กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-06-2020, 02:03
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 445
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 83,790 ครั้ง ใน 1,587 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default วิธีพิจารณาความโกรธ

ถาม : เวลามีโทสะ เราโกรธ จะเอาออกได้อย่างไร ?
ตอบ : พยายามพิจารณาให้เห็นจริงว่าโทสะเกิดจากอะไร ? ส่วนใหญ่ก็ไม่พอหูไม่พอตา แล้วก็พาให้ไม่พอใจ สิ่งที่เราเห็นแล้วไม่พอหู ไม่พอตา ทำให้ไม่พอใจ ก็คือคนอื่นทำทั้งนั้น ในเมื่อคนอื่นเขาทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ต้องดูว่าเขาเองปกติก็มีความทุกข์อยู่แล้ว แต่ว่าเขาไม่รู้ว่าตัวเขานอนอยู่ท่ามกลางกองทุกข์ ยังพยายามสร้างสิ่งที่เป็นทุกข์เป็นโทษ เพื่อซ้ำเติมตัวเองให้มากขึ้นอีก

คนทั้งหลายเหล่านี้จริง ๆ แล้วน่าสงสารมากกว่าน่าโกรธ เพราะว่าสิ่งที่เขาทำเป็นทุกข์เป็นโทษต่อผู้อื่นไม่พอ ยังเป็นทุกข์เป็นโทษแก่ตัวเองด้วย ผู้ที่กระทำในลักษณะนั้น สภาพจิตเขายังหยาบอยู่ โอกาสที่จะไปเกิดในอบายภูมิมีสูงมาก ยิ่งทำมากเท่าไร โอกาสที่จะลงอบายภูมิยิ่งมากเท่านั้น เพราะฉะนั้น..สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราไม่น่าโกรธเขาหรอก ควรจะสงสารเขามากกว่า พยายามคิดให้อภัยเขาให้ได้ ให้เห็นว่าธรรมดาก็เป็นอย่างนั้น

บุคคลที่ยังเป็นพาลนั้น พาละ...พาล แปลว่า ทั้งโง่ทั้งมืด ตกอยู่ในความมืดบอด ไม่รู้ว่าสิ่งใดดีสิ่งใดชั่ว เขาก็มีแต่จะกระทำสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้น ยิ่งทำมากเท่าไร แรงกรรมก็ยิ่งซ้ำเติมเขาให้ตกต่ำมากเท่านั้น ในเมื่อเขาเองก็มีความทุกข์ขนาดนั้นแล้ว ทำไมเราต้องไปโกรธเขาให้เสียเวลา ? ไม่ต้องทำอะไรซ้ำเติมเป็นการตอบแทนเขาหรอก แค่คิดก็เป็นโทษแก่ตัวเราแล้ว เพราะว่าเป็นมโนกรรม คำพูดก็เป็นโทษกับเราหนักขึ้นไปอีก เพราะว่าเป็นวจีกรรม ถ้าลงมือทำก็ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ กลายเป็นกายกรรม กรรมทั้งสามไม่ว่าจะเป็นกาย วาจา หรือใจ ย่อมพาให้เราเป็นทุกข์เป็นโทษทั้งนั้น

ในเมื่อเราให้อภัยเขาได้ จิตใจของเราก็ปลดออก ปล่อยวางได้ มีความเบาสบายไม่ไปยึดติดอยู่ตรงนั้น เราก้าวพ้นจากตรงนั้นมาแล้ว ก็มีแต่จะต้องหนีไปให้ไกลที่สุด
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-06-2020, 02:05
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 445
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 83,790 ครั้ง ใน 1,587 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเพิ่งมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษีเป็นปีแรก กำลังทำการก่อสร้างอยู่ คราวนี้จ้างช่างมาทำห้องกระจกที่ศาลาหลังโบสถ์ ปรากฏว่าช่างรับทั้งค่าของค่าแรงไปหมดแล้ว ก็ไปนั่งตีไพ่จนหายเกลี้ยง แล้วก็เบี้ยวไม่มาทำงาน ตอนนั้นก็เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า ไอ้เจ้านี่ไม่รู้เสียแล้วว่ากูเป็นใคร..!

สมัยก่อนมีคติประจำใจว่า เราไม่ทำอะไรก็นับเป็นบุญของเจ้า ถ้าใครมาทำอะไรเรา มันซวยแน่ ๆ..! นี่สมัยก่อนความคิดแรงขนาดนั้น แล้วทำจริง ๆ ด้วย พอคิดว่าไม่รู้เสียแล้วว่ากูเป็นใคร เพราะอย่างนั้นพรุ่งนี้จะไปเหยียบมันให้ดู..! ตั้งใจอย่างนั้นจริง ๆ พอตอนเช้ามืดยกกำลังใจขึ้นไปกราบพระข้างบน ท่านตรัสว่า “บุคคลที่ประกอบไปด้วยจิตกุศล เมื่อปฏิสนธิคือเกิดแล้ว ก็เร่งตั้งหน้าตั้งตากอปรกองบุญการกุศล เพื่อส่งตนให้พ้นจากบาปยิ่ง ๆ ขึ้นไป ตราบจนกระทั่งหลุดพ้น บุคคลที่จิตประกอบด้วยอกุศล เมื่อปฏิสนธิแล้วความมืดบอดของกรรม ก็พาให้เขาทำแต่สิ่งชั่วช้าซ้ำเติมตัวเองให้ตกต่ำลงไปทุกที” แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า เราก้าวข้ามจุดนี้มาแล้ว ยังจะย้อนกลับไปอีกหรือ ? ฟังแล้วไอ้ความคิดที่จะไปเหยียบมันนี่หายจ้อยไปเลย เท่ากับว่าเราลงนรกด้วยความเต็มใจเอง เวลาพระท่านด่านี่เพราะนะ ไม่มีคำหยาบเลยแม้แต่คำเดียว สิบปีแล้วยังจำขึ้นใจอยู่เลย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-06-2020, 02:06
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 445
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 83,790 ครั้ง ใน 1,587 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default

หมั่นคิดทบทวนลักษณะนี้บ่อย ๆ ให้เห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิด เขาทำอย่างนั้นเขาต้องเกิดอีกนาน เขาต้องทุกข์อีกนาน เราไม่ต้องโกรธเขาหรอก ไม่ต้องเสียเวลาไปซ้ำเติมเขาด้วยกาย วาจา ใจ หรอก แค่นั้นเขาก็ทุกข์จะแย่อยู่แล้ว นรกแต่ละขุมกว่าจะรอดออกมาได้ระยะเวลายาวนานเหลือเกิน โอกาสจะพบพระพุทธเจ้านี่แทบจะเป็นศูนย์ไปเลย ในเมื่อเขาเองก็ทำกรรมหนักขนาดนั้นแล้ว แล้วยังซ้ำเติมตัวเองด้วยการทำในสิ่งที่ทำให้เราไม่พออกไม่พอใจอยู่ ธรรมดาของบุคคลที่มืดบอด เขาก็มีการกระทำที่ไม่ดีแบบนั้น ในเมื่อธรรมดาของเขาเป็นแบบนั้น เราเองก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย

พยายามแผ่เมตตาไปเรื่อย ๆ แรก ๆ ให้คนที่เรารักก่อน จนกระทั่งกำลังใจทรงตัวมั่นคงก็แผ่เมตตาให้คนที่เรารักน้อย ต่อไปก็ให้คนที่เราไม่รักไม่เกลียด ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายโดยถ้วนหน้า ให้แก่คนที่เราเกลียดน้อย ให้แก่คนที่เราเกลียดปานกลาง จนกระทั่งให้คนที่เราเกลียดมากได้ เวลาเจอหน้าคนที่เราเกลียดมาก ๆ แล้วไม่มีความรู้สึก ไม่มีความหวั่นไหว เห็นว่าเขาเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายเหมือนกันกับเรา ปกติเขาก็มีความทุกข์อยู่แล้ว หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เราสามารถช่วยเหลือเขาให้พ้นจากความทุกข์ได้ เราจะทำ ถ้าสร้างกำลังใจแบบนี้ได้ต่อไปจะสบาย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 25-06-2020, 02:07
นายกระรอก's Avatar
นายกระรอก นายกระรอก is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2014
ข้อความ: 445
ได้ให้อนุโมทนา: 88,664
ได้รับอนุโมทนา 83,790 ครั้ง ใน 1,587 โพสต์
นายกระรอก is on a distinguished road
Default

พระพุทธเจ้าตรัสว่า เรารักราหุลลูกของเราเท่าไร เราก็รักเทวทัตเท่านั้น คนอื่นต้องคิดว่าโกหกแน่ ๆ เลย ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดกับลูกที่รักที่สุด พระองค์ท่านบอกว่าพระองค์ท่านรักเท่ากัน แต่ว่าถ้าเราทำถึงสักส่วนเสี้ยวหนึ่งของเมตตาบารมีที่แท้จริง เราจะรู้ว่าพระองค์ท่านตรัสออกจากใจจริงแท้ จิตใจของพระองค์ท่านเป็นอัปปมัญญา คือหาประมาณไม่ได้ ไม่มีการเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีอคติลำเอียง ไม่ว่าจะลำเอียงด้วยความรัก ลำเอียงด้วยความโกรธ ลำเอียงด้วยความกลัว ลำเอียงด้วยความหลง ไม่มีเลย สรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นผู้ที่พระองค์ท่านควรจะมีความกรุณาด้วยทั้งสิ้น

ในเมื่อกำลังใจของ
พระองค์ท่านหาประมาณไม่ได้ขนาดนั้น พระองค์ท่านถึงได้ตรัสได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ว่าเรารักราหุลลูกของเราเท่าไร เราก็รักเทวทัตเท่านั้น เราไม่ต้องเอาถึงขนาดนั้นหรอก เอาแค่ว่าคนที่เราเกลียด เราสามารถให้อภัยเขาได้ก็พอแล้ว

บุคคลที่ตั้งหน้าทำความดีอย่างเช่นพวกเรายังมีความทุกข์ขนาดนี้ ขึ้นชื่อว่าคนแล้วจะไม่ทุกข์นั้นไม่มี เกิดเมื่อไรก็ทุกข์เมื่อนั้น เพราะฉะนั้น..พยายามไปให้พ้น จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาเกิดอีกทุกข์อีก


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-06-2020 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นายกระรอก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว