กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 11-09-2013, 14:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมฟังซีดีหลวงพ่อวัดท่าซุง มีบางอารมณ์ที่เคลิ้ม ๆ เหมือนจะหลับแต่ไม่หลับครับ ?
ตอบ : ลักษณะนั้นสภาพจิตกำลังจะทรงเป็นฌาน แต่สติตามไม่ทัน ถ้าเราสามารถก้าวข้ามไปได้ หลังจากนั้นจะเริ่มเป็นปฐมฌาน

ถาม : พอเราถึงจุดหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเราควรภาวนาต่อ หรือควรจะหยุดภาวนา ?
ตอบ : ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ก็กำหนดคำภาวนาต่อไป ถ้าจะหยุด ถึงเวลาจะหยุดเอง หรือว่าหายไปเอง ไม่ใช่เราไปบังคับให้หยุด

ถ้าหยุดก็ให้ตามดูเฉย ๆ ว่าตอนนี้เป็นอย่างไร แล้วสมาธิจะสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ


ถาม : เวลาถึงฌานหนึ่ง ภาพพระจะยังไม่สว่างใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นฌาน ๑ จริง ๆ ภาพของพระจะสว่างแต่ไม่ได้สว่างมาก แต่ถ้าเป็นสีขาวก็ลักษณะขาวเฉย ๆ

ถาม : เป็นแบบขาวขุ่นหรือขาวใสครับ ?
ตอบ : ขาวแบบผ้าขาวหรือกระดาษสีขาว จะเรียกว่าขาวขุ่นก็ได้ ถ้าขาวใสจะเป็นอีกระดับหนึ่ง สมาธิต้องสูงกว่านี้

ถาม : แล้วลงรายละเอียดอย่างไรครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องสนใจ ถ้าไปสนใจรายละเอียดจะไม่ก้าวหน้าไปไหน ถึงเวลาถ้าเราไม่สนใจ ความชัดเจนจะมีขึ้นเอง ถ้าไปมัวสนใจก็ติดอยู่แค่นั้นแหละ ไม่ได้ไปไหน

ถาม : หมายถึงเราไม่ต้องไปพยายามมองรายละเอียดเลย ?
ตอบ : ไม่ต้องไปมองรายละเอียด ให้รู้ว่าภาพรวมเป็นอย่างไรก็พอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2013 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 11-09-2013, 14:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลานึกภาพองค์พระให้อยู่ตรงกลางของกาย ควรอยู่เหนือสะดือหรือตรงไหนครับ ?
ตอบ : เรากำหนดไว้ตรงไหนของร่างกายก็ได้ เพียงแต่ว่าการกำหนดไว้ตรงจุดกึ่งกลางกาย ตรงที่สุดของลมหายใจ เพื่อให้เป็นไปตามลมหายใจเข้าออก ช่วยให้เรากำหนดได้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น แต่ถ้าเรามีความคล่องตัวแล้ว จะเอาไว้ส่วนไหนของร่างกายก็ได้

ถาม : ความจริงแค่เพื่อความสะดวกเท่านั้น ?
ตอบ : ใช่..เพื่อความสะดวก เพราะว่าเราควบกับลมหายใจเข้าออก ถ้าไม่ได้ควบกับลมหายใจเข้าออก เราจะกำหนดไว้ตรงไหนก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2013 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 11-09-2013, 14:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าคนที่ปฏิบัติในคาถาเงินล้าน ติดอยู่ในขณิกสมาธิหรืออุปจารสมาธิ จะได้ผลหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เท่าที่ดูมา พอเริ่มเป็นอุปจารสมาธิ ถ้าทำต่อเนื่องจริง ๆ ไม่เกิน ๒ เดือนจะได้ผล เพียงแต่ว่าการทำต่อเนื่องของเรา อย่าทำเพราะอยากได้ ถ้าทำเพราะอยากได้ ความฟุ้งซ่านจากความอยากจะตัดไปเกือบหมด พูดง่าย ๆ คือเรามีหน้าที่ทำ ผลจะเกิดหรือไม่เกิดก็ช่าง ถ้าทำใจอย่างนี้จะได้เร็ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2013 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 11-09-2013, 15:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมเสาร์ห้าต้องอยู่เดือนธันวาคม ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจเลยว่าเสาร์ห้าจะอยู่เดือนธันวาคม เสาร์ห้าอาจจะมีเดือนไหนก็ได้ เป็นเรื่องปกติตามรอบของจันทรคติ แต่จากประสบการณ์ที่อาตมาเจอมาก็คือ มักจะอยู่ในช่วงที่บ้านเมืองกำลังคับขันอันตรายทุกครั้ง ก็เลยกลายเป็นว่า พอมีเสาร์ห้าพระ หรือพรหม หรือเทวดา หรือครูบาอาจารย์ ท่านจะใช้โอกาสนั้นในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น..การกล่าวถึงวันเสาร์ห้าของอาตมาจึงไม่ค่อยเหมือนคนอื่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2013 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 11-09-2013, 15:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : น้ำที่ใช้สรงพระบรมสารีริกธาตุของปีก่อนและปีนี้นำมารวมกันได้หรือไม่ ?
ตอบ : ได้..จะกี่ปีก็รวมกันได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2013 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 11-09-2013, 15:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมากำลังผลิตตะกรุดกำลังแม่พระธรณีอยู่ ตอนแรกว่าจะมักง่ายทำเป็นแผ่นเดียว ปรากฏว่าต้นตำรับท่านไม่ยอม มีประท้วงด้วย..! อย่างไรก็ต้องใช้ ๗ แผ่น แล้วก็ให้ทำเป็นเนื้อเงินกับเนื้อทองคำด้วย แต่ให้แค่อย่างละ ๑๐๘ ชุดเท่านั้น ถึงเวลาไปแย่งกันเองก็แล้วกัน กะว่าจะให้เสร็จก่อนงานทอดกฐิน พูดง่าย ๆ ว่าให้ร่วมทำบุญกฐินของวัดท่าขนุน

คราวนี้ก่อนกฐินจะมีงานอยู่ ๓ งาน คืองานหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำ วัดสระพัง เขาหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำ ๗ องค์

ถัดไปก็งานหล่อพระอุบาลีเถระ วัดไร่แตงทอง อาจารย์สายชลท่านล็อกคออาตมาติดมาตั้งแต่สมัยเพิ่งจะเรียน ปปส.มาด้วยกัน อย่างไรก็ต้องไปวัดเขาให้ได้

ถัดไปก็วันที่ ๘ กันยายน งานหล่อสมเด็จองค์ปฐม ๒๘ องค์ วัดตะเคียนงาม เจอไป ๓ งานน่าจะพอ เสก ๓ งานยังไม่พอก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ปกติไม่เคยเสกนาน เขียนเสร็จเสกในตัวก็ใช้ได้เลย

ไม่ใช่ตะกรุดเป็นทองหรือเงินเฉย ๆ เท่านั้น ลูกคั่นกลม ๆ นั่นก็ยังเป็นทองหรือเงินแท้ด้วย อย่าเพิ่งตกใจ ราคาไม่แพงหรอก ก็บอกเขาแล้วว่าไม่ได้ทำเอากำไร เป็นการทำตามคำสั่ง ในเมื่อสั่งให้ทำก็ทำ แล้วจริง ๆ ของอาตมาเอง ถ้าเงินมาเยอะก็เหนื่อยมาก กะว่าเนื้อเงินชุดละ ๑,๐๐๐ บาท ทองคำชุดละ ๕,๐๐๐ บาท จะพยายามไม่ให้เกินนั้น

ตะกรุดเล็ก ๆ ๗ ดอก ให้เขารีดบาง ๆ บอกให้รีดบางเป็นกระดาษเลย รู้สึกว่าลูกคั่นจะหนักกว่าเยอะ ตัวตะกรุดเองไม่หนักเท่าไรหรอก แล้วมีมือถักไหม ๗ สีของเราเองอยู่ ไม่ต้องไปจ้างเขาถักให้ ไม่ได้ถักยาว ๆ นะ ถักเรียงเป็นพวง เอาไว้แขวนหน้ารถก็ได้ แต่อย่าให้เขารู้ว่าเป็นทองคำแท้ ถ้าเขารู้ว่าเป็นทองคำแท้โดนปล้นแน่เลย..!

ตอนแรกว่าจะทำเป็นดอกเดียว ลักษณะเป็นตะกรุดลูกอม สายเมืองกาญจน์ก็ต้องตะกรุดลูกอมโลกธาตุ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว แต่ปรากฏว่าต้นตำรับท่านไม่ยอม ของท่านต้อง ๗ ดอก ลำบากคนทำ ต้องม้วนกันมือหงิกเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2013 เมื่อ 05:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 11-09-2013, 15:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การทำกุมารทองที่ส่วนใหญ่เขาจะเอาวิญญาณผีมาทำ รู้สึกว่ามีพระรูปหนึ่งท่านช่วยให้กุมารทองจากผีนั้นกลายเป็นเทวดา ?
ตอบ : หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม จ.นครปฐม ไปเปิดหาดูในอินเตอร์เน็ต ท่านมรณภาพนานแล้ว หลวงปู่แย้ม ลูกศิษย์สายตรงก็อายุ ๘๐ กว่าปีจะ ๙๐ ปีแล้ว สรุปว่ารุ่นคุณเกิดไม่ทันหรอก

ถาม : ท่านทำบุญให้หรืออุทิศให้ครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ถามท่าน ท่านใช้คำว่า "ข้าเสกให้เป็นเทวดาหมดแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-09-2013 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 11-09-2013, 19:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอความเมตตาให้ช่วยอธิบาย ทุกข์กับทุกขสัจจะครับ
ตอบ : ทำไมต้องไปอธิบายด้วย ? อะไรที่ต้องทนเป็นทุกข์ทั้งหมด เอาง่าย ๆ แค่นั้น เรื่องพวกนี้เราไม่จำเป็นต้องไปรู้ เพราะว่าการรู้เป็นหน้าที่ของคนที่จะเป็นพระพุทธเจ้าไปสอนเขา ให้เรารู้ว่าความทุกข์เป็นอย่างไรแล้วก็เลิกสร้างสาเหตุของความทุกข์ไม่ให้เกิดแก่เราก็พอ

ถึงเวลาก็มัวแต่ไปหาอยู่ว่าทุกข์กับทุกขสัจจะเป็นอย่างไร ทุกขสัจจะคือความทุกข์ที่เป็นจริง เป็นจริงอย่างไร ? คืออยู่กับเราจริง ๆ เวลาความทุกข์ทั่วไปปรากฏขึ้น นั่นแหละคือทุกขสัจจะ อันหนึ่งคือความทุกข์ที่ปรากฏขึ้นกับเรา อีกอย่างหนึ่งเป็นความจริงในทุกข์ที่ปรากฏขึ้นกับเรา ก็มาพร้อมกันนั่นแหละ มัวแต่ไปหาข้ออธิบายอยู่ก็พอดีไม่ต้องทำอะไรกัน

บุคคลที่มีวิสัยจะไปเกิดเป็นพระพุทธเจ้าต้องรู้ทุกเรื่อง เพราะฉะนั้น..เรื่องที่เราไม่ต้องเรียน ท่านก็ต้องเรียนเสียแทบเป็นแทบตาย ของเราอยากลำบากแบบนั้นหรือ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2013 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 11-09-2013, 20:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตะกรุดกำลังแม่พระธรณีมีอานุภาพอย่างไรครับ ?
ตอบ : มีอานุภาพคือทำให้คนแย่งกันจอง..! ตะกรุดกำลังแม่พระแม่ธรณีจริง ๆ เป็นมหาเสน่ห์ แต่คราวนี้ท่านบอกว่าอยู่ที่ไหนก็จะปลอดภัย ยายผีป่าให้คำจำกัดความว่า "ตราบใดที่ตีนยังติดพื้นอยู่ก็จะปลอดภัย" อาตมาบอกว่า "ถ้าเอ็งขับรถก็เอาตีนแตะถนนไว้ด้วยแล้วกัน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2013 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 11-09-2013, 20:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การพิมพ์หนังสือแต่ละครั้งหมดเงินไปเป็นแสนบาทเหมือนกัน แต่นึกถึงกำลังใจของโยมที่อ่านหนังสือแล้วต้องยอมลงทุน แบบเดียวกับที่ท่านอาจารย์ดร. มนตรา อ่านเสร็จแล้วปีติมาก อดไม่ได้ เขียนลงในบล็อกเลย ถ้าอ่านแล้วมีประโยชน์สักคนหนึ่งก็ถือว่าคุ้มแล้ว โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ๆ อะไรที่เป็นเนื้อหาธรรมะหลัก ๆ เขาไม่ค่อยอยากได้ ต้องเอาประเภทสอดแทรกไปทีละนิดหน่อย รู้สึกว่าจะได้ผลมากกว่า

สำหรับเว็บวัดท่าขนุน เพื่อน ๆ ที่เรียนกันอยู่ตั้งแต่ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกมักจะเข้าไปดูกันแล้วก็บอกว่า “อาจารย์เล็ก ผมจ้างทำเว็บให้วัดผมบ้างได้ไหม ?” อาตมาบอกว่า “เว็บวัดท่าขนุนผมเองไม่ได้ไปทำหรอก โยมเขาทำให้” เขาบอกว่าเว็บน่าสนใจตรงที่มีข้อมูลใหม่อยู่ทุกวัน อาตมาบอกว่านั่นขึ้นอยู่กับความขยันของเขา และเว็บของเรามีผู้รับผิดชอบแต่ละห้องต่าง ๆ กันไป แต่ละคนก็จะต้องหาเนื้อหามาลงในห้องของตัวเอง

เขาบอกว่าเว็บของวัดอื่น ๆ ส่วนใหญ่มีหน้าเดียว ทั้งปีทั้งชาติไม่ได้เปลี่ยนไปไหนเลย เข้าไปแล้วไม่มีอะไรใหม่ก็เลยเบื่อ เว็บวัดท่าขนุนต่อให้ไม่มีอะไร กระทู้ทำบุญก็ยังเปลี่ยนใหม่อยู่เรื่อย

ขอให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเว็บทุกท่านได้โปรดทราบว่า เว็บวัดท่าขนุนได้รับคำชมเชยจากเพื่อนฝูงของอาตมาเป็นอย่างสูง เขาบอกว่าไม่เคยเห็นเว็บที่ไหน active ขนาดนี้ มีข้อมูลใหม่ทุกวัน ความจริงก็เป็นลีลาในการเรียกแขกอย่างหนึ่ง ค่อย ๆ ลงทีละนิด ลงเยอะอ่านทีเดียวหมดก็ไม่มีอะไรใหม่ อยากจะอ่านต่อเนื่องก็ต้องเข้าเว็บทุกวัน

ปรากฏว่าโยมที่ไม่ได้เข้าเว็บวันเดียว ตะกรุดกำลังแม่พระธรณี ๓ เนื้อหมดไปแล้ว ตอนแรกอาตมาจะมักง่าย ทำแบบวัดหนองบ้านเก่า คือเขียนอักขระ ๗ ตัวอยู่ในตะกรุดดอกเดียว ปรากฏว่าโดน "ชยันโต ฯ" มา ท่านบอกว่า ทำอะไรให้เหมือนต้นฉบับเขาบ้างได้ไหม ? ก็ในเมื่อเขาจองกันกระจาย คนมาทีหลังไม่ทัน ลงสำรองไว้เยอะแยะ ก็เลยต้องใช้วิธีเลี่ยงบาลี ทำแค่ ๑๐๘ ดอกตามคำสั่ง ก็เอาเป็นเนื้อละ ๑๐๘ ดอกแล้วกัน นับอย่างไรก็ไม่เกิน ๑๐๘ หรอก

จะว่าไปแล้วเรื่องของผี เรื่องของเทวดา จริง ๆ จะว่าตรงไปตรงมาก็ใช่ จะว่าพลิกแพลงได้ก็ใช่ ขึ้นอยู่กับเราเหมือนกัน เจ้าอ้อย(ศัลยา) ถูกผีตามมาทวงชีวิต บอกว่าสัญญาว่าจะอยู่แค่ ๑๘ ปีเท่านั้น ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว อาตมาก็เลยบอกว่ายังไม่ถึง ผียืนยันว่าถึง อาตมาถามว่าถึงอย่างไร ? เขียนให้ผีดูว่านี่เลขอะไร นี่สิบ (๑๐) ใช่ไหม ? "ใช่" นี่แปด (๘) ใช่ไหม ? "ใช่" รวมแล้วสิบแปด
(๑๐๘) ต้องเท่านี้ ตกลงว่าผีสู้ไม่ได้สะบัดหน้าหนีไปเลย ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ยังไม่เห็นมาอีกเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2013 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 12-09-2013, 19:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่อาวุโสว่า "โยมทั้งหลายไม่ต้องทำอะไรมากนะจ๊ะ เราอายุมากแล้ว ค่อย ๆ ฝึกค่อย ๆ หัดอย่างคนอื่นก็ทำไม่ไหวแล้ว นึกถึงพระอย่างเดียว ถ้าตายเมื่อไรขอไปอยู่กับท่าน เอาแค่นั้นพอ ไม่ต้องคิดอะไรมาก นึกถึงภาพพระไว้ จะชัดหรือไม่ชัดอย่างไรก็ช่าง ขอให้นึกได้เท่านั้น

ตั้งใจนึกถึงพระพร้อมกับลมหายเข้าออก ให้ได้สักครั้งละ ๓ นาที ๕ ที ตั้งเป้าไว้ว่า ถ้าชีวิตของเราสิ้นไป ไม่ว่าจะเป็นเพราะหมดอายุขัยก็ดี หรือว่าได้รับอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ก็ดี เราขออยู่กับพระอย่างเดียว เรื่องอื่นไม่ต้องเสียเวลา ปล่อยให้รุ่นใหม่ ๆ เขาฝึกกันไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 09:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 12-09-2013, 19:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเคยพูดเล่น ๆ ว่า ถ้าต้องเกิดใหม่จะเลิกทำบุญ เพราะทำไว้จนได้เยอะเหลือเกิน โต๊ะฉันยาว ๓ เมตรครึ่ง อาตมานั่งหัวโต๊ะ จะไปเอื้อมถึงท้ายได้อย่างไร กับข้าววางจนไม่มีที่จะวาง เกิดจากนิสัยตัวเองที่ชอบทำบุญทีเดียว ถ้าโยมนั่งตรงนี้นาน ๆ จะสังเกตเห็น โยมบางคนถวายสังฆทาน ๑ ชุด ๒ ชุด ๓ ชุด ๔ ชุด ๕ ชุด ถวายไปเรื่อยชุดละ ๑๐๐ บาท ถ้าเป็นอาตมาก็เทตูมเดียวหมดไปเลย กลายเป็นว่าถึงเวลาจะได้อะไรก็จะได้เยอะ มาทีเดียวเลย ไม่ใช่ค่อย ๆ มาทีละน้อย

โยมที่ไปปฏิบัติธรรม พอพระออกบิณฑบาตก็เหมือนกัน ถึงเวลาออกไปใส่บาตร โยมซื้อมังคุดถุงหนึ่งประมาณหนึ่งกิโลกรัม โยมก็ใส่พระรูปละ๑ ผล ศิษย์วัดก็เก็บจนเซ็ง ถ้าเป็นอาตมาก็ใส่ลงไปทีเดียวทั้งถุง เออ..นิสัยทำบุญแบบนี้แหละ ที่ถึงเวลาได้รับก็ไม่เหมือนกัน พวกทำบุญตูมเดียวอาจจะได้รางวัลที่ ๑ ประเภทมังคุดทีละผลก็อาจจะได้เลขท้าย ๒ ตัวไปเรื่อย ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 09:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 12-09-2013, 20:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อธรรมจักร วัดธรรมามูล ชาวบ้านเขาบูชาด้วยอะไรครับ ?
ตอบ : ข้าวต้มมัด

ถาม : ไส้กล้วย ไส้เผือกอะไรก็ไม่ต่างกันใช่ไหมครับ ?
ตอบ : อะไรก็ตาม..ขอให้เป็นข้าวต้มมัด คนแถวชัยนาท อุทัยธานี เขาจะเคารพหลวงพ่อธรรมจักร วัดธรรมามูลเป็นพิเศษ เพราะว่าปาฏิหาริย์ท่านมาก คนขออะไรก็มักจะสำเร็จ

อาตมานี่แทบตายเพราะหลวงพ่อธรรมจักรมาแล้ว มีอยู่ปีหนึ่งหลวงพ่อธรรมจักรมาเข้าฝันว่า ใครที่มีลูกชายคนหัวปี คือมีลูกคนโตเป็นผู้ชายนั่นแหละ ให้เอาข้าวต้มมัด ๘๐ มัดไปถวายพระ อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ไม่อย่างนั้นแล้วลูกจะตาย อาตมาบิณฑบาตไปครึ่งทาง บ้านที่ ๑ ออกมาใส่ข้าวต้มมัด ๑ ตะกร้า ๘๐ มัด อาตมาก็หิ้วถูลู่ถูกังไป บ้านที่ ๒ โผล่ออกมา ข้าวต้มมัดอีก ๑ ตะกร้า พอเห็นเข้าก็ "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ..เดี๋ยวโยมเอาไปถวายที่วัดเอง" เห็นพระหิ้วไม่ไหวแล้ว

อีกปีหนึ่งคนที่เกิดปีมะ กับคนที่เกิดวันศุกร์ ให้ไปขอเงินคนอื่นให้ได้ ๒๙ บาท แล้วเอาไปถวายพระเป็นสังฆทาน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร โอ้..กลายเป็นขอทานกันทั้งเมือง มีข้อแม้ด้วยนะ ขอได้บ้านละบาทเดียว ไม่ใช่บ้านหนึ่งมี ๒๐ คน ขอ ๒๐ บาท..ไม่ใช่ ขอได้บ้านละบาทเดียว

ดูวิธีการของท่านแล้วสุดยอดจริง ๆ อันดับแรก..คนที่กลัวตาย จะได้นึกถึงบุญกุศลไว้ อันดับที่ ๒ ต้องลดมานะตัวเองไปขอคนอื่นเขา อันดับที่ ๓ ได้ถวายสังฆทาน ท่านสามารถทำให้คนทำบุญได้เยอะขนาดนั้น แล้วก็มีผลตามที่ท่านบอกด้วย อาตมาไม่ได้อยู่แถวนั้นมา ๒๐ ปี ก็ไม่รู้ว่าหลวงพ่อธรรมจักรท่านบอกอะไรชาวบ้านอีก แต่เวลามีเลือกตั้ง สส. สจ. อะไรก็ตาม เขาไปเริ่ม
ขบวนแห่ที่วัดหลวงพ่อธรรมจักรกันทั้งหมด กราบขอพรหลวงพ่อธรรมจักร ถวายพวงมาลัย จุดประทัด เสร็จสรรพเรียบร้อยค่อยแห่ออกจากวัดไปหาเสียง อาตมาก็ได้แต่คิดว่า แล้วหลวงพ่อจะให้ใครเป็น ? เล่นมาขอกันทุกคน แต่เป็นได้คนเดียว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 09:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 12-09-2013, 20:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมามีโอกาสผ่านไปก็แวะไปกราบท่าน หลวงพ่อธรรมจักรเป็นพระพุทธรูปยืน สูงเกือบ ๒ เมตร ตามประวัติท่านบอกว่าลอยน้ำมา แล้วคนก็อัญเชิญท่านขึ้นที่วัดธรรมามูล ปรากฏว่าพอปีถัดมา คนก็สังเกตว่าท่านหายไปไหน มัวแต่ไปตามทางด้านอื่น ปรากฏว่าท่านกลับมาที่ในโบสถ์ตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ที่ชัดที่สุดคือมีสาหร่ายติดอยู่ที่ฐานพระ เขาก็เลยเหมาว่าท่านอยากเล่นน้ำ เลยหนีลงไปเล่นน้ำมา ถึงเวลาครบรอบปีที่อัญเชิญท่านขึ้นมา ก็เลยมีพิธีอัญเชิญท่านสรงน้ำ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวท่านลงน้ำเองอีก

สมัยก่อนแถวนั้นมีหลวงพ่อผล วัดดักคะนน ท่านดังมาก คนที่ไปชัยนาทก็เลยได้แวะ ๒ ที่ ไหว้หลวงพ่อธรรมจักรเสร็จก็เลี้ยวเข้าวัดหลวงพ่อผล อยู่ใกล้ ๆ กัน พอสิ้นหลวงพ่อผลแล้ว หลวงพ่อธรรมจักรก็ยังดังเหมือนเดิม

อาตมาเองเคยติดสินบนหลวงพ่อวัดเขาพลอง หลวงพ่อโตองค์เบ้อเริ่มเลย ตรงใกล้ ๆ สวนนกชัยนาท บนท่านไว้ว่าถ้าถูกรางวัลที่ ๑ จะถวายผ้าห่ม แล้วก็ไม่เคยซื้อหวย วันดีคืนดีก็มีโยมถวายล็อตเตอรี่มา อาตมาก็บอกว่า เอ้า..ใครก็ได้ไปช่วยตรวจที มีอยู่ครั้งหนึ่งถูกเหมือนกัน แต่เป็นเลขท้าย ๒ ตัว กำลังรออยู่ว่าถ้าถูกรางวัลที่ ๑ จะได้ไปแก้บนท่านสักที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 09:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 12-09-2013, 20:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าผมเช่าพระพุทธรูปมาถวายพระ แล้วญาติโยมเขาเห็น เขาอยากทำบุญด้วย ก็ให้เงินมา ผมจะเอาเงินที่ได้มาไปใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้...เงินทั้งหมดที่รับมาอย่าให้เกินมูลค่าพระพุทธรูป เกินเมื่อไรเอ็งซวยเมื่อนั้น สมมติว่าพระพุทธรูปราคา ๒,๐๐๐ บาท รับจากคนอื่นมาได้แค่ ๑,๙๙๙.๙๙ บาท ถ้าไม่ถึง ๒,๐๐๐ บาทก็เป็นสิทธิ์ของคุณ เกินเมื่อไรเป็นของสงฆ์ทันที รีบเอาไปถวายพระเสีย จริง ๆ แล้วก็คือเป็นของกึ่งกลางสงฆ์ เพราะเขาตั้งใจถวายพระพุทธรูปแก่พระ ในเมื่อเป็นดังนั้นก็ไม่ใช่สิทธิ์ของเรา ต้องถวายพระไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 09:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 13-09-2013, 10:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานวันแม่ปีนี้นิมนต์พระ ๒๙ รูป จะมีพระใหม่ที่ไม่เคยมา ๑ รูป คือ หลวงพ่อสรวง วัดเขาพระ ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก่อนนี้จะนิมนต์ก็ไม่มีที่อยู่ ครั้งนี้เจอกันกลางทางก็เลยนิมนต์ท่านเลย "อย่าลืมงานผมนะครับ" ท่านอยู่ลพบุรี จริง ๆ แล้วพระปฏิบัติของพวกเราจะมีอยู่ทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ว่าเราจะรู้จักท่านหรือไม่ หรือว่าท่านจะยอมแสดงตัวหรือไม่ หลายต่อหลายรายที่ปฏิเสธสุดใจขาดดิ้น ไม่ยอมยุ่งกับชาวบ้าน

ส่วนใหญ่แล้วพระที่มาในสายปฏิบัติ ถ้าเป็นไปได้จะไม่ยุ่งกับชาวบ้าน ต่างคนต่างอยู่จะดีที่สุด แต่ถ้าจำเป็นขึ้นมา เป็นงานที่พระท่านมอบหมายให้ เป็นงานที่ครูบาอาจารย์ท่านมอบหมายให้ เป็นงานที่พรหมเทวดา หรือท่านที่ไม่เห็นตัว อาราธนาขอให้ช่วยทำ หรือว่าเป็นเวรเป็นกรรมที่เคยสร้างไว้ตั้งแต่อดีต ถึงเวลาแล้วต้องมาทำ เรื่องแบบนี้หนีไม่ได้หรอก หนีแค่ไหนก็โดน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 13:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 13-09-2013, 11:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จิตเป็นโมหะ คือลักษณะอาการเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ในบาลีเขาใช้คำว่า เซื่องซึม น่าจะอยู่ในลักษณะของคนใจลอย ใจลอยค่อนข้างจะขาดสติ ในเมื่อขาดสติ หาทางไปไม่ได้ ถือว่าจัดอยู่ในโมหะ คือความหลง ไปไม่เป็น ไปไม่ถูก

ถาม : อย่างเช่นเชื่อคำพูดอะไรบางอย่างที่ไม่เป็นจริง ?
ตอบ : อันนั้นจะเรียกว่าหลงไม่ได้ ต้องเรียกว่าปัญญาไม่ถึง ถือมงคลตื่นข่าว โมหะจริง ๆ ควรจะอยู่ในลักษณะกำลังใจที่มีรัก โลภ โกรธ หลง ครองอยู่มากกว่า แต่เท่าที่ได้ฟังเขาอธิบายมาคือ สภาพจิตเซื่องซึม งุนงง เลยสรุปลงไปว่าขาดสติ

ถาม : มีสติอยู่แล้วไม่มีปัญญา เป็นไปได้หรือครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วสติกับปัญญาเป็นของคู่กัน จะมากจะน้อยต้องมีอยู่ เพียงแต่ว่าถ้าสติเกินปัญญาก็จะจด ๆ จ้อง ๆ ไม่กล้าทำอะไร ถ้าปัญญาเกินสติ ก็จะโฉ่งฉ่างบุ่มบ่าม แล้วก็พลาดได้ง่าย ในอินทรีย์ ๕ พละ ๕ จึงต้องไปพร้อม ๆ กัน คือต้องเท่า ๆ กัน อย่างไหนมากกว่าหรือน้อยกว่า จะเกิดอาการอย่างที่ว่ามา

ที่บอกว่าถ้ามีสติแต่ไม่มีปัญญาเลย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ก็ใช่..เพียงแต่ว่ามีมากมีน้อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 13:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 13-09-2013, 13:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานในหลวงเสด็จแปรพระราชฐานไปพระราชวังไกลกังวล พร้อม ๆ กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ช่วงนี้ที่ไกลกังวลอากาศน่าจะไม่ดีนัก มรสุมกำลังเข้า แต่ก็ไม่แน่ว่าด้วยพระบารมี ไปถึงฟ้าอาจจะเปิด อากาศดีไปเลยก็ได้ เมื่อวานทหารเรือยิงสลุตรับ โดยธรรมเนียมก็คือ ถ้าเป็นพระเจ้าแผ่นดินต้องยิงสลุต ๒๑ นัด

ความจริงก็ต้องบอกว่า การแสดงความเคารพบางอย่างทำให้คนที่ไม่เข้าใจ เข้าใจผิดได้ อย่างสมัยก่อนเวลาเรือปืนฝรั่งเข้ามา เขามาในนามของพระเจ้าแผ่นดิน เราก็ต้องยิงปืนรับ กลายเป็นว่าเขาคิดว่ายิงเขา จึงใส่คืนมา เลยรบกันเละ..! พอ ๆ กับเวลาเราไปอินเดีย เนปาล ทิเบต พวกถือธรรมเนียมเก่า ๆ เขาชอบใจจะแลบลิ้นให้ คนไทยก็ไม่เคยชิน อยู่ ๆ มาแลบลิ้นใส่หน้าตูทำไมวะ ?

ถ้าเราอ่านในพุทธประวัติ อุปกาชีวก ได้พบพระพุทธเจ้าเป็นคนแรกแต่ว่าไม่ได้ฟังธรรม เพราะว่าตั้งใจจะสึกไปแต่งงานกับโยมที่พาไปรักษาโรคเบาหวาน เอ๊ะ...เรื่องเดียวกันหรือเปล่านะ ?

อุปกาชีวกกำลังจะไปแต่งงานกับลูกสาวของเพื่อน เจอพระพุทธเจ้าที่เพิ่งออกจากการเสวยวิมุติสุขใหม่ ๆ เป็นคนแรกเลยที่ได้เจอ แต่ไม่ได้ประโยชน์จากตรงนั้น ท่านเดินทางผ่านไป พระพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระองค์ท่านเสด็จมาปรากฏว่าฉัพพรรณรังสีแผ่ออกมาด้วย อุปกาชีวกเห็นแล้วก็แปลกใจ นึกว่าไฟไหม้ป่า เพราะเห็นประกายพุ่งแปลบปลาบไปหมด แต่แปลกใจว่าไม่มีควัน เลยเข้าไปดู ปรากฏว่าเป็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาพร้อมฉัพพรรณรังสี เห็นเข้าก็เกิดความทึ่งมาก

อุปกาชีวกถามว่า ท่านนับถือใครเป็นศาสดา ? พระพุทธเจ้าตรัสว่าท่านไม่ได้นับถือใครเป็นศาสดา เพราะท่านเป็นสยมภู คือผู้รู้ด้วยตนเอง บาลีบอกว่าอุปกาชีวกไม่เชื่อ เลยสั่นศีรษะแลบลิ้นให้แล้วเดินจากไป แต่ถ้าไปดูแขกในปัจจุบัน ถ้าใช่คือสั่นหัว ถ้าไม่ใช่คือพยักหน้า แลบลิ้นคือแสดงความเคารพ คราวนี้อุปกาชีวกไม่ได้ประโยชน์ตรงนั้น เพราะว่าจะรีบกลับไปแต่งงาน แต่อุปกาชีวะสอบถามว่า ถ้าต่อไปจะไปหาพระพุทธเจ้า จะไปหาได้ที่ไหน ท่านบอกว่าให้ไปหานักบวชที่เรียกว่าอนันตชินะ แปลว่าผู้ชนะโดยไม่มีประมาณ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 14:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 13-09-2013, 13:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อุปกาชีวกไปแต่งงานกับลูกสาวเพื่อน ได้ลูกมา ๑ คน โดนเมียด่าอยู่ทุกวัน ด้วยความที่ตัวเองเป็นนักบวช ไม่เคยทำมาหากิน จึงทำมาหากินไม่เป็น ได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่กับบ้าน เมียก็ต้องทำงานงก ๆ ทั้งวัน ถึงเวลาลูกซนก็ด่าลูกกระทบผัว "ไอ้ลูกปริพาชกขี้เกียจ วัน ๆ เอาแต่นั่งกินแล้วนอน ไม่รู้จักทำงานทำการอะไร"

ต้องบอกว่าวาระของบุญเข้ามาถึง ทุกวันทนได้ วันนั้นอุปกาชีวกทนไม่ได้ บอกว่า "เราเป็นผู้ที่ไม่มีอะไร แต่ตอนนี้เราได้ข่าวว่า เพื่อนที่เรารู้จักคือพระสมณะโคดม เราไปหาเพื่อนของเราก็ได้" ที่มั่นใจว่าเป็นสมณะโคดมเท่านั้น เพราะศาสดาอื่นไม่เคยได้ยินว่ามีฉัพพรรณรังสี ว่าแล้วอุปกาชีวกก็คว้าไม้เท้าได้เดินลงเรือนไปเลย ถามข่าวคราวแล้ว ได้ยินว่าพระสมณโคดมอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร ก็ตรงดิ่งไปเลย

พอไปถึงปรากฏว่าเจอพระอานนท์ แสดงว่าอุปกาชีวก ตั้งแต่เจอพระพุทธเจ้าจนกระทั่งไปหาพระองค์อีกครั้ง ระยะเวลาเกิน ๒๐ ปี เพราะพระอานนท์ไปอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าในพรรษาที่ ๒๐ กว่า มิน่า..อยู่จนลูกโต โดนด่าทุกวันยังอุตส่าห์ทนอยู่ได้

พระอานนท์สอบถามว่ามาหาใคร ? อุปกาชีวกบอกว่า มาหาพระอนันตชินะ พระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยพระญาณว่า เช้านี้อุปกาชีวกจะมา จึงสั่งพระอานนท์ไว้ก่อนว่า ถ้ามีคนมาถามหาพระชื่ออนันตชินะ ให้พามาหาเรา พออุปกาชีวกเจอพระพุทธเจ้าก็จำได้ บอกว่าองค์นี้แหละที่เจอกันในราวป่าตอนนั้น ก็เล่าให้ฟังว่าไปแต่งงาน ตอนนี้ชีวิตรักขมมาก มีลูกโตแล้วก็จริง แต่เมียด่าอยู่ทุกวัน

พระพุทธเจ้าท่านเลยเทศน์อนุปุพพิกถาให้ฟัง เป็นเนื้อหาการเทศน์ที่กล่าวถึงเรื่อง อานิสงส์ของทาน การรักษาศีล การทำความดีเบื้องต้นแล้วไปสวรรค์ แล้วท้ายที่สุดวกกลับมาเรื่องความน่าเบื่อหน่ายของการครองเรือน ในที่สุดก็วิธีการที่ออกจากการครองเรือน อุปกาชีวกได้ฟังแล้วเลื่อมใส ขอบวช แล้วตั้งใจปฏิบัติธรรม ไม่นานก็ได้บรรลุอรหัตผล

ต้องบอกว่ายังเป็นโชคดีของท่านที่เลี้ยวไปทัน ถ้าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปก่อนก็จบเลย เจอเป็นคนแรกแต่ไม่ได้อะไร เสียของเปล่า ดังนั้น..เราจะเห็นได้ว่า ในเรื่องของวาระบุญวาระกรรม วาระการบรรลุมรรคผล ต้องรอระยะการสั่งสมไประยะหนึ่ง จนกระทั่งเขาใช้คำว่ามีอินทรีย์หรืออุปนิสัยแก่กล้าพอแล้ว เมื่อรับธรรมเข้าไปถึงจะเกิดผล เหมือนดอกบัวที่ชูช่อพ้นน้ำ พอเจอแสงอาทิตย์จึงจะบานได้ อุปกาชีวกเจอพระพุทธเจ้าเป็นคนแรกหลังตรัสรู้ แต่ต้องรออีกกว่า ๒๐ ปี กว่าจะได้ฟังธรรมแล้วเลื่อมใสไปปฏิบัติจนบรรลุมรรคผล

ความจริงท่านชื่อ อุปกะ แต่ท่านเป็นอาชีวก บาลีเลยเอาสองตัวมาเชื่อมกัน อุปกะ + อาชีวก = อุปกาชีวก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 14:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 13-09-2013, 17:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,500
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,593 ครั้ง ใน 34,089 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลักธรรมของพระพุทธเจ้าตรัสว่า อัปปิจฉตา...ทำให้มักน้อย สันตุฏฐิตา..ปฏิบัติไปแล้วจะเกิดความสันโดษ ยินดีตามมีตามได้ ไม่โลภมาก สัลเลขตา...ปฏิบัติแล้วขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของเราให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ปวิเวกตา...ชักนำให้ออกจากหมู่ เพราะถ้าคลุกคลีกับหมู่คณะ โอกาสปฏิบัติธรรมแล้วจะเกิดความก้าวหน้าก็มีน้อย "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2013 เมื่อ 17:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:53



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว