กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 21-11-2015, 13:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่อยากจะช่วยสรรพสัตว์ แต่ไม่ได้อยากจะเป็นพระพุทธเจ้า ?
ตอบ : กติกาใช่อยู่แล้ว จะนับหรือไม่นับก็ตาม ถ้าคุณโดดเข้าไปเรียน ถึงเวลาก็ต้องไปตามหลักสูตรเขา คุณบอกว่าคุณไม่ต้องการจะไปเชียงใหม่ แต่โดดขึ้นรถสายเชียงใหม่แล้ว อย่างไรก็ไปถึง

ถาม : ต้องโดดลงระหว่างทาง ?
ตอบ : ไปหาทางลงระหว่างทางเอาเองแล้วกัน

พระโพธิสัตว์ท่านไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคหรอก พระพุทธเจ้าตรัสว่า ในวัฏสงสารอันยาวไกลไม่เห็นต้นเห็นปลายนี้ ขึ้นชื่อว่าคำว่าท้อ ไม่เคยปรากฏขึ้นในพระทัยเลย เดินหน้าอย่างเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2015 เมื่อ 17:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 21-11-2015, 13:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมมติว่ามีทางเลือกอยู่สองทาง....(ไม่ชัด) ?
ตอบ : เราตัดสินใจแทนใครไม่ได้ ต้องยืนอยู่ตรงนั้นก่อนถึงจะตัดสินใจได้ เรื่องอย่างนี้สมมติไม่ได้

ถาม : ถ้าต้องการที่จะยกน้ำหนักร่วม ๑๐๐ กิโลกรัม..? ...(ไม่ชัด)...
ตอบ : ถ้าคุณจะยกครั้งละกิโลกรัม คุณก็ยก ๑๐๐ ครั้งเท่านั้นเอง ก็ต้องขยันเกิด คราวนี้รู้หรือยังว่าทำไมท่านถึงขยันเกิด เกิดมาเพื่อยกใหม่ เอาเถอะ....อยากหรือไม่อยากก็มาจนป่านนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องตัดพ้อต่อว่าแล้ว เดินหน้าลูกเดียว

อาตมาก็ไม่ได้อยาก เห็นหัวแถวไปก็ตามท่านไปเรื่อย ตามไปตามมา กติกาเกินแล้ว ประเภทคนขับรถ เคยได้ยินไหม ? ไปส่งเจ้านายเรียนมหาวิทยาลัย ก็เลยเรียนด้วย เรียนไปเรียนมาก็จบพร้อมกัน ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์เป็นเรื่องปกติเลย ส่งเจ้านายเรียน ท้ายสุดพระจบ ลูกศิษย์ก็จบด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2015 เมื่อ 17:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 21-11-2015, 13:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในเรื่องสมาธิเราต้องนั่งนาน ๆ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : สมาธิไม่จำเป็นต้องนั่งเลยก็ได้ เพียงแต่ในอิริยาบถอื่น ๆ สภาพจิตของเราต้องมั่นคงเท่ากับตอนนั่ง ถ้าคุณรอนั่งอย่างเดียว กิเลสตีตายเลย กิเลสไม่ได้มาเฉพาะตอนนั่งนี่ แต่มาตลอดเวลาทุกวินาที ส่วนใหญ่ที่เราปฏิบัติไม่ก้าวหน้า เพราะว่าพอเราเลิก เราก็ทิ้งเลย ไม่ได้เอากำลังที่เรานั่งสมาธิมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง

สมมติว่าเรานั่ง ๑ ชั่วโมง แล้วเราก็ทิ้งไป หลังจากนั้นอีก ๒๓ ชั่วโมงของวันนั้นเราโดนกิเลสไล่ตีอยู่ตลอด ก็ขาดทุนย่อยยับอยู่ทุกวัน ฉะนั้น..ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมไม่ก้าวหน้า

การทวนกระแสกิเลสเหมือนกับการว่ายทวนน้ำ เราว่ายทวนน้ำอยู่ ๑ ชั่วโมง แล้วปล่อยลอยตามกระแสน้ำไป ๒๓ ชั่วโมง แล้วจะเอาระยะทางที่ไหนมา เมื่อรู้ว่าผิดก็ทำใหม่ ถึงเวลาเลิกจากการนั่งสมาธิแล้ว สภาพจิตสงบสงัดจากกิเลสได้เท่าไร ถึงเวลาลุกจากที่นั่งไป ต้องประคับประคองจิตให้สงบสงัดจากกิเลสให้ได้แบบนั้น ให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

แรก ๆ ไม่ถึงนาทีก็พังแล้ว แต่พอรู้แล้วว่าเราต้องทำแบบนี้ ก็ระมัดระวังประคับประคองไปให้มากขึ้น เป็น ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ครึ่งชั่วโมง ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง หกล้มหกลุกไปเรื่อย ๆ วัน ๆ หนึ่งขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นร้อยเป็นพันครั้ง จนกระทั่งสามารถทรงได้ ๒ วัน ๕ วัน อาทิตย์หนึ่ง ครึ่งเดือน หนึ่งเดือน สภาพจิตที่เคยผ่องใส มีความสุขขนาดไหน ถึงเวลาเราจะรู้สึกว่า ทำไมเราไปทิ้งความสุข ปล่อยให้ความทุกข์เล่นงานเราอยู่ฝ่ายเดียว พอปัญญาเริ่มเกิดคราวนี้ก็จะรู้จักรักษาอารมณ์ใจของตัวเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2015 เมื่อ 17:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 21-11-2015, 13:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนั่งกรรมฐาน ถ้าจิตทรงตัวระดับหนึ่ง ไม่ว่าทำกิจกรรมอะไรก็จะรวมตัวเป็นหนึ่งเหมือนกัน ?
ตอบ : ถ้ามีความคล่องตัวจริง ๆ ไม่ว่าอยู่ในอิริยาบถไหนก็สามารถเข้าถึงอารมณ์นั้นได้ จะเป็นไปโดยอัตโนมัติ เราแค่ใช้สติไปประคองไว้เท่านั้น แต่ถ้ายังไม่ได้ระดับนี้ ก็ต้องพากเพียรตะเกียกตะกายอย่างหนัก

ถาม : เวลาที่ไป...(ไม่ชัด).... เป็นสติเห็นหรือสมาธิเห็น ?
ตอบ : จะเป็นสติเห็นหรือสมาธิเห็นก็ตาม ถ้าปัญญาไม่ยอมรับก็สักแต่ว่าเห็น แต่ถ้าเรายอมรับว่าแม้แต่สภาพจิตของเราเองก็ไม่เที่ยงเป็นปกติ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีแต่ความไม่เที่ยง เรายังต้องการอีกไหม ? ถ้าไม่ต้องการก็ควรแสวงหาความหลุดพ้น วิธีเข้าถึงความหลุดพ้นท่านบอกไว้แล้วในทุกตอนของมหาสติ ก็คือไม่ควรยึดติดอะไร ๆ ในโลกนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2015 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 21-11-2015, 14:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระโพธิสัตว์...(ไม่ชัด)
ตอบ : ปัญญาท่านมีมากกว่าด้วยซ้ำไป พระโพธิสัตว์ไม่ใช่ท่านไม่มีปัญญา ท่านสามารถที่จะคิดที่จะตรองเข้าถึงได้เหมือนอย่างพระอริยเจ้าทุกอย่าง เพียงแต่สภาพจิตสุดท้ายไม่ตัดเท่านั้น บุคคลที่ทำถึง เข้าถึงแล้ว ไม่มีใครเขาทิ้งหรอก เพราะรู้ว่าทิ้งแล้ว โดนกิเลสตีจะทุกข์สาหัส ถ้าเข้าถึงได้ก็มีแต่ประคับประคองรักษาอารมณ์ไว้ ถึงพลาดไปก็ไม่เสียเวลาไปคร่ำครวญอยู่ตรงนั้น แต่ว่าตั้งหน้าตั้งตาทำใหม่เพื่อให้อารมณ์ใจทรงตัวอีกครั้ง

ส่วนใหญ่พวกเราได้ครึ่งเดือน ได้หนึ่งเดือน พอถึงเวลากำลังใจพังโครมลงไป จิตตก สมาธิตก เราก็ไปคร่ำครวญเสียอกเสียใจ เสียดาย ตะกายไม่ขึ้นสักที เพราะมัวแต่นั่งร้องไห้อยู่ มีประโยชน์อะไร ? อยากพังก็พังไป เป็นปกติอยู่แล้ว อนิจจังไม่เที่ยง..ใช่ไหม ? เราก็ตั้งสมาธิแล้วเริ่มใหม่ คนที่หกล้มแล้วลุกเดินต่อไปเลย กับคนที่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ใครได้ระยะทางมากกว่ากัน ?


ถาม : ถ้าเราใช้การอธิษฐานช่วย ?
ตอบ : อธิษฐานเป็นความตั้งใจ ถ้าสักแต่ว่าอธิษฐานแล้วไม่ทำให้ได้อย่างที่ตั้งใจก็ไม่มีวันสำเร็จได้

ถาม : การที่เราบอกว่า ใช้อธิษฐานบารมีขอให้สิ่งที่เราตั้งใจนั้นสำเร็จ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเรามีสิทธิ์ใช้ก็ใช้ไปไม่มีใครเขาว่า แต่ว่าเราต้องดูด้วย อาตมาเคยเปรียบเทียบว่ากระบอกน้ำนี้ เราขาดน้ำอยู่แค่นิดเดียวก็จะเต็มกระบอก เราอธิษฐานไปเราก็มีสิทธิ์ที่จะได้ แต่ถ้ามีน้ำอยู่ติดก้นอยู่หน่อยเดียว อธิษฐานให้ตายก็ไม่ได้หรอก เพราะว่าไม่เพียงพอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-11-2015 เมื่อ 18:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 21-11-2015, 15:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สติปัฏฐานสี่ จริง ๆ คือเริ่มต้นที่....(ไม่ชัด)...?
ตอบ : คุณแปลผิดและบรรดานักเรียนบาลีก็แปลผิดกันทั้งนั้น เอกายโน เอกะ + อยนะ เอกะคือหนึ่ง อยนะคือทาง นี่เป็นหนทางสายหนึ่งใน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ บางคนไปแปลว่าทางสายเดียว สรุปแล้วอย่างอื่นที่พระพุทธเจ้าเทศน์ไปก็ไม่มีประโยชน์

ปัจจุบันคนที่ศึกษาสายนี้ เหมือนอย่างกับพยายามที่จะยกตัวเองให้เหนือจากสายอื่น โดยพยายามเน้นว่าเป็นทางสายเดียวที่จะหลุดพ้นได้ เป็นความคิดโง่ ๆ ถ้าเป็นทางสายเดียวพระพุทธเจ้าจะเทศน์ไปทำไมตั้ง ๘๔,๐๐๐ อย่าง ? แปลผิดแล้วก็มั่วไปเรื่อย ดูในพระไตรปิฎกแล้ว มีแปลผิดความหมายหลายจุดเลย

ถาม : การที่พิจารณาข้อกาย เวทนา จะเริ่มต้นจากสติ หรือสมาธิก็ได้ ?
ตอบ : คุณสังเกตไหมว่ามหาสติปัฏฐานสูตร เริ่มต้นด้วยอานาปานสติ คือ ลมหายใจเข้าออก ลมหายใจเข้าออกเป็นพื้นฐานของกรรมฐานทั้งปวง

มหาสติปัฏฐานสูตร เฉพาะในส่วนของกายในกายแบ่งออกเป็น ๖ หมวด แต่ถ้าจะเอาจริง ๆ จาก ๖ หมวด สามารถกระจายออกเป็น ๑๔ หมวดได้ เพราะนวสีแยกออกเป็น ๙ อย่าง แต่ว่าทุกหมวดท่านลงท้ายเอาไว้ว่า เราไม่ควรจะยึดติดอะไร ๆ ในโลกนี้ แปลว่าคุณทำหมวดใดหมวดหนึ่งก็สามารถหลุดพ้นไปได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องศึกษาทั้งหมด เอาแค่ข้อเดียวก็พอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2015 เมื่อ 03:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 21-11-2015, 15:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มหาสติปัฏฐานสูตรกับสติสูตร ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วเน้นเรื่องสติเหมือนกัน เพียงแต่คำว่ามหาสติปัฏฐานสูตร คือสูตรอันเป็นที่ตั้งใหญ่ของสติ กล่าวถึงเนื้อหาที่มากกว่า ก็เลยใช้คำว่ามหาสติ ส่วนสูตรอื่น ๆ ที่กล่าวถึงสติ ไม่มีเนื้อหามากมายขนาดนั้น เลยใช้คำว่าสติสูตรทั่วไป ไม่ใช้คำว่ามหา

จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรแปลกหรอก แต่พวกเราส่วนใหญ่ทำอะไรเลยหัว ผมอยู่บนหัวตัวเองแต่เอื้อมมือเลยหัว จะไปตัดผมถูกได้อย่างไร ?

ศึกษาตำราให้ศึกษาแต่พอสมควร เมื่อมีเหตุปัจจัยเพียงพอต่อการปฏิบัติธรรมแล้ว ให้เร่งทำไป ไม่อย่างนั้นแล้วเราศึกษาไปไม่ได้ใช้งานก็เสียเวลาเปล่า

การศึกษาท่านเรียกว่า ปริยัติ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่ามี อลคัททูปริยัติ ศึกษาตำราเหมือนกับจับงูข้างหาง ก็คือศึกษาไปแล้วไม่ได้ปฏิบัติให้เกิดผลจริงจัง แถมยังเอาไปสอนคนอื่นผิด ๆ มีแต่จะเกิดโทษกับตัวเองเหมือนกับคนที่จับงูทางหาง มีแต่จะโดนงูแว้งกัด ไม่บาดเจ็บก็ตาย

อย่างที่สองท่านเรียกว่า ภัณฑาคาริกปริยัติ ก็คือศึกษาเหมือนอย่างกับตนเป็นห้องคลังพัสดุ คือศึกษาทรงจำเอาไว้เพื่อถึงเวลาจะได้ถ่ายทอดต่อผู้อื่น

สุดท้าย ก็คือ นิสสรณัตถปริยัติ ศึกษาเพื่อความหลุดพ้นของตน อย่างสุดท้ายจะได้ประโยชน์มากที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-11-2015 เมื่อ 14:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 21-11-2015, 15:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างที่คนที่สมัยนี้จำเนื้อหาในพระไตรปิฎก แต่ยังทำไม่ได้ ?
ตอบ : ตำราเหมือนแผนที่ ถ้าเราถือแผนที่เอาไว้โดยไม่ยอมปล่อยไปไหนเลย ก็ไม่สามารถที่จะก้าวไปถึงจุดหมายปลายทางได้ เปรียบเทียบง่าย ๆ ว่าเหมือนต้นเสาข้างหลัง บอกว่าจะไปเชียงใหม่ ถ้าเรายืนกอดต้นเสาอยู่ ก็ไม่สามารถที่จะไปเชียงใหม่ได้ ดังนั้น..ศึกษาให้รู้พอเป็นแนวทาง แล้วเริ่มลงมือปฏิบัติก็คือ เริ่มเดินทางเลย ถึงจะเกิดประโยชน์

การศึกษาในเรื่องของตำราต่าง ๆ ปัจจุบันนี้ที่เห็น ก็คือ ยึดติดว่าเราศึกษามามาก รู้มากกว่า แล้วยกเอาวาทะไปข่มคนอื่น หรือไม่ก็งัดข้อกันโดยที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนยกมานั้นใช่หรือเปล่า คำว่าใช่หรือเปล่าคือใช่ของตัวเอง เพราะของพระพุทธเจ้าท่านใช่แน่ ๆ อยู่แล้ว แต่ว่าคุณยกมาสามารถใช้ได้เต็มที่หรือเปล่า ? เหมือนนักวิทยาศาสตร์เขาบอกว่า ปัจจุบันนี้เราใช้สมองไม่ถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ อีก ๗๐ เปอร์เซ็นต์เรายังเข้าไม่ถึง แต่ของพระพุทธเจ้าท่านเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ไปนานแล้ว แล้วเราเองก็เอา ๓๐ เปอร์เซ็นต์ของตัวเองว่าเราศึกษาจบแล้ว รู้เหมือนพระพุทธเจ้าแล้ว เอาไปนั่งเถียงกับคนอื่น ก็ตายสถานเดียว ตายอย่างน่าทุเรศด้วย เพราะตายแล้วอาจจะลงข้างล่าง...!

เร่ง ๆ ทำไป ไม่ว่าคุณจะมาสายพระโพธิสัตว์ หรือสายสาวกภูมิก็ตาม ปฏิบัติไปแล้วเกิดผลดีต่อตัวเองทั้งสิ้น ถ้ามาสายพระโพธิสัตว์เร่งรัดปฏิบัติ หนทางที่เราจะไปเกิดต่อก็น้อยลง โอกาสที่จะเข้าถึงพระโพธิญาณก็มีมากขึ้น ถ้ามาสายสาวกภูมิ หนทางที่จะเวียนว่ายตายเกิดก็สั้นลง โอกาสที่จะล่วงพ้นทะเลทุกข์ก็มีมากขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-11-2015 เมื่อ 18:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 21-11-2015, 17:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าตรัสว่า อะนากุลา จะ กัมมันตา เอตัมมังคะละมุตตะมัง การทำงานต้องไม่คั่งค้างถึงจะเป็นมงคล ไม่อย่างนั้นดินพอกหางหมูมาก ๆ หมูก็เดินไม่ไหว อาตมาปล่อยพอกเป็นเดือนถึงจะได้เริ่มแตะสักที ปัจจุบันนี้ใช้หลักธรรมของพระพุทธเจ้าจริง ๆ เพราะงานเยอะมาก ทั้งงานการปกครอง งานคณะสงฆ์ งานสอนหนังสือ ไหนจะต้องมาที่นี่เพื่อเจริญศรัทธาญาติโยม ก็ใช้วิธีว่าอะไรมาก่อนทำก่อน

อย่างช่วงนี้ทางมหาวิทยาลัยทวง มกอ. รอทวงไปก่อน เดี๋ยววันจันทร์ไปสอนแล้วจะนั่งทำให้ ตอนนี้ถ้ามัวแต่ไปคิดอยู่ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะทำไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนทางด้านคณะสงฆ์อำเภอทวงประวัติพระอุปัชฌาย์ย้อนหลัง ๕ ปี คนอื่นย้อนหลัง ๕ ปีทำ ๕ หน้ากระดาษ ของอาตมาย้อนหลังปีเดียว ๑๕ หน้ากระดาษยังไม่หมดเลย แล้วมาให้ย้อนหลัง ๕ ปีว่าทำงานอะไรมาบ้าง ฉะนั้น..ก็รอไปก่อน รับสังฆทานต้นเดือนเสร็จจะไปทำให้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2015 เมื่อ 17:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 21-11-2015, 18:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม จัดงานเป่ายันต์เกราะเพชร ต้องบอกว่าทิ้งร้างมาเป็นปี ญาติโยมเลยแห่ไปเยอะมากเป็นพิเศษ ขนาดศาลาใหม่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีแล้วก็ยังไม่พอนั่ง เนื่องจากว่ามีอยู่ส่วนหนึ่งค่อนข้างจะเห็นแก่ตัว บอกให้ขยับก็ไม่ขยับ กูเอาที่ว่างสบาย ๆ ของกู ข้างหลังอัดกันอย่างกับปลากระป๋อง ข้างหน้าว่างจนตั้งวงเตะตะกร้อได้ก็มี เลยทำให้เห็นชัดว่า คนเราเข้าวัดเข้าวาไม่ได้ไปละกิเลสกันทุกคน อาตมาเคยเล็ง ๆ ไว้แล้วว่าแบ่งออกได้หลายประเภทด้วยกัน

ประเภทที่ ๑ หลงตามเพื่อนไป เพื่อนพาไปไม่ได้รู้จักหรอก ไปถึงยังมาถามอีกว่าหลวงพ่อท่านชื่ออะไร อาตมานี่นั่งเครียด เพราะดันมาถามอาตมาเอง...!

ประเภทที่ ๒ ไปเพื่อให้ได้ชื่อว่าพระอาจารย์ที่มีชื่อเสียงรูปนี้เราก็ไปกราบมาแล้ว ไปเซลฟี่มาอวดเพื่อนแล้ว

ประการที่ ๓ ไปเพื่ออยากได้หวย พวกนี้เจอหน้าขอหวยอย่างเดียวเลย ไม่ให้นี่มองหัวถึงตีนเลย ให้หวยไม่เป็นแล้วบวชมาทำไม...!?

ประการที่ ๔ ไปเพื่อเครื่องรางของขลัง ประเภทนี้ถ้ามาจากสิงคโปร์ มาเลเซีย มีเท่าไรเขาขนหมดวัดเลย เงินเขาใหญ่และศรัทธาสูง ถ้าใครมีประสบการณ์วัตถุมงคลของวัดไหน เขาขนไปกันเป็นคันรถ ๆ เลย

ประการที่ ๕ ไปเพื่อปฏิบัติธรรม หวังความสงบ แต่ปรากฏที่เจอมาเกินร้อยละ ๘๐ คือยังไม่อยากสงบจริง พอส่งไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ๓ วัน แทบจะผูกคอตาย บอกว่าเงียบเกินไป..อยู่ไม่ได้ เพราะที่นั่นจริง ๆ แล้วทุกอย่างพร้อมสมบูรณ์หมด ยกเว้นไม่มีคลื่นโทรศัพท์ คลุ้มคลั่งไปเลย มีน้องคนหนึ่งบอกว่า "หลวงพ่อ...หนูอยู่ไม่ได้หรอก ไม่มีโทรทัศน์ให้ดู...หนูตายแน่"

เห็นหรือยังว่า ผัสสาหารคืออะไร ? คือ อาหารที่มาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ใช่กวฬิงการาหาร อาหารคือข้าว น้ำ ขนมทั่วไป อันนี้คือผัสสาหารที่คนเราต้องการ เขาขาดโทรทัศน์อย่างเดียว เขาฟันธงเลยว่าตายแน่ ก็คือขาดอาหารตรงนี้

ปัจจุบันก็กำลังนั่งเครียดอยู่รายหนึ่ง "เงียบเกินไป...เงียบเกินไป" นั่งบ่นอยู่นั่นแหละ เผอิญว่าเงียบ อาจารย์เลยได้ยิน ปล่อยให้บ่นต่อไป เดี๋ยวค่อยไปดู เขาบอกว่าอยากอยู่ที่เงียบ ๆ วัดท่าขนุนไม่เงียบ เขาไม่เอา ส่งไปที่เงียบจริง ๆ ดันประสาทกินซะได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2015 เมื่อ 12:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 21-11-2015, 18:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คนที่ไปวัดเพื่อหาธรรมะ ปฏิบัติให้หลุดพ้น คนเหล่านี้มีไม่ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์ แล้วเป็นคนที่น่าสรรเสริญมาก อดทนอดกลั้นต่อสู้ทุกอย่าง เพราะรู้ว่าแรงกระทบรอบด้านเป็นการฝึกฝนตัวเองที่ดีที่สุด คนอื่นมอบโอกาสฝึกฝนในการละกิเลสแล้ว เราจะละได้จริงหรือไม่ ? คนประเภทนี้มีน้อยเหลือเกิน แต่อาตมาอยากได้มากที่สุด ต้องบอกว่าอึดกว่าควายตั้งเยอะ จะตีจะด่าอย่างไรไม่ว่า เพราะตั้งใจว่านี่เป็นบทเรียนอย่างหนึ่งในการฝึกตัวเอง

ในเมื่อคนเราไปวัดด้วยวัตถุประสงค์ต่าง ๆ กัน ถ้าไม่มีระเบียบวัดคอยควบคุมก็จะเละ..อยู่ร่วมกันไม่ได้ โดยเฉพาะว่าคนเราให้ความศรัทธาเฉพาะคน ถ้าอย่างอาตมาด่า โอ๊ย...ยิ้มหน้าบาน ดีใจที่พระอาจารย์ด่า..! แต่ถ้าพระอื่นไปด่า ลองดูสิ...ไม่ด่าคืนก็นับว่าเกรงใจแล้ว อาตมาถึงได้เตือนพระที่วัดอยู่เสมอว่า "อยู่กับผมอย่าเผลอตามผม ต้องดูด้วยว่าเขายอมรับคุณหรือเปล่า ? ถ้าเขาไม่ยอมรับแล้วไปด่าเขา จะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ แต่ถ้าอาตมาไปด่า เขาดีใจว่าพระอาจารย์ยังสนใจเขาอยู่" ซาดิสต์ชัด ๆ...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2015 เมื่อ 12:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 21-11-2015, 18:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "น่ากลัวตรงนี้แหละ กำลังกลัวว่าจะหลงตัวเองสักวัน ยิ่งขึ้นสูงยิ่งต้องระวัง ต้องคอยมองตัวเองอยู่ตลอด ต้องบอกว่าเป็นความเมตตาของครูบาอาจารย์ ตลอดจนพรหม เทวดา หรือไม่ก็พระข้างบน

มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง พวกเราอาจจะเจอ ผิวดำ ๆ ตัวเตี้ย ๆ หน่อย ที่มาถึงก็ "พระเล็ก...พระเล็ก" ตลอดเลย แกเตือนสติอาตมาตลอด แต่คนอื่นว่า "ยายนี่บ้า" ความประพฤติของแกคนอื่นเขาว่าบ้า แต่เวลามีงานวัดแกมาทุกครั้ง มาถึงก็ "พระเล็กอย่าทิ้งพระวินัยนะ" "พระเล็กได้มาสละให้หมดนะ" แกน่ารักมากเลย แกเตือนสติอาตมาตลอดเวลา แต่คนอื่นจะเห็นว่าแกบ้า ไปวัดอื่นก็หาว่าแกบ้า ถ้าบ้าลักษณะนี้มาวัดท่าขนุนยินดีต้อนรับ ต้องบอกว่าแกสามารถรับอะไรบางอย่างที่ผ่านลงมาได้ แต่คนอื่นไม่รู้ ก็ไปหาว่าแกบ้า

ถ้าพวกเรารู้จักสังเกต เวลาเห็นคุณยายคนนี้ อาตมาจะหยุดคุยด้วยเสมอ คุยแล้วอย่างน้อย ๆ เขาก็ช่วยเตือนสติได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2015 เมื่อ 12:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 21-11-2015, 18:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้ามีพระเครื่องแล้วเขาไม่ได้ห้อยติดตัว จะมีอานุภาพคุ้มครองตัวไหมครับ ?
ตอบ: ถ้าหากว่านึกถึงตลอดก็เหมือนกับห้อยติดตัว แต่ถ้าห้อยติดตัวแล้วไม่นึกถึงก็ตัวใครตัวมันเถอะ คุณมีโทรศัพท์เขาให้ต่อใช้งานแล้ว คุณดันไปปิดเครื่องไว้ แล้วจะได้ใช้ไหม ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2015 เมื่อ 12:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 21-11-2015, 18:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไปกฐินที่เนปาล คนอื่นเป็นลูกอีช่างขน มหาโรจน์บอกว่า "ของผมขนกระเป๋าใหญ่ ๒ ใบเลย อาจารย์เอากระเป๋าใบเล็กมาใบเดียว" อาตมาไปที่ไหนต่อที่ไหน เสียของเขาหมด ขนาดไปยุโรป หิมะดันตกหน้าร้อน ...(หัวเราะ)... อยากดูหิมะเขาเลยจัดให้ หิมะตกหน้าร้อน เล่นเอาฝรั่งแตกตื่นกันหมด คราวที่แล้วโดนยายนภิสราแหกตา อยากเห็นยอดเขาเอเวอเรสต์เขาบอกจะจัดให้อาตมาก็นึกว่าจะให้ดูขาไป ปรากฏให้ดูขากลับ..แค้นมาก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2015 เมื่อ 15:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 21-11-2015, 19:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับพระวัดท่าซุงที่กำลังจะลากลับว่า "ขอให้เจริญ ๆ ทุกคน ตั้งหน้าตั้งตาทำให้จริง ๆ ไว้ ชาวบ้านเขาต้องการที่พึ่งมาก ถ้าเป็นที่พึ่งให้คนหมู่มากไม่ได้ เอาเฉพาะที่เราดูแลอยู่ก็ยังดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2015 เมื่อ 12:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 21-11-2015, 19:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าชาติก่อนเคยอธิษฐานในทาง...(ไม่ชัด)..เกินไป ชาตินี้จะอธิษฐานใหม่จะต้องใช้บุญกรรมฐานอย่างไร ?
ตอบ : สร้างบุญใหญ่แล้วเปลี่ยนคำอธิษฐานใหม่ ที่ไหนเขาสร้างพระประธาน สร้างโบสถ์ สร้างเจดีย์ ก็ไปร่วมเป็นเจ้าภาพกับเขา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ๒๐ บาทก็ร่วมเป็นเจ้าภาพได้ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวหลังคาแหว่งกระเบื้องไม่ครบ ก็เท่ากับเราสร้างบุญใหญ่แล้วเปลี่ยนคำอธิษฐาน ถ้าทำได้คนเดียวทั้งหลังก็เชิญ เอากำลังบุญเข้ามาช่วย ในเมื่อสมาธิสมาบัติอะไรสักอย่างก็ไม่มี ก็ต้องเอากำลังบุญตรงนั้นมาแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2015 เมื่อ 12:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 21-11-2015, 19:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าสร้างบุญอย่างเดียวกัน ระหว่างคนที่บวชเป็นพระกับคนธรรมดา ?
ตอบ : ถ้าสร้างบุญอย่างเดียวกัน พระได้บุญมากกว่าเป็นแสนเท่า เพราะกติกาในการรักษามีมากกว่า เหมือนอย่างกับคนมีหุ้นมากกว่า เรามี ๑๐๐ หุ้น เขามี ๑,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น ถึงเวลาขายหุ้นพร้อมกัน ลองดูว่าใครมีเงินมากกว่ากัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2015 เมื่อ 12:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 22-11-2015, 19:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าใครลืมต่างหู แว่นตา กุญแจรถ ไว้ที่วัดท่าขนุนไปรับคืนด้วย กุญแจรถนี่ลืมไว้สองปีแล้ว ส่วนที่ลืมไว้แปดปีแล้วก็คือพระเลี่ยมทององค์หนึ่ง อาตมาอยากได้มากแต่ไม่กล้าอม เพราะว่าตอนนี้ราคาในท้องตลาดแพงมาก ถ้าใครเป็นเจ้าของไปทวงคืนได้ทุกเวลา แต่ถ้าบอกไม่ถูกก็อด

งานเป่ายันต์ฯ ที่ผ่านมาได้ไอโฟนมาเครื่องหนึ่ง สวยมาก ประกาศหาอยู่พักใหญ่ ทุกคนมั่นใจว่าของตัวเองไม่หาย กำลังคิดว่าจะได้ของฟรีไว้ใช้อยู่แล้วเชียว ปรากฏว่ามีเด็กคนหนึ่งมาถึงก็บอกว่า “หนูทำโทรศัพท์หาย” ถามว่าสีอะไรก็ตอบถูก เลยต้องคืนให้เขาไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2015 เมื่อ 19:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 22-11-2015, 19:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อครู่นี้กราบพระ ก็เลยไปนึกถึงการจัดงานมงคลหรืออวมงคลต่าง ๆ ในปัจจุบัน เรามักจะตั้งโต๊ะสำหรับให้ประธานจุดธูปเทียนบูชาพระกราบ กรุณาเอาโต๊ะออกด้วย อาตมาเป็นประธานงานไหนก็ดึงเอาโต๊ะออกทั้งนั้น คือ เรากราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ๒ ศอก ๒ เข่า ๑ ศีรษะ ต้องแตะพื้นพร้อมกัน แล้วการกราบบนโต๊ะได้แตะอะไรบ้าง ? อย่างเก่งก็ได้แค่ ๒ เข่า หรือเอาอย่างท่าน Gembo Dorje เมื่อบ่าย ท่านกราบแบบอัษฏางคประดิษฐ์คือลงทั้งตัวเลย

ตำแหน่งของท่าน Gembo ถ้าเปรียบกับบ้านเรา สมณศักดิ์ของท่านอยู่ระดับสมเด็จพระราชาคณะ ก็คือเป็นรองเพียงพระสังฆราชเท่านั้น แต่ว่ามีรองระดับนี้อยู่ ๕ รูปด้วยกัน รับผิดชอบงานคนละส่วน ท่านรับผิดชอบเกี่ยวกับการค้นคว้าพระไตรปิฎก โดยเฉพาะพระไตรปิฎกโบราณแล้วก็นำมาเผยแผ่

มีคนถามว่า เผยแผ่ กับ เผยแพร่ ต่างกันตรงไหน ? แผ่ก็คือกระจายออกกว้าง ๆ เพื่อให้ทั่วถึง การเผยแผ่ธรรมะก็คือกระจายธรรมะออกให้คนรู้ทั่วถึงกัน ส่วนเผยแพร่เป็นลักษณะของการแพร่กระจายออก เหมือนกับพวกเชื้อโรคกำลังทำงาน เรื่องภาษาไทยของเราลึกซึ้ง บางอย่างถ้าใช้ผิด ก็จะผิดความหมายไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-11-2015 เมื่อ 19:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 22-11-2015, 19:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้ชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต นำโดย คุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา ซื้อเครื่องเสียงชุดใหม่มาเพื่อใช้กับบ้านวิริยบารมี ตอนเปิดใช้ระบบเสียงใหม่ ๆ ฟังไม่ได้เลย ตรวจสอบแล้วพบว่าเสียที่ลำโพง ไม่ได้เสียตรงเครื่องเสียง ลำโพงเปิดเสียงก้องเอาไว้ เพราะว่าไมโครโฟนเดิมดูดเสียงได้น้อย ถึงเวลามาเจอไมโครโฟนตัวที่ดูดเสียงได้มาก ก็เลยกลายเป็นเสียงสะท้อน พอเปลี่ยนเครื่องเสียงก็เป็นอย่างที่ได้ยิน คือเสียงไม่ก้องและได้ยินค่อนข้างจะทั่วถึง ขอโมทนาบุญกับทางคณะด้วย ดูท่าจะต้องเสียใบโมทนาบัตรอีกใบแล้ว

ระยะนี้ขอใบโมทนาบัตรกันมาก โดยเฉพาะช่วงกฐิน หมดทีเป็นเล่ม ๆ เลย ถึงเวลาญาติโยมทำบุญเสร็จลากลับบ้านสบายใจเฉิบ เจ้าอาวาสก็นั่งออกโมทนาบัตร ส่วนพระลูกวัดก็นั่งเก็บของไป ยืนงงทำอะไรไม่ถูก ของเต็มศาลาไปหมด ท้ายสุดอาตมาโผล่ออก
มาเห็นเข้าถามว่า “ทำไมไม่เก็บเสียที ?” “ไม่รู้ว่าจะเก็บอย่างไรครับ ?” ก็เลยแนะนำไปว่า “ให้เอาผ้าไตรออกมาก่อน จัดเรียงไว้ด้านหนึ่ง ถ้าหากว่าเอาผ้าไตรออกมา ของก็หายไปเกินครึ่งแล้ว”

พอผ้าไตรเรียงครบก็หายโล่งไปเลย ค่อยรู้สึกว่าได้ผลงานขึ้นมาหน่อย คราวนี้ของสดก็ส่งเข้าโรงครัว ของแห้งก็ส่งเข้าคลังพัสดุ หนังสือก็ส่งเข้าห้องสมุด ก็เหลือวัตถุมงคลกับพระพุทธรูปไม่กี่องค์ ซึ่งเจ้าอาวาสเก็บเรียบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-11-2015 เมื่อ 03:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:16



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว