่ไม่ดี หรือถ้าบอกเขาไปตามตรงว่า เราไม่ชอบเขา ก็เกรงว่าจะมีปัญหากัน ซึ่งการที่ผมพูดไม่ตรงกับความจริงไปบ้างก็ไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย อย่างนี้ผมผิดศีลข้อ ๔ หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เรื่องนั้นเป็นเรื่องโกหก เรารู้ว่าเป็นเรื่องโกหก เราตั้งใจที่จะโกหก เราลงมือทำ บุคคลอื่นเชื่อถือตามนั้น ถ้าครบทุกข้อก็ผิดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าขาดข้อไหนความผิดก็ลดไปตามส่วน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-04-2020, 08:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,143 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้ามีคนมาทำให้เราโกรธ ผมจะถือคติว่า เราไม่ควรคบคนพาล แต่ก็ยังรู้ตัวอยู่ว่า เรายังโกรธเขาอยู่ และผมก็ไม่ไปคบค้าสมาคมกับเขา ผมเข้าใจว่า การวางกำลังใจในลักษณะนี้ยังพร่องในกรรมบถ ๑๐ คือยังมีความพยาบาทอยู่ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตของการไม่จองล้างจองผลาญ ไม่เอาคืนเขา แต่ผมกลัวว่า ถ้าหากเราคบคนพาล เขาจะพาเรา คิด พูด ทำ ในสิ่งไม่ดี ซึ่งผมก็ไม่มีหลักประกันอะไรว่าเขาจะเป็นคนดี โดยพิจารณาจากสิ่งที่เขาทำเบื้องต้น ผมคิดว่าการไม่ไปคบหาสมาคมกับเขาเลยจะมีประโยชน์มากกว่าข้อเสีย ผมคิดถูกหรือไม่ และหลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถูกแค่นั้น ถ้าสามารถทำใจได้มากกว่านั้น ก็สามารถที่จะเมตตาสงเคราะห์เขาได้ เราเองใช้วิธีตัดปัญหาด้วยการเลิกคบไปเลย จึงทำให้ขาดตัวเมตตา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 02-04-2020, 08:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,143 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมมีข้อสงสัยในเรื่องของมานะกิเลสว่า เราต้องกำหนดจิตไว้ว่า เราจะไม่ตีตนดีไปกว่าใคร ไม่ตีตนด้อยไปกว่าใคร และไม่ตีตนเสมอใคร แต่เวลาที่ผมกำหนดจิตว่า "เราจะไม่ตีตนด้อยไปกว่าใคร" จะทำให้ความรู้สึกว่า "เราดีกว่าคนอื่น" เด้งขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ซึ่งถ้าผมกำหนดจิตไว้แค่ว่า "เราจะไม่ตีตนดีกว่าใคร" หรือ "ไม่ตีตนเสมอใคร" จะทำให้เรานอบน้อมถ่อมตนได้มากกว่า หลวงพ่อมีความเห็นว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : อยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าสติสมบูรณ์พร้อมจะรู้เองว่าควรทำอย่างไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 02-04-2020, 08:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,143 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมมติว่าเราเห็นคนอื่นที่เขาได้ดีเจริญก้าวหน้ากว่าเรา แล้วเราก็พยายามที่จะทำให้ได้ดีแบบเขา ไม่ว่าจะเป็นทางธรรม โดยการตั้งใจทำความดี ละเว้นความชั่ว และทางโลก โดยการมีความเพียรตั้งใจในการทำงาน การที่ผมตั้งใจเอาไว้แบบนี้ ถือว่าเราเข้าข่ายไม่อยากให้คนอื่นดีกว่าตนเองหรือไม่ แล้วเราควรตั้งกำลังใจแบบนี้ต่อไปหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราคิดหรือเปล่า ว่าไม่อยากให้เขาดีกว่าเรา แต่ถ้าเราอาศัยเขาเป็นตัวอย่าง เพื่อที่จะพากเพียรให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป ก็จัดเป็นวิริยบารมีด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 02-04-2020, 08:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,143 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าผมจำไม่ผิด หลวงพ่อเคยบอกเอาไว้ว่า ให้เราภาวนาให้จิตทรงตัวเป็นสมาธิมากที่สุด แล้วค่อยคลายออกมาพิจารณาวิปัสสนาญาณในลักษณะที่ว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง ร่างกายไม่ใช่ของเรา สุดท้ายก็สลายหายไปหมดว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลือ แต่ผมกลับรู้สึกว่า ตอนผมพิจารณาว่าทุกอย่างว่างเปล่า ร่างกายไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรก จิตจะเข้าสู่สมาธิได้ดีกว่าการภาวนาแบบอื่น ๆ แบบนี้ควรทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : วิธีไหนทำให้ใจเป็นสมาธิ รัก โลภ โกรธ หลง กินใจเราไม่ได้ ให้ทำวิธีนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 02-04-2020, 08:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,143 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราตั้งใจสร้างบุญบารมีในหมวดทาน ศีล ภาวนา และระงับความชั่ว ในลักษณะที่ตั้งใจเอาไว้ว่า จะได้มีบุญเยอะ ๆ เก็บไว้ เพื่อตอนที่เราตายไปแล้วจะได้ไปสู่สุคติ แล้วพอมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่จะได้พบเจอแต่เรื่องดี ๆ ผมเข้าใจดีว่า ควรจะตั้งกำลังใจเพื่อเป็นไปในทางละกิเลสเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน แต่ผมก็คิดว่า เราก็ยังทำอยู่ในขอบเขตของการสร้างบุญบารมีและระงับความชั่วอยู่ และก็ไม่ได้ไปผิดทางขนาดนั้น ผมคิดถูกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถูกแค่นั้น การตั้งเป้าหมายควรที่จะตั้งให้สูงสุดเอาไว้ เพื่อจะได้ใช้ความพยายามอย่างสูงสุดเท่าที่เรามีอยู่ ถ้าตั้งเป้าหมายเอาไว้ต่ำ ความเพียรจะน้อยลง ถ้าไปไม่ถึงเป้าหมาย ก็จะได้แค่นิดเดียว ตั้งเป้าหมายไว้สูงสุด ก็จะใช้ความเพียรพยายามอย่างสูงสุด ต่อให้ไม่ถึงเป้าหมาย ก็ยังได้มากกว่าคนอื่นเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 02-04-2020, 08:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,143 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้ามีสะพานบุญท่านหนึ่งรับฝากเงินจากผู้อื่น เพื่อไปทำบุญในงานบุญแห่งหนึ่ง แล้วสะพานบุญท่านนั้นก็เอาเงินจำนวนนั้นทั้งหมดไปให้อีกคนหนึ่งที่สะดวกไปงานบุญ ให้เอาเงินไปทำบุญในงานบุญนั้นให้อีกที แต่ปรากฎว่าคนที่รับเงินไปทำบุญจากท่านที่เป็นสะพานบุญนั้น ไม่ได้เอาเงินไปทำบุญ หรือนำเงินไปทำบุญผิดวัตถุประสงค์ของกองบุญ ไม่ทราบว่าใครจะติดโทษย้ายเจดีย์ ระหว่างท่านที่เป็นสะพานบุญ กับคนที่รับเงินจากสะพานบุญไปทำบุญให้ ?
ตอบ : คนที่รับเงินไปต่อแล้วไม่ไปทำให้เขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 02-04-2020, 08:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,143 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมมีข้อสงสัยว่า พระเจ้าอชาตศัตรูซึ่งท่านได้รับพุทธพยากรณ์ว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคต แล้วมีช่วงที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด แล้วตรัสเอาไว้ว่า หากพระเจ้าอชาตศัตรูไม่ไปฆ่าพ่อตัวเองก่อนที่พระพุทธเจ้าจะมาโปรด ท่านก็จะได้บรรลุมรรคผล ผมไม่เข้าใจว่า ในเมื่อท่านบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามาตั้งแต่ต้น แล้วท่านจะมาบรรลุมรรคผลเป็นสาวกภูมิได้อย่างไรครับ ก็จริงอยู่หลังจากท่านสำนึกผิดไปแล้ว ท่านก็ได้ทำบุญอย่างหนัก แต่ก็ไม่น่าจะได้รับพุทธพยากรณ์จากการสร้างบารมีแค่ชาตินั้นเพียงชาติเดียว ?
ตอบ : กรรมชั่วที่เข้ามาขวาง ทำให้หนทางเปลี่ยนไป กำลังบุญเดิมที่ท่านทำมา ถ้าไม่ได้ทำอนันตริยกรรม อย่างน้อยก็ได้เป็นพระอริยเจ้าระดับโสดาบัน แต่เนื่องจากว่าไปสร้างอนันตริยกรรมเข้าไว้ ก็เลยทำให้กระแสนั้นเปลี่ยนไป พอมาตอนท้ายกลับมาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ผลบุญจึงส่งให้ท่านได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า เนื่องจากว่าเห็นความดีในพระพุทธศาสนาแล้ว อาจจะมีการตั้งกำลังใจปรารถนาไว้เช่นนั้นก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:51



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว