กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #161  
เก่า 05-12-2017, 20:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บางคนก็มีความจำเป็น ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี ต้องบอกว่าถ้าเป็นอาตมา ๕ ปีน่าจะสร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียเสร็จแล้ว

ระยะเวลา ๑ วันถือว่ามาก แล้ว ๕ ปีมากไหม ? โดยเฉพาะบุคคลผู้ปฏิบัติธรรม ต้องทำตัวเป็นบุคคลผู้มีวันนี้วันเดียว ถ้าคิดเผื่อพรุ่งนี้เมื่อไรแปลว่ามีความประมาทเมื่อนั้น สมมติว่าเราประมาทมาก ๆ ตีเสียว่าปีหนึ่งมีโอกาสตาย ๑ ครั้ง ๕ ปีมีโอกาสตายไปแล้ว ๕ ครั้ง นี่อย่างน้อยที่สุดนะ ถ้าเรายังทำอะไรไม่สำเร็จ แล้วตายไปก่อนที่จะพบความสำเร็จ ก็น่าเสียดายมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติธรรมถ้าเราทิ้งนาน ๆ กิเลสจะมีกำลังมากกว่า ทุกคนที่มีประสบการณ์ทิ้งการปฏิบัติ ก็จะรู้ว่ากว่าจะตีคืนได้ยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน เรื่องการปฏิบัติธรรมวันละ ๒๔ ชั่วโมงยังไม่เพียงพอให้เราสู้กับกิเลสด้วยซ้ำไป คราวนี้พอเราขาด เราทิ้งไปนาน ๆ กิเลสเขาซักซ้อมตัวเองอยู่ทุกวันมีความแข็งแกร่ง ส่วนเราเองนาน ๆ จะโผล่หน้ามาทีหนึ่ง เหมือนกับนักกีฬาเรื้อเวที โผล่หน้าไปทีไร ถูกกิเลสตีตายทุกครั้ง

ในส่วนของการปฏิบัติทั่ว ๆ ไป เรามักจะพบกับสถานการณ์จิตตก สมาธิตก กรรมฐานแตก พังกันทีเป็นเดือนเป็นปี ก็ต้องบอกว่าด้วยความประมาทของพวกเราเอง แต่จะไม่ให้พลาดเลยก็เป็นไปไม่ได้ กิเลสมาได้ละเอียดลออมาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นแหล่งที่กิเลสเข้าถึงเราได้ตลอด ทำอย่างไรจึงจะสำรวม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้กิเลสกินเราได้

หลัก ๆ เลยก็คืออานาปานสติ อยู่กับลมหายใจเข้าออก พ้นจากกิเลสได้ชั่วคราว หลุดจากลมหายใจเข้าออกเมื่อใด ก็โดนกิเลสตีน่วมอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2017 เมื่อ 20:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #162  
เก่า 05-12-2017, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเป็นจันทน์หอมจริง ๆ กลิ่นจะหอมนวล ๆ ไม่ได้หอมแรง ถึงได้เข้าใจว่าสมัยพระพุทธเจ้ามีการสร้างคันธกุฎีด้วยไม้จันทน์ถวาย ทำไมพระองค์ท่านถึงจำพรรษาอยู่ได้ ถ้าเป็นไม้จันทน์ขาวกลิ่นจะหอมแรง หอมฉุนเลย ไม่น่าที่จะอยู่ได้"

ถาม : ที่เขาเรียกว่าเสน่ห์จันทร์ล่ะคะ ?
ตอบ : เสน่ห์จันทร์เป็นว่าน มีเสน่ห์จันทร์ขาว เสน่ห์จันทร์แดง เป็นต้น ส่วนไม้ที่เอาไปทำกุฏิคันธกุฎีนั่นไม้จันทน์หอม จันทร์แดงคนจีนเรียกว่าไม้จันทร์ม่วง เพราะว่าใช้ ๆ ไปเก่าแล้วจะดำเข้มขึ้นเรื่อย ๆ จนออกเป็นสีม่วงแดง จึงเรียกว่าไม้จันทร์ม่วง

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2017 เมื่อ 08:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #163  
เก่า 05-12-2017, 21:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ไม้กฤษณาต้องโดนความร้อน น้ำมันหอมระเหยออกมาจึงมีกลิ่น ไม่อย่างนั้นถ้าทั่ว ๆ ไปเราไปเจอก็ไม่รู้ว่าเป็นไม้อะไร สมัยก่อนเวลาหาไม้หอมพวกกฤษณา จะมีการทำบวงสรวงพลีเจ้าป่าเจ้าเขาก่อน เมื่อหาเจอแล้วยังต้องเสี่ยงดวงอีก

เพราะว่าไม้กฤษณาบางต้นเป็นแผล มีเชื้อราเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าสามารถมาโค่นได้ทั้งต้น จะได้แค่ตรงนั้นชิ้นเดียว สมัยนี้เทคโนโลยีดีขึ้น ปลูกไม้กฤษณาได้ ใช้ตะปูตอกพรุนไปทั้งต้นเลย ทำให้แผลเกิด พอแผลเกิดเชื้อราลง จึงได้ไม้หอมทั้งต้น

เมื่อประมาณน่าจะปีไม่เกิน ๒๕๓๒ อาตมาไปช่วยกันปลูกต้นไม้ให้วัดหลวงพ่ออุดม (วัดป่าผาตาดธารสวรรค์) ตอนนั้นหลวงพ่อประภายังเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ปลูกไปได้สัก ๒ ปี ย้อนกลับไปดู กลายเป็นดงวัชพืชหมดแล้ว ไมยราบบ้าง เถาวัลย์ไฟบ้าง เลื้อยทับถมจนมองต้นกฤษณาแทบไม่เห็น น่าเสียดาย...เพราะว่าพื้นที่เหมาะมาก

ด้วยความที่วัดใหญ่เกินไป คนดูแลไม่ทั่วถึง วัดป่าผาตาดธารสวรรค์ขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าได้ตั้ง ๓,๐๐๐ ไร่ แต่การใช้พื้นที่ป่าต้องปลูกต้นไม้คืนเขา ๑๐ เปอร์เซ็นต์ ก็แปลว่าต้องปลูกป่าคืนเขา ๓๐๐ ไร่ ต้นกฤษณาที่ปลูกไล่ ๆ กันที่เกาะพระฤๅษีโตประมาณขาอ่อนแล้ว ส่วนที่โน่นจมหายไปในดงเถาวัลย์เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2017 เมื่อ 08:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #164  
เก่า 05-12-2017, 21:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนไทยไม่รักษาสมุนไพร ? ถึงกับเอาไปตรวจสอบทีละตัว แล้วประกาศว่าเกือบทั้งหมดเป็นพิษ ทั้งที่เวลาทำยา คนโบราณจะรู้ว่าจะฆ่าพิษก่อนอย่างไร อะไรเข้ากับอะไรแล้วจะมีสรรพคุณเป็นยา
ตอบ : ต้องบอกว่าคนสมัยใหม่สู้คนสมัยเก่าไม่ได้ แต่ดันไปคิดว่าตัวเองฉลาด เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาบอกว่า ทั้งพืชพรรณว่านยาก็ถอยรส พืชพรรณในการรักษาน้อยลงเพราะว่าพื้นที่เสื่อม ถ้าต้องการยาที่มีฤทธิ์รักษาจริง ๆ ต้องเข้าป่าลึกไปเลย ซึ่งก็ยากต่อการเดินทาง

สมัยก่อนหัวไร่ชายนามีแต่สมุนไพรเพราะว่าพื้นที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ภาคกลางปล่อยให้น้ำท่วมทุกปี ถึงเวลาน้ำท่วมมาก็พาปุ๋ยต่าง ๆ มากับสายน้ำด้วย แต่สมัยนี้น้ำไปตามคลองไม่ได้ ถึงได้ท่วม

เดี๋ยวนี้คนใจร้อนใจเร็ว สมุนไพรต้องกินไประยะหนึ่ง สะสมกำลังยาจนได้ที่ถึงจะรักษาโรคหาย สมัยนี้เขาชอบยาฝรั่ง กินปุ๊บรู้เรื่องปั๊บเลย แต่คราวนี้ยาฝรั่ง
มีพิษตกค้างมาก ยาไทยพิษตกค้างไม่มี ร่างกายขับออกได้ แต่ออกฤทธิ์ช้าเลยไม่ทันใจ

ถาม : สมัยนี้หากะเพราแดงมากินแก้ความดันต่ำไม่ได้แล้ว ?
ตอบ : กะเพราแดงกับน้ำตาลทรายแดงโขลกเข้าด้วยกัน แก้ไอก่อน อย่างอื่นว่ากันทีหลัง ประเภทไอไม่เลิก เด็ดกระเพราแดงมา ๔-๕ ใบใส่น้ำตาลทรายแดงสักช้อนหนึ่ง สมัยนี้เขากินน้ำตาลทรายแดงกันหรือเปล่า ?

น้ำตาลทรายแดงก็คือน้ำตาลอ้อยที่เคี่ยวแบบธรรมชาติ ไม่ผ่านการฟอกสีปรุงแต่ง หน้าตาอาจจะดูไม่ดี แต่สรรพคุณทางยาหรือทางอาหารเหนือกว่าน้ำตาลทรายขาวเยอะมาก สมัยก่อนทุกบ้านจะมีปลูกอ้อยแดงไว้ เผื่อเอาไว้ทำยา ทำอาหาร จะหมักน้ำปลาก็ผ่าอ้อยไปรองก้นโอ่ง บ้านไหนหมักน้ำปลา เดินห่างครึ่งกิโลเมตรก็รู้แล้ว ส่งกลิ่นมาแต่ไกลเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2019 เมื่อ 12:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #165  
เก่า 05-12-2017, 21:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกน้องท้าวเวสสุวรรณเขาจะมีหน้าดูแลอะไรบ้างในโลกนี้ครับ ?
ตอบ : ดูแลสถานที่สำคัญ ดูแลบุคคลสำคัญ ดูแลขุมทรัพย์ เพราะฉะนั้น...บรรดาบุคคลสำคัญไม่ใช่แต่ของประเทศเรานะ ประเทศต่าง ๆ ด้วย เขาก็มีเทวดารักษานะครับ...!

ถาม : แล้วที่ดูแลขุมทรัพย์นี่อะไรบ้าง ?
ตอบ : ก็สารพัด บ่อน้ำมันก็มี แร่ธาตุสำคัญต่าง ๆ ก็มาก ทองคำธรรมชาติก็เยอะ

ถาม : น้ำมันดิบอย่างนี้ จะขุดเจอ ขอท่านได้ไหมครับ ?
ตอบ :โอกาสเจอก็ยาก รู้ไหมว่าบริษัทอารามโกที่เป็นการร่วมทุนระหว่างอเมริกันกับอาหรับ ทำการขุดน้ำมันที่ซาอุดิอาระเบียจนหมดอารมณ์แล้ว เพราะเจาะไป ๖ กิโลเมตรแล้วยังไม่เจออะไร ต้องบอกว่าตัวผู้จัดการบริษัทดื้อโคตรเลย ถ้าไม่ดื้อขนาดนั้นขุดไม่เจอหรอก

ทางบริษัทบอกว่าถอนตัวออกมาเถอะ ลงทุนไปก็ไร้ประโยชน์ ขุดมาเป็นปี ๆ แล้วไม่มีอะไรเป็นผลตอบแทนเลย ไอ้นั่นก็บอกจะให้กลับเมื่อไร ? "พรุ่งนี้" ผู้จัดการก็ไปบอกลูกน้อง วันนี้เจาะให้เต็มที่เลย..ทิ้งทวน...พรุ่งนี้เก็บของกลับบ้าน ตูมเดียวลงกลางบ่อเลย แสดงว่าเลยอีกไม่กี่เมตร น้ำมันทะลักขึ้นมา เขาบอกว่ารัศมีเป็นกิโลเมตร...นองไปหมด ไม่เคยมีการเจาะน้ำมันลึกขนาดนั้นมาก่อนในอดีต

ต้องบอกว่าถ้าไม่ได้คนตื๊อขนาดนั้นเทวดาคงไม่ยอมใจเขาหรอก มีใครจะเจาะพื้นดินลงไป ๖,๐๐๐ กว่าเมตร เขาขอแท่งต่อหัวเจาะมาจากทุกที่ซึ่งบริษัทเขาไปลงทุน ขอทั่วโลก ขอมาจนหมด ดื้อจะเอาให้ได้ แล้วก็ทำได้จริง ๆ


ถาม : ทำไมจึงขุดได้ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเขาซื่อตรงต่อหน้าที่จนกระทั่งเทวดายอมใจ ไม่อย่างนั้นปกติบวงสรวงขอเขาก็ไม่ให้กันง่าย ๆ หรอก

ถาม : เขามีความมั่นใจขนาดนั้น ?
ตอบ : ไม่ใช่มั่นใจ เขามั่นคง มั่นคงต่อหน้าที่ตัวเอง แบบเดียวกับในหลวงรัชกาลที่ ๙ หน้าที่ซึ่งจะทำให้ประชาชนทั้งประเทศอยู่ดีกินดีเสมอกัน เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่พระองค์พยายามทำให้เป็นไปได้ นั่นแหละคือความมั่นคงต่อหน้าที่ของตนเอง

แถวภาคเหนือถ้าไม่ได้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ป่านนี้ก็ยังเป็นดงฝิ่นอยู่นั่นแหละ ปีหนึ่ง ๆ ได้อยู่ในวัง ๔ เดือน นอกนั้นออกข้างนอกตลอด ไม่เสด็จไปต่างประเทศเกิน ๓๐ ปี เพราะความรู้สึกแค่ว่าถ้าชาวบ้านยังไม่ได้อยู่ดีกินดี พระองค์ท่านก็ไม่รู้ว่าจะไปต่างประเทศทำอะไร คือความรู้ที่ศึกษามานั้นพอแล้ว ขอให้ใช้จริง ๆ เท่านั้น ในหลวงตอนแรกเรียนสาขาวิทยาศาสตร์ พอรู้ว่าจะต้องขึ้นครองราชย์ก็เปลี่ยนเป็นรัฐศาสตร์ทันทีเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-12-2017 เมื่อ 14:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #166  
เก่า 05-12-2017, 22:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “มีดหมอต่าง ๆ ที่อาตมาสะสมมาเกินร้อยเล่ม ร้อยละ ๙๙ คือมีดสำหรับใช้งานจริง ๆ คนสมัยก่อนเขาไม่ได้ใช้อย่างเรา มีดใช้งานคือใช้จริง ๆ ส่วนมีดหมอที่จะใช้งานด้านแก้ไสยศาสตร์โดยตรงต้องหลวงพ่อบุญมี วัดเขาสมอคอน เพราะว่าท่านให้ลบคมหมดทุกเล่ม ยกเว้นว่าใครจะไปลับคมเอง ไม่อย่างนั้นถึงเวลาไปสับไล่โรค ถ้ามีคมเดี๋ยวเข้าเนื้อคนไข้”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2017 เมื่อ 08:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #167  
เก่า 06-12-2017, 09:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ปรอทกรอ)
ตอบ : อาตมาพกอยู่ ๓ ลูก สีเงินหายากที่สุด เวลาพกเดินผ่านเครื่อง X-Ray ไม่ดังหรอก เจ้าเฟิร์สเดินตามตูดมา อาตมาบอกว่าพกมีดหมอชาตรีมาด้วย มั่นใจว่าไม่ดังหรอก เดินผ่านไปก็เงียบ เฟิร์สถามว่า "แล้วถ้าเขาค้นล่ะ ?" ถ้าไม่ดังแล้วเขาจะค้นทำไม ? แต่ต้องอาราธนาไว้นะ...ไม่อย่างนั้นก็ดัง

อาตมาไปเผลอที่เขมร เจ้าหน้าที่เขามาให้ดูดวงให้ มัวแต่ดูอยู่ พอถึงเวลาขึ้นเครื่องก็พรวดพราดเข้าไป เลยไม่ได้อาราธนา เครื่องดัง...ทีนี้เลยต้องขอว่าอย่าให้เขาค้นเจอ

ขอแนะนำว่าอย่าทำ ถ้าดังแล้วโดนเขายึดไปจะน่าเสียดาย ตอนไปเนปาลเครื่องไม่ดัง แต่เขาก็ค้นทุกคน ไปเจอตะกรุดหลวงพ่อทบเข้า เจ้าหน้าที่วิ่งไปถามกันใหญ่เลยว่านี่คืออะไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2017 เมื่อ 03:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #168  
เก่า 06-12-2017, 22:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช้างที่โดนตัดงาจะตายไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าตัดงาไม่ทะลุถึงโพรงรากฟันก็ไม่เป็นไร ถ้าทะลุถึงโพรงฟันก็มีโอกาสติดเชื้อได้ เหมือนกับคนเราฟันทะลุเป็นรู

ถาม : แล้วในเรื่องที่พระยาฉัตทันต์โดนตัดงาตาย ?
ตอบ : นั่นท่านไม่ได้ตายเพราะโดนตัดงา ตายเพราะลูกศรอาบยาพิษ โดนพรานโสณุดรยิง ด้วยความที่พระโพธิสัตว์ท่านฉลาดมาก สังเกตว่าแนวลูกศรมาจากใต้ดิน มองเห็นว่าพื้นตรงนั้นมีร่องรอยผิดปกติ ก็เอาเท้าเหยียบปิดไว้ก่อนแล้วถึงร้องขึ้นมา พวกบรรดาช้างอื่น ๆ พอรู้ก็วิ่งออกไปหาศัตรูกัน ท่านค่อยเขี่ยเปิดพื้นขึ้นมาแล้วบอกให้รีบหนีไป ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวตาย พรานโสณุดรจึงบอกว่าได้รับคำสั่งให้มาเอางาไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2017 เมื่อ 10:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #169  
เก่า 06-12-2017, 22:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ถักลวดใส่วัตถุมงคล "สังเกตเห็นหรือเปล่าว่าคนเป็นงานกับคนไม่เป็นงานนั้นต่างกันขนาดไหน ? แค่นี้ก็เสร็จแล้ว

เรื่องแบบนี้อาตมาบอกไม่ถูกเหมือนกัน มองไปก็รู้เลยว่าต้องทำอย่างไร ขณะที่คนอื่นมองแทบตายก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไร คงจะเป็นของที่ข้ามชาติข้ามภพมา

สมัยเด็ก ๆ เห็นพวกพี่ ๆ เขาถักสายไฟใส่วัตถุมงคลกัน สมัยนี้ถ้าไปเจอพระแบบนั้นให้คว้าได้เลย โอกาสที่จะปลอมมีน้อยมาก เพราะว่าเป็นของเก่าจริง ๆ สมัยก่อนไม่มีการเลี่ยมพลาสติก ใช้เชือกถักบ้าง ใช้ลวดถักบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2017 เมื่อ 10:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #170  
เก่า 06-12-2017, 22:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระพุทธเจ้าทรงทรมานกายอย่างไรบ้าง ?
ตอบ : ทรมานสารพัดอย่าง กำมือจนเล็บงอกทะลุหลังมือ แค่อย่างเดียวนี้เราทำได้ไหม ?

ถาม : พระนางพิมพาอยู่คนละเมือง แล้วคอยว่าเจ้าชายสิทธัตถะปฏิบัติอย่างไรก็ทำตามบ้าง ท่านรู้ได้อย่างไร ?
ตอบ : มีคนคอยส่งข่าวให้ แต่คราวนี้ว่าคนที่คอยส่งข่าวให้ไม่รู้ว่ามีตัวหรือไม่มีตัวนะสิ

พระนางพิมพาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้อภิญญาใหญ่ คำว่า อภิญญาใหญ่ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงอภิญญาทั่วไป คือท่านที่ได้อภิญญาใหญ่สามารถระลึกชาติได้โดยไม่จำกัด มีพระนางพิมพา พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร พระมหากัสสปะ มีแค่ไม่กี่รูปเท่านี้ นอกนั้นก็จะโดนจำกัด เช่น ระลึกได้แสนชาติบ้าง ๑ กัปบ้าง ๒ กัปบ้าง ๕ กัป ๑๐ กัปบ้าง คราวนี้ด้วยความที่ท่านมีความสามารถเดิมมาขนาดนั้น บางทีการรู้ อาตมาก็ไม่มั่นใจว่าท่านรู้ได้เพราะอะไร ? มีคนส่งข่าวหรือว่ารู้เอง


ถาม : ท่านทรมานกายอยู่แถวนั้น แล้วอุจจาระปัสสาวะอยู่แถวนั้น ไม่เหม็นหรือครับ ?
ตอบ : ใครจะไปขี้ข้างที่นอนวะ ? เราต้องเข้าใจว่าลักษณะของช่วงที่ทรมานกายสภาพทรุดโทรมมาก แต่วันที่ท่านตั้งใจจะปฏิบัติในมัชฌิมาปฏิปทา กำลังใจทั้งหมดที่มาถูกทางรวมตัวเข้า ก็ต้องบอกว่ากลายเป็นงามด้วยกำลังบุญ ขนาดที่เขาเห็นเป็นเทวดา ไม่อย่างนั้นมีแต่หนังหุ้มกระดูก หนวดเครารุงรัง ใครจะไปรู้ว่าเป็นใคร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2017 เมื่อ 10:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #171  
เก่า 06-12-2017, 22:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เห็นหลวงปู่หลวงพ่อที่อาพาธ ท่านยังดูผ่องใสตลอด ?
ตอบ : ถ้าสว่างผ่องใสก็จวนจะไปแล้ว...(หัวเราะ)... ที่โบราณเขาบอกว่า “ถ้าเห็นหน้าหน้านวลก็จวนตาย” รัศมีออกเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-12-2017 เมื่อ 10:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #172  
เก่า 08-12-2017, 09:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลายคนบอกว่าพระพุทธเจ้าทรมานตนเสียเวลาเปล่า ๆ ไป ๖ ปี พระองค์ท่านไม่ได้เสียเปล่า เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านทำ ยิ่งกว่าทุก ๆ คนที่เคยทำมา ชื่อเสียงเกียรติคุณของพระองค์ท่านจึงเลื่องลือไปทั่ว

ในเมื่อทรมานตนยิ่งกว่าใครแล้วทำไม่สำเร็จ เมื่อถึงเวลาพระองค์ประกาศมัชฌิมาปฏิปทา สามารถใช้พระองค์เองยืนยันได้ว่า "เราทำมาแล้ว ไม่ใช่หนทางแห่งความสำเร็จ" เพราะฉะนั้น...ไม่ใช่เรื่องที่เสียเวลาเปล่า แต่เป็นการปฏิบัติที่ยืนยันผลว่าสิ่งนี้ใช้ไม่ได้"


ถาม : เป็นเพราะการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องยากแบบนี้ ?
ตอบ : ไม่ใช่...มีบางองค์นี่แค่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตกก็บรรลุเลย ไปดูในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ โดยเฉพาะอรรถกถาอธิบายไว้ทั้งหมด ว่าพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ต่างกันโดยประมาณ ต่างกันโดยฉัพพรรณรังสี ต่างกันโดยยานพาหนะที่ออกบวช ต่างกันโดยบัลลังก์ ฯลฯ แล้วเราจะเห็นว่า พระพุทธเจ้าของเรานี่ประเภทน้อยกว่าคนอื่นที่สุดทุกอย่างเลย

มีอย่างแย่ ๆ ที่สุดก็พระพุทธเจ้าพระนามว่านารท เสด็จออกบวชด้วยการเดินเท้า มีอยู่พระองค์เดียว บางพระองค์ขี่ช้าง ขี่ม้า เดินเท้า ไปด้วยยาน แล้วก็มีไปโดยปราสาท ปราสาททั้งหลังลอยไปเลย แล้วก็ปฏิบัติธรรมอยู่วันหนึ่งบ้าง ๒ วันบ้าง ๓ วันบ้าง ๗ วันบ้าง อย่างแย่ที่สุดก็ ๓ เดือน มีของเราเจอไป ๖ ปี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2017 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #173  
เก่า 08-12-2017, 09:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วพระศรีอาริยเมตตรัย ?
ตอบ : สมัยของพระองค์ท่านคนนอกศาสนาไม่มีโอกาสมาเกิด ไม่ต้องเสียเวลาไปค้านกับของใครว่าใครไม่ดี ออกบวชวันนั้น บรรลุวันนั้น สั่งสอนวันนั้นก็แทบจะไปกันหมด ไปดูเรื่องปัญจมหาวิโลกนะ ที่พระพุทธเจ้าท่านต้องพิจารณา ๕ อย่างแล้วถึงจะเสด็จมาตรัสรู้ คราวนี้พระพุทธเจ้าของเราท่านเลือกในจังหวะนี้ก็อาจจะลำบากหน่อย ถ้าเป็นจังหวะอื่นก็ช้าเกิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2017 เมื่อ 19:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #174  
เก่า 08-12-2017, 09:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเวลาสวดมนต์แล้วได้ยินเสียงเหมือนคนมาสวดด้วย ?
ตอบ : ดี...แสดงว่าอย่างน้อยสมาธิจะต้องทรงตัวได้ถึงระดับหนึ่งจึงจะได้ยินได้ จะได้รู้ว่าพวกเราจริง ๆ มีเยอะ

ถาม : สวดมนต์แล้วมีความรู้สึกว่าอยากหลับตา พอหลับตาแล้วเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง ?
ตอบ : ไม่มีอะไร...อย่าคิดมาก คิดมากเดี๋ยวไม่กล้าสวดต่อ

ถาม : ก็ไม่รู้ว่าตนเองเห็นแล้วดีหรือไม่ดี ?
ตอบ : ให้รู้ว่าเห็นดีกว่าไม่เห็น เพราะถ้าสมาธิไม่ได้ที่ก็จะไม่มีวันได้เห็น

ส่วนใหญ่พอบอกแล้วจะมี ๒ อย่าง อย่างแรกคือฟุ้งซ่านอยากเห็นอีก อย่างที่ ๒ คือกลัว เพราะฉะนั้น...อย่าไปฟุ้งซ่านมากเลย ให้รู้ว่าเห็นดีกว่าไม่เห็นก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2017 เมื่อ 19:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #175  
เก่า 08-12-2017, 09:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมมีดหมอที่หลวงพ่อกวยให้ลูกศิษย์ที่ยกครูแล้วถึงใช้ยันต์หนุมานผลาญลงกา ?
ตอบ : ก็น่าจะเป็นวิชาที่ท่านมั่นใจที่สุด ถึงเวลาให้ลูกศิษย์ที่รับสืบทอดก็เลยต้องเอาลายที่ตนเองมั่นใจที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2017 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #176  
เก่า 08-12-2017, 09:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ในชีวิตของอาตมา เคยได้ร่วมพิธีเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ สองครั้ง ครั้งแรกตอนปี ๒๕๓๐ ช่วงพระองค์เจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา พิธีที่วัดท่าซุง อาตมาแค่มีส่วนร่วมเท่านั้น พอมาช่วงพระชนมายุ ๘๐ พรรษา อาตมาได้รับนิมนต์โดยตรงเลย ให้ไปร่วมเสกที่วัดใต้ (วัดไชยชุมพลชนะสงคราม) เขานิมนต์พระแค่ ๑๐ รูป ประมาณว่าเอาที่แน่ใจได้จริง ๆ

คราวนี้ครั้งที่ ๓ ก็น่าเป็นพิธีพระบรมราชาภิเษกในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ กำลังรอดูว่าเมื่อไรจะมีหมายกำหนดการเป็นทางการออกมา เพราะว่าหลังพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ก็สามารถจะทำพิธีบรมราชาภิเษกได้ทุกเมื่อ แต่ก็คงจะต้องให้โหรหลวงหาฤกษ์ที่เหมาะสมกับพระองค์มากที่สุด ”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2017 เมื่อ 19:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #177  
เก่า 08-12-2017, 09:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (คาถาอาราธนาครุฑ)
ตอบ: อะหัง ครุโฑ อาคะโต อัสสะมิ นาคะราเช อัปเปหิ ไปใช้นี่งูเข้าใกล้ไม่ได้นะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2017 เมื่อ 19:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #178  
เก่า 24-12-2017, 08:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมมารับวัตถุมงคล "หลวงปู่เดินหนก็เหมือนกับหลวงปู่โลกอุดรนั่นแหละ กว่าท่านจะออกมาเสกของให้ใครแต่ละงาน ยากเย็นแสนเข็ญ ให้เรามั่นใจว่าเป็นท่านก็แล้วกัน ส่วนใหญ่คนไม่คิดว่าท่านจะผอมได้ขนาดนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2017 เมื่อ 17:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 122 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #179  
เก่า 24-12-2017, 08:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนพฤศจิกายนไม่ใช่วันเด็กไม่ใช่หรือ ? ทำไมวันนี้เด็กเยอะมาก เด็ก ๆ จะมีความทุกข์น้อยกว่าผู้ใหญ่ตรงไหนรู้ไหม ? ตรงที่ว่าเด็กขอให้กินได้อย่างใจ เล่นได้อย่างใจ แค่นั้นเขาพอแล้ว

ผู้ใหญ่ทุกข์มากกว่าเพราะว่าผู้ใหญ่ไม่รู้จักพอ โบราณเราถึงได้บอกว่า ถ้ารู้จักพอ ก่อสุขทุกสถาน ทีนี้ส่วนใหญ่ก็คือไปแสวงหาเพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ พอคนไหนรู้จักพอขึ้นมาก็ไปว่าเขาเพี้ยนอีก

แบบเดียวกับที่เขาเล่าว่า มีมหาเศรษฐีท่านหนึ่ง ไปเที่ยวเกาะทางทะเลอันดามัน เช่าเรือชาวบ้านวิ่งไป ระยะทางเป็นชั่วโมง กว่าจะถึงก็ชวนคนขับเรือคุยไปเรื่อย "ทำมาหากินอะไร ?" "หาปลาครับ ถ้ามีเวลาว่างก็จะรับจ้างพานักท่องเที่ยวไปส่ง" "หาปลาอย่างไร ?" "ก็ออกไปตกเบ็ด ใช้สายมือ ได้ปลามาก็เอาไปขาย ซื้อข้าวของจำเป็นกลับมา"

เศรษฐีก็บอกว่า "ทำไมไม่ไปกู้เงิน ? แล้วก็ออกเรืออวนมาเลย ตีอวนลากปลาส่งแพปลาจะได้เงินมากกว่า" "เวลามีเงินมาก ๆ แล้วผมจะไปทำอะไร ?" เศรษฐีก็บอก "อ้าว...เราก็จะได้พักผ่อนอยู่กับบ้าน จะได้ท่องเที่ยวในที่ซึ่งตัวเองชอบใจ" ชาวประมงบอกว่า "ทุกวันนี้ผมก็สบายอยู่แล้ว พักผ่อนอยู่กับบ้าน ถึงเวลาจะไปไหนก็ไป" คนไม่รู้จักพอกับคนรู้จักพอเขาคุยกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2017 เมื่อ 17:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #180  
เก่า 24-12-2017, 08:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครวางแผนล่วงหน้าถึงขนาดเตรียมเที่ยวปีใหม่แล้วบ้าง ปีใหม่นี้มีวันหยุดต่อเนื่อง ๔ วัน วัดท่าขนุนจัดงานบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม จัดงานสวดมนต์ข้ามปี จัดงานใส่บาตรพระปีใหม่ ๙๙ รูปร่วมกับเทศบาล แล้วก็มีงานถนนคนนั่งยอง

งานถนนคนนั่งยองทองผาภูมิ ความจริงเป็นวิถีชีวิตชาวบ้าน สมัยโน้นช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มดี เพราะว่ามีเหมืองแร่ปิล็อก บรรดาข้าวของเครื่องใช้สินค้าต่าง ๆ ที่จะเอาขึ้นไปปิล็อก ต้องมาซื้อหาจากทองผาภูมิ บรรดาที่พักก็ต้องทองผาภูมิ อาหารการกินก็ทองผาภูมิ

คราวนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นมอญ เป็นพม่า มอญพม่าก็นิยมตั้งโต๊ะเตี้ย ๆ ประเภทนั่งยอง ๆ วางหาบตั้งโต๊ะ วางเก้าอี้เตี้ย นั่งขายของ นั่งกินกัน จนกลายเป็นถนนคนนั่งยองไป อาตมาเวลาไปพม่าก็แบบนั้นแหละ ยอง ๆ เหลาเหมือนกัน

ของพม่ายังทำกันเป็นปกติอยู่ จะมีโต๊ะกลมสูงประมาณโต๊ะตัวนี้ แล้วก็มีเก้าอี้เตี้ย ๆ ตั้งรอบโต๊ะ ภายในวัดพอถึงเวลาไปนั่งฉัน พระเจ้าถิ่นท่านก็เอาขันข้าวยัดใต้โต๊ะ ส่งพรวดมาให้ ของเรารับมาเสร็จ ตักข้าวพอแล้ว ใครต้องการก็ยัดใต้โต๊ะส่งพรวดไปให้เขา

พอมาถึงบ้านเราเมืองไทย ทำโต๊ะเตี้ยเลียนแบบเขาแล้วดันไปทำไม้ขวางกลาง ก็เลยยัดกาละมังข้าวไม่ได้ เลียนแบบเขามาแต่ไม่ได้ดูการใช้งานของเขา ถึงเวลาเราดันมาทำไม้ขวางกลางเพื่อให้แน่นหนาขึ้น ก็เลยไม่สามารถที่จะลอดใต้โต๊ะไปได้เหมือนกับทางพม่า

ปัจจุบันนี้ของวัดท่าขนุนก็ยังมีโต๊ะกลมแถวบนให้พระที่อาวุโสหน่อยนั่งฉัน พระที่เป็นพระใหม่พรรษาน้อยก็ฉันกันด้านล่าง นั่งเก้าอี้กันสบายใจ ส่วนข้างบนก็นั่งขัดสมาธิบ้าง นั่งพับเพียบบ้าง แล้วแต่ถนัด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-12-2017 เมื่อ 03:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:54



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว