กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 19-09-2014, 14:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พวกผีดิบ ซอมบี้มีจริงไหมครับ ?
ตอบ : มี..หากจะว่าไปแล้วพวกวิชาการเหล่านี้ ประเทศจีนเขามีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาเรียกว่าวิชาต้อนศพ เป็นของพวกนักพรตเหมาซาน สมัยก่อนการเดินทางในประเทศจีนนี่ สุดเหนือสุดใต้เป็นพัน ๆ กิโลเมตร แล้วรถราม้าช้างก็ไม่ได้คล่องตัวเหมือนกับสมัยนี้ ถึงเวลาไปตายต่างแดนก็ต้องจ้างพวกนี้ให้เขาต้อนศพกลับบ้าน เขาจะมี ๒ คน คุมหน้าคนหนึ่ง คุมหลังคนหนึ่ง ถึงเวลาก็ไปพักโรงเตี๊ยม

เขามีคำพูดว่า ถ้ามา ๓ คนกินข้าวแค่ ๒ คน ให้รู้เลยว่าเป็นพวกต้อนศพ เพราะอีกคนไม่ต้องกิน แต่ถ้าเดินระยะทางไกล ๆ เป็นเดือน ๆ ก็ต้องให้ศพกินข้าว เขาจะให้กินข้าวเปล่า ไม่ให้กินพวกกับข้าว เขาบอกว่าถ้าให้กินศพจะรู้ตัวว่าตายแล้ว และจะหนีไป ไม่ยอมกลับบ้าน

ทำไมเรื่องนี้ไปตรงกับทางด้านเฮติก็ไม่รู้ เพราะคนละซีกโลกเลย พวกเฮติที่เขาปลุกศพขึ้นมาใช้งานก็เหมือนกัน เขาให้กินแต่พวกข้าวเปล่า ถ้ากินเกลือเมื่อไรศพก็หนีกลับทันทีเหมือนกัน ไปตรงกันได้อย่างไรไม่รู้ แต่ว่าวิชาการพวกนี้ก็เหมือน ๆ กัน แต่ทางเฮตินั้นเขาต้องการแรงงานไปใช้งาน ไม่ต้องจ่ายค่าแรงนอกจากให้ข้าวกินวันละมื้อเดียว เพียงอย่าเผลอให้กินเกลือนะ ให้กินเกลือเมื่อไรก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น ถ้าเราดูหนังประเภทผีกัด จะเห็นว่าเขาให้ผีกินแต่ข้าวเปล่า ไปตรงกันได้ ฉะนั้น..พวกที่ปลุกศพขึ้นมาใช้งานนี่แหละคือต้นตำหรับของซอมบี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2014 เมื่อ 14:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 19-09-2014, 14:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาคุมได้อย่างไร ?
ตอบ : เขาใช้คาถาสะกดเอาไว้ ขณะเดียวกันก็เลี้ยงด้วยอาหาร พอจะมีอาหารหล่อเลี้ยงศพไว้ แต่ว่าต้องเป็นศพที่ตายใหม่ ๆ ถ้าตายนานแล้วเดี๋ยวอวัยวะภายในไม่ทำงาน

ถาม : มีแต่ตัวเปล่า ๆ ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ใช่มีแต่ตัวก็คงใช้พวกสัมภเวสีหรือว่าอสุรกายบางอย่างไปบังคับร่าง แต่ว่าเขาก็เก่งนะ เพราะว่าคนจีนเขาใช้วิธีนี้มาเป็นพันปีแล้ว ถึงเวลาต้อนศพเดินทาง ถ้าคนไหนเก่ง ๆ ก็ต้อนไปที ๕ - ๑๐ ศพ แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วเขารับ ๑ ศพ จะมี ๒ คนคุมหัวคุมท้าย จนกระทั่งกลายเป็นวลีว่า "มา ๓ คนกินข้าวแค่ ๒ คน" ก็ให้รู้เลยว่าพวกนี้แหละ

แต่เขาจะบอกเลยว่า ไปถึงให้ทางญาติเตรียมโลงเตรียมอะไรไว้ให้พร้อม พอปล่อยผีลงโลงต้องรีบปิดเลย เพราะว่าตายมานานแค่ไหนก็จะเน่าเละแค่นั้น พอเขาถอนเวทย์มนต์คาถาหรือผีที่คุมร่างออก ศพจะเน่าเท่ากับที่ตายมา ถือว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่งเหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 20-09-2014, 06:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กรรมสุราฯ ขวางการฝึกสติไหมคะ ?
ตอบ : ก็มีส่วน

ถาม : ถ้าตั้งใจฝึกปฏิบัติมาก ๆ จะทำให้อกุศลกรรมที่ทำไว้ยังไม่ส่งผลได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจฝึกปฏิบัติอย่างจริงจัง เรื่องของกรรมฐานเป็นบุญใหญ่ "อาจจะ" สามารถฝืนกรรมเก่าได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-09-2014 เมื่อ 05:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 20-09-2014, 08:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีโยมอยู่คนหนึ่ง อาตมารู้จักมาตั้งแต่สมัยที่เขายังเรียนหนังสืออยู่ เขาทำงานแล้วเก็บเงินซื้อทองเดือนละบาท ๆ จนกระทั่งเก็บทองได้ ๑๕๐ บาทแล้ว มีคนประกาศขายตึกแถวที่เป็นอาคารพาณิชย์ เขาก็เลยขายทองไปซื้อตึกแถวแล้วก็มาทำกิจการอยู่ ปัจจุบันนี้ก็ผลิตขนมปังส่งร้าน 7 Eleven ทั่วภาคเหนือ บอกว่าจะเริ่มไปเก็บทองใหม่แล้ว ซึ่งเกิดจากว่าพ่อเป็นสายส่งหนังสือพิมพ์ ก็เลยทำงานแทนพ่อ พอพ่อจะจ่ายเงินเดือนก็ขอเป็นทองเดือนละบาท ตอนช่วงนั้นก็ได้สิ ทองบาทหนึ่ง ๒,๐๐๐ กว่าบาทเอง ตอนซื้อตึกนี่ทองขึ้นไปเจ็ดแปดพันบาทแล้ว ปัจจุบันนี้ก็เริ่มเก็บใหม่

เรื่องการเก็บทองก็ดีอยู่อย่างหนึ่งว่าราคาไม่ค่อยตก แต่ว่าไม่ค่อยสะดวกอยู่อย่างหนึ่งว่าเก็บยาก ถ้าคิดว่ามีทองสักแต่ว่าเก็บ ๆ ก็ไม่ใช่นะ บางทีถ้ามีคนเขารู้นี่ยุ่งเหมือนกัน ฉะนั้น..ถ้ารักจะเก็บนี่ต้องเงียบอย่างเดียวเลย ดาราสมัยก่อนมีคุณสมบัติ เมทะนี พอค่าแรงในการแสดงออกก็ซื้อทองเส้นหนึ่ง ถ้าได้ค่าแรงมากก็ซื้อเส้นใหญ่ ได้ค่าแรงน้อยก็ซื้อเส้นเล็ก แต่จะซื้อทุกครั้ง

คุณสมบัติ เมทะนีนี่ หนังสือ กินเนสบุ๊ค ออฟ เรคคอร์ด บันทึกไว้ว่า เล่นหนังเป็นตัวเอก
มากที่สุดในโลก ๖๐๐ กว่าเรื่อง เราลองคิดดูว่าถ้าเขาเก็บทองเรื่องละบาท อย่างไม่มี ๆ ก็ ๖๐๐ กว่าบาทแล้ว การรู้จักอดออมตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทำให้มีฐานะมั่นคง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 09:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 20-09-2014, 08:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ดาราสมัยก่อนต้องบอกว่ารักเกียรติ รักชื่อเสียงครอบครัววงศ์ตระกูลมาก เราจะสังเกตว่าดารารุ่นเก่านี่แทบจะไม่มีเรื่องเสียหายอะไรให้ปรากฏเลย รักเกียรติยศ รักศักดิ์ศรี รักชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ฉะนั้น..ดารารุ่นเก่าพอมาสมัยหลังก็เป็นแบบอย่างให้รุ่นใหม่ ๆ เขา อย่างคุณพิศมัย วิไลศักดิ์ ไปไหนเขาก็เรียก "ป้าหมี" ท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีเรื่องอะไรเสียหายเลย

ดารารุ่นหลัง ๆ ตั้งแต่หลังยุคของคุณจารุณี สุขสวัสดิ์มา รู้สึกว่าเริ่มเอานิสัยฝรั่งมาใช้กัน เปลี่ยนคู่กันเป็นว่าเล่น ไม่ได้เหมือนดาราสมัยก่อน เราดูอย่างคู่ของคุณสมบัติกับคุณกาญจนา คุณชรินทร์กับคุณเพชรา คนไปถามคุณชรินทร์ว่า "ภรรยาตาบอด ทำไมยังเลี้ยงดูอุ้มชูเสียอย่างดี ไม่รู้จักหาใหม่หรืออย่างไร ?" คุณชรินทร์บอกว่า “ก่อนหน้านี้กว่าจะได้
มาสุดจะยากเย็นเข็ญใจ ได้มาก็ต้องทะนุถนอมรักษาไว้” หรือไม่ก็อย่างปัจจุบันก็คุณเศรษฐากับคุณอรัญญา ที่โฆษณาประกันชีวิตแบบผู้สูงอายุ

ดาราสมัยก่อนเขารักเกียรติรักชื่อเสียงมาก อย่างป๋าต๊อกนี่เราก็รู้ว่าเจ้าชู้จะตาย แต่ว่าไม่มีเรื่องเสียหาย มารุ่นหลัง ๆ นี่เขาจะไม่มีเกียรติยศชื่อเสียงให้รักษา หรืออาจจะประเภทไม่มีวงศ์ตระกูลให้รักษา ก็เลยเละเทะไปเรื่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 09:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 20-09-2014, 08:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในโภควิภาคของพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านให้รู้จักแบ่งทรัพย์สิน ท่านว่า เอเกน โภเค ภุญเชยยะ ส่วนที่ ๑ ใช้ในการเลี้ยงชีพตนเอง ทวีหิ กัมมัง ปะโยชะเย ๒ ส่วนเอาไว้ใช้ในเรื่องของหน้าที่การงาน จะตุตถัญจะ นิธาเปยยะ ๑ ส่วน เก็บไว้เป็นทุนสำรอง โบราณเขาจึงผูกไว้เป็นกลอนว่า
ทรัพย์มีสี่ส่วนไซร้..................ปูนปัน
ส่วนหนึ่งพึงเกียดกัน...............เก็บไว้
สองส่วนคิดควรผัน การกิจ..........งานนา
เหลืออีกส่วนควรใคร่ ไว้ใช้..........ยามจน

ของโบราณส่วนใหญ่เอามาจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น ถ้าเราพิจารณาหลักธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว จะแบ่งได้เป็น ๓ ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือความสุขในปัจจุบัน คือหลักธรรมต่าง ๆ เราประพฤติปฏิบัติแล้วก็เป็นคนชั้นดี คำว่า "คนชั้นดี" ในที่นี้ก็คือ มีศีล มีธรรม มีฐานะมั่นคง

ส่วนที่ ๒ สำหรับผู้ปฏิบัติแล้วมุ่งเอาสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไป ส่วนที่ ๓ ก็มุ่งเอาการหลุดพ้นจากกองทุกข์ ที่พระพุทธเจ้าตรัสธรรมะมา ถ้าเราพิจารณาดูก็จะไม่เกินใน ๓ ส่วนนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 09:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 20-09-2014, 08:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมหลายท่านปวารณาไว้ก็ถามว่าเมื่อไรอาตมาจะขออะไรสักที ก็ไม่รู้จะขออะไร เพราะมีทุกอย่าง ส่วนใหญ่โยมจะเจอว่าพระขอโน่นขอนี่ ช่วยเป็นเจ้าภาพอย่างนั้นอย่างนี้ อาตมาออกระเบียบวัดห้ามบอกบุญห้ามเรี่ยไร จบเลย..หมดเรื่องไป

ฉะนั้น..โยมปวารณาของอาตมานี่ ประเภทมีแต่รายชื่ออยู่ในบัญชีเฉย ๆ ว่าปวารณาไว้ มีหลายท่านที่เสียชีวิตไปแล้ว อาตมาก็อุทิศส่วนกุศลไปให้ ไม่ได้ขอจนโยมตายเลยละ...!

มีอยู่รายหนึ่งนี่ปวารณาได้ดุมาก ปวารณาว่า “พระอาจารย์จะสร้างหนี้เท่าไรเชิญตามสบายเลยครับ สิ้นปีผมจะเคลียร์ให้” ไม่ต้องหรอกโยม อาตมามีปัญญาจ่าย มีโยมอยู่ท่านหนึ่งเป็นวิศวกร นั่งนับจำนวนคนอยู่เป็นวัน ๆ นับเสร็จแล้วก็บอกว่า “ที่มาหาพระอาจารย์อย่างเก่งก็ไม่เกินวันละพันคน พันคนถ้าทำบุญเฉลี่ยคนละ ๕๐๐ ก็ได้ห้าแสน แล้วอาจารย์เอาเงินที่ไหนไปจ่ายเดือนหนึ่งเป็นสิบล้านก็ไม่รู้” ก็มีให้จ่ายได้นี่นะ

สถิติล่าสุด เบิกเงินจากธนาคารห้าล้าน ปรากฏว่าวันนั้นจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงช่างไปแปดล้านกว่า ต้องบอกว่าเราทำได้..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 09:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 20-09-2014, 08:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาอาการข้อพลิกข้อแพลง ให้เอาใบพลับพลึงลนไฟให้ร้อนแล้วพันไว้จะหายเร็ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 09:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 20-09-2014, 12:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกกำลังทำสมาธิ ลูกได้ยินเสียงแล้วทำให้ลูกตกใจค่ะ ลูกเลยต้องภาวนามากค่ะ ?
ตอบ : อยู่กับลมหายใจเข้าออก แสดงว่าสติหลุดจากลมหายใจไปแล้วถึงได้ตกใจ ฉะนั้น..ถึงเวลาเราจดจ่ออยู่กับลมหายใจเข้าออกก็พอ

ถาม : เสียงนี้ทำให้หนูสติแตกหรือกรรมฐานแตก...(ไม่ชัด).... ?
ตอบ : แล้วแตกหรือยัง ? เขาแค่กวนไม่ให้เรานั่งได้แค่นั้นเอง ไม่ต้องไปสนใจ ไม่รู้ไม่ชี้ อยู่กับลมหายใจเข้าออกก็พอ ถ้าเราไปสนใจ เผลอ ๆ ส่งใจไปที่อื่น ถึงเวลาเขากวนแล้วจะตกใจอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 16:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 20-09-2014, 12:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า “วันก่อนอาตมายกบาตรใบใหญ่ทำจากหินอ่อนกลึง ถามว่าใหญ่แค่ไหน ก็แค่ฝาบาตรกว้าง ๑๖ นิ้ว ยกจากใต้บันไดออกมาตรงประตูของตึกแดง พระท่านเห็นก็วิ่งมาช่วยกันใหญ่ ปรากฏว่า ๒ รูปมาถึงก็ยกไม่ขึ้น มองหน้ากันแล้วส่ายหัว สรุปว่ายังแก่ไม่พอ เดี๋ยวรอให้แก่เท่าหลวงพ่อแล้วจะแข็งแรง ก็เลยไปนึกว่า รถสิบล้อถึงเก่าแค่ไหนก็บรรทุกได้มากกว่ารถกระบะใหม่ ๆ อยู่นะ”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 16:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 20-09-2014, 14:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้ชาวนาบ้านเราลำบากไม่เป็นแล้ว ไถก็ใช้รถ ดำก็ใช้รถ เกี่ยวก็ใช้รถ สีก็ใช้รถ เดี๋ยวนี้เขาเล่นสีข้าวตั้งแต่ข้าวเขียว ๆ ที่พวกเราเคยใช้ทำข้าวเม่ากัน สีเสร็จแล้วก็เอาไปตาก ก็เลยกลายเป็นข้าวคุณภาพไม่ดี เพราะข้าวยังไม่แก่จัด เขารีบสีตั้งแต่ตอนนั้น เพราะเอารถลุยลงไปเกี่ยว เกี่ยวเสร็จสีเลย อาตมาเห็นว่ามักง่ายขึ้นเยอะเลย

ที่น่าสงสารที่สุดอะไรรู้ไหม ? เดี๋ยวนี้นกปากห่างหาหอยกินไม่ได้ เพราะหอยโดนยาชาวนาตายหมด สมัยก่อนนกปากห่างเวลาลงนานี่ลงกันทีสามสี่ร้อยตัวแน่นไปหมด เดี๋ยวนี้นกลงนาละ ๓-๔ ตัว เพราะลงมากก็ไม่มีอะไรให้กิน ลงนาละ ๓-๔ ตัวแล้วก็แยกกันเดินห่อเหี่ยว หาดูว่าจะมีหอยหลงอยู่สักตัวไหม เพราะถ้าไม่ใช้วิธีดาวกระจายแบบนี้ก็หากินไม่ได้ มีไม่พอให้กิน"


ถาม : ไม่ลงไปกินข้าวหรือคะ ?
ตอบ : นกปากห่างกินข้าวไม่ได้เพราะปากโบ๋อยู่ เอาไว้ใช้งับหอยโข่ง แล้วหอยสมัยนี้ที่โดนยาก็ตายหมด ไม่ได้กิน ตัวที่รอดจากยามาก็มีแต่สารพิษตกค้าง พอนกกินลงไปก็ทำให้ไข่เปลือกบางบ้าง เปราะบ้าง ถึงเวลานกฟักไข่ก็ทับแตกอีก คงจะสูญพันธุ์อยู่เร็ว ๆ นี้แล้ว ที่น่าสงสารคือนกปากห่างกินอาหารจำกัดมากเลย ไม่ใช่กินได้หลาย ๆ อย่าง จะให้ไปไล่จับปลากินก็ไม่ได้ เพราะปากเอาไว้สำหรับขบหอยโข่ง พอจะกินพวกตั๊กแตนอะไรได้ก็โดนยาตายหมดอีก

พอคนไปทุ่มเทในเรื่องของยาเรื่องของปุ๋ยหนัก ๆ รายจ่ายก็สูง พอร่ายจ่ายสูงขายข้าวไม่ได้ราคาก็เจ๊ง เพราะฉะนั้น..บ้านเราต้องใช้เกษตรอินทรีย์ อยู่อย่างพอเพียงแบบในหลวงท่านว่า ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่ไหลตามกระแสบริโภคนิยม รถก็ผ่อน บ้านก็ผ่อน โทรทัศน์ก็ผ่อน ตู้เย็นก็ผ่อน ถ้าไม่รีบทำก็ดอกเบี้ยกินตาย ก็เลยต้องใช้วิธีเร่งปุ๋ยเร่งยา ยิ่งเร่งมากก็ยิ่งต้นทุนแพง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 20-09-2014, 14:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอทุกอย่างอยู่ในกระแสบริโภคนิยม ก็ต้องเร่งรัดหาเงิน แต่หามาเท่าไรก็ไม่ใช่เงินตัวเอง กลายเป็นเงินคนอื่นเขา อันนี้เงินผ่อนบ้าน นี่ผ่อนรถ ผ่อนโทรทัศน์ ผ่อนตู้เย็น หามาเท่าไรก็ของเงินชาวบ้านเขา โดยเฉพาะเรื่องรถ ถ้าไม่ใช่รถเพื่อทำมาหากินแล้ว อาตมาไม่ได้สนับสนุนการมีรถเลย โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้ผ่อนรถ ๘๔ เดือน พอผ่อนเสร็จรถก็หมดสภาพ ต้องเอาไปเปลี่ยน ออกคันใหม่มาแล้วก็ผ่อนต่อ

อาตมาเคยซื้อรถอยู่ ๕ คัน ซื้อเงินสดตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะว่าดีลเลอร์รู้จักกันละก็ รับรองว่าโดนด่าไปแล้ว เพราะว่าลองไปคิดหักกลบลบล้างแล้ว ระหว่างซื้อเงินสดกับซื้อเงินผ่อน ซื้อเงินผ่อนมีดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นคันละเกือบสามแสนบาทของตอนช่วงนั้น แต่พอน้ำมันดีเซลขึ้นถึงลิตรละ ๑๓ บาท อาตมาก็โละรถหมดวัด..เลิกใช้ บรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูงก็ยังไม่กระดิกตัว พอดีเซลลิตรละ ๒๐ บาทร้องจ๊ากเลย เขาบอกว่า "อาจารย์เล็กคิดถูกแล้วที่ไปนั่งรถแท็กซี่"

ปัจจุบันที่มีรถใช้เพราะโยมให้ยืม โยมมีหน้าที่ไปต่อทะเบียน ไปต่อประกัน อาตมามีหน้าที่ใช้อย่างเดียว ถ้าโยมมีปัญหาก็เอาคืนไปเลย ไม่มีรถจะได้ไม่ต้องรับกิจนิมนต์ จะได้บอกกับเจ้าภาพว่าไม่มีรถ ไปไม่ได้ นี่กำลังวางแผนว่าพออายุ ๖๐ จะโละรถทิ้งให้หมดแล้วไม่รับใหม่อีก แก่แล้ว ไม่มีรถไปไม่ได้หรอก ใครจะนิมนต์ต้องเช่าเฮลิคอปเตอร์มารับ ไปนึกถึงหลวงปู่เณรคำ ท่านมีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว..ใช่ไหม ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 16:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 20-09-2014, 14:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านเราต้องบอกว่าน่าชื่นชมตรงที่บางอย่างเอาหลักธรรมมาใช้กันจริง ๆ ก็คือรู้จักอโหสิกรรมและให้อภัย ไม่ยุ่งกับใครหรอก ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา ส่วนเรื่องที่ควรจะเอาหลักธรรมไปใช้จริง ๆ ไม่ค่อยเอากันหรอก..!

ระยะนี้สถานการณ์บ้านเมืองก็ต้องบอกว่า wait and see รอดูว่ารัฐบาลทหารมีฝีมือแค่ไหน ตอนนี้ทุกอย่างรวมศูนย์อยู่ที่รัฐบาล ถ้ามีอำนาจที่ครบถ้วนขบวนความขนาดนี้แล้วไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็ไม่ต้องไปรอรัฐบาลไหนแล้ว เพียงแต่ว่าชาวบ้านเขาตั้งความหวังไว้สูง แล้วคณะรัฐบาลก็ไม่ใช่ทศกัณฐ์มาเกิด มีอยู่แค่ ๒ มือทำงานไม่ไหวหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 16:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 20-09-2014, 14:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมทั้งหลายที่ได้บูชาวัตถุมงคลไป บางทีก็ไม่ชัดเจนว่าวัตถุมงคลเรามีไว้เพื่ออะไร อาตมาอธิบายรายละเอียดเอาไว้ในหนังสือประวัติวัดท่าขนุน ซึ่งจะออกประมาณกลางเดือนกันยายนนี้ ถ้ามีโอกาสแล้วก็ไปดูว่า โบราณาจารย์หรือครูบาอาจารย์ท่านสร้างวัตถุมงคลเพื่อวัตถุประสงค์อะไร จะได้รู้กันแล้วก็ปฏิบัติได้ถูก

ต้องบอกว่าคนโบราณท่านลึกซึ้งมาก แต่คราวนี้บางทีท่านลึกไปจนเรามองไม่เห็น ฉะนั้น..บางทีในปัจจุบันของเราได้วัตถุมงคลไปก็ใช้ได้แค่ผิว ๆ เท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 16:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 20-09-2014, 14:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของวัดวาอารามต่าง ๆ มักจะมีปัญหาใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง คือ คนใกล้ชิดเจ้าอาวาสไปทำมาหากินในเรื่องพวกนี้ เมื่อเดือนก่อนมีโยมคนหนึ่งไปหาที่วัด บอกว่าโอนเงินให้กับหลานอาตมาไปแล้ว จะมารับวัตถุมงคล อาตมาก็นั่งกุมกบาล "กูจะเอาที่ไหนให้ ?" เพราะวัตถุมงคลวัดท่าขนุนก็รู้ ๆ อยู่ว่า คนที่ไม่มีเลยก็คือเจ้าอาวาส..!

อาตมามีหลานอยู่คนหนึ่ง เขาไปบอกคนอื่นว่าเป็นหลานที่ใกล้ชิด มีวัตถุมงคลรุ่นนั้นรุ่นนี้ ราคาเท่านั้นเท่านี้ คนก็เชื่อถือและก็โอนเงินไปให้ แต่ปรากฏว่าเขาหายเข้ากลีบเมฆไปเลย แล้วทุกวันนี้อาตมาก็ไม่ได้เจอหน้าหลานคนนี้มาเป็น ๑๐ ปีแล้ว อยู่ ๆ ก็มีคนไปจะรับวัตถุมงคล บอกว่าโอนเงินให้หลานไปแล้ว อาตมาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร บอกเขาว่าไปแจ้งความข้อหาฉ้อโกงเอาก็แล้วกัน

เรื่องของคนใกล้ชิดเจ้าอาวาส ถ้าไม่มีจิตสำนึกจะสร้างความเสื่อมเสียให้กับวัดอย่างมาก เพราะคนมักจะให้ความเกรงใจ นั่นก็พ่อแม่เจ้าอาวาส นี่ก็พี่ป้าน้าอาเจ้าอาวาส นั่นก็พี่ นี่ก็น้อง นั่นก็หลานเจ้าอาวาส บรรลัยเลย อาตมาถึงได้ออกระเบียบวัดว่า ถ้าผู้ใดอ้างว่าเป็นพวกพ้องหรือพี่น้องของพระภิกษุในวัด แล้วมาทำผิดระเบียบ ให้ไล่ออกจากวัดไป แล้วห้ามเข้าวัดตลอดชีวิตเลย จะมีระเบียบอยู่ข้อเดียวที่ห้ามเข้าวัดตลอดชีวิต

ตอนแรกมีคนสงสัยว่าน้องเล็กทำอย่างนี้หรือเปล่า ? ปรากฏว่าเขาเพิ่งรู้ว่าน้องเล็กเป็นผู้หญิง ตอนแรกคิดว่าเป็นหลานเจ้าอาวาสที่โทรคุยกันว่าเสียงผู้ชาย แล้วญาติโยมโปรดทราบว่า ก่อนอาตมาบวช บรรดาพี่ทั้ง ๘ คน หาหลานให้อาตมา ๓๒ คน แล้วอาตมาก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่บวชไปแล้วมีหลานเพิ่มหรือเปล่า ? แต่ตอนนี้มีเหลน ๒๐ กว่าคนแล้ว เมื่อครู่ก็อุ้มมาคนหนึ่ง คือบรรดาหลาน ๆ โตเป็นหนุ่มเป็นสาว มีลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้วเยอะเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 16:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 20-09-2014, 14:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฉะนั้น..ใครอ้างว่าเป็นญาติเจ้าอาวาส ให้พวกเราดูด้วยว่าเป็นญาติเจ้าอาวาสแล้ว มีความประพฤติเหมือนกับเจ้าอาวาสบ้างหรือเปล่า ? ถ้าไม่เหมือนก็เอาปูนกาหัวไว้เลย สมัยก่อนเขากินหมาก สมัยนี้ไม่มีเอาอะไรดี ? เอาบุหรี่จี้หน้าผากก็แล้วกัน สมัยก่อนเขาใช้คำว่า "ปูนหมายหัว" เพราะว่าคนกินหมากกันเยอะ ทำเครื่องหมายเอาไว้ว่าคนนี้คบไม่ได้ สมัยนี้ไม่ค่อยกินหมากกันแล้ว เอาหมากฝรั่งแปะหน้าผากเขาไว้ก็ได้

แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ช่วงอาตมาเป็นหน้าห้องของหลวงพ่อท่าน มีคนมาอ้างเป็นญาติเยอะมาก มีอยู่รายหนึ่งมาถึงก็ส่งบัตรประชาชนให้เลย นามสกุลสังข์สุวรรณ บอกว่ามาจากพัทลุง เป็นญาติของหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาเห็นแก่นามสกุลนี้ก็เลยยอมให้หลวงพ่อด่า โทรศัพท์เข้าไป ปรากฏว่าหลวงพ่อท่านไม่ด่า ท่านบอกว่าให้ไปพบตอนรับแขก คือตอนบ่ายโมงที่ตึกรับแขก อาตมาก็แจ้งเขาไป เขาก็ลังเล ๆ อยู่พักหนึ่ง แล้วท้ายสุดก็กลับไป

จนกระทั่ง ๑๐.๔๕ น. หลวงพ่อออกจากห้องทำงานมานั่งพักผ่อน อาตมาก็เข้าไปกราบถามท่าน บอกว่า “หลวงพ่อครับ เขาเป็นญาติหลวงพ่อนะครับ ผมดูแล้วว่านามสกุลนี้ด้วย” ท่านบอกว่า “แกจำไว้เลยว่า ตอนที่ข้าลำบากไอ้พวกนี้ไม่เคยโผล่หัวมาให้เห็น แต่พอข้าดังขึ้นมาพวกนี้ก็ตั้งใจจะมาโหน จะมาขอความช่วยเหลือ เพราะฉะนั้น..ต่อไปคนประเภทนี้มาแกไม่ต้องเกรงใจ บอกไปรอพบตอนรับแขก”

แล้วอีกรายหนึ่งก็มาอ้างว่า บ้านอยู่ติดกับบ้านหลวงพ่อ รู้จักสนิทสนมกับครอบครัวของหลวงพ่อดี ขอเข้าพบนอกเวลา อาตมาก็โทรเข้าไป หลวงพ่อบอกว่า “แกจำไว้นะ ตำบลสาลี อำเภอบางปลาม้า มีลูกหลานพี่น้องนามสกุลสังข์สุวรรณอยู่ ๙คน ที่ดินติดกันหมดเกือบพันไร่ ไม่มีใครบ้านอยู่ใกล้ข้าหรอก พี่น้อง ๙ คนที่นาเกือบพันไร่ ใครจะมาอ้างว่าอยู่ใกล้บ้านข้าได้วะ ?”

พอได้ยินดังนั้นอาตมาก็หูตาสว่าง ใครอ้างขนาดไหนไม่ได้เข้าหรอก พี่น้อง ๙ คนตีว่าถ้ามีที่คนละ ๒๐๐ ไร่ ก็เกือบสองพันไร่แล้ว ท่านใช้คำว่าเกือบพันไร่ แสดงว่ามีคนละเป็นร้อยไร่เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2014 เมื่อ 16:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 21-09-2014, 15:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ป้าจี๋เคยเข้าห้องพระเครื่องของเว็บพลังจิตไหม ? สักประมาณ ๓-๔ ทุ่มนี่คนเข้ากันเป็นหมื่นคนเลย อย่างไม่มี ๆ ก็สี่ห้าพันคน ฉะนั้น..ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าท่านที่สนใจธรรมะจริง ๆ ทำไมมีไม่เท่าไร"

ถาม : เมื่อก่อนทำบุญก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องวัตถุมงคล ?
ตอบ : การปฏิบัติธรรมแรก ๆ ก็ต้องพึ่งพิงข้างนอก พอนาน ๆ ไปจิตใจเกิดความมั่นคงขึ้นมา ก็ไม่ต้องพึ่งข้างนอกแล้ว แต่ว่าบุคคลที่มีปัญญา โดยความไม่ประมาท ใส่เกราะเอาไว้ย่อมปลอดภัยกว่า อาตมาเองก็พกวัตถุมงคลเป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2014 เมื่อ 16:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #138  
เก่า 21-09-2014, 15:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คุณแม่ฝากมาถามว่าปฏิบัติธรรมแล้วไม่ขึ้นหน้า ไปต่อไม่เป็นครับ ?
ตอบ : ฉะนั้น..ก็จงไม่เป็นต่อไป เมื่อไม่สามารถจะบอกได้ว่าทำไปถึงตรงไหนแล้ว ใครจะบอกต่อได้ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ?

ถาม : เหมือนกับไม่รู้จะพิจารณาอย่างไร เหมือนเป็นทางว่าง ๆ ?
ตอบ : ต้องให้ท่านมาเอง เพราะรายละเอียดอื่นมีมาก อาตมาซักถามไปคุณก็ตอบไม่ได้หรอก ส่วนใหญ่ที่ทำแล้วไม่ก้าวหน้า ถ้าไม่ใช่ทำเกินก็ทำขาด ปัจจุบันนี้หาคนทำเกินไม่ได้หรอก..มีแต่ขาด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2014 เมื่อ 16:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #139  
เก่า 21-09-2014, 15:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ได้ยินเสียงปั้ง ๆ ๆ ๆ แวบแรกที่ได้ยิน ก็ตกใจกลัวนิดหนึ่ง ?
ตอบ : เป็นธรรมดา ไม่ว่าใครก็ตามที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ ก็ย่อมกลัวตายทั้งนั้น อย่าลืมว่าความกลัวทุกชนิด มีสมุฏฐานมาจากความกลัวตาย ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2014 เมื่อ 16:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #140  
เก่า 21-09-2014, 15:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเสื้อยันต์เกราะเพชรพิชัยสงครามว่า “ถ้าจะให้ดีก็ให้ซักตัวเดียว อย่าไปปนกับเสื้ออื่น”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-09-2014 เมื่อ 16:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว