กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-03-2012, 09:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๕

ถาม : พี่ชายของหนูเขาสนใจเกี่ยวกับการฝึกลมปราณค่ะ เขาอยากทราบว่าท่านได้เขียนหรือฝึกจากตำราไหนมาบ้างหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไปดูตำรามวยไทเก๊กที่ จำลอง พิศนาคะแปล นั่นได้เล่มหนึ่ง เล่มอื่นไม่ค่อยไว้วางใจเพราะว่าไม่ค่อยได้อ่านรายละเอียด

ถาม : หนูพยายามดึงพ่อเข้ามาทางธรรมค่ะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะหวังผลแค่ไหนดี
ตอบ : ไม่ต้องหวังจ้ะ เราได้ทำถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็ช่างเถอะ

ถาม : คิดว่าจะชวนพ่อมาที่บ้านวิริยบารมี แต่ก็กลัวท่านจะไม่เข้าใจ แล้วอาจจะเกิดผลร้ายมากกว่า
ตอบ : รอดูไปก่อนระยะหนึ่ง เอาหนังสือธรรมะไปทิ้ง ๆ ไว้บ้าง เผื่อท่านอยากอ่าน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2012 เมื่อ 10:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 282 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 07-03-2012, 16:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บทกรวดน้ำนี้ใช้ในกรณีไหนครับ ?
ตอบ : กรณีทั่ว ๆ ไปจ้ะ อิมินา ปุญญะกัมเมนะ กุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำนี้จงไปถึง อุปัชฌายา คุณุตตะรา พระอุปัชฌาย์ผู้มีคุณอันสูงสุด อาจะริยูปะการา จะ ครูบาอาจารย์ผู้มีอุปการะอย่างยิ่ง มาตา ปิตา จะ ญาตะกา ฯลฯ บิดามารดาและญาติทั้งหลาย แปลไปเรื่อย ๆ นั่นแหละ

ถาม : ใช้ได้หมดใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ไม่หมดหรอก เพราะว่าถ้าผีที่ไม่ได้มีชื่ออยู่ในกติกานี้ก็อดไป

ถาม : ก็ต้องใช้ของหลวงพ่อ
ตอบ : ใช้ของหลวงพ่อวัดท่าซุงครอบคลุมที่สุดแล้ว ใช่ญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ไม่อย่างนั้นแล้วที่ว่ามาไม่มีหรอก ถ้าไม่ตรงชื่อก็อดไป

อย่างหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเห็นผีมาขอส่วนบุญ ท่านก็อุทิศ อิมินา ปุญญะกัมเมนะ พออิมินายังไม่ทันเสร็จผีก็โดนผู้คุมเขากระชากไปแล้ว พอรุ่งเช้าตอนฉันเช้า หลวงพ่อปานท่านก็ว่า "เป็นอย่างไรพ่ออิมินาคล่อง มัวแต่ไปท่องอิมินาอยู่ผีมันจะได้แดกหรือ ?" เพราะผีที่มาญาติก็ไม่ใช่ อุปัชฌาย์ก็ไม่ใช่ ครูบาอาจารย์ก็ไม่ใช่ พ่อแม่ก็ไม่ใช่ ไม่มีในชื่อ ก็ต้องอดไปตามระเบียบ แล้วเวลาของเขามีน้อยด้วย พอหมดเวลาผู้คุมก็กระชากตัวไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2012 เมื่อ 17:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 273 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-03-2012, 16:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ท่านกล่าวว่า "พระบวชใหม่ต้องอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ เพื่อศึกษาระเบียบวินัยต่างให้ครบถ้วน จะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง ส่วนใหญ่แล้วพระเณรระยะหลัง ๆ มักจะไม่ค่อยได้ศึกษาระเบียบวินัย พูดง่าย ๆ ก็คือบวชตามประเพณีเสียมาก ในเมื่อเป็นอย่างนั้นจึงไม่เข้าใจว่าต้องอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ถึงจะเอาตัวรอดได้ เพราะกำลังใจตัวเองยังไม่ดีพอ เมื่อห่างครูบาอาจารย์ ไม่มีคนควบคุมก็ฟุ้งซ่าน พอฟุ้งซ่านมาก ๆ ท้ายสุดก็หาทางสึก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2012 เมื่อ 17:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 264 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 07-03-2012, 16:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : คาถาอะไรก็ได้ ถ้ากำลังใจทรงตัวแต่ปฐมฌานขึ้นไป ไสยศาสตร์ก็ทำอันตรายไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ได้สำคัญที่คาถา สำคัญตรงกำลังใจของเรา

ถ้าเห็นว่ามีคาถาเยอะมาก เลือกสักคาถาก็แล้วกัน สมัยก่อนอาตมาก็ว่าเป็นร้อยคาถาเหมือนกัน แต่ว่าแบ่งเวลา อย่างเช่นภาวนาอย่างละ ๓๐ จบ พอภาวนาอารมณ์ใจทรงตัวแล้วก็เปลี่ยนคาถาใหม่ไล่ไปเรื่อย รู้สึกสนุกดีเหมือนกัน

ตอนหลังถึงได้เข้าใจว่าคาถาเป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิเท่านั้น พอเป็นสมาธิแล้วเราจะใช้กำลังสมาธิในด้านไหนก็อธิษฐานเอา เพราะฉะนั้นจึงสำคัญอยู่ตรงใจเรา ใจต้องเป็นสมาธิ คาถาจึงจะมีผล และคาถานั้นคือ มโนมยา สำเร็จด้วยใจ ต่อให้คาถาไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย ถ้าเราตั้งใจให้เป็นอะไร เมื่อกำลังใจทรงตัวก็เป็นอย่างนั้น เพราะว่าอำนาจจิตของเราทรงตัวแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2012 เมื่อ 17:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 272 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 07-03-2012, 17:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



พระอาจารย์กล่าวถึงหนังสือเล่มหนึ่งว่า "คนขุดสุสานเล่ม ๒ ตัวเอกคือจ้ากู่เซ้าต้องไปขุดสุสาน เพราะอาจารย์บอกว่าให้ไปถอดชุดของคนตายมาให้ก่อนไก่ขัน ถึงจะยอมรับเป็นลูกศิษย์สอนวิชาให้ พอจ้ากู่เซ้าไปก็มีสารพัดอุปสรรคขัดขวาง โดยเฉพาะศพผู้หญิงที่โดนสะกดอยู่ ถ้าของที่สะกดหลุดออกไปจากปากศพ ขนก็เริ่มงอกยาวขึ้น ๆ ตรงจุดนี้เป็นเรื่องจริงนะ เพราะว่าคนตายโดนอสุรกายสิง แล้วก็ใช้ร่างนั้นไปหากิน ถ้าอยากรู้เรื่องพวกนี้ ลองอ่านประวัติของหลวงปู่แหวน และกฎแห่งกรรมของ ท.เลียงพิบูลย์ ตอนความลับในดงดิบ ก็จะเจอเรื่องของอสุรกายแบบนี้

ในตำราฮวงจุ้ยของจีนเขาบอกว่า ถ้าฮวงจุ้ยไม่ดีแล้ว ธาตุตัดกันสับสนเมื่อไร จะทำให้ศพเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วกลายเป็นผีดิบได้ ตำราฮวงจุ้ยเขาเชื่ออย่างนั้น แต่เราคิดง่าย ๆ เลยก็คืออสุรกายเข้าไปสิงศพ

ในเรื่องคนขุดสุสาน พระเอกต้องใช้เชือกผูกคอศพแล้วมามัดโยงกับตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้แตะต้องศพแล้วจะได้ถอดเสื้อคนตายได้ แต่พวกผีดิบเราจะไปหายใจรดเขาไม่ได้ ถ้าหายใจรดแล้วผีดิบจะดึงพลังปราณของเราไปใช้งาน แล้วศพจะฟื้นเร็วขึ้นอีก พระเอกก็เลยต้องมีสารพัดวิธีในการเอาเสื้อคนตาย

เขาต้องกินยาสะกดตัวเองให้ลมปราณนิ่ง หายใจช้าเหมือนกับศพ แต่ปรากฏว่าแมวป่าดันตะกายตามเข้าไป ถ้าแมวกระทบถูกศพเมื่อไรศพก็จะฟื้น พระเอกก็แกล้งร้องเสียงแมว แมวจึงกระโดดขึ้นมาบนไหล่ พอได้ยินเสียงร้อง แมวก็เอาขาตะปบตรงหน้ากาก เพราะจ้ากู่เซ้าใส่หน้ากากกันไม่ให้ลมหายใจถูกผี

สถานการณ์สนุกสนานเฮฮามากเลย ต้องดูว่าพระเอกจะมีไหวพริบแก้ไขเหตุการณ์ได้ไหม เพราะเขามีกติกาว่าถ้าเทียนดับแล้วหยิบของของคนตายไม่ได้ หรือว่าถ้าเสียงไก่ขันก็ถือว่าหมดเวลา ลองไปอ่านดูสนุกดีเหมือนกัน แม้ว่าเรื่องจะเปะปะไปเปะปะมา แต่ว่ามีหลายตอนที่เป็นความจริงอยู่เหมือนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2012 เมื่อ 17:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 251 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 08-03-2012, 13:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ออกรถผิดฤกษ์ค่ะ ไปออกวันที่เขาไม่ให้ออกรถใหม่ จะแก้ไขได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : แก้ไขไม่ทันแล้วจ้ะ นอกจากซื้อใหม่อีกคันตามฤกษ์ แล้วคันเดิมจอดทิ้งไว้เฉย ๆ (หัวเราะ)

ถาม : เวลาที่มีสมาธินิดหน่อย หรือบางครั้งก็อยู่เฉย ๆ จะรู้สึกว่านิ้วที่มีแหวนแปล๊บ ๆ นั่นคืออะไรหรือคะ ?
ตอบ : พลังงานที่มีอยู่ตามปกติ พอดีจิตเราเป็นอุปจารสมาธิจึงรับได้

ถาม : แล้วถ้าเกิดเราตั้งใจ..
ตอบ : ถ้าตั้งใจกำลังจะเกิน ต้องเป็นระดับอุปจารสมาธิ

ถาม : แล้วจะเป็นการปรามาสไหมคะ ?
ตอบ : ไม่เป็นหรอกจ้ะ แต่ระวังจะไปเล่นผิด แล้วจะมัวไปสนุกอยู่ตรงนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2012 เมื่อ 03:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 247 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 08-03-2012, 13:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูเข้าใจว่าปฏิบัติไปแล้วพรหมวิหารจะต้องดีขึ้น แต่กลายเป็นว่ายิ่งทำไป เมตตาที่แต่เดิมก็มีน้อยอยู่แล้วดูจะน้อยลงไปอีก กลับไปดีตัวอุเบกขาแทนค่ะ
ตอบ : อาตมาก็แบบเดียวกัน โดดข้ามเมตตาไปเป็นอุเบกขาเลย ทั้ง ๆ ที่ออกธุดงค์ก็เพราะตั้งใจจะไปเอาเมตตา

ช่วงนั้นทำงานอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุง ตั้งแต่เช้ายันค่ำต้องรบกับคนเป็นแสน ๆ มารู้ตัวตอนบ่าย ๆ แล้วว่า เสียงตัวเองดังขึ้น อาตมาเป็นคนรู้ตัวเร็ว พอรู้สึกว่าเสียงตัวเองดังก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น จึงบอกเพื่อนให้ทำงานแทน ขอไปเข้าส้วมหน่อย ไปนั่งทบทวนตัวเองแล้วก็สรุปได้ว่ากำลังเครียด เครียดเพราะไม่ได้พักไม่ได้ผ่อนมาเป็นวัน ๆ

ส่วนทำไมถึงเครียด ก็เพราะไปตั้งความหวังไว้ว่าทุกคนจะต้องรู้เรื่อง แล้วก็มีคนที่ไม่รู้เรื่องจนได้ บอกให้ทำบุญเดินเข้ามา เขาก็จะคลาน บอกว่าให้เตรียมเงินมาเรียบร้อย เขาก็มายืนล้วงยืนควักเงินอยู่ตรงนั้นแหละ ทำให้รู้ว่าจริง ๆ ตัวเมตตาของอาตมายังไม่พอ ในเมื่อตัวเมตตาไม่พอก็ต้องมาเน้นตรงจุดนี้

คราวนี้ถ้าหากว่าอยู่วัดจะไปฝึกเมตตาบารมีก็ยาก เพราะเผชิญกับเหตุการณ์จริงไปแล้ว ในเมื่อเจอเหตุการณ์จริงเข้าไป กำลังไม่พอก็หงายท้องอีก ก็เลยขออนุญาตหลวงพ่อออกธุดงค์ เพราะว่าในป่าไม่มีอะไรที่จะช่วยเราได้ นอกจากตัวเมตตาอย่างเดียว แต่ด้วยความที่ไม่เคยธุดงค์มาก่อน เริ่มต้นก็ไปที่ซึ่งมีโอกาสตายแน่ ๆ แทนที่จะเริ่มจากเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนดันไปเข้าป่าดงดิบเลย เพิ่งจะเดินพ้นบ้านคน รอยตีนสัตว์ก็เป็นเทือกแล้ว แทนที่จะได้เมตตาบารมี เหลือแต่อุเบกขาอย่างเดียว ก็คือ "ตายแน่..ตายแน่" ไม่เหลืออะไรเลย

เพราะฉะนั้น..ถือว่าเป็นพวกเดียวกับอาตมา ฝึกเมตตาแล้วกลายเป็นอุเบกขาแทน พยายามปรับใหม่ให้เป็นอุเบกขาในเมตตา ถึงเวลาเราจะช่วยเขา ช่วยเขาไม่ได้แล้ว ก็ปรับเป็นอุเบกขาใหม่ อุเบกขาแล้วก็ยังแฝงอุเบกขาในเมตตา ถึงเวลาก็กลับมาช่วยใหม่ ดีอยู่อย่างว่ากำลังจะไม่ตกเพราะเรา "เบรก" อยู่ ถ้า "เบรก" ไม่อยู่จะฟุ้งซ่านมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2012 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 260 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 08-03-2012, 13:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บางคนสงสัยว่า พวกโจรที่ขโมยตัดเศียรพระ ถ้าพระศักดิ์สิทธิ์จริงทำไมไม่เล่นงานขโมย อาตมาได้ยินก็ขำ เพราะว่าพระหรือเทวดาท่านเคารพกฎของกรรมมากกว่าเราหลายเท่า จะไปยุ่งอะไรกับพวกนี้ เขาอยากลงนรกก็ปล่อยให้ลงไป

ยกเว้นว่าบางคนที่พอจะกลับเนื้อกลับตัวได้ กุศลเก่ายังมีอยู่ ถ้าอย่างนั้นท่านจะทำให้รู้ บางคนอยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าพระพุทธรูปยกมือได้ ก็วิ่งหนีกันป่าราบ ถ้าไม่มีบุญเก่าหนุนเสริม เป็นวาระที่อกุศลเข้าเต็ม ๆ นี่ท่านปล่อยเลย อยากลงนรกก็ปล่อยเขาลงไปเถอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2012 เมื่อ 03:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 264 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 08-03-2012, 13:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่บ้านเป็นตึกสามสี่ชั้น เวลาจะจัดห้องพระต้องเอาไว้ชั้นบนสุดของบ้านเสมอไปหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องจ้ะ อยู่ชั้นไหนก็ได้ ถือว่าเป็นคนละส่วนกันแล้ว ในเมื่อเป็นดังนั้นเราก็บูชาพระของเราไป

แต่ถ้าหากว่าเป็นบ้านของเราเอง เลือกชั้นบนสุดเป็นห้องพระได้ก็จะดีมาก เวลาอาตมาทำกุฏิก็ดี ศาลาก็ดี จะเน้นเรื่องที่ตั้งพระก่อน แต่ว่าบ้านของญาติโยมทั่วไป ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกห้องกันจนพอใจ เหลืออะไรค่อยให้พระไป เป็นอย่างนั้นกันแทบทุกบ้านเลย น้อยบ้านจะตั้งใจสร้างห้องถวายพระ ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เหลือแล้วไปตั้งหิ้งพระ

ต่อไปถ้าใครมีบ้านก็ตั้งใจสร้างห้องถวายพระ ปูพรมติดแอร์อย่างดีเลยนะ แล้วเราก็ขอนอนด้วย

ถาม : ผู้หญิงเขาไม่ให้นอนห้องพระไม่ใช่หรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่แค่ผู้หญิง ผู้ชายก็ด้วย เขาไม่ให้นอนตรงหน้าพระ ให้ขยับมานอนด้านข้างจ้ะ

เวลาดึก ๆ เทวดา นางฟ้าหรือพรหม ท่านมักจะมานมัสการพระในเขตที่ท่านดูแลอยู่ หรือในเขตที่ท่านไปสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้น..บางแห่ง ถ้าหากว่าเป็นพระสำคัญแล้วเราไปนอนขวางอยู่ ตื่นขึ้นมาอาจจะสงสัยว่าทำไมเราย้ายมาอยู่ตรงนี้ ปกติเรานอนตรงหน้าพระนี่นา ? ก็ท่านจะไหว้พระแล้วเราไปเกะกะ ท่านก็เขี่ยเราออกสิ.. ดังนั้น..อย่าไปนอนขวางหน้าพระตรง ๆ ให้ขยับออกมาด้านข้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2012 เมื่อ 03:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 268 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 08-03-2012, 13:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



พระอาจารย์กล่าวถึงนิยายจีนเล่มหนึ่งว่า "ในกระบี่อภิญญาเราจะเห็นอยู่ ๒ เรื่อง เรื่องแรกก็คือทิพจักขุญาณเกิดได้ทั้งคนดีและคนไม่ดี ก็แปลว่าไม่ว่าคุณจะเป็นสัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิก็ตาม เมื่อคุณฝึกตนถึงระดับ อภิญญาก็จะเกิด จึงเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจนเลยว่า อภิญญาเป็นทั้งโลกียะหรือโลกุตระก็ได้

ประการที่ ๒ ก็คือ คนที่เขียนคำทำนาย รู้แล้วจะไม่กล้าฝืนกฎของกรรม เขาใช้คำว่าไม่กล้าฝ่าฝืนความลับของฟ้า แต่คราวนี้ด้วยความที่สงสารคน ถ้าหากว่าอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นชีวิตคนคงสิ้นหวัง แล้วจะคล้อยตามฝ่ายชั่วไปเสียหมด ก็อุตส่าห์เขียนคำทำนายทิ้งเอาไว้ ส่วนตัวเองก็ยอมรับกรรมไปคนเดียว ปล่อยให้คนมีความหวังเหลืออยู่บ้าง จะได้ไม่ทำชั่วไปจนหมด"

ถาม : พระเอกไม่ฝึกอะไรเลยทำไมได้อภิญญาเฉยเลยคะ ?
ตอบ : เขาสั่งสมมาในอดีต คนอื่นเขาฝึกมาก็ได้ทั่ว ๆ ไป แต่เขาฝึกแล้วได้อภิญญา สิ่งนี้เป็นปุพเพกตปุญตา คือสร้างสมบุญเก่าตั้งแต่ปางบรรพ์ พอเวลากำลังใจทรงตัวได้ระดับ ของเก่าก็คืนมา ไม่เห็นหรือว่าต้วนตู๋เสิ้งที่เป็นตัวร้าย พอฝึกไปก็ได้อภิญญาเหมือนกัน แต่ต้วนตู๋เสิ้งเป็นเจ้าพ่อนิกายอัคคี สุดยอดความชั่วเลย อยากรู้ต้องไปอ่านเองจ้ะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวต้องเล่าให้ฟังทั้งเรื่องอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2012 เมื่อ 03:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 245 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 09-03-2012, 08:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานหลวงตาวัชรชัยนี่น่ากลัวพอ ๆ กับงานที่วัดท่าขนุนเลย พอย่ามอาตมาเต็มแล้วยังต้องเอาถุงก๊อบแก๊บมาอีก ๓ ใบ นั่นขนาดอาตมาถวายหลวงตาไปเป็นกระสอบแล้วนะ ยังเหลือกลับมา ๑๒๐,๐๐๐ กว่าบาท เขาคงกลัวจะไม่เอากลับ เลยยัดให้มาอีกตอนจะขึ้นรถ

อย่างที่คุณพรศักดิ์บอกว่า พอหลวงพ่อเล็กเดินเลยไปคนก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว แต่อาตมาไม่ได้เหลียวหลังไปดูหรอก แสดงว่าบางคนเขาตั้งใจมาทำบุญจริง ๆ แล้วเลือกทำเฉพาะคนด้วย มีบางคนประเภทกรี๊ดกร๊าดดีใจมากที่ได้เห็นตัวจริงแล้ว เพราะรู้จักแต่ในเว็บ มีอีกหลายคนมาจับ ๆ คลำ ๆ แล้วก็เอาไปลูบหัวตัวเอง นี่ถ้าอาตมาเป็นโลหะเขาก็คลำจนสึกไปแล้ว..!

ถ้าจะยึดก็ควรจะยึดแต่พอสมควร เอาครูบาอาจารย์เป็นแบบอย่าง แล้วเราก็เร่งปฏิบัติตามแนวที่ท่านสอน หรือตามที่ท่านทำถึง ไม่ใช่ประเภทเห็นท่านเป็นวัตถุมงคล ทางพม่าก็เป็นแบบนี้ ถึงเวลาก็คลี่มวยผมปูพื้นให้เดินเป็นแถว

การเคารพในพระรัตนตรัยเป็นเรื่องดี แต่ให้เคารพในส่วนที่เป็นนามธรรม คือคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่เป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นพระพุทธรูป ไม่ใช่เป็นคัมภีร์พระไตรปิฎก และไม่ใช่เป็นหลวงปู่หลวงพ่อ แต่เป็นคุณความดีทั้งหลายที่ทำให้ท่านเป็นพระพุทธเจ้า ที่ทำให้คำสอนเหล่านี้ปรากฏขึ้น ที่ทำให้หมู่สงฆ์เข้าถึงความบริสุทธิ์

ถ้าอาตมาไปบ่อย ๆ เขาคงลูบจนขนร่วงหมด..! ยังดีที่ไม่ค่อยมีขนกับใคร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2012 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 257 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 09-03-2012, 08:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คาถาเงินล้านช่วยเรื่องเรียนด้วยไหมคะ ?
ตอบ : อยู่ที่เราเอง ถึงเวลาพอสมาธิทรงตัวแล้ว กำลังใจมุ่งไปเรื่องไหนก็ได้เรื่องนั้น

ถาม : เดิมหนูให้ลูกภาวนาคาถาท่านปู่พระอินทร์ค่ะ ตอนหลังลูกบอกว่าอยากภาวนาคาถาเงินล้านเยอะ ๆ เหมือนแม่
ตอบ : เอาเลย..ถ้าไม่ฉลาดก็หาเงินไม่ได้ เพราะฉะนั้น..ถ้าฉลาดเรื่องเรียนก็ไม่ยากที่จะรวย เขาเรียกว่าจับแพะชนแกะ โยงให้เป็นเรื่องเดียวกันให้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2012 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 247 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 09-03-2012, 09:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเข้าป่า อะไรเป็นสิ่งที่น่าระวังที่สุดครับ ?
ตอบ : ระวังกำลังใจตัวเอง ไม่ต้องระวังอย่างอื่นเลย

ถาม : ตอนไปนอนที่หมู่บ้านกะเหรี่ยง มีอะไรแนะนำว่าอย่าไปทำไหมครับ ?
ตอบ : ภาวนา เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง ฯลฯ อย่างเดียว ไม่ต้องไปใส่ใจเรื่องอื่น เขาทำอะไรมา เรามีหน้าที่ภาวนารับไว้ให้หมด ไม่ต้องไปตอบไปโต้ไปอะไรทั้งนั้น อาตมาแกล้งโง่จนกระทั่งเขาคิดว่าพระรูปนี้เก่งหรือโชคดีกันแน่ ?

ถ้าเข้าป่า เทียนไข ไฟแช็ก มีด และกระติกน้ำ อย่าให้ห่างตัว อย่างอื่นไม่เป็นไร ถ้ามีมีดอยู่ในป่าอย่างไรก็เอาตัวรอดได้ พอหากินได้ มีเทียนไข มีไฟแช็ก อย่างไรก็ยังหุงต้มกินได้ มีน้ำอยู่เราก็ยังไปได้เป็นวัน ๆ ไม่มีข้าวไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มีน้ำจะตายภายในไม่เกินสามวัน..!

แต่ที่อาตมาไปใช้วิธีเอาขวดน้ำไปแทน เอาขวดน้ำพลาสติกแบบฝาเกลียว ถ้าหากว่าแรงดีก็แบกไปสัก ๒ ขวด ถ้าจะพกบะหมี่สำเร็จรูปไป อย่าพกไปเป็นลังหรือเป็นซอง เพราะจะเกะกะมาก ให้บีบเส้นหมี่ให้ละเอียดเลย แล้วกรอกใส่ขวดน้ำลิตรครึ่ง กรอกไว้ให้เต็มขวด ลิตรครึ่งนี่ได้เป็นลังเลยนะ ถึงเวลาจะกินก็เทออกมา กะว่า ๑ ซองหรือ ๒ ซอง แล้วราดน้ำร้อนใส่ก็กินได้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาโง่ไปแบกลังอยู่อีก ส่วนภาชนะไปหาเอาข้างหน้า ตราบใดที่ยังมีกอไผ่อยู่ก็ไม่ขาดภาชนะหรอก ใช้แล้วทิ้งได้เลยอีกต่างหาก

ถาม : มีดต้องเป็นมีดพร้าหรือเปล่า ?
ตอบ : จะเป็นมีดพกอะไรก็ได้ เลือกเอาที่ใช้งานสะดวก อย่าพกอะไรที่หนัก ถ้าเป็นมีดเดินป่าทรงมีดปาดตาลนั่นจะดี ส่วนมีดทหารนี่ห่วยแตกจริง ๆ ฟันอะไรก็ไม่ถนัด เพราะเอาไว้ฆ่าคนอย่างเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2012 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 242 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 09-03-2012, 11:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๘ มีนาคมนี้ อาตมาต้องไปเข้ากรรมฐาน ๑๕ วัน มหาวิทยาลัยเขาให้นักศึกษาต้องเข้ากรรมฐานครบ ๓๐ วัน ไม่อย่างนั้นเขาไม่ให้จบ เนื่องจากเป็นมหาวิทยาลัยพระ เขาก็เลยเน้นเรื่องสมาธิด้วย นักศึกษาจะต้องสะสมวันปฏิบัติธรรมให้ได้ ๓๐ วัน

นักศึกษาปริญญาตรีอย่างน้อยต้องปฏิบัติต่อเนื่องครั้งละ ๑๐ วันทุกปี ปริญญาโทต้องปฏิบัติต่อเนื่อง ๑๕ วัน รวม ๒ ครั้ง ๓๐ วัน ปริญญาเอกเจอรวดเดียว ๔๕ วัน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 15-03-2012 เมื่อ 13:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 09-03-2012, 12:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาอ่านหนังสือจะภาวนาไปด้วยอย่างไรคะ ?
ตอบ : อยู่ที่เราว่ามีความชัดเจนของสมาธิเท่าไร คนฝึกสมาธิใหม่ ๆ ถ้ามุ่งเน้นด้านหนึ่ง ก็จะขาดอีกด้านหนึ่งไป อย่างเช่น ถ้าเราสนใจเนื้อหาหนังสือ ตัวสมาธิภาวนาก็จะเลือนไป พอเรามาเน้นสมาธิภาวนา ใจก็จะไม่เข้าใจเนื้อหาหนังสืออีก

ต้องแบ่งความรู้สึกสองส่วนให้ได้เท่า ๆ กัน เพียงแต่ว่าการทำอย่างนี้นานไปแล้วจะเกิดผลเสียอย่างหนึ่ง ก็คือ พอเราภาวนาไปแล้วฟุ้งซ่านได้ด้วย เพราะใจแยกเป็น ๒ อย่าง ถ้าเกิดอาการอย่างนั้นขึ้นมา ให้รีบดึงความรู้สึกทั้งหมดมาอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกใหม่ กำลังใจถึงจะทรงตัว

การแยกจิตแยกกายเป็นเรื่องของพวกซักซ้อมเกมกีฬาสมาธิ แต่ถ้าหากว่าทำแล้วควบคุมไม่เป็น ต่อไปจะฟุ้งซ่านทั้ง ๆ ที่นั่งสมาธิอยู่

ถาม : ในเบื้องต้นก็ควรจะแยกทำอย่างหนึ่งไปเลย ?
ตอบ : จะทำอะไรก็ทำให้จริงไปสักเรื่องหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2012 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 09-03-2012, 12:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะทำบุญบ้าน และอยากทำบุญให้พ่อแม่ที่ตายไปแล้วด้วย ต้องทำแบบไหนคะ ?
ตอบ : อยู่ที่เราเองจ้ะ ทำแบบไหน ทำที่ไหนก็ตาม ต้องนึกถึงขอให้ท่านมาโมทนาก็ได้ ถ้าหากว่ามีเวลาและสะดวก ก็จัดสวดมนต์เย็น ถวายอาหารเช้าที่บ้านอย่างเป็นกิจจะลักษณะก็ได้ ถ้าไม่สะดวกก็หอบเอาสังฆทานไปถวายวัดใกล้บ้าน

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ได้เหมือนกันจ้ะ ทำที่ไหนก็ได้ สาระไม่ได้อยู่ว่าทำที่ไหน สาระอยู่ตรงที่ได้ทำหรือไม่

ถาม : สิ่งที่เราทำบุญไป เขาจะได้รับหรือเปล่า ?
ตอบ : โทรไปถามสิจ๊ะ โทรไปถาม “ท่าน..ที่ทำบุญไปได้รับไหม ?” เบอร์เขาให้ขึ้นด้วยเลข +๖๖๖ เบอร์นี้จะผ่านศูนย์กลางของซาตานแล้วจะไปถึงคนตาย..! (หัวเราะ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2012 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 09-03-2012, 12:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมถวายเทปหลวงพ่อวัดท่าซุงปี ๒๙ มา ท่านจึงกล่าวว่า "เครื่องบันทึกเสียงเครื่องนี้ ในหลวงถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงมา สมัยอาตมาไปฝึกบันทึกเทปใหม่ ๆ ไม่รู้ว่าต้องเปิดพัดลมด้วย ก็บันทึกยาวไป ๓ - ๔ ชั่วโมง เครื่องร้อนฉ่าเลย แต่ยังไม่พัง

ไปถึงหลวงพ่อท่านก็สอนว่าเอาเทปใส่ตรงนี้ เอาตัวมาสเตอร์เทปใส่ตรงนี้ กดปุ่มนี้ บันทึกตรงนี้ พอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาออกมาพิมพ์ว่าเป็นเทปม้วนไหน แล้วก็เอาออกมาเก็บ เตรียมส่งไปจำหน่ายที่ธัมมวิโมกข์ ท่านไม่ได้บอกนี่ว่าต้องเปิดพัดลมด้วย

มีสวิทช์อยู่ตัวหนึ่งที่กดแล้วพัดลมจะพัดระบายความร้อน พอไม่ได้กด เครื่องก็ร้อนฉ่า ถ้าพังตอนนั้นก็หัวโตเลย สมัยนั้นเครื่องบันทึกเสียงในเมืองไทยราคาตั้ง ๔ แสนกว่าบาท พวกห้องอัดเสียงที่ทำเทปขายเขาถึงมีได้ นี่ในหลวงท่านทรงสั่งนำเข้ามา ได้รับการยกเว้นภาษี ราคาก็เลยไม่ถึงแสนบาท

ช่วงนั้นลูกศิษย์หลวงพ่อรุ่นเก่า ๆ จะต้องฝึกเรื่องบันทึกเทป และจำหน่ายวัตถุมงคล งานหลัก ๆ เลยก็คือทำความสะอาดวัด กวาดกันจนหูตาลายเพราะว่าวัดกว้างมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2012 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 09-03-2012, 12:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนช่วงนั้นศาลา ๒ ไร่ยังไม่มี หลวงพ่อท่านกำลังดำเนินการติดต่อขอซื้อที่ชาวบ้าน แต่ชาวบ้านใกล้วัดมักจะมองว่าหลวงพ่อรวย แล้วก็ขายที่ให้แพงกว่าปกติหลายเท่า หลวงพ่อก็เลยต้องให้คนในพื้นที่ไปถามซื้อ พอซื้อเสร็จแล้วค่อยโอนมาเป็นชื่อวัด

บริเวณศาลา ๒, ๓, ๔ ไร่ , ปราสาททองคำ ตลอดถึงธุดงค์ ๑๐๐ ไร่ ก่อนหน้านี้ยังเป็นท้องนา จะมีต้นไม้หลัก ๆ ก็คือทองกวาว ทองกวาวทางอีสานเขาเรียกดอกจาน จะเป็นโคกเป็นคันนาแล้วก็มีทองกวาวขึ้น

ส่วนที่เป็นท้องนาก็น่าเวทนาเหลือเกิน ปลูกข้าวงามเต็มที่สูงแค่คืบกว่า ๆ ถามเขาว่าได้ข้าวประมาณเท่าไร เขาบอกว่าไร่หนึ่งประมาณ ๑๐-๑๕ ปีบ เวรกรรม..ของที่อื่นอย่างไม่มี ๆ ก็ ๘๐ ถัง หลวงพ่อบอกที่เขาหากินไม่ขึ้นเพราะเป็นที่วัดเก่า ถ้าใครอยากจะทำกินขึ้นให้ชำระหนี้สงฆ์เสียก่อน ท่านอุตส่าห์ไปขอซื้อคืนเขายังจะขายแพง ๆ อีก

สมัยแรก ๆ ศาลา ๑๒ ไร่ยังไม่มี ที่ตั้งพระชำระหนี้สงฆ์ก็ยังไม่มี ทางด้านหลังวัดก็จะมีหลวงตาวัชรชัยเดินบิณฑบาตประจำ บางวันถ้าท่านติดภาระอย่างอื่น พวกอาตมาก็จะแทรกไปแทนบ้าง พอเดินพ้นเขตท้ายวัด ก็คือป้อมยามที่อยู่ติดกับหอสูบน้ำที่อยู่มุมศาลา ๑๒ ไร่ จะมีเครื่องสูบน้ำอยู่เครื่องหนึ่ง ตรงนั้นจะเป็นจุดสุดเขตวัด แล้วตรงที่ตั้งศาลา ๑๒ ไร่ก็ยังเป็นท้องนา

พอนึกถึงภาพเก่า ๆ แล้ว เทียบกับสมัยนี้ที่เจริญขึ้นจนกระทั่งคนรุ่นใหม่นึกไม่ออกว่าสมัยนั้นเป็นอย่างไร แถวศาลา ๓ ไร่ จนต่อมาถึงถนนเป็นดงไผ่หนามทั้งดง ระยะหลังหลวงพ่อท่านทำตรงพื้นที่ต่อศาลา ๓ ไร่ออกมาเป็นสวนไผ่ ต้นไผ่นั่นก็คือไผ่ดั้งเดิมเลย ถ้าไม่ขึ้นใหม่ก็แปลว่าหมด ท่านก็อุตส่าห์เว้นช่องให้ขึ้นได้

อาตมาก็ปีนตามช่องนั่นแหละมุดลงข้างใต้ ไปอยู่กับพวกจระเข้น้อย พวกงูเหลือม เขาอาศัยอยู่ในนั้นเยอะแยะ อาตมาไปฝึกกรรมฐาน ข้างใต้นั้นยกพื้นอยู่จึงเดินจงกรมได้สบาย พอถึงเวลาเดินจงกรมแล้วก็เข้าที่ภาวนา จะมีอยู่ ๓ - ๔ ท่านที่ไปอย่างนั้นประจำ มีอาตมา ท่านชาติชาย หลวงพี่ไพบูลย์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2012 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 233 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 09-03-2012, 15:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเรายกจิตขึ้นพระนิพพาน สามารถยกขึ้นได้เลย ไม่ต้องภาวนาใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าคนมีความคล่องตัวแล้ว ไม่ทันภาวนาก็ไปแล้ว แรก ๆ ก็ต้องตั้งท่า ไปกันตามลำดับที่ฝึกมา พอคล่องตัวมาก ๆ ไม่ทันจะรู้ตัวหรอก คำภาวนาอะไรก็ไม่ทันจะใช้ แค่นึกก็ไปแล้ว

ถาม : ไปได้ตลอดหรือคะ ?
ตอบ : จะไปเมื่อไรก็ไปสิจ๊ะ อยู่บนนั้นตลอดไปเลยได้ยิ่งดี

ถาม : พอขึ้นไป ฟังแล้วไม่ได้ยิน ยังฟังไม่รู้เรื่องเวลาพระท่านพูด
ตอบ : ตั้งใจขอให้ท่านสงเคราะห์ หรือกราบขอบารมีท่านให้เห็นหรือได้ยินอย่างชัดเจนด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2012 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 09-03-2012, 16:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,822 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระท่านหนึ่งสอนสมาธิผม ท่านบอกว่าให้กำหนดแค่กึ่งกลางตรงศีรษะ โดยไม่สนใจลมหายใจ ผมขอถามว่าอยู่ในกรรมฐานหรือเปล่า ?
ตอบ : ก็ลองทำดูสิ..แต่อะไรก็ตามถ้าไม่ได้ควบลมหายใจเข้าออก จะไม่ทรงตัวหรอก ยกเว้นอย่างเดียวว่า คุณซักซ้อมเรื่องของฌานสมาบัติจนกระทั่งคล่องตัวแล้ว คราวนี้จะกำหนดที่ไหนก็กำหนดไปเลย

ที่ท่านว่ามาอยู่ในลักษณะของคนทำเป็นแล้ว ไม่ใช่คนเพิ่งเริ่มหัด ถ้าเพิ่งเริ่มหัดต้องเอาลมหายใจเข้าออกด้วย ยกเว้นว่าคล่องตัว จะเอาสมาธิขั้นไหนก็เข้าได้เลย ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปจับลมหายใจ จะเอาจิตไปอยู่ที่ส่วนไหนของร่างกายก็ไปได้

ถาม : ถ้าพระลูกวัดหรือเจ้าอาวาสท่านไม่ทำวัตรเช้าเย็นหรือบิณฑบาต ผิดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : แล้วแต่วัดท่าน เพราะว่ากติกาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ไม่ได้บังคับว่าต้องทำ เพียงแต่ว่าถ้าเราทำในเรื่องวัตรปฏิบัติต่าง ๆ จนกระทั่งเคยชินแล้ว เรื่องสมาธิอื่น ๆ จะทำได้ง่าย เนื่องจากเคยชินกับการโดนบังคับแล้ว เพราะฉะนั้น..การมาบังคับใจจะทำได้ไม่ยาก แต่อย่างพวกที่ไม่เอาเรื่องวัตรปฏิบัติอะไรเลย แล้วจะมาฝึกสมาธิก็เหมือนกับควายเปลี่ยว ต้อนควายเปลี่ยวเข้าคอกก็ดิ้นตาย

ถาม : แล้วถ้ามีพระจูงมือลูกวัด ซึ่งเป็นจริยาที่ไม่สมควร ท่านมีความผิดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าผิด เขาปรับอาบัติทุกกฎเท่ากับจับเงิน เขาถือว่ากายสังสัคคัง คือมีการสัมผัสระหว่างกายกัน ผู้ชายต่อผู้ชายท่านก็ห้าม ที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามเพราะท่านรู้ว่าสมัยนี้จะมีพวกชายไม่แท้เยอะ..!

ถาม : ถ้าท่านจับเหมือนกับเป็นลูกเป็นหลานครับ ?
ตอบ : อยู่ที่เจตนา แล้วแต่ใครจะมองมุมไหน

คนเราดีแสนดี คนจะติก็หามาติจนได้ ไม่ต้องไปใส่ใจแทนท่านหรอก เขาบอกว่าพระพุทธชินราชสวยที่สุดในโลก ลูกอีช่างติก็ยืนมอง ๆ มองซ้ายมองขวา ตะแคงซ้ายตะแคงขวาเสร็จก็บอกว่า “เออ..ก็สวยดีอยู่หรอก เสียอย่างเดียวพูดไม่ได้..!” หาเรื่องติจนได้ เพราะฉะนั้น..ใครจะว่าอะไรก็ช่างเขาเถอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-03-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:28



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว