กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-06-2016, 21:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๙

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ มีบุคคลมาสอบถาม เนื่องจากว่าลูกสาวไปปฏิบัติธรรมมา หลังจากนั้นก็ร้องไห้อยู่บ่อย ๆ เป็นเพราะถูกผีเจ้าเข้าสิงอะไรหรือเปล่า ? อาตมาก็คิดว่าตนเองรอบคอบ แนะนำการปฏิบัติเมื่อไรก็เริ่มตั้งแต่ขั้นต้น คือ ลมหายใจเข้าออก แต่ลืมบอกไปว่าถ้ามีอาการต่าง ๆ เกิดขึ้นหมายถึงอะไร จึงทำให้คนใหม่จำนวนหนึ่งที่ไม่เข้าใจ กลายเป็นหวาดกลัวในเรื่องของการปฏิบัติธรรม

ถ้าท่านทั้งหลายสามารถตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตนเอง โดยกำหนดตอนหายใจเข้า ให้ความรู้สึกผ่านปลายจมูก ผ่านกึ่งกลางอก ลงไปสุดที่ท้อง พร้อมกับคำภาวนา เมื่อหายใจออก ลมหายใจออกทางจากท้อง ผ่านกึ่งกลางอก มาสุดที่ปลายจมูก พร้อมกับคำภาวนา ถ้าหากว่าเผลอคิดเรื่องอื่นเมื่อไร เมื่อได้สติก็ให้ดึงกลับมาอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกเช่นนี้ ทำไปสักพักหนึ่งสภาพจิตจะเริ่มมีกำลัง เพราะสมาธิเริ่มทรงตัว ก็จะเกิดอาการแปลก ๆ ขึ้นกับร่างกาย ๕ อย่างที่เรียกว่า ปีติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2016 เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-06-2016, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปีติก็คือความอิ่มเอิบยินดี แต่คราวนี้อาการปีตินั้น ถ้าเกิดขณิกาปีติจะรู้สึกว่าขนลุกซ่า ๆ เป็นพัก ๆ ถ้าหากเป็นขุททกาปีติก็จะมีน้ำตาไหล บางท่านก็ส่งเสียงร้องไห้ดัง ๆ ถ้าเป็นโอกกันติกาปีติ ร่างกายก็จะโยกไปโยกมา บางทีก็ดิ้นตึงตังโครมคราม หกคะเมนตีลังกาก็มี บางทีก็สั่นเหมือนกับผีเจ้าเข้าสิงก็มี

ถ้าเป็นอุพเพ็งคาปีติ ก็จะลอยขึ้นทั้งตัว ลอยไปนอกสถานที่ปฏิบัติธรรม หรือถ้าเปิดประตูหน้าต่างไว้ ก็อาจจะลอยออกไปไกล ๆ ถ้าตราบใดที่สมาธิไม่เคลื่อนก็จะลอยไปเรื่อย ถ้าสมาธิใกล้จะคลายตัวก็จะลอยกลับมาที่เดิมเองโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าเราไปตกใจ สมาธิคลายตัวก็จะตกลงกับพื้น

สุดท้ายเป็นผรณาปีติ คือ รู้สึกว่าตัวพอง ตัวใหญ่ บางทีรู้สึกว่าใบหน้าใหญ่ขึ้น ๆ บางคนก็รู้สึกว่าตัวรั่วเป็นรู มีสิ่งต่าง ๆ ไหลออกมาซู่ซ่าไปหมด บางคนก็รู้สึกว่าตัวระเบิดเป็นจุลไปเลยก็มี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2016 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-06-2016, 15:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เป็นอาการที่สมาธิเริ่มทรงตัวใกล้จะเป็นฌาน เนื่องจากว่าก่อนที่จะปฏิบัติกรรมฐาน เราสมาทานแล้วว่า ขอมอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พอเกิดเหตุแปลก ๆ ขึ้นกับร่างกาย เราก็กลัวทุกที หลายรายก็หยุดการปฏิบัติไปเลย เป็นที่น่าเสียดายที่ไปกลัวความดีที่จะเกิดขึ้น

ปีติที่เกิดขึ้นนั้น ท่านอรรถกถาจารย์เปรียบเทียบไว้ว่า เหมือนอย่างกับพ่อแม่ทิ้งลูกไว้บ้าน ตนเองไปทำไร่เสียทั้งวัน หรือเข้าเมืองเข้าตลาดไปทั้งวัน เมื่อกลับมาในตอนค่ำ ลูก ๆ เห็นก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจว่าพ่อมาแล้ว แม่มาแล้ว บางคนก็ร้องไห้โฮไปเลยก็มี อาการปีติก็ลักษณะเดียวกัน

เนื่องจากว่าในอดีตจิตของเราเคยสงบมาในช่วงหนึ่ง หรือชาติใดชาติหนึ่ง เมื่อถึงเวลาสภาพจิตของเรากลับไปสงบเหมือนเดิม เกิดความคุ้นเคย ก็เกิดอาการปีติต่าง ๆ ทั้ง ๕ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา วิธีแก้ไขก็คือ ต้องปล่อยให้ปีตินั้นเกิดขึ้นอีกอย่างเต็มที่ไปทีเดียว ไม่เช่นนั้นแล้วถ้ามัวแต่ไปกลัวอายคนอื่นอยู่ ถึงเวลาไปบังคับให้หยุด ก็จะหยุดได้ทันที แต่ถ้ากำลังใจทรงตัวจนถึงระดับนั้นเมื่อไร อาการต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นอีก จึงมีวิธีเดียวที่จะก้าวข้ามไปได้ก็คือ ปล่อยให้ปีติเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ บางคนก็ข้ามวันข้ามคืน บางคนก็หลาย ๆ วัน หลาย ๆ เดือน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-06-2016, 15:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาเองก็โดนไป ๒ เดือนกว่า เฉพาะโอกกันติกาปีติ ดิ้นตึงตังโครมคราม หกคะเมนตีลังกาไปเรื่อย ๆ พอตั้งใจจะนอน เอนตัวลงจิตเริ่มเป็นสมาธิก็ดิ้นตึง ๆ อยู่บนเตียง แต่เนื่องจากอาตมาเป็นคนช่างสังเกต จึงเห็นว่าแม้ว่าร่างกายจะดิ้นตึงตังโครมคราม แต่สภาพจิตของเราสงบเยือกเย็นมาก สามารถกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก พร้อมกับคำภาวนาได้อย่างชัดเจนมาก จึงไม่ได้กังวลอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย ตามดูตามรู้แต่ลมหายใจเข้าออกของตน ขนาดนั้นยังเป็นอยู่เกือบ ๓ เดือน

ดังนั้น ถ้าท่านทั้งหลายมีอาการปีติอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ถ้าปล่อยให้เต็มที่ก็จะก้าวข้ามไปได้ เมื่อผ่านจากปีติแล้ว สภาพจิตก็จะเกิดความสุขเยือกเย็น และก้าวเข้าสู่อัปปนาสมาธิ ก็คือปฐมฌาน

ท่านที่เป็นคนใหม่ ถ้าเกิดอาการทั้งหลายที่ว่ามา ขอให้ทุกคนเลิกกลัว เพราะว่าเราใกล้ความดีเป็นอย่างยิ่งแล้ว ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้ดูลมหายใจเข้าออก ถ้ามีคำภาวนาอยู่ให้ดูคำภาวนาต่อไป ร่างกายจะเกิดอาการอย่างไรก็ตาม จะเห็นว่าสภาพจิตของเราสงบนิ่งเยือกเย็นมาก เมื่อปล่อยให้เต็มที่ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็จะก้าวผ่านไปเอง แล้วจะสามารถทรงฌานได้อย่างที่ปรารถนา เมื่อทุกคนรู้แล้ว ก็อย่าได้พลาดอีก ถึงเวลาปล่อยให้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ อย่าไปอับอายขายหน้าคนอื่น ถ้ามัวแต่อายเขา เราก็ก้าวเข้าไม่ถึงความดีสักที

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2016 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:33



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว