กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-01-2011, 08:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default คนชอบเที่ยว ชอบแวะ

เรื่องของการไปเที่ยว สมัยก่อนอาตมาฝึกมโนมยิทธิได้ใหม่ ๆ จะแวะทุกที่เลย ดูนรกทีละขุม สวรรค์ทีละชั้น พรหมทีละชั้นเลย พอทำไป ๆ รู้สึกเบื่อขึ้นมาเฉย ๆ

มีใครเคยไปธุสเจดีย์ซึ่งอยู่พรหมชั้นที่ ๑๖ บ้าง ? พวกเราคงไม่รู้จักกันหรอก เพราะไม่ช่างสงสัยเหมือนกับอาตมา จำไว้เลยนะว่า สวรรค์มีจุฬามณีเจดีย์สถานเป็นที่สำคัญที่สุด คือ เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วกับพระเมาลีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แต่ในพรหม ๑๖ ชั้น มีธุสเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานผ้าครองของเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อครั้งที่ท่านสละออกเพื่อนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ อยู่ที่อกนิษฐพรหม(รูปพรหมชั้นที่ ๑๖) ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญที่สุดของพรหมเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..ถ้าใครไม่เคยไป ก็ไปกราบชมเสีย..จะได้รู้ว่าที่อาตมาพูดนั้นไม่ได้นอกตำราเลย เพียงแต่ว่าเราจะไปถึงหรือเปล่าเท่านั้นเอง

เมื่อไปเข้าบ่อย ๆ ความรู้สึกกลับจืดไปเฉย ๆ รู้สึกเหมือนกับว่ากี่ครั้ง ๆ ก็มาแค่ตรงนี้ แล้วสถานที่ซึ่งจะไปก็ลดลงไปเรื่อย เหลือแค่ไปกราบท่านปู่ท่านย่า กราบพ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ไปกราบพระที่จุฬามณี แล้วก็ไปที่พระนิพพานเลย ที่อื่นไม่แวะแล้ว

จากที่เคยแวะกราบท่านปู่สหัมบดีพรหมเป็นประจำ ก็กลายเป็นว่า ถึงเวลาก็น้อมจิตอัญเชิญท่านไปที่พระนิพพาน แล้วก็กราบท่านที่นั่น ตอนหลังด้วยความขี้เกียจมากเข้า แม้แต่บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ก็ไม่ไปแล้ว ถึงเวลาก็ขึ้นพระนิพพาน แล้วน้อมจิตอัญเชิญท่านทั้งหลายขึ้นมา แล้วกราบท่านทีเดียวทั้งหมดข้างบนพระนิพพานนั้นเลย

มานั่งคิดถึงตัวเองอยู่ตั้งนานว่า นี่เราเพี้ยนไปหรือเปล่า ? เทวดาพรหมท่านไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะอยู่บนพระนิพพาน แล้วทำไมเวลาเราเชิญท่านจึงมาได้ ? เพิ่งจะมาทราบตอนที่หลวงพ่อเทศน์เรื่องชวน เทวดา นางฟ้า พรหม ไปพระนิพพาน

ด้วยกำลังของแต่ละท่านจริง ๆ แล้ว ถึงจะสามารถไปได้ แต่ว่าโดยมารยาทและโดยบุญบารมีของท่านแล้ว ชั้นที่สูงกว่ามีสิทธิ์ที่จะลงมาชั้นที่ต่ำกว่าได้ ส่วนท่านที่อยู่ชั้นที่ต่ำกว่า ถ้าไม่ได้รับเชิญให้ขึ้นไปชั้นที่สูงกว่า จะขึ้นไปไม่ได้ อาตมาก็เพิ่งจะรู้ว่า การที่ตัวเองทำด้วยความขี้เกียจ ก็คือสิ่งที่หลวงพ่อท่านทำเพื่อสงเคราะห์พรหมเทวดาเป็นประจำอยู่แล้ว

นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง ก็คือ ในระยะสุดท้ายแทบจะเหลือแต่พระนิพพานที่เดียวเป็นที่ไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2015 เมื่อ 07:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-01-2011, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการที่สองที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ โดยปกติทั่วไป เวลาไปธุระหรือไปงานอะไร พอเสร็จธุระแล้วอาตมาจะกลับเลย พยายามกลับวัดให้ทันทำวัตรค่ำ ต่อให้ไม่ทันเหลือทำวัตรค่ำอยู่ครึ่งเดียวก็จะโดดลงจากรถ ขึ้นไปทำวัตรก่อน

สมัยนั้นท่านอาจารย์สมพงษ์ยังเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนอยู่ อาตมาได้รับคำสั่งให้ไปช่วยบูรณะวัดท่าขนุน อาตมาจึงอยู่ในฐานะลูกวัด แต่เป็นลูกวัดที่เป็นอาจารย์ของเจ้าอาวาสอีกทีหนึ่ง

แรก ๆ ท่านอาจารย์สมพงษ์เห็นอาตมาไปไหน ท่านก็ขอตามไปด้วย โดดขึ้นรถตามไปทันที ไปด้วยกันสักสองสามครั้ง พอครั้งที่สี่ท่านไม่ไปแล้ว เพราะเวลาท่านอาจารย์สมพงษ์ไปไหน ท่านจะแวะตลอด พูดง่าย ๆ ว่า ไม่หมดวันไม่กลับวัดหรอก ตะวันไม่ตกดินหาทางกลับวัดไม่เจอ..!

มานึกเปรียบเทียบกับตัวเองว่า ทำไมอาตมาเป็นอย่างนี้ไปได้ ไม่คิดที่จะไปแวะไปเที่ยว ไปสนุกกับใครบ้างเลย ถ้าไม่ใช่ธุระปะปังที่จำเป็นจริง ๆ เสร็จธุระเมื่อไรก็กลับทันที แล้วก็มานึกถึงพวกเราที่เพิ่งไปเที่ยวภูเก็ตกันมา ความรู้สึกแบบนี้เคยเกิดกับตัวเองบ้างหรือไม่ ? แล้วสังเกตบ้างไหมว่า อะไรที่ยุ่งยากมากความของเราลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ หรือว่ามีแต่เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ด้วยความมันในชีวิต ?

ที่กล่าวมาถึงตรงจุดนี้ จะเปรียบเทียบให้ฟังว่า การที่เราจะหลุดพ้นไปพระนิพพานได้ เราต้องจับจุดความเป็นพระโสดาบันให้ได้ก่อน เรายึดพระโสดาบันเป็นหัวหาด พระโสดาบันก็มีตั้ง ๓ ระดับ ก็คือ สัตตักขัตตุปรมะ ท่านจะเกิดระหว่างมนุษย์กับเทวดาหรือพรหม จากมนุษย์..ไปเป็นเทวดา ลงมาเป็นมนุษย์...ขึ้นไปเป็นเทวดา ลงมาเป็นมนุษย์..ไปเป็นเทวดา ทั้งหมด ๗ ครั้ง ครั้งสุดท้ายก็ไปพระนิพพานเลย

แล้วพระโสดาบันแบบโกลังโกละ เกิดระหว่างมนุษย์กับเทวดาหรือพรหม ๓ ครั้งเท่านั้น จากมนุษย์..ไปเป็นเทวดา ลงมาเป็นมนุษย์ แล้วจึงไปพระนิพพาน และเอกพีชี ยังอุตส่าห์ลงมาเกิดได้ ลงมาเป็นมนุษย์แล้วก็ไปพระนิพพานเลยทีเดียว

เห็นไหมว่า ในแต่ละระดับจิตของท่าน การแวะจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ ที่แวะน้อยลงไปเรื่อย ๆ เพราะที่แวะสำหรับท่านหมดลงไปเรื่อย ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2015 เมื่อ 07:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 25-01-2011, 09:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,981 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราลองมาเปรียบเทียบกับตัวเราเองว่า ปัจจุบันที่แวะของเรายังเยอะเท่าเดิมหรือว่าน้อยลงไปเรื่อย ๆ ? ในการดำเนินชีวิตประจำวัน สิ่งที่เราไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ลดน้อยถอยลงหรือว่ามีแต่มากขึ้น ๆ ?

ถ้ามากขึ้น ก็มีแต่จะร้อยรัดให้เราติดอยู่มากขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าลดน้อยถอยลงไปได้ โดยเฉพาะพวกที่จะไปพระนิพพาน กำลังใจจะรวบรัด เล็งเป้ามุ่งตรงอย่างเดียวเลย จบแล้วจบกัน ไม่เอาอย่างอื่นอีกแล้ว

ถ้าเราสามารถทำอย่างนี้ได้ เราก็จะตรวจสอบความก้าวหน้าของเราเองได้ด้วยว่า กำลังใจปัจจุบันของเราอยู่ในลักษณะไหน ? อย่างที่เมื่อคืนบอกว่า เราตรวจสอบตัวเองด้วยอิทธิบาท ๔ หรือสัมมัปปธาน ๔ ก็ได้

แต่นี่ให้ตรวจสอบง่าย ๆ ด้วยนิสัยของเราว่า เวลาไปไหน ยังเป็นลูกคุณช่างแวะอยู่หรือเปล่า ? ถ้ายังเป็นอยู่ ให้รู้ไว้เลยว่า แวะมากเท่าไร ถ้าเปรียบไปแล้วก็คือเกิดมากเท่านั้น ได้ยินแล้วสยองบ้างไหม ? กรณีนี้บังคับไม่ได้นะ จะไปคิดว่าเราเองไม่แวะแล้วเราจะเกิดน้อยลง..ก็ไม่ใช่

ต้องเกิดจากน้ำใสใจจริง กลายเป็นคนที่ว่า นอกจากเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แล้ว ที่่อื่นไม่เอา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะเป็นพัฒนาการที่ค่อย ๆ ปรับปรุงตัวของเราเองให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายสุด พอไม่มีที่ไหนให้ไปอีกแล้ว ก็แวะพระนิพพานที่เดียวพอ

ถาม : กรณีที่เดินทางเพราะเป็นหนึ่งในเป้าหมายอยู่แล้ว ?
ตอบ : ถ้าหากว่าตั้งเป้าไว้แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้านอกเหนือจากนั้น จะไม่มีอารมณ์อยากแวะที่ไหนจริง ๆ ขอยืนยัน

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เราไม่สามารถที่จะรู้แล้วทำอย่างนั้นได้ ต้องเกิดจากน้ำใสใจจริง กำลังใจจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไม่อย่างนั้น จะเป็นประเภทวิ่งผ่านไป ไม่ได้แวะแล้วก็รู้สึกเสียดาย

ไม่ใช่บังคับให้ทำอย่างนั้นและไม่ใช่เป็นแนวทางว่าต้องเป็นอย่างนั้น เพียงแต่เล่าประสบการณ์แล้วเปรียบเทียบให้ฟังว่า การปฏิบัติที่ผ่านมามีลักษณะเป็นอย่างนั้น เราไม่จำเป็นต้องเลียนแบบตามทุกอย่าง แต่ขณะเดียวกัน อะไรที่รุงรังมากเรื่อง ถ้าสามารถตัดให้น้อยลงได้ ก็จะเป็นคุณแก่ตัวเองอย่างมหาศาล


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๔
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-07-2015 เมื่อ 07:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:38



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว