กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 11-01-2013, 20:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๖

ถาม : กระผมอยากบริจาคอวัยวะทุกอย่างที่ใช้ได้และร่างกาย แต่พอแจ้งกับแม่ว่าจะทำการบริจาค แม่มักจะห้ามไม่ให้บริจาค แล้วไม่คุยเรื่องนี้ด้วยทุกครั้งที่กระผมพยายามจะพูด ถ้าจะไปบริจาคเลยโดยไม่แจ้งให้ท่านทราบ แล้วค่อยกลับมาเล่าให้ท่านทราบภายหลัง กระผมจะมีบาปที่ทำกับแม่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าทำโง่ ๆ แบบนั้นก็บาป..! ไปบริจาคแล้วอย่าบอกกับท่านก็หมดเรื่อง

ถาม : การบริจาคเลือดเป็นประจำ ได้บุญเหมือนกับการบริจาคอวัยวะ และร่างกายหรือไม่ครับ ?
ตอบ : การบริจาคเลือดถือว่าเป็นทานตัดชีวิตอย่างหนึ่ง ส่วนอานิสงส์การบริจาคอวัยวะอื่น ๆ จะต่างกันไป อย่างเช่น บริจาคดวงตา เกิดชาติใหม่ก็จะมีสายตาดี แต่บางคนกลัวว่าเกิดใหม่แล้วจะตาบอด
การบริจาคเลือดเป็นทานสละชีวิตเพราะตัดชีวิตของเราเองแบ่งให้กับผู้อื่นเขาไป อานิสงส์เหล่านี้ถ้าไม่ได้ทำบุญอื่นเลย จะส่งผลให้อย่างน้อยเข้าถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2013 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 279 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-01-2013, 20:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าการทำบุญทุกครั้งเราปรารถนาพระนิพพานอย่างเดียว อานิสงส์อื่น ๆ จะยังคงได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ปรารถนาพระนิพพานอย่างเดียว แล้วจะเอาอย่างอื่นทำไมอีก..!? เขาเรียกว่าถามแบบหัวมังกุท้ายมังกร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2013 เมื่อ 01:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 275 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 11-01-2013, 20:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กระผมได้เคยนำเหรียญที่เป็นรูปฆราวาสอย่างเดียวไม่มีรูปพระพุทธเจ้าอยู่เลย ไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกในวันเสาร์ ๕ ของทางวัดท่าขนุน ไม่ทราบว่าเหรียญที่มีแต่รูปฆราวาสอย่างเดียว จะมีบารมีพุทธคุณขององค์พระพุทธเจ้าคุ้มครองผู้ที่นำเหรียญติดตัวหรือห้อยคอหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเอาเข้าพิธีแล้วอัญเชิญพระท่านมาเสก ก็เป็นพุทธคุณอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2013 เมื่อ 01:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 269 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 11-01-2013, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่กำลังสวดมนต์ บ่อยครั้งที่ทำนองของการสวดมนต์เปลี่ยนไปเอง คือเปลี่ยนไปอีกทำนองที่เราไม่คุ้น หลังที่รู้ตัวว่าทำนองเปลี่ยนไปก็บังคับให้กลับมาทำนองเดิมแต่ทำไม่ได้ อยากทราบมีทางแก้ไขอย่างไรครับ ? และสาเหตุคืออะไร ?
ตอบ : ตั้งสติให้ดีกว่านั้น ถ้าสติไม่พอทำนองก็เพี้ยน หรือไม่อีกอย่างหนึ่งที่อาตมาเคยโดนมา กำลังสวดมนต์อยู่ ๆ ก็กลายเป็นทำนองภาคเหนือ สงสัยจึงลืมตาขึ้นมา ปรากฏว่าหลวงปู่ครูบาธรรมชัยมายืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ ถ้าลักษณะอย่างนั้น แปลว่าท่านแสดงให้รู้ว่าท่านมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2013 เมื่อ 01:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 271 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 11-01-2013, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เตรียมจะสร้างบ้าน วางหน้าบ้านไว้ทิศเหนือ หลังบ้านไว้ทิศใต้ ด้านข้างไว้ทิศตะวันออกและตะวันตก ยกพื้นสูงแบบบ้านสมัยก่อน เมื่อเทียบกับการสร้างบ้านของคนโบราณ วางตำแหน่งบ้านตามนี้ถูกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ภาษิตจีนเขาเรียกว่าถอดกางเกงผายลม ถามเสียยาวยืดโดยไม่มีความจำเป็น..! เอาหน้าบ้านไว้ทิศเหนือ หลังบ้านไว้ทิศใต้ ถ้าข้างบ้านไม่เป็นทิศตะวันออกหรือตะวันตก แล้วจะอยู่ทิศไหนได้..!?

สรุปว่าโบราณนิยมหันหน้าบ้านไว้ทิศเหนือหรือทิศใต้ เพราะถ้าหันทิศตะวันออกหรือตะวันตกแล้ว แดดจะเข้าทั้งเช้าและบ่าย แต่การหันทิศเหนือหรือทิศใต้นั้นให้ดูทิศให้ดี บ้านเราทิศเหนือจะรับลมหนาว เพราะฉะนั้นหน้าต่างควรจะหันหลังให้ทิศเหนือ เปิดรับลมทางด้านทิศใต้ แต่เจอหลายที่หน้าต่างเปิดรับลมทิศเหนือแล้วหันหลังทิศใต้ กลายเป็นฤดูร้อนลมไม่เข้าบ้าน แต่ฤดูหนาวลมเข้าเต็มที่เลย


ถาม : เตรียมการไว้จะลงเสาเอกในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ถูกต้องหรือไม่ครับ ?
ตอบ : สรุปว่าไปเปิดตำราดูเถอะ

ถาม : จะบรรจุตะกรุดโสฬสที่ประมูลจากเว็บวัดท่าขนุนด้วย ควรอธิษฐานขออย่างไรและวางตะกรุดส่วนใดของเสาเอกครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นไปได้เอาไว้บนยอดเสา..! อยากจะบรรจุก็บรรจุลงไปพร้อมกับเทปูนไปเลย ที่บ้านวิริยบารมีก็ใส่ตะกรุดลงไปพร้อมกันอยู่แล้ว

ถาม : ถ้าจะสร้างรั้วบ้าน ถนนปูนเข้าไปในเขตบ้าน และอาคารชั้นเดียวไว้เก็บของต่าง ๆ ก่อนจะถึงพิธีลงเสาเอกของบ้าน ทำได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ปัญหานี้ตอบไม่ได้เพราะไม่มีแผนที่ให้ดู บางอย่างควรทำก็ทำไปก่อน ที่เหลือค่อยรอหลังจากลงเสาเอกหรือรอให้บ้านเสร็จ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2013 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 250 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 11-01-2013, 21:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีดหมอสร้างตามตำราวิชาเนื้อทองมหาสัตตโลหะ สายสำนักเขาอ้อ ตำราวิชามีดหมอวัดประดู่ทรงธรรม ตำราวิชามีดหมอหลวงพ่อเดิม ตำราวิชามีดหมอหลวงปู่ศุข และตำราวิชาวชิระโลหะสร้างดาบฟ้าฟื้นของขุนแผน กรรมวิธีการสร้างแตกต่างกันอย่างไร ? อานุภาพเฉพาะมวลสารอย่างไหนเหนือกว่ากันครับ ?
ตอบ : ตำราของขุนแผนเขาสร้างตามตำรามหาศาสตราคม ไปเอาตำราวชิระโลหะมาจากไหน ? ถ้าอยากจะรู้ว่าต่างกันอย่างไร เอาของทั้งหมดมาถวายอาตมา แล้วจะบอกให้..! ถ้าไม่มีก็เปรียบเทียบไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2013 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 258 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 11-01-2013, 21:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่กระผมไม่สบายเป็นไข้หวัด กินยารักษาตัวอยู่ บังเอิญไปพบหลวงพ่อที่ท่านกำลังป่วยเป็นไข้หวัดเหมือนกัน แต่ท่านยังไม่มียาสำหรับฉันเพื่อรักษา กระผมจึงถวายยาที่ตนเองกำลังใช้อยู่ให้ท่านไป เนื่องจากหาที่ซื้อใหม่ไม่ได้ อย่างนี้ถือเป็น "ทาสทาน" ด้วยหรือไม่ โดยที่ไม่ได้มีเจตนาที่จะถวายของที่เหลือใช้แก่ท่านครับ ?
ตอบ : จะเป็นทาสทานหรือไม่ ไม่ต้องไปสนใจ สนใจที่ว่าเราได้มีโอกาสถวายหรือเปล่า ? ไม่ว่าจะเป็นของดีกว่าที่เรากินเราใช้ ของที่เสมอกัน หรือของที่ต่ำกว่าก็ตาม สำคัญว่าเราสละออกได้หรือไม่ ? เรื่องของอานิสงส์จะมาอย่างไรก็ช่างเถอะ เพราะถ้าตอนหลังเราไปถวายของที่ดีกว่าที่เรากินเราใช้ ก็จะทดแทนกันไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2013 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 261 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 11-01-2013, 21:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ภิกษุได้สมาทานธุดงค์ข้อมีการเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร จะต้องไม่พึงยินดีภัต ๑๔ ชนิด มีสังฆภัตเป็นต้น ถ้าเขามานิมนต์ให้ไปฉันด้วยคำว่า "ไปฉันเช้าหรือฉันเพลเท่านั้น" แต่ไม่ได้บอกว่า "ไปรับสังฆทานด้วย" แต่เมื่อไปถึงบ้านโยมแล้ว มีการกล่าวคำถวายสังฆทานด้วย พอโยมกล่าวคำถวายสังฆทานเสร็จ เมื่อภิกษุรับว่า "สาธุ" ก็ดี ไม่รับว่าสาธุก็ดี ธุดงค์ข้อนี้จะขาดหรือไม่ครับ ?

ตอบ : ถ้ารับก็ขาดไปเลย แต่ถ้าจะรักษาไม่ให้ธุดงควัตรขาดเลย ก็อาจจะชีวิตขาดแทนเพราะอดฉัน..! เลือกเอาแล้วกันว่าจะรักษาอะไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2013 เมื่อ 01:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 249 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 11-01-2013, 21:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลานั่งรถโดยสารจะหลับตาสวดพระคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า พร้อมกับนับเม็ดประคำไปด้วย เมื่อสวดไปเรื่อย ๆ มีความรู้สึกว่าทุกอย่างเงียบ เหลือแต่ที่เรากำลังสวดอยู่ สักพักเดียวเหมือนหลับไป แล้วไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลย แต่พอใกล้ถึงปลายทางที่จะลง ก็รู้สึกตัวขึ้นมาก่อนทุกครั้ง แต่สังเกตดูว่าเราก็ยังคงสวดของเราไปเรื่อย ๆ มือก็ยังนับเม็ดประคำไปเรื่อย ๆ เป็นเพราะอะไรครับ ?
ตอบ : สติขาด..ในเมื่อสติขาดก็เลยตามสมาธิไม่ทัน ทั้ง ๆ ที่สมาธิยังดำเนินไปตามปกติอย่างนั้น จนกระทั่งสติคืนมา สมาธิยังทำหน้าที่อยู่ เมื่อเรารับรู้ก็เลยรู้สึกว่าทำไมเรายังทำหน้าที่นั้นอยู่ โดยที่เราไม่รู้สึกอะไรเลย

วิธีแก้ไข..ให้เอาใจจดจ่ออยู่กับลมหายใจและคำภาวนาเฉพาะหน้า เอาให้แนบชิดติดกันไปเลย ถ้าเผลอก็จะเป็นอย่างนี้อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2013 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 262 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 11-01-2013, 21:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กระผมเคยกระทำการย้ายเจดีย์มาหลายรอบเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อยากทราบว่ากระผมจะมีวิธีแก้ไขความผิดที่แล้วมาได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : ย้ายที่วัดไหนก็ไปย้ายคืนซะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2013 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 265 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 13-01-2013, 20:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "ภาราหะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ ๕ นี้เป็นภาระยิ่งหนอ นอกจากภาระเลี้ยงดูตัวเอง บริหารตนเอง ดูแลรักษาตนเองแล้ว ยังต้องมีคู่ครอง ยังต้องมีลูก ยังต้องมีหลาน เยอะแยะไปหมด ตอนอยู่ตัวคนเดียวไม่อาบน้ำ ๓ - ๔ วันก็ยังเฉย ๆ ตอนอยู่กับเขา เย็นไม่อาบน้ำก็โดนดึงหูยานแล้ว ตอนเช้าขี้เกียจจะนอนเลื้อยตื่นสัก ๑๐ โมงก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่ได้ ต้องรีบแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาเตรียมอาหารเผื่อเขาด้วย แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 253 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 13-01-2013, 20:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครอยากจะไหว้พระเขี้ยวแก้วก็ไปวัดในวันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา ถ้าศาลาใหม่วัดท่าขนุนสร้างเสร็จ จะตั้งถาวรให้เข้าไปไหว้ได้ทุกวัน ให้เขาเริ่มรื้อศาลาแล้ว จะลงเสาเอกวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๖ นี้ หลังงานเป่ายันต์ ๑๑ วัน

พอลงเสาเอกแล้วคราวนี้ก็แล้วแต่ช่าง ทำไปเรื่อย ๆ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง อย่าทำเร็วเดี๋ยวอาตมาหาเงินไม่ทัน เพราะว่าตอนที่ทำแบบเมื่อเกือบ ๓ ปีก่อน ประเมินราคามา ๔๐ ล้านบาท ของเกือบ ๓ ปีขึ้นราคาไปเยอะ อาตมามัวแต่ทำพระชำระหนี้สงฆ์กับสมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ ก็เลยต้องรอมาจนป่านนี้ ระยะนี้ไม่อยากทำงานหลายอย่างพร้อมกัน เหนื่อยตอนหาเงินมาจ่ายค่าก่อสร้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 257 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 13-01-2013, 20:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเป็นพ่อแม่ ไม่เคยมองเห็นลูกตัวเองโตเลย นึกถึงสมัยก่อน ถ้าอาตมามีโอกาสลากลับบ้านก็จะไปนอนตักแม่ แม่จับหัวคลำไปคลำมาก็พูดว่า “ยังจำได้ว่าเห็นนอนดิ้น ๆ อยู่ ยังคลานไม่ได้เลย ทำไมโตขนาดนี้แล้ว ?” อาตมาบอกแม่ว่า “แม่..ตอนนี้ลูกแม่เป็นนายทหาร มีลูกน้องบานตะเกียงแล้ว แม่ยังเห็นเป็นเด็กอยู่อีก”

ความรักของพ่อของแม่เป็นความรักที่บริสุทธิ์ มีความปรารถนาดีต่อลูกอย่างเดียว จึงเป็นความรักเดียวกันกับความรักของพระอริยเจ้า ความรักของพระอริยเจ้าก็คือรักอย่างไม่มีข้อแม้ รักทุกคนโดยเสมอหน้ากัน ปรารถนาให้ทุกคนล่วงพ้นจากความทุกข์ มีแต่ความสุขเสมอกัน พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสอย่างเต็มปากเต็มคำว่า พระองค์รักราหุลเท่าใดก็รักเทวทัตเท่านั้น ถ้าคนที่ทำไม่ถึงจุดนี้จะไม่เข้าใจอย่างเด็ดขาดว่าเป็นไปได้อย่างไร คนหนึ่งเป็นลูกชายคนเดียว อีกคนหนึ่งเป็นศัตรู แต่สำหรับพระองค์ท่าน ไม่ได้เห็นว่าเป็นลูก ไม่ได้เห็นว่าเป็นศัตรู นั่นเป็นสิ่งที่ทางโลกเขาสมมติกันพระองค์ท่านเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทุกคน

ในเมื่อเป็นดังนั้น ความรักของพระอริยเจ้ากับความรักของพ่อแม่ จึงเป็นความรักที่เหมือนกัน เขาถึงได้บอกว่าพ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก เพราะความรักของพ่อแม่ก็คือความรักแบบเดียวกับพระอรหันต์ แต่ปรากฏว่าพระอรหันต์ในบ้านจำนวนมากในปัจจุบันนี้ ไปลดคุณค่าของตัวเองลง รักลูกโดยมีข้อแม้ ถ้ารักลูกโดยมีข้อแม้แสดงว่ากำลังใจตกมาก ไม่ใช่พระอรหันต์แล้ว เพราะฉะนั้น..ห้ามรักลูกโดยมีข้อแม้ ต้องเป็นอัปปมัญญา (ไม่มีประมาณ) สงเคราะห์ได้แค่ไหนก็สงเคราะห์ สงเคราะห์ไปเต็มที่แล้วเอาดีไม่ได้ก็ปล่อยวาง แต่ถึงปล่อยวางก็ยังประกอบไปด้วยเมตตากรุณา เมื่อมีโอกาสก็พร้อมที่จะสงเคราะห์ใหม่ในทันที

คำว่ารักในความรู้สึกของบุคคลทั่ว ๆ ไป กับคำว่ารักในความรู้สึกของพระอริยเจ้า ห่างกัน ๘๔,๐๐๐ ลี้ยังว่าน้อยไปเลย ความรักของคนทั่ว ๆ ไปคือความรักที่มีเงื่อนไข มีข้อแม้ทั้งหมด พอถึงเวลาไม่ได้อย่างเงื่อนไข ไม่ได้อย่างข้อแม้ก็ทะเลาะกันบ้านแตก แต่ความรักของพระอริยเจ้าท่านไม่ทะเลาะกับใครหรอก คำว่ารักคนละความหมายกัน บางอย่างท่านถึงได้บอกว่า เมื่อเข้าถึงแล้วเป็นปัจจัตตัง ปัจจะ กับ อัตตะ ก็คือเฉพาะตน คนอื่นอธิบายให้เข้าใจไม่ได้ ต้องเข้าถึงเองถึงจะซาบซึ้งว่าแปลว่าอะไร

แบบเดียวกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ปัจจะ กับ เอกะ เป็นปัจเจกะ อันนั้นเฉพาะหนึ่งเดียวจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 254 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 13-01-2013, 21:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำสอนของเหลาจื๊อกับขงจื๊อต่างก็เป็นปรมัตถธรรม ?
ตอบ : ไม่ใช่จ้ะ...คำสอนของขงจื๊อส่วนใหญ่เป็นจริยธรรม คือเรื่องที่คนทั่ว ๆ ไปควรปฏิบัติ ส่วนคำสอนเหลาจื๊อเป็นการเข้าถึงธรรมชาติโดยส่วนหนึ่ง พูดง่าย ๆ ว่าเห็นทุกอย่างในความเป็นธรรมชาติแท้ ถือว่าเข้าถึงปรมัตถธรรมเหมือนกัน แต่ไม่เข้าถึงที่สุด แต่ขนาดเข้าไม่ถึงที่สุด คัมภีร์เต๋าเต็กเก็งที่ท่านเขียนสั้นนิดเดียว ทำเอาคนศึกษามาจนป่านนี้แล้วยังไม่ทะลุเสียที

เหลาจื๊อมีประวัติการเกิดที่พิสดาร อยู่ในท้องแม่ตั้ง ๘๐ ปี พอฤดูหนาวบ้านก็อบอุ่น ดอกไม้บานสะพรั่งรอบบ้าน ฤดูร้อนอากาศก็เย็นสบาย มวลหมู่แมลงนกกามาบินล้อมเต็มบ้านไปหมด แม่ออกไปทางไหนก็มีแต่ความรื่นรมย์ ไม่มีความลำบากในการตั้งท้องเลย สามารถทำงานทำการทุกอย่างได้เหมือนคนปกติ ตอนที่คลอดก็คลอดแปลก ๆ แม่ไปชมสวน เห็นดอกไม้สวยอยากได้ เอื้อมมือไปเด็ด รู้สึกว่าสีข้างขาดแควก แล้วลูกก็หล่นลงมา พอหล่นลงมาหน้าตาก็เท่าคนอายุ ๘๐ ปี หนวดเคราขาวแล้ว แม่ยังสาวพริ้งอยู่เลย ตั้งท้องมา ๘๐ ปี ที่เขาเรียกเหลาจื๊อ = ตาเฒ่า

เรื่องของศาสดาต้องมีเรื่องอัศจรรย์ ไม่อย่างนั้นแล้วคนส่วนใหญ่ที่ยึดติดกับเรื่องของปาฏิหาริย์ เรื่องของคุณวิเศษจะไม่เชื่อ คราวนี้ท่านเองก็คงระอาใจ สิ่งที่ท่านรู้ลึกซึ้งเหลือเกิน อธิบายให้คนทั่ว ๆ ไปแล้วเหมือนกับดีดพิณให้กระบือฟัง ท้ายสุดท่านก็เลยตัดสินใจเดินทางออกนอกด่าน ก็คือออกนอกกำแพงใหญ่ ถ้าเป็นสมัยก่อนก็คือไปพ้นเขตความเจริญ คราวนี้นายด่านเสียดายความรู้ท่าน ตอนที่พักอยู่ที่ด่าน จึงขอให้ช่วยเขียนความรู้ของท่านไว้เป็นที่ระลึกสักชุดหนึ่ง ท่านจึงเขียนเต๋าเต็กเก็ง (คัมภีร์แห่งเต๋า) ท่านเขียนใส่ไม้ไผ่ ที่เขาเรียกว่าเต็กเก็งก็คือคัมภีร์ไม้ไผ่

ถ้ามาสายของเหลาจื๊อนี่จะเข้าถึงปรมัตถธรรมได้อย่างลึกซึ้ง แต่ถ้าสายของขงจื๊อส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของคุณธรรม ก็คือพื้นฐานที่มนุษย์ควรจะมีควรจะเป็น จนกระทั่งทุกวันนี้ยังฝังลึกอยู่ในครอบครัวจีนอยู่ตลอดเวลา อย่างเรื่องความกตัญญู จะว่าไปแล้วท่านก็อยู่ร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า เกิดทันพุทธกาลเหมือนกัน แต่ที่น่าสงสารก็คือพวกฝรั่ง ศาสดาต่าง ๆ อยู่ตะวันออกหมดเลย ไม่มีตะวันตกสักท่านเดียว แม้แต่ศาสนาคริสต์ที่แพร่หลายทางตะวันตก พระเยซูก็เกิดที่อิสราเอล ตะวันออกกลางพอดีเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 09:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 13-01-2013, 21:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องโลกแตก ?
ตอบ : อาตมายืนยันว่าโลกไม่แตกหรอก แต่เรื่องภัยพิบัติต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้น เพราะคนเราถึงวาระสร้างกรรมมา กรรมนั้น ๆ ก็จะสนอง เรื่องภัยพิบัติมีแน่ แต่เรื่องโลกแตกนี่อาจจะร้าว ๆ บ้าง แต่ไม่แตกแน่นอน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 246 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 13-01-2013, 21:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วัดท่าขนุนอยู่ในส่วนที่ทัพไทยไปรบพม่าที่ท่าดินแดง ?
ตอบ : เป็นที่ตั้งค่ายเลย เป็นที่ตั้งค่ายของรัชกาลที่ ๑ กับสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ยังเป็นที่ตั้งค่ายเชลยศึกที่ทหารญี่ปุ่นคุมมาสร้างทางรถไฟสายมรณะ พูดง่าย ๆ ว่าท่าขนุนเป็นที่สำคัญสุด ๆ

ท่านเจ้าคุณพระราชสารสุธี เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ฝ่ายธรรมยุติ ท่านปรารภว่า "ทำไมอาจารย์เล็กไม่เลื่อนพระใหญ่ไปข้างหลังสัก ๑๐ - ๒๐ เมตร ให้พระใหญ่อยู่ข้างหลัง แล้วพระชำระหนี้สงฆ์อยู่ด้านหน้า ๒ ข้างนี่จะเด่นมาก ๆ เลย" อาตมากราบเรียนท่านว่า "ผมก็อยากจะเลื่อนไปข้างหลังครับ แต่จะไปทับทางรถไฟสายมรณะเสียหมด ผมต้องการที่จะเปิดทางรถไฟสายมรณะตรงนั้นเป็นแหล่งเที่ยว ถึงเวลาก็ซื้อรางรถไฟเก่า ๆ กับตู้มาตั้งไว้สัก ๒ ตู้ก็ยังดี ให้คนเขาได้มาเห็นกัน"

ด้านหน้าอาตมาถมทางรถไฟไปแล้ว ๔๐ - ๕๐ เมตร ถ้าเลื่อนพระใหญ่ถอยไปอีกก็หายไปเป็น ๑๐๐ เมตร ตอนนี้ทางรถไฟสายมรณะช่วงบนก็เหลืออยู่แค่ตรงวัดท่าขนุนเท่านั้นแหละ เพราะว่าที่อื่นเขาไถทิ้งเพื่อทำไร่ไปหมดแล้ว


ถาม : ตรงที่ป่าช้าหรือครับ ?
ตอบ : ก่อนป่าช้าตัดข้ามถนนมา เฉียง ๆ อยู่ด้านหลังสมเด็จองค์ใหญ่ แล้วก็วิ่งเฉียดเขาวัดท่าขนุนไป แต่ด้านที่เฉียดภูเขาโดนเขาไถทิ้ง กลายเป็นไร่ยางพาราไปแล้ว เหลือแต่ส่วนที่อยู่ในดงไผ่ของวัดท่าขนุน

อาตมาตั้งใจว่าจะบูรณะขึ้นมา เพราะว่าปีนี้ดินฟ้าอากาศอำนวย ป่าไผ่วัดท่าขนุนตกขุยหมดเลย แปลว่าจะตายเกลี้ยงยกป่า อาตมาสามารถรื้อเอาทางรถไฟออกมาได้ โดยที่ชาวบ้านไม่ด่า ไม่อย่างนั้นอยู่ ๆ ไปฟันป่าทิ้งเดี๋ยวเป็นเรื่อง เวลารื้อออกมาเสร็จสรรพเรียบร้อย ตอนปรับแต่งคงต้องฝังท่อบางช่วงเพื่อให้น้ำไหลผ่านได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวน้ำจะขังเป็นแอ่ง

พอฝังท่อเสร็จก็ต้องไปหาซื้อเหล็กรางรถไฟเก่า ๆ กับไม้หมอน จ้างเขาประกอบ ซื้อตู้รถไฟเก่า ๆ มาตั้ง ให้นักท่องเที่ยวไปตั้งท่าถ่ายรูปกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 250 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 13-01-2013, 21:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สงครามพม่าครั้งนั้น ผมก็รบด้วย ?
ตอบ : อาตมาอยากจะบอกว่า อาตมาก็รบด้วย ตอนนั้นอาตมาเป็นทัพหน้าเข้าไปซุ่มตีพม่า พอพม่าข้ามเขากำลังจะลงมา ก็ตีกระหนาบขึ้นไป คือไม่ให้เขาลงมาถึงที่ราบ ในเมื่อไม่ให้ลงมาถึงที่ราบ พวกที่ดาหน้ามา ต่อให้มาพร้อม ๆ กันก็ได้แค่ ๑๐ - ๒๐ คน พวกข้างหลังก็ไปอัดเบียดกันอยู่

พอข้างล่างบุกขึ้นไป ข้าง ๆ กระหน่ำออกมา ก็ต้องแตกฮือกันไป พวกที่แตกออกข้างทางนี่ซวยที่สุด เพราะฝังขวากไว้หมดแล้ว ถึงเวลาโดนขวากก็กองอยู่ตรงนั้นแหละ ตามไปฟันหัวทีละคน เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมอาตมาป่วยอยู่อย่างนี้ ไปกวาดกองหน้ามาหมดเกลี้ยงมาแล้ว ไม่เหลือสักรายเลย ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ฟาดกันอยู่ ๓ วัน พวกเราอาศัยชำนาญพื้นที่มากกว่า และทหารมอญ ทหารกะเหรี่ยงเข้าข้างเรา เขาเห็นว่าพม่าเป็นฝ่ายมารุกราน

จากนั้นมาก็มีการตั้งนายด่านกะเหรี่ยง นายด่านมอญ ๗ เมืองด้วยกัน ตลอดลำน้ำแควใหญ่แควน้อย เพื่อป้องกันการรุกรานของพม่า เมืองด่านเก่า ๆ มี เมืองสิงห์ เมืองลุ่มสุ่ม เมืองท่าตะกั่ว เมืองไทรโยค เมืองท่าขนุน เมืองทองผาภูมิ พวกนี้อยู่สองฝั่งแม่น้ำแควน้อย ส่วนเมืองท่ากระดานอยู่ฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ จะมีหน้าที่ส่งส่วยให้ทางกรุงเทพฯ ก็คือมีข้าวของอะไรที่เป็นของดีในพื้นที่ อย่างพวกของป่า บางแห่งก็เป็นทองคำเลย

อย่างเขตเมืองท่าขนุนนี่เป็นแหล่งทองคำ เขาถึงได้เรียกว่าทองผาภูมิ เพราะว่ามีแหล่งทองคำด้วย เพิ่งจะมาเปลี่ยนแปลงเมื่อสมัยรัชกาลที่ ๖ ไม่อย่างนั้นแล้วทางด้านกะเหรี่ยงแถวด่านเจดีย์ ๓ องค์นี่มีตำแหน่งเป็นคุณพระ พระศรีสุวรรณคีรี เป็นกะเหรี่ยง ได้รับพระราชทานพระแก้วจากในหลวงรัชกาลที่ ๕ ด้วย ทุกวันนี้เขาเก็บไว้ที่วัดสะเนพ่อง ถึงเวลาก็มีการจัดงานฉลอง ก็ถือว่าเป็นของมงคลใหญ่ ได้รับพระราชทานจากเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 247 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 13-01-2013, 21:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมืองสิงห์ในปัจจุบันก็คือปราสาทเมืองสิงห์ บางทีเขาเรียกบ้านวังสิงห์ เมืองท่าตะกั่วปัจจุบันเป็นแค่หมู่บ้าน เมืองลุ่มสุ่มเป็นตำบล เมืองไทรโยคเป็นอำเภอ เมืองท่าขนุนเป็นอำเภอ เมืองท่ากระดานปัจจุบันเป็นตำบลอยู่ในเขตอำเภอศรีสวัสดิ์ เหตุที่ทางด้านแควน้อยมีเมืองหน้าด่านมากกว่าทางด้านแควใหญ่ เพราะว่าเป็นเส้นทางเดินทัพที่สะดวก จึงต้องตั้งด่านสกัดเป็นระยะ ๆ ทางด้านแควใหญ่เดินทางลำบากก็เอาด่านเมืองท่ากระดานไปเมืองเดียว

เมืองนี้เป็นต้นตำรับพระกรุท่ากระดาน เกศคดสนิมแดง อาตมายังมีพระกรุท่ากระดานของหลวงปู่สายอยู่ ๗ - ๘ องค์ ยังคำนวณไม่ได้เลยว่าราคาเท่าไร เพราะในพื้นที่เขาให้กันราคา ๓๐,๐๐๐ - ๔๐,๐๐๐ บาท อาตมาก็อมเงียบ แต่ครั้งก่อนความลับแตก ทิดวุฒิ ลูกโยมเตือน ลูกศิษย์เก่าแก่วัดท่าขนุน เอาตะกรุดไป ๒ ชุด อาตมาบอกว่าแม่ชีตั้งราคาไว้ ๓๐,๐๐๐ บาท เขาบอกว่า ๓๐,๐๐๐ บาทก็จะเอา จึงให้ไปจ่ายเงินกับแม่ชี แล้วมาเอาตะกรุดที่อาตมา

ปรากฏว่าแม่ชีเห็นว่าเป็นลูกศิษย์เก่าแก่ จึงลดให้เหลือชุดละ ๒๐,๐๐๐ บาท เป็นตะกรุดตำราหลวงปู่เดิม วัดหนองโพ หลวงปู่สายท่านจารแล้วท่านถักเชือกเอง คนในพื้นที่จะหวงกันมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 242 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 13-01-2013, 22:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้พม่าเขามาป่วนเรา ?
ตอบ : ตอนนี้ก็เรื่องของเขาสิ อาตมาไปกวนเขามาเยอะแล้ว ไปป่วนในบ้านในเมืองเขามา ๖ ปีเต็ม ๆ ป่วนจนเวียนหัวอยู่ทุกวันนี้ อ่านดูในบันทึกเที่ยวเมืองพม่าก็ได้ พวกชาวบ้านยังทึ่งเลย "คราวที่แล้วอาจารย์เพิ่งจะโดนยิง..มาอีกแล้ว" ก็พวกนั้นยิงแล้วอาตมาไม่ตายนี่หว่า จะไม่มาได้อย่างไร ถ้ายิงแล้วตายก็มาไม่ได้ เขาไม่นึกว่าโดนไปขนาดนั้นแล้วยังกล้ามา

ไปนึกถึงไกรทองรบกับชาละวัน "ไกรทองเข้าชิดติดชนัก จมน้ำสำลักไม่ยักหนี ทิ้งชนักควักมีดกรีดกุมภีร์ เชื่อดีต่อสู้ไม่รู้รา" คำว่า "เชื่อดี" คือรู้ว่าตัวเองมีดี ตรงที่มีวิชาที่ครูบาอาจารย์ประสิทธิ์ประสาทมา จระเข้กัดไม่เข้า ไม่ตายอยู่แล้ว..ไม่หนีหรอก

จระเข้ตัวใหญ่ตั้งหลายวา พอเข้าใกล้จะแทงด้วยชนักก็ไม่ถนัด เพราะด้ามยาว จึงโยนชนักทิ้งแล้วเอามีดแทงจนชาละวันเลือดอาบไปทั้งตัว ชาละวันจะทำอะไรก็ไม่ถนัด เจอคาถาไกรทองผูกปากไว้ อ้าปากไม่ออก

ของอาตมาเชื่อว่าบารมีพระ บารมีครูบาอาจารย์คุ้มได้แน่ ถึงโดนขนาดไหนก็ไปอีก ทำเอาชาวบ้านเขาทึ่งกันไปหมด เพิ่งโดนไล่ยิงไปไม่กี่วัน กลับมาอีกแล้ว


ถาม : ได้อภิญญาหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คาถาเป็นเบื้องต้นของอภิญญา ถ้าคนเล่นคาถาขึ้นก็เล่นอภิญญาได้

ถาม : ต้องได้สมาธิเป็นอย่างน้อย ?
ตอบ : อุปจารสมาธิขึ้นไปคาถาก็ได้ผลแล้ว เพียงแต่ต้องมั่นใจ ถ้าความมั่นใจลดลงเมื่อไรก็คือวิชาเสื่อม ถ้ายิ่งทรงฌานได้อำนาจคาถาก็ยิ่งมาก ลองไปศึกษาประวัติของครูบาอาจารย์ที่เป็นฆราวาสของสายวัดเขาอ้อดูสิ แต่ละท่านทรงฌานทั้งนั้น ประเภทบางคนหันมามองนี่กระเด็นเลย ความรู้สึกของคนโดนมองเหมือนกับโดนฟ้าผ่า ก็คือเขาภาวนาจนเป็นปกติ พลังส่งออกก็เป็นปกติ มีคนไม่รู้เรื่องดันเข้าไปบริเวณที่เขาฝึกวิชาอยู่ แค่หันมามองนี่ปลิวเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2013 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 251 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 14-01-2013, 20:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,182 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คาถาต้องใช้สมาธิ ?
ตอบ : คาถาอาคมทุกอย่างต้องมีสมาธิเป็นพื้นฐาน ถ้าไม่มีสมาธิเป็นพื้นฐาน สักแต่ว่าท่อง ๆ ไปก็ไม่อาจสำเร็จประโยชน์ได้

ถาม : ผมไปอ่านเจอว่าพระคาถาเงินล้านให้ท่องวันละ ๑๐๘ จบแล้ววางจิตไว้ที่ศูนย์กลางกาย แล้วคนที่ได้ขณิกสมาธิจะได้ผลไหมครับ ?
ตอบ : ได้ผลหมดทั้งนั้น ขอให้ทำจริง ๆ และสม่ำเสมอ ถ้าทำจริงและสม่ำเสมอ ต่อให้เป็นขณิกสมาธิก็มีผล แต่ถ้าสมาธิยิ่งสูงผลก็ยิ่งมาก

ถาม : ถ้าเป็นขณิกสมาธิจะเห็นผลทันทีไหมครับ ?
ตอบ : ทำต่อเนื่องกันระยะหนึ่ง ๒ เดือนก็รู้เรื่องแล้ว เพียงแต่ตัดตัวอยากออกไปให้หมด อย่าทำเพราะอยากรวย แต่ให้ทำเพราะคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เป็นสิ่งที่หลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ท่านให้มา หน้าที่ของเราก็คือต้องรักษาไว้อย่างดี ด้วยการท่องบ่นภาวนาไว้ประจำ เราก็ว่าของเราไปเรื่อย ก่อนจะภาวนาอยากรวยก็ไม่เป็นไร ไม่ผิดปกติ แต่ตอนภาวนาต้องลืมตัวนี้ให้ได้ มีหน้าที่ภาวนาอย่างเดียว ผลจะเกิดหรือไม่เกิดก็แล้วแต่ เราว่าของเราไปเรื่อย ใช้เป็นคำภาวนาควบลมหายใจเข้าออกเลย

ถาม : เวลาที่เรามองภาพนิมิต ความอยากจะอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้ากำลังใจจดจ่อที่นิมิต ความอยากต่าง ๆ ก็ไม่มี แต่ถ้าหลุดออกมาเมื่อไรก็อยากใหม่

ถาม : ที่บอกว่าถ้าใช้พระคาถาเงินล้านเป็นฌานได้ ก็จะเป็นผลดี แต่ทีนี้ขณะที่เราจับภาพนิมิตกับท่องคำภาวนาไปเรื่อย ๆ จิตก็จะเป็นอุปจารสมาธิหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ทำไป...เข้าถึงแล้วก็จะรู้เอง ถ้าเริ่มเป็นฌานจะรู้ลมหายใจและคำภาวนาโดยอัตโนมัติ ต่อให้ทำอะไรอยู่ก็รู้ได้ ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าเริ่มทรงฌานแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาบังคับก็จะภาวนาเอง รู้ลมหายใจเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2013 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว