กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-10-2016, 13:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๙

ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกแนบชิดติดกับลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกแนบชิดติดกับลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม จะจับการกระทบของลมจุดเดียว ๓ จุด ๕ จุด ๗ จุด หรือว่ารู้ตลอดกองลมก็ได้

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ จากคำถามที่ได้ถามช่วงก่อนเจริญกรรมฐานทำให้เห็นว่า บางท่านนั้นไปเลือกแนวทางการปฏิบัติที่เป็นทุกขาปฏิปทา คือปฏิบัติยากลำบาก ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับพวกเราส่วนใหญ่

ในส่วนของการปฏิบัติธรรมนั้น เป้าหมายของเราคือความหลุดพ้นจากกองทุกข์ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ไว้ว่า มีมรรค คือ หนทาง ๘ ประการ ซึ่งเริ่มจากสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ คือการมีความเห็นชอบ การมีความดำริชอบ ซึ่งจัดอยู่ในส่วนของปัญญา สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ จัดอยู่ในส่วนของศีล สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ จัดอยู่ในส่วนของสมาธิ แปลว่าเราปฏิบัติใน ปัญญา ศีล และสมาธิ จึงจะถูกต้องตามหลักที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สอนเอาไว้

คราวนี้ในการปฏิบัติของเรานั้น ในศีลที่เราปฏิบัติต้องปฏิบัติอย่างไร ? ก็คือรักษาศีลตามเพศภาวะของตน อย่างเช่น ฆราวาสรักษาศีล ๕ อุบาสกอุบาสิการักษาศีล ๘ สามเณรรักษาศีล ๑๐ พระภิกษุสงฆ์รักษาศีล ๒๒๗ แต่มีข้อแม้ว่าเราต้องไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ให้เราทบทวนเอาไว้ทุกวัน ทั้งก่อนนอนและตื่นนอนว่า มีศีลสิกขาบทใดของเราที่ขาดตกบกพร่องบ้าง ถ้ามีอยู่ก็ให้ตั้งใจว่า ในวันนี้เราจะรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกข้อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2016 เมื่อ 16:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-10-2016, 13:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนของสมาธินั้น ก็คือเราอยู่กับลมหายใจเข้าออก ได้แก่ อานาปานสติเป็นหลัก พยายามที่จะกำหนดรู้ลม จนกระทั่งทรงฌานอย่างน้อยปฐมฌานได้ จึงจะเรียกว่าเป็นสัมมาสมาธิ ในขณะเดียวกัน ก็ให้สมาธิจิตของเราเป็นไปใน พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ คือ ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแน่นแฟ้นจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

ในส่วนของปัญญานั้น เมื่อเราพินิจพิจารณาหรือว่าภาวนาจนสมาธิทรงตัวเต็มที่แล้ว เมื่อสมาธิจะคลายตัวออกมา ให้เรารีบหาวิปัสสนาญาณให้คิด ไม่เช่นนั้นแล้วสภาพจิตของเราจะเอากำลังสมาธิที่ได้ ไปฟุ้งซ่านไปในด้านของ รัก โลภ โกรธ หลง ซึ่งจะทำให้การฟุ้งซ่านเป็นไปอย่างหนักแน่น เป็นหลักเป็นฐานเป็นการเป็นงาน จนเราเอาคืนไม่ได้ เพราะว่าสมาธิที่เราได้ กลายเป็นมิจฉาสมาธิ คือ นำไปใช้ในทางที่ผิดเสียแล้ว

ดังนั้น...พอภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวเต็มที่ สมาธิเริ่มเคลื่อนเริ่มคลายออกมา เราก็หาวิปัสสนาญาณให้จิตของเราคิด ถ้าเอาง่าย ๆ ก็คือ ให้ดูทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์ มีลักษณะปกติธรรมดา ๓ อย่างด้วยกัน ได้แก่ ความไม่เที่ยง เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายตัวไปในที่สุด ความเป็นทุกข์ ก็คือต้องทนอยู่สภาพอย่างนั้น มีทั้งทุกข์ของการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ การปรารถนาไม่สมหวัง การกระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เป็นต้น

และดูให้เห็นชัดเจนว่า สภาพร่างกายของเราก็ดี ของคนอื่นก็ดี ของสัตว์อื่นก็ดี ของวัตถุธาตุทั้งหลายก็ดี ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายเป็นตัวเป็นตนได้ เพราะประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้อาศัยอยู่ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-10-2016 เมื่อ 16:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-10-2016, 16:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเราพินิจพิจารณาจนเห็นจริงดังนี้ ก็จะเห็นความไร้สาระ ความไม่มีแก่นสารในสภาพของการเกิดมามีร่างกายนี้ เห็นความเป็นทุกข์ ความไม่มีแก่นสารของการเกิดมาในโลกนี้ ก็ให้เอาจิตสุดท้ายของเราเกาะอยู่ในอุปสมานุสติหรือว่าพุทธานุสติ คือเกาะพระนิพพานหรือว่าเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ โดยที่ทำความรู้สึกว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ไหนนอกจากที่พระนิพพาน เราเห็นท่านคือเราอยู่กับท่าน เราอยู่กับท่านคือเราอยู่บนพระนิพพาน

ทุกวันให้เราทบทวนอารมณ์ใจของเราใน ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำแล้วย้ำเล่า อย่าเบื่ออย่าหน่ายเป็นอันขาด ถ้าหากว่ากำลังของเราสะสมเพียงพอ สภาพจิตก็จะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ล่วงพ้นจากความอยากได้ใคร่ดีในร่างกายตนเองและผู้อื่น ปลดออกจากความอยากที่จะบังเกิดในโลกนี้ เราก็สามารถที่จะหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานได้

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2016 เมื่อ 17:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:12



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว