กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 12-04-2017, 09:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาณาจักรอู่ทองมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วในสมัยนั้น คนทางอินเดียต้องมาค้าขายที่อู่ทอง อู่ทองอยู่ริมทะเล หรือถ้าจะเอาให้ไกลกว่านั้นไปอีก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าว่า ตอนท่านตั้งความปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า ภูกระดึงยังเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่กลางทะเล นานจนลืมไปเลย..!

ฉะนั้น...ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมภูเขาบางแห่งอยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่มีทะเลเลย อย่างเทือกเขาหิมาลัย ทำไมเขาเจอเปลือกหอยทะเลอยู่บนภูเขา เพราะว่าเคยเป็นทะเลมาก่อน

ถ้าใครอ่าน The Third Eye ของท่านลามะ Lobsang Rampa ท่านระลึกชาติได้ว่าเคยเกิดที่ทิเบต แต่ทิเบตอยู่ริมทะเล ตอนนี้จากทิเบตลงมาเจอเนปาล ปากีสถาน อินเดีย กว่าจะลงไปถึงทะเลก็ไกล ท่านบอกว่าในสมัยที่ท่านเกิดนั้น ผู้หญิงตัวสูงสามเมตร ส่วนผู้ชายสูงกว่านั้น..!

โบราณท่านบอกว่า คนต้นกัปร่างกายจะสูงใหญ่มาก อย่างพระศรีอริยเมตไตรยสูง ๘๘ ศอก ลองมานึกถึงเส้นกราฟวิวัฒนาการที่โค้งขึ้นโค้งลงดู ช่วงที่ขึ้นสุดลงสุดช่วงนั้น ถ้าใครอยู่จุดสูงสุดก็สูง ๘๘ ศอก ถ้าใครอยู่จุดต่ำก็ต้องไปสอยมะเขือกิน แต่ถ้าไปสอยมะเขือกินนี่น่าจะตัวเล็กกว่าตุ๊กตาอีกนะ ต้นมะเขือไม่ได้ต้นใหญ่เลยนี่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-04-2017 เมื่อ 14:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 12-04-2017, 15:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่อาตมายังอยู่ที่เกาะพระฤๅษี พอปิดเทอมทางวัดกลายเป็นโรงเลี้ยงเด็กเลย มีแต่พ่อแม่เอาเด็กไปทิ้งไว้ที่นั่น เด็ก ๆ ก็สนุกสนานเฮฮา ทำนั่นทำนี่จนเบื่อก็โดดเล่นน้ำกัน พออาตมาออกมาอยู่ท่าขนุนนี่เด็ก ๆ เล่นน้ำไม่ได้ เพราะว่าแม่น้ำแควน้อยตรงหลังวัดท่าขนุนต้องมีคนตายทุกปี แล้วคนตายมักจะเป็นคนต่างถิ่น เพราะว่าคนต่างถิ่นจะไม่รู้ว่ามีอาถรรพ์

เมื่อวันที่ ๒ เมษายน หลังงานเป่ายันต์ฯ มีนักท่องเที่ยวลงไปเล่นน้ำและจมหายไป กว่าจะหาศพพบก็วันที่ ๔ ฉะนั้น...ใครเอาลูกหลานไปฝากไว้ที่วัดท่าขนุนให้ทำประกันชีวิตไว้ด้วย เผื่อดื้อลงไปเล่นน้ำ แต่แปลกนะที่เขาเอาแต่คน หมาวัดลงไปเล่นน้ำ ๒๐-๓๐ ตัว ไม่เห็นจะเป็นอะไร

หมาที่อาตมาเลี้ยงไว้คือคุณนายลีลาจัง หน้าหนาวคุณนายเธอจะมีขนหนาวขึ้นมาชั้นหนึ่งไว้ป้องกันความหนาว หน้าหนาวนี่ต้องไปเล่นน้ำทุกวัน ห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง ขึ้นมาก็เปียกมะล่อกมะแล่ก ถ้าวันไหนเจ้านายไม่ว่างหวีผมหวีขนให้ก็จะมอมแมม แต่ถ้าถือหวีขึ้นมานี่จะวิ่งรี่เข้ามาหา มาให้หวีก่อน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2017 เมื่อ 16:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 12-04-2017, 16:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในพระไตรปิฎกบอกว่าสมัยนี้ไม่มีพระอรหันต์แล้ว ?
ตอบ : พระไตรปิฎกบอกไว้ชัดเลยหรือ ? อยากรู้ว่าเล่มไหน ? อาตมาอ่านมาหมดแล้วยังไม่เคยเจอเลย

ในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวไว้ ในมหาปรินิพพานสูตรพระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า ถ้าตราบใดที่พระธรรมวินัยยังสมบูรณ์อยู่ ตราบนั้นสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ยังคงมี ก็แปลว่าพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ยังมีอยู่เป็นปกติ

ถ้าเรื่องในพระไตรปิฎกถามได้ อาตมาจะบอกได้ว่าอยู่ในพระสูตรไหน ตอนไหน แต่เรื่องที่ว่า
ในปัจจุบันไม่มีพระอรหันต์แล้วนี่ยังไม่เคยอ่านเจอ ส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ที่เราได้อ่านคือข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ซึ่งคนจะโพสต์ไปเรื่อยเปื่อย บางทีก็ไม่มีที่มาที่ไป จินตนาการเองล้วน ๆ ก็มี บางทีก็อ้างอิงต่อกันมาเรื่อย ๆ จากบางคนที่คิดว่าคาดว่าจะเป็นอย่างนั้น

ฉะนั้น...อยากเจอของจริง หยิบพระไตรปิฎกมาอ่าน จะได้หมดเรื่องหมดราวไปเลย ที่วัดท่าขนุนมีพระไตรปิฎกหลายสิบชุด แต่ใช้งานกันเปื่อยแล้ว เพราะว่าพระท่านเรียนกันมาก ยิ่งเรียนกันมากเท่าไรก็ยิ่ง
ต้องอิงอ้างพระไตรปิฎกมากขึ้นเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-04-2017 เมื่อ 17:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 12-04-2017, 16:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะถ้าอยากรู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไรต้องไปถามพระอาจารย์ทรงพล ไม่รู้จักพระอาจารย์ทรงพลให้ไปถามว่าพระอาจารย์แบงค์คือใคร ท่านอยู่วัดท่าขนุน เพราะว่าท่านเรียนปริญญาโทแล้วท่านทำวิทยานิพนธ์เรื่อง วิเคราะห์คำสอนของพระพุทธเจ้า

พอพระอาจารย์แบงค์มาบอกว่าได้วิทยานิพนธ์หัวข้อนี้ อาตมาสะดุ้งเฮือก ถามว่าใครใช้ให้คุณทำหัวข้อนี้ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เชียวนะ ท้ายสุดก็เลยบอกท่านให้พยายามสรุปลงเป็นศีล สมาธิ ปัญญา หรือไม่ก็เป็นพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม จะได้รวบเป็นหัวข้อหลัก ๆ ได้ ขนาดนั้นพระอาจารย์แบงค์ยังใช้เวลา ๖ ปีกว่าจะจบ ถ้าอาตมาไม่ขอร้องทางมหาวิทยาลัยไว้ ก็สิ้นสภาพนักศึกษาไปนานแล้ว

ตอนนี้พระอาจารย์แบงค์จบแล้ว ได้ลายเซ็นอาจารย์ที่ปรึกษาครบถ้วนเมื่อไม่กี่วันนี้เอง พระอาจารย์แบงค์เรียนปริญญาโทหลังอาตมาประมาณหนึ่งปี อาตมาจบปริญญาเอกมาสองปีขึ้นปีที่สามแล้ว พระอาจารย์แบงค์เพิ่งจะจบปริญญาโท สรุปว่าท่านเรียนได้ลึกซึ้งกว่าแน่นอน เพราะว่าเรียนอยู่ตั้ง ๖ ปี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2017 เมื่อ 16:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 12-04-2017, 16:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระวัดอื่นไม่ค่อยอ่านพระไตรปิฎก ส่วนใหญ่เห็นพระไตรปิฎกเป็นของศักดิ์สิทธิ์ใส่ตู้ไว้บูชา แต่พระวัดท่าขนุนเท่ากับโดนบังคับ เพราะว่าการเรียนทุกวิชาต้องพึ่งพาพระไตรปิฎก ทำรายงานทุกอย่างต้องอ้างอิงพระไตรปิฎก ก็เลยต้องอ่านกันแหลกราญไปหมด

ไม่ต้องหาเพิ่มให้นะ อาตมายังมีเล่มใหม่ ๆ ชนิดยังไม่ได้แกะกล่องอีกสองชุด มีทุกรุ่น ทั้งของมหามกุฏฯ ของมหาจุฬาฯ ฉบับประชาชน ฉบับแก่นธรรม ฯลฯ มีหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-04-2017 เมื่อ 16:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 12-04-2017, 19:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงหลังจะมีความรู้สึกไม่แน่ใจว่า....(ไม่ชัด).... ไปกราบพระวิปัสสนา ....(ไม่ชัด).... ขอความเมตตาพระอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยครับ
ตอบ : ท่านแนะนำก็ต้องถามท่าน ไม่ใช่ท่านแนะนำแล้วมาถามอาตมา ถ้าเป็นอาตมาก็จะแนะนำให้รีบวิ่งเข้าหาวิปัสสนาให้เร็วที่สุด ดูทุกอย่างให้เห็นว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา จนสภาพจิตเบื่อหน่าย ไม่ต้องการร่างกายนี้อีก แล้วก็เกาะพระนิพพานไว้

ทวนบ่อย ๆ ย้ำบ่อย ๆ ย้ำทุกวันทุกเวลา มองอะไรก็ให้เห็นแบบนั้น นั่นเด็กเล็ก นี่วัยรุ่น นี่แก่แล้ว เดี๋ยวก็ตาย เห็นว่าไม่เที่ยงเป็นปกติ เรานั่งอยู่สักพักก็ต้องขยับ เมื่อยอีกแล้ว เดี๋ยวหิวก็ต้องไปกิน เดี๋ยวกระหายต้องไปดื่ม ปวดอุจจาระปัสสาวะต้องเข้าห้องน้ำห้องส้วม มีแต่ความทุกข์ตลอดเวลา ท้ายสุดก็ไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาได้ เสื่อมสลายตายพังไปทั้ง ๆ ที่เราไม่อยากจะตาย สภาพเช่นนี้เราเกิดใหม่เมื่อไรก็พบกับร่างกายเช่นนี้

ฉะนั้น...ขึ้นชื่อว่าการเกิดจะไม่มีสำหรับเราอีก ตอกย้ำแบบนี้ทุกวัน เดี๋ยวพอชินก็จะเป็นของเราเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 12-04-2017, 20:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นี่ค่ะ...พระสูตรที่ระบุว่าไม่มีพระอรหันต์แล้ว ?
ตอบ : คำว่าพันปีแรกอยู่ด้วยอำนาจพระขีณาสพ ที่ถึงความแตกฉานในปฏิสัมภิทาเท่านั้น แปลว่าหนึ่งพันปีแรกจะเต็มไปด้วยพระอรหันต์ที่เป็นปฏิสัมภิทาญาณ มีคุณวิเศษครบถ้วนทุกประการ แต่เมื่อจักตั้งยิ่งกว่าพันปีนั้นบ้าง จักตั้งอยู่ด้วยอำนาจของพระขีณาสพสุกขวิปัสสกะ ก็คือ ถ้าระยะเวลานานกว่านั้นก็จะเป็นของพระอรหันต์ที่เป็นสุกขวิปัสสโก ก็คือ เป็นผู้ที่หมดกิเลสอย่างเดียว ไม่มีคุณวิเศษอื่น

จักตั้งสิ้นอยู่ด้วยพันปีแห่งอำนาจพระอนาคามี คือ พันปีต่อไปก็จะมากด้วยพระอนาคามี จักตั้งอยู่สิ้นพันปีด้วยอำนาจแห่งพระสกทาคามี ก็คือ จะมากด้วยพระสกทาคามี จักตั้งอยู่ด้วยอำนาจของพระโสดาบัน ก็แปลว่า ในพันปีสุดท้ายจะมากด้วยพระโสดาบัน

คำว่ามากไม่ได้แปลว่าทั้งหมด แปลว่าอย่างอื่นก็มี แต่มีอย่างนี้มากที่สุด ก็เหมือนอย่างกับว่า ถ้าพันปีแรกจะอยู่ด้วยอำนาจของพรรคชาติไทย ก็ไม่ได้หมายความว่าพรรคเพื่อไทย หรือพรรคภูมิใจไทยจะไม่มี แต่ว่าพรรคชาติไทยเป็นเสียงข้างมาก พันปีต่อมาตั้งด้วยอำนาจของพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้แปลว่าชาติไทยไม่มี หรือพรรคภูมิใจไทยไม่มี หรือคสช.ไม่มี มีอยู่...แต่เป็นส่วนน้อย เฮ้อ...เขาเรียกว่าอ่านพระไตรปิฎกไม่เข้าใจ ต้องแปลเป็นไทยอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 12-04-2017, 20:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : .....(ไม่ชัด)....หมายความว่าอย่างไร ?
ตอบ : พูดง่าย ๆ ว่าเสียงส่วนใหญ่เป็นอย่างนั้น เสียงส่วนน้อยก็ทำหน้าที่นั้นไป แต่ท่านน้อยกว่า

ถาม : .....(ไม่ชัด)....
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าเขาถือว่าอยู่ด้วยเสียงส่วนใหญ่ คำว่า "ตั้งอยู่ด้วย" เป็นภาษาโบราณ หมายถึงฝ่ายนั้นมากที่สุด

ถาม : .....(ไม่ชัด)....
ตอบ : เป็น...ถ้าสมมติท่านมี ๑ องค์ แล้วอีก ๑๐๐ เป็นพระอนาคามี เสียงส่วนใหญ่อยู่กับใคร ? ก็ต้องอยู่กับพรรคเพื่อไทย

ถาม : .....(ไม่ชัด)....
ตอบ : แปลว่าของพระปฏิสัมภิทาญาณมีมากที่สุด ท่านถึงบอกว่าตั้งอยู่ด้วยพระปฏิสัมภิทาญาณ ก็คือ พระอรหันต์ที่ประกอบไปด้วยฤทธิ์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 12-04-2017, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นประเภทไหน ?
ตอบ : ทำถึงจะรู้เอง ท่านบอกว่า ญาณัง เครื่องรู้เกิดขึ้น

ถาม : .....(ไม่ชัด)....
ตอบ : เป็นเมื่อไรแล้วจะรู้ ถ้าเราจบปริญญาเราจะรู้ว่าคนจบปริญญาเป็นอย่างไร แต่เราเรียนอยู่ เราจะไม่มีวันรู้ว่าคนจบปริญญาเป็นอย่างไร

ถาม : .....(ไม่ชัด)....
ตอบ : ขอให้ได้เป็นพระโสดาบันเถอะ ชีวิตนี้เกิดมาก็สุดที่จะคุ้มแล้ว ทนทุกข์ยากสัก ๑๐๐ ปี สัก ๑๒๐ ปี ถ้าได้เป็นพระโสดาบันก็เหลือที่จะคุ้มแล้ว เพราะว่าสามารถปิดอบายภูมิทั้งหมด โอกาสที่จะลงต่ำไม่มี มีแต่เจริญขึ้น เพราะว่าพระโสดาบันขึ้นไป เขาเรียกว่าพระอริยะ แปลว่า ผู้เจริญโดยส่วนเดียว

ถาม : .....(ไม่ชัด)....
ตอบ : อ้างได้ ต้องเข้าใจความหมายด้วย ถ้าเราเชื่อมั่นในพระไตรปิฎก ให้ไปดูในมหาปรินิพพานสูตร พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าหลักธรรมของพระองค์ยังสมบูรณ์พร้อม สมณะทั้ง ๔ จะมี ก็แปลว่าทุกประเภทมีหมด เพียงแต่ว่าประเภทไหนจะมากที่สุด ก็คือตั้งอยู่ด้วยอำนาจของประเภทนั้น

ถาม : .....(ไม่ชัด)....
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าเป็นเองถึงจะรู้ ของพวกนี้เป็นปัจจัตตัง กินข้าวเองแล้วถามคนอื่นได้ไหมว่าเราอิ่มหรือเปล่า ? เราต้องรู้เอง รีบไปทำ...อาตมาขอยืนยันว่ามรรคผลเป็นอกาลิโก ไม่จำกัดด้วยกาลสมัย ใครตั้งใจทำจริงมีโอกาสได้ทุกคน

ถาม : .....(ไม่ชัด)....
ตอบ : เรื่องธรรมะของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกับข้าว อยู่ตรงหน้าก็ตักใส่ปากเลย อย่ามัวแต่ไปนั่งเขี่ยดูว่า ผัดกะเพราจานนี้มีข้าวกี่เม็ด มีหมูกี่ชิ้น มีพริกเท่าไร มีกะเพราเท่าไร ถ้ามัวแต่ไปหาอย่างนั้นจะไม่ได้กินเสียที ตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างเดียวก็จบเลย
ศีล สมาธิ ปัญญา รักษาศีลให้บริสุทธิ์ ทำสมาธิทุกวัน ถ้าสภาพจิตสงบถึงระดับ ปัญญาจะเกิดเอง เริ่มจากศีล ถ้าเรารักษาศีลได้ครบถ้วนบริบูรณ์ สภาพจิตของเราระมัดระวังไม่ให้ศีลขาด สมาธิของเราจะเกิดเองโดยอัตโนมัติ ถ้ารักษาศีลได้ทรงตัว เท่ากับเราได้สมาธิไปเกินครึ่งแล้ว

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 12-04-2017, 20:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ...(ไม่ชัด)...
ตอบ : สรรพสัตว์รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน การรักษาศีลก็คือการที่ไม่ให้เราเบียดเบียนคนอื่นด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ถ้าสำนึกได้ว่าคนอื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกับเรา ถือว่าเราเข้าถึงสภาพธรรมบ้างไหม ? ก็เข้าถึง แต่ก็เป็นสภาวะเบื้องต้นของศีล

หลังจากนั้นพอสมาธิเพิ่มขึ้น ความสงบของจิตมีมาก ปัญญาเกิดก็จะมีจิตพิจารณาเห็นว่า สรรพสิ่งมีความไม่เที่ยงเป็นปกติ มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่มีอะไรให้เรายึดถือมั่นหมายเป็นปกติ ถ้าสภาพจิตยอมรับ กำลังของสมาธิกับศีลเพียงพอ ก็จะเกิดปัญญาที่ตัดขาด ทำให้เข้าถึงได้ตามวาสนาบารมีของตนเอง

ไปรีบทำ อย่ามัวแต่ถามอยู่ มัวแต่ถามอยู่จะไม่ได้กินอะไรเสียที

ถาม : ศึกษาค่ะ ?
ตอบ : ศึกษาก็คือศึกษาด้วยการปฏิบัติ ไม่ใช่ศึกษาแบบมัวแต่อ่านตำราแล้วสงสัย แบบนั้นจะไม่ได้อะไร สิกขา ที่แปลว่า ศึกษา ไตรสิกขา ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ต้อง ศึกษาด้วยการทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 12-04-2017, 21:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่เป็นพุทธภูมิแล้วลาไปพระนิพพาน จะมีโอกาสเข้าถึงพระนิพพานชาตินี้ได้เร็วไหมคะ ?
ตอบ : อยู่ที่คนทำ บุคคลที่ลาพุทธภูมิปฏิบัติเพื่อความเป็นพระอริยเจ้า จะลำบากกว่าสาวกภูมิหลายเท่า เป็นเพราะสันดานเดิมของตัวเอง ถ้ารู้อะไรไม่ละเอียดจะไม่ปล่อยผ่านง่าย ๆ เพราะฉะนั้น...ถ้าเป็นสาวกภูมิเดินขึ้นมาบนนี้ยังไม่ได้นับเสียด้วยซ้ำว่าบันไดมีกี่ขั้น แต่พุทธภูมิต้องไปพินิจพิจารณาว่ากว้างเท่าไร ยาวเท่าไร สร้างด้วยวัสดุชนิดไหน มีวิธีการก่อสร้างอย่างไร ออกแบบอย่างไร เป็นอย่างนี้แล้วช้ากว่ากันเท่าไร ?

ถาม : แล้วจะมีวิธีไหนที่จะเร่งรัดให้ไปได้เร็วขึ้นคะ ?
ตอบ : ทำแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น คนอื่นเขาอาจจะทำเช้า ๑ ชั่วโมงเย็น ๑ ชั่วโมง เราอาจจะต้องทำวันละ ๒๕ ชั่วโมง...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 12-04-2017, 21:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีวิธีในการตัด "ตัวกูของกู" แบบง่าย ๆ ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี...ถ้าง่ายก็ไปพระนิพพานกันหมดแล้วสิ เพียงแต่ว่าไม่ยากเกินความสามารถ สำคัญที่สุดคือต้องมีสติรู้เท่าทัน เมื่อมีสติรู้เท่าทัน ต้องมีสมาธิหักห้ามตนเองเอาไว้ให้ได้ ก็คือไม่ให้ตัวกูของกูโผล่ขึ้นมา ท้ายสุดก็พินิจพิจารณาว่า ตัวเราก็ตาย ตัวเขาก็ตาย มีใครดีกว่ากันเสียที่ไหน เมื่อปัญญาเกิด ปล่อยวางได้ ตัวกูของกูก็หมดไป ไม่ต้องไปหาทางลัด มีแต่ทางตรงเท่านั้น ทางไหนลัด ทางนั้นไกลกว่า

ถาม : ถ้าเราพินิจพิจารณาว่า เขาก็ตาย เราก็ตาย เขาก็ลำบาก เราก็ลำบาก เราเลยเลือกที่จะเพิกใส่เขาตลอด เดินผ่าน ๆ กันไป ?
ตอบ : นั่นวางใส่กบาลเขา..! ไม่ได้วางด้วยปัญญา ประเภทกูวางได้แล้ว กูไม่สนแล้ว ที่ไหนได้...ไปวางใส่หัวเขา ไม่ได้วางด้วยปัญญา แต่วางด้วยทิฏฐิมานะ...!

สมัยนี้วางประเภทนั้นเยอะ คิดว่ากูวางได้แล้ว แต่ทำไมกูเจอหน้ามัน กูไม่สบายใจทุกที ลืมไปว่า...ถ้ากูวางได้ เมื่อเจอหน้าต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ทำดีกับเขาได้สิ ไม่ใช่กูวางได้ เจอหน้าทีไรแล้วกูหงุดหงิด ไปเถอะ...ถ้าวางมากไม่ได้ ก็วางใส่หัวมันไปก่อน อย่างน้อย ๆ ก็วางได้หน่อยหนึ่ง

คนเรานี่แปลกมาก ฟังอาตมาดี ๆ นะ ความสามารถในการบรรลุมรรคผลสูงมากเลย แต่ไม่เคยใช้ได้ถูก ถามว่าทำไม ? สมมติเราโกรธคนนี้ พอเขามาคุยด้วย ฮึ...กูโกรธมัน กูต้องไม่พูดกับมัน สติโคตรดีเลย รู้ว่ากูโกรธมัน ในเมื่อสติมึงดีขนาดนั้น ทำไมไม่ใช้ในทางที่ถูก ? เฮ้อ...ฟังแล้วเซ็ง ไปคลำหาเอาเองก็แล้วกัน

เป็นอย่างไร รู้ตัวไหม ? กูโกรธมัน ในเมื่อกูโกรธมัน กูจะไม่พูดกับมัน ไม่ว่ามันจะขยับมามุมไหน เมื่อไร เวลาใด กูมีสติรู้อยู่ว่ากูโกรธมัน แล้วเมื่อไรจะมีสติว่ากูควรที่จะปล่อยวาง...! อาตมาดู ๆ บางทีก็เบื่อฉิบหา...! ลูกศิษย์กูเป็นแบบนี้ร้อยละ ๙๙.๙๙...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-02-2019 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 12-04-2017, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ...(ไม่ชัด)...
ตอบ : เรื่องปกติ ยิ่งปฏิบัติไป สภาพจิตละเอียดก็ยิ่งเห็นชัด ความจริงกิเลสอยู่กับเราตลอดเวลา แต่ก่อนหน้านี้ปัญญาน้อยไปหน่อยเลยมองไม่เห็น ตอนนี้แสดงว่ามีความก้าวหน้าขึ้น แค่ระมัดระวังอย่าให้ออกมาทางวาจา อย่าให้ออกมาทางกาย

คิดชั่วได้ ถ้าเราไม่พูดชั่ว ไม่ทำชั่ว เราก็ชนะไป ๒ ใน ๓
ถ้าเราคิดชั่ว พูดชั่ว แต่เราไม่ทำชั่ว เราก็ชนะ ๑ ใน ๓
ถ้าคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วด้วย เราแพ้ทุกประตู
ถ้าไม่คิดชั่ว ไม่พูดชั่ว ไม่ทำชั่ว เราชนะทุกประตู ไปเลือกเองว่าจะเอาอะไร

มาทุกเวลาแหละ กิเลสไม่เคยปล่อยเรา กินเราทุกเวลา ทุกนาที ทุกวินาที ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งยืนทั้งนั่ง กินเราหมด ส่วนเราเองก็เกรงใจเหลือเกิน ขอเอาคืนวันหนึ่ง เช้าชั่วโมง เย็นชั่วโมง หรือไม่ก็เช้า ๒๐ นาที เย็นครึ่งชั่วโมง รู้สึกว่าเราดีเหลือเกิน เราเป็นคนมีเมตตา กลัวกิเลสจะเศร้าหมอง คอยให้อภัย มีโอกาสชนะได้ก็บี้กิเลสให้ตายไปเลยสิ


ถาม : ..(ไม่ชัด)...
ตอบ : ไม่ใช่ไปเถียงกับเขา ทำอย่างไรจะไม่ให้คิด ก็คือกลับมาอยู่กับลมหายใจเฉพาะหน้า ถ้าความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจ ก็จะไม่คิดชั่ว ไม่พูดชั่ว ไม่ทำชั่ว ในเมื่อไม่คิดชั่ว ไม่พูดชั่ว ไม่ทำชั่ว กรรมใหม่ไม่มี กรรมเก่ามีอยู่แค่นั้นแหละ เดี๋ยวขัด ๆ ปัด ๆ เป่า ๆ ถู ๆ ขนไปทิ้งถังขยะ เดี๋ยวก็หมดไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 12-04-2017, 21:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ..(ไม่ชัด)...
ตอบ : มีหรือไม่มีไม่เป็นไร ให้ความรู้สึกอยู่ตรงนี้ อย่าไปอดีต อย่าไปอนาคต อย่าไป รัก โลภ โกรธ หลง ไปเถอะ...กลับไปทำ การบ้านที่ให้พอทำได้ตลอดชีวิตเลย

ต่อไปให้รู้ตัวนะ ว่าเราจะวาง รู้ตัวว่าเราจะไม่โกรธ ไม่ใช่รู้ตัวว่ากูจะโกรธ กูจะไม่พูดกับมัน ไอ้นี่เจอหน้ากูต้องด่ามัน ไอ้นี่เจอหน้ากูไม่ชอบใจ กูต้องตำหนิมันให้ได้ กลายเป็นไปเพ่งโทษคนอื่น ไม่เห็นเขาทำอะไรดีสักอย่าง ท้ายสุดคนที่แย่คือเรา เพราะว่าสภาพจิตของเราเศร้าหมองเอง ถ้าตายตอนนั้นก็ขาดทุนยับเยิน

ไปเถอะ...พอแล้ว ธรรมะก็เหมือนกับกินข้าว กินมากไปก็ท้องอืด ย่อยไม่ทันหรอก ได้แค่ไหนพอเหมาะพอควรแก่ตัวเองแล้วก็ไปเร่งทำเอา

ในเมื่อสติสุดยอดขนาดนั้นต้องชนะกิเลสได้สิ นี่ดันเอาสติไปช่วยกิเลส
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 12-04-2017, 22:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ..(ไม่ชัด)...
ตอบ : แปลว่าไม่มีอะไรให้เรายึดมั่นถือมั่นได้สักอย่าง สองคำนั่นแหละคำเดียวกัน สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ แปลว่า ธรรมทั้งหลายไม่มีอะไรที่ควรยึดมั่นถือมั่น สัพเพ ธัมมา อนัตตา แปลว่า ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน

คำว่า ธรรมทั้งหลายไม่ใช่ตัวตน ก็คือ ยึดถือมั่นหมายไม่ได้ เป็นคำที่ใช้แทนกัน ก็แบบเดียวกับนิโรธ ก็คือ ดับสิ้นกิเลสทั้งปวง นิพพาน แปลว่า ธรรมชาติหาความเสียดแทงไม่ได้ คือไม่มี รัก โลภ โกรธ หลง มาคอยกวนใจอยู่ เป็นคำที่ใช้แทนกันได้


ถาม : ในเรื่องธรรมะเราต้องปล่อยวาง ?
ตอบ : แบกความดีเอาไว้ให้มากที่สุด เมื่อถึงเวลาเราจะได้มีให้วาง ไม่ใช่เราวางทุกอย่างโดยที่ไม่มีอะไรจะวาง แล้วจะวางอย่างไรเล่า ?

แบกความดี เกาะความดีไปก่อน ถ้าวางไม่ได้ อย่างน้อย ๆ ผลดีก็จะเกิดขึ้นกับเราในอนาคต แต่ถ้าทำความดีถึงที่สุด ปัญญาเกิดแล้ววางได้ แม้แต่ความดีก็จบกันแค่นั้น อนาคตไม่มีอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2017 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 18-04-2017, 15:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ......(ไม่ชัด).....
ตอบ : อยู่กับลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว ไม่ต้องฝึกอย่างอื่น ถ้าอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้จริง ๆ ความฟุ้งซ่านจะหมดไป ทุกวันนี้ที่เป็นเพราะยังอยู่ไม่ได้จริง ไปเริ่มต้นทำใหม่ ได้เมื่อไรแล้วมาถาม จะสอนต่อไปให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2017 เมื่อ 17:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 18-04-2017, 15:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ....(ไม่ชัด)..... จิตเป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่ากิเลสมารหลอก แสดงว่าถ้าเราตั้งใจทำจะเกิดผลเร็ว เพราะฉะนั้น...เขาก็เลยหาทางเตะสกัดด้วยการยัดความคิดโง่ ๆ มาใส่หัวเรา ก็แค่เรารู้เท่าทันว่าไม่เป็นอย่างนั้นก็จบแล้ว ไป...ไปเริ่มทำใหม่ รักษาอารมณ์ได้เมื่อไรแล้วค่อยมาถามต่อ

ถาม : ...(ไม่ชัด).....
ตอบ : ว่าไปเรื่อย ๆ กำหนดความรู้สึกไว้ที่เท้ามากกว่า อย่ากำหนดความรู้สึกไว้ที่คาถามากกว่า ถ้าความรู้สึกอยู่ที่คาถามากกว่าเราจะเดินไม่ได้

เอาลมหายใจก่อน คือเราต้องระงับความฟุ้งซ่านของเราให้ได้ก่อน ถ้าหากว่าอยู่กับลมหายใจได้ ความฟุ้งซ่านหมดไปแล้วค่อยฝึกอย่างอื่นต่อ ถ้าอยากได้ปลาหลายตัวเราจะจับไม่ไหว จับปลาหลายมือก็หลุดหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2017 เมื่อ 17:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 18-04-2017, 15:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำสังฆทานอุทิศให้หมาค่ะ เขาไม่ยอมตายสักทีค่ะ ?
ตอบ : บอกไปว่าไม่ต้องห่วงหรอก จะไปไหนก็ไปเถอะ ไม่ต้องมาเกิดใหม่กับกูหรอก..!

ถาม : เขาบอกว่า เขาเลือกได้ เลือกที่จะอยู่กับใครก็ได้ เขาทำแบบนั้นได้จริง ๆ หรือคะ ?
ตอบ : ถ้ากำลังของเขาถึงก็ทำได้ แต่กำลังใจของเขายังเกาะเราอยู่

ถาม : ยิ่งกว่าคนหรือคะ ?
ตอบ : ยิ่งกว่าคนอีก กำลังใจเขายังยึดอยู่ เขาไม่ไปเสียอย่างเราจะทำไปอะไรได้ จิตหมาก็คือคน เพียงแต่ว่าอยู่ในร่างหมาเท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2017 เมื่อ 17:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 18-04-2017, 16:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราจะช่วยชาวบ้านด้วยการทำให้ฝนตก เราต้องแลกกับอะไรบ้าง ?
ตอบ : ก็ทำบุญอุทิศให้ท่านบ่อย ๆ สิ

ถาม : เราต้องเผชิญโชคชะตาอะไรบางอย่างที่โหดร้ายหรือเปล่า ?
ตอบ : ปกติก็โหดร้ายอยู่แล้ว ถือว่าเพิ่มความสะดวกในท่ามกลางความโหดร้าย จะไปเดือดร้อนอะไร มีชีวิตใครไม่โหดร้ายบ้างวะ ?

ถาม : จะโหดร้ายกว่าเดิมไหม ถ้าเราจะอดน้ำสักสามสี่วัน ?
ตอบ : แล้วทำไมเราต้องไปอด ?

ถาม : เพราะเราขอน้ำให้คนอื่นเขา ?
ตอบ : ส่วนใหญ่จะไม่เป็นอย่างนั้น จะไปเป็นเรื่องอื่นแทน เพราะว่าเราไปผ่อนคลายกฎของกรรมของคนหมู่มาก เขาเดือดร้อนเรื่องอะไร เราก็จะเดือดร้อนเรื่องนั้นแทน แต่ไม่เห็นครูบาอาจารย์ท่านจะถือสาหาความอะไร ท่านก็ทำของท่านไปเรื่อย ท่านถือว่าสงเคราะห์ญาติโยม ถึงตัวเองจะลำบากบ้างก็สมควร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2017 เมื่อ 17:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 18-04-2017, 16:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (มโนมยิทธิ)
ตอบ : พิสูจน์...! หาทางพิสูจน์กับสิ่งที่ใช้ระยะเวลาสั้น ๆ อย่างเช่นว่านั่งอยู่ข้างถนน หลับตาทำใจสบาย ๆ เสียงรถวิ่งมาให้ถามตัวเองว่ารถคันนี้สีอะไร ? พอได้คำตอบก็ลืมตาดู ถ้าถูกให้จำว่าอารมณ์ตอนนั้นเป็นอย่างไร ถ้าผิดไม่ต้องจำ ซักซ้อมอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ความชำนาญคล่องตัวจะมีมากขึ้น แล้วเราจะแยกแยะออกเอง ถ้าหากว่าไม่พิสูจน์ก็มั่วไปเรื่อย โอกาสผิดมีมากกว่าถูก

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่ต้องใส่ใจ รับรู้ไว้ด้วยความเคารพ เรื่องของภาพและเสียงโอกาสพาเราเสียมีมากกว่าดี เนื่องจากว่าสันดานคนมีอยู่อย่างหนึ่งที่แก้ไม่ได้เลยก็คือ กูเห็น กูได้ยิน กูเลยเชื่อ ในเมื่อกูเห็น กูได้ยิน กูเลยเชื่อ ก็เลยไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นหรือได้ยินนั้น...ไม่ใช่ของจริง

อาตมาเคยเปรียบเทียบว่าเห็นคนเขาไล่ยิงไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วยเขา แล้วจะโดนเขากระทืบตาย เพราะว่าเขาถ่ายหนังอยู่ ที่เราเห็นนั้นเราเห็นจริง ๆ แต่เรื่องที่เราเห็นจริงนั้นไม่จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2017 เมื่อ 17:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว