กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-07-2019, 10:58
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default เทศนาวันเข้าพรรษา วันพุธที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

เทศน์วันเข้าพรรษา ๒๕๖๒
วันพุธที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ ติ


บัดนี้อาตมภาพรับหน้าที่วิสัชนาในวัสสกถา เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญา เพิ่มพูนบารมี เสริมสร้างกุศลบุญราศีแก่ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ที่พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันเข้าพรรษา ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้

ญาติโยมทั้งหลาย แต่เดิมมาในสมัยพุทธกาลของเรานั้น ไม่มีการเข้าพรรษา แต่ว่าบรรดาเดียรถีย์ หรือนักบวชศาสนาอื่น ๆ นั้น เขามีการเข้าพรรษากันเป็นปกติ เนื่องจากศาสนาของเขาตั้งมาก่อนเป็นเวลานาน แนวทางและหลักการปฏิบัติของพวกเขาลงตัวแล้ว ต่อสภาพสังคม ตลอดจนกระทั่งฤดูกาลและดินฟ้าอากาศต่าง ๆ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-07-2019, 10:59
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

แต่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เพิ่งประดิษฐานพระพุทธศาสนาได้ไม่นาน หลักการบางอย่างยังไม่ได้กำหนดเอาไว้ ทำให้พระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนานั้น ยังมีการเดินทางไปมาในช่วงฤดูฝน ซึ่งสร้างความลำบากให้กับการเดินทางเป็นอย่างมาก เพราะว่าถนนหนทางสมัยก่อนนั้น ก็ไม่ใช่ถนนลาดยางลาดคอนกรีตเหมือนสมัยนี้ แต่เป็นถนนดิน เมื่อถึงเวลาหน้าฝนก็กลายเป็นหล่มโคลนบ้าง กลายเป็นแอ่งน้ำบ้าง ยากต่อการเดินทาง

โดยเฉพาะพระของเรานั้นต้องนำเอาผ้าบังสุกุล ก็คือผ้าเก่าที่คนเขาทิ้งแล้ว เอามาตัดเย็บย้อมเป็นจีวร ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเย็บเสร็จแล้วก็หนา ค่อนข้างที่จะนุ่งห่มได้ลำบาก เมื่อโดนน้ำฝนเข้าไป ก็ยิ่งหนักกันเข้าไปใหญ่

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-07-2019, 11:00
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อเห็นดังนั้น ประกอบกับทรงทราบแล้วว่า ศาสนาอื่นเขามีการหยุดการจาริกไปในช่วงเข้าพรรษา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้มีพุทธบัญญัติ ให้พระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายอยู่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งในช่วงเข้าพรรษา เรียกว่าอยู่ประจำพรรษาหรือว่าจำพรรษา เหตุผลที่พระองค์ท่านให้อยู่จำพรรษานั้นก็เพราะว่า

๑. จะได้ไม่ลำบากด้วยการเดินทาง ๒. จะได้ไม่รบกวนญาติโยมเขา ซึ่งอาตมาก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมถึงได้มีคนกล่าวว่า การที่พระพุทธเจ้าให้พระเราจำพรรษา เพราะว่าพระไปเดินเหยียบข้าวกล้าของชาวบ้านเขา อาตมาเคยพูดในที่ประชุมว่าพระไม่ใช่ควาย ควายยังรู้จักเดินบนทางบนถนน แล้วพระจะเดินลุยลงไปในนาได้อย่างไร ?

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-07-2019, 11:01
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เหตุที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้จำพรรษา ก็เพราะว่าช่วงฤดูฝนชาวบ้านต้องทำนา แล้วโดยมารยาทแต่ดั้งเดิมของคนทางเอเชียของเรา ถ้าหากว่าแขกไปใครมาก็ต้องต้อนรับ อย่างที่โบราณเขาพูดกันติดปากว่า

“ตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ
อย่างดีเลิศตามมีและตามเกิด ให้เพลินเพลิดกายากว่าจะกลับ”

เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็ต้องทิ้งการทิ้งงานที่ตนเองทำอยู่ เพื่อมาต้อนรับขับสู้พระภิกษุสงฆ์ โดยเฉพาะถ้าเป็นหลวงปู่หลวงพ่อที่เขาเคารพ ก็ยิ่งตั้งใจบริการอย่างเต็มที่ ทำให้เสียงานของตัวเองไป องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้กำหนดว่าให้พระจำพรรษา เพื่อที่จะได้ไม่ไปรบกวนชาวบ้าน ที่ซึ่งต้องประกอบกิจการงานของตนในช่วงเข้าพรรษา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 24-07-2019, 11:04
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

๓. การที่พระอยู่จำเพาะเจาะจงในที่ใดที่หนึ่ง สะดวกต่อการที่ญาติโยมจะได้ทำบุญ เพราะว่าสมัยก่อนพระท่านเดินทางไปเรื่อย ๆ บาลีใช้คำว่า “จาริก” หรือ “จาริกะ” แปลว่าเที่ยวไป คำว่า “เที่ยวไป” ในที่นี้ไม่ได้แปลว่า “ไปเที่ยว” ส่วนใหญ่แล้วเราจะไปตีความว่า “ไปเที่ยว”

พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “จะระถะ ภิกขะเว จาริกัง” ดูกรภิกษุทั้งหลาย ขอเธอจงเที่ยวไป “พะหุชะนะหิตายะ พะหุชะนะสุขายะ” เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของชนหมู่มาก ก็คือไปเทศนา สงเคราะห์ สั่งสอนให้เขารู้หลักการดำรงชีวิต การครองตนอยู่ในศีลในธรรม “โลกานุกัมปายะ” เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก ก็คือถ้าหากว่าชาวบ้านอยู่ในศีลกินในธรรม สังคมก็เจริญรุ่งเรือง สงบร่มเย็น

คำว่าโลกในที่นี้หมายถึงส่วนรวม หมายถึงสังคม บางท่านในสมัยนี้ไปตีความว่า พระพุทธเจ้าสั่งให้ไปเที่ยว คำว่าเที่ยวในที่นี้ท่านย้ำเอาไว้ว่า “เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก” ไม่ใช่เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินเฉพาะของตัวเอง ดังนั้น..ท่านใดที่ตีความผิดในปัจจุบัน โปรดทราบด้วยว่า สิ่งที่ท่านตีความนั้นกล่าวบาลีไม่หมด พูดสิ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ไม่ครบ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 24-07-2019, 11:05
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ในสมัยก่อนที่พระท่านจาริกไปเรื่อย ๆ ญาติโยมจะทำบุญก็ลำบาก กว่าจะได้ทำบุญอีกทีก็ต้องรอจนพระท่านวนกลับมาที่เดิม ซึ่งถ้าเป็นอย่างอาตมานี้ บางที่ก็ผ่านไปเพียงครั้งเดียว จนป่านนี้ยังไม่ได้วนกลับไปอีกเลย

เมื่อครู่นี้มีญาติโยมท่านหนึ่งคือคุณต้อม พาลูกเมียมาหา เป็นผู้ที่ไปติดอยู่ในทุ่งใหญ่มาด้วยกันเมื่อ ๓๐ กว่าปีก่อน อาตมาเองก็ขำ ๆ ว่า ๓๐ ปีมาเจอหน้ากันตอนนี้เอง ก็แปลว่าบางที่เราผ่านไปแล้วก็ไม่ได้ไปอีก บางบ้านเราไปแล้วก็ไม่ได้ไปอีก ญาติโยมจะมีโอกาสทำบุญก็ยาก เมื่อพระท่านอยู่ประจำที่ใดที่หนึ่ง ญาติโยมรู้เข้าก็สามารถที่จะกำหนดวันเวลา ไปทำบุญสุนทานได้ตามความสะดวกของตัวเอง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 24-07-2019, 11:06
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

๔. เมื่อพระภิกษุสามเณรอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะอยู่กับพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ก็สามารถรับคำสั่งสอนจากพระอุปัชฌาย์อาจารย์ได้โดยง่าย และเมื่อมีข้อธรรมอะไรติดขัด รู้ว่าครูบาอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถอยู่ประจำที่ใดที่หนึ่ง ก็สามารถที่จะไปสอบถามข้อธรรมที่ตนเองติดขัด จะได้ไม่เสียเวลาติดอยู่เป็นเวลานาน ๆ

๕. เมื่อพระภิกษุสามเณรของเราอยู่ประจำที่ใดที่หนึ่ง ก็ทำให้สถานที่นั้นเกิดความเจริญขึ้นมา เพราะว่าผู้คนไปมาหาสู่ นำเอาความสะดวกสบายเข้าไปยังที่นั้น เราจะเห็นว่าแถววัดเราต่อให้เป็นบ้านป่าบ้านดอย บนป่าบนเขา สมัยแรก ๆ ท่านไปกางกลดอยู่กันแบบพระธุดงค์ แต่พอมีญาติโยมเลื่อมใสศรัทธามาก ๆ ถนนหนทางก็เข้าไป ไฟฟ้าก็เข้าไป น้ำประปาก็เข้าไป สร้างความเจริญให้กับสถานที่นั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะเห็นว่า คุณประโยชน์ของการจำพรรษานั้นมีอยู่มาก

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 24-07-2019, 11:10
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

การจำพรรษานั้น บางทีเราก็เห็นพระภิกษุสามเณรยังคงไม่ได้อยู่ในวัด ก็อย่าเพิ่งไปตำหนิท่าน เพราะองค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตเอาไว้ ว่าถ้าหากว่าภิกษุมีความจำเป็นแม้ในช่วงพรรษา สามารถที่จะไปยังสถานที่อื่นได้ โดยใช้ข้อที่ท่านเรียกว่า “สัตตาหะกรณียะ” คือ ถ้ามีกิจจำเป็นสามารถไปได้ แต่ต้องไม่เกิน ๗ วัน ดังที่ทรงอนุญาตไว้ก็มี คือ
๑. พ่อป่วย
๒. แม่ป่วย
๓. พระอุปัชฌาย์อาจารย์ป่วย

ถ้าหากว่า ๓ ท่านนี้ป่วย สามารถไปดูแล ไปอุปัฐากรับใช้ สามารถไปได้แม้จะอยู่ในช่วงพรรษา แต่ว่าไปได้ครั้งละไม่เกิน ๗ วัน

๔. เพื่อนสหธรรมิกที่อยู่ต่างวัดจะสึก ไปเพื่อช่วยกันห้ามปรามไม่ให้สึกได้ ถ้าเป็นสมัยนี้ไปมาสะดวก ก็ไม่จำเป็นต้องไปค้างคืน สามารถไปกลับได้ในวันเดียว สมัยก่อนบางทีต้องเดินทางกันข้ามจังหวัด เสียเวลาไปหลายคืน ท่านถึงได้อนุญาตว่าให้ไปได้ภายใน ๗ วัน

๕. ได้รับกิจนิมนต์ให้ไปเจริญศรัทธาชาวบ้าน เพราะว่าพระพุทธศาสนาเราจะตั้งอยู่ได้ก็เพราะญาติโยมศรัทธาเลื่อมใส ถ้าหากว่าได้รับนิมนต์แล้วไม่ไป ญาติโยมอาจจะไปถือศาสนาอื่นแทน พระพุทธเจ้าถึงได้อนุญาตเอาไว้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 24-07-2019, 11:11
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าเหตุที่นอกเหนือจากนี้ ก็ต้องดูความเหมาะสม โดยอาศัยหลักการตีความพระธรรมวินัย ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานให้ไว้ เรียกว่าหลักมหาปเทส คือข้ออ้างใหญ่ มีอยู่ ๔ ข้อ

พระองค์ท่านตรัสว่า “สิ่งใดไม่สมควร ถ้าพิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร” อย่างเช่นสมัยก่อนไม่ได้สั่งห้ามเอาไว้เรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด แต่สมัยนี้ของเรามีทั้งยาบ้า ยาไอซ์ ยาเค ยาอี มากมายไปหมด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่สมควร แน่นอนว่าสิ่งนั้นย่อมไม่สมควร ก็คือพระเณรทำไม่ได้

“สิ่งใดไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร” สิ่งที่ไม่สมควร คือพระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาตเอาไว้ อย่างเช่นว่า พระป่วย อยู่ ๆ เกิดไส้ติ่งแตกขึ้นมา ต้องหามไปส่งโรงพยาบาล ออกพ้นวัดไปกลับไม่ได้ เพราะว่าต้องอยู่รักษาตัวหลายวัน พระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาตให้ไปรักษาตัว แต่เมื่อพิจารณาเห็นแล้วว่าสมควรก็อนุญาตให้ไปได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 24-07-2019, 11:12
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

หรือว่าอย่างของวัดท่าขนุนของเรา มีพระภิกษุสามเณรไปเรียนจำนวนมาก การเรียนก็เรียนเนื้อหาเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ศึกษาให้มีความรู้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อที่จะนำมาสั่งสอนแก่ญาติโยมได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงนี้ ทางวัดไชยชุมพลชนะสงครามหรือวัดใต้ เปิดหลักสูตรการเรียนใหม่ เรียกว่า หลักสูตรวิปัสสนาภาวนา สอนให้ปฏิบัติธรรมเจริญกรรมฐาน เพื่อที่จะสร้างครูสอนกรรมฐานขึ้นมา ก็แปลว่าช่วยให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาของเรา มีความดี ความงาม ความสะดวกยิ่งขึ้น เมื่อพระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาตเอาไว้ ก็ไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้สมควร ก็ย่อมไปได้

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ พระพุทธเจ้าทรงเป็นอัจฉริยบุรุษ มีสัพพัญญุตญาณ คือความรู้รอบในทุกเรื่อง ทรงเห็นว่าพอนาน ๆ ไปสิ่งที่บัญญัติเอาไว้ก็ดี ไม่ได้บัญญัติไว้ก็ดี เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมกับยุคสมัย ย่อมต้องมีการตีความกัน พระองค์ท่านก็ประทานหลักในการตีความให้ ก็คือมหาปเทสทั้ง ๔

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 24-07-2019, 11:13
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

“สิ่งใดที่สมควร พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร” อย่างเช่นว่าถ้าหากว่าญาติโยม เมื่อถึงเวลาตั้งใจที่จะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ แต่ว่าบ้านอยู่ไกล การสร้างบุญสร้างกุศลเป็นสิ่งที่สมควร นิมนต์พระไปกลับวันเดียวไม่ได้

อาตมาเองก็เจอมาบ่อย นิมนต์ไปเชียงรายหรือสุไหงโกลก เป็นต้น ก็จำเป็นต้องไปด้วยสัตตาหะกรณียะ ก็คือไปแล้วไม่เกิน ๗ วัน หรืออย่างที่ปัจจุบันนี้ก็ได้รับนิมนต์ไปสอนกรรมฐานและรับสังฆทาน ทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ต้นเดือน ที่บ้านเติมบุญ จังหวัดนนทบุรี ในเมื่อเป็นศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ๓ วัน ก็ต้องไปค้างคืน จึงต้องลาไปด้วยสัตตาหะกรณียะ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าสมควร ก็ไปได้ เป็นต้น

แต่ว่าถ้าหากว่าพระภิกษุสามเณร ส่งไลน์หรือโทรศัพท์ บอกโยมว่าช่วยนิมนต์ที อยากจะไป ถ้าอย่างนี้ก็ผิดตั้งแต่แรก ถ้าลักษณะนี้ก็ไปไม่ได้ เพราะว่าเจตนาจะออกจากสถานที่จำพรรษาไปโดยไม่มีเหตุ แต่พยายามสร้างเหตุขึ้นมาเอง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 24-07-2019, 11:14
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ในการที่พระภิกษุสามเณรอยู่จำพรรษาในที่ใดที่หนึ่ง ก็มีความสะดวก ความเหมาะสมหลายประการ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

สำหรับญาติโยมทั้งหลายที่มาทำบุญที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ นอกจากเรามาทำบุญ ใส่บาตร สมาทานศีล ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้ว เรายังมีการถวายเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝนด้วย

เทียนพรรษาสมัยก่อนเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะว่าพระเณรต้องศึกษาพระธรรมวินัย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีแสงสว่างไว้ใช้ในการท่องหนังสือ และใช้ตลอดระยะเวลา ๓ เดือน ถ้าหากว่าเป็นเทียนต้นเล็ก ๆ ก็ต้องเปลี่ยนบ่อย ดังนั้น..ชาวบ้านจึงใช้ภูมิปัญญาของตน หล่อเทียนต้นใหญ่ที่พอใช้ตลอด ๓ เดือนขึ้นมา เพื่อให้พระภิกษุสามเณรเอาไว้ใช้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 24-07-2019, 11:16
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เมื่อมาถึงปัจจุบันนี้การใช้เทียนมีน้อยแล้ว เราก็เปลี่ยนเป็นหลอดไฟฟ้า ไม่ว่าจะหลอดสั้น หลอดยาว หลอดกลม หลอดประหยัดไฟ ก็ถือว่าเหมาะสมกับยุคสมัย แต่ว่าวัดท่าขนุนของเรายังใช้เทียนพรรษาเป็นปกติ เพราะว่ามีงานตามประทีปเป็นพุทธบูชา ในทุกวันมาฆบูชา วิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันลอยกระทง

แต่ละงานต้องใช้เทียนประมาณตันครึ่ง คือ ๑,๕๐๐ กิโลกรัม ในการหล่อหลอมขึ้นมาเป็นผางประทีปที่จุดเพื่อเป็นพุทธบูชา อย่างที่ญาติโยมได้เห็นเมื่อคืนที่ผ่านมา ถ้าหากว่าไม่มีเทียนพรรษานำไปหล่อผางประทีป ก็ต้องไปซื้อขี้ผึ้งมาหล่อ ขนาดส่วนที่เป็นเศษเทียนยังกิโลกรัมละ ๓๐ กว่าบาท

การที่ญาติโยมมาถวายเทียนพรรษาที่วัดท่าขนุน ไม่ว่าต้นใหญ่ต้นเล็กก็ตาม ทางวัดเราใช้หมดแม้แต่ไส้เทียนก็ไม่ทิ้ง เพราะว่าถึงเวลาหลอมละลายเรียบร้อย นำเอาไปเทเป็นผางประทีป ในส่วนของไส้เทียนเราก็นำมาเป็นเชื้อเพลิงในการที่หลอมเทียนนั่นเอง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 21 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 24-07-2019, 11:16
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ในส่วนของผ้าอาบน้ำฝนนั้น ญาติโยมนำเอามาถวายพระ ปัจจุบันนี้เห็นพระหลายท่านใช้ไม่ถนัด เพราะตอนเป็นฆราวาสใช้ผ้าขาวม้าบ้าง ผ้าขนหนูบ้าง แต่ว่าก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่

เนื่องเพราะว่าองค์สมเด็จพระบรมครู ได้รับการขอพรจากนางวิสาขามหาอุบาสิกา เพราะว่าในช่วงพรรษานั้นท่านนิมนต์พระไปฉันที่บ้าน บอกให้สาวใช้ไปนิมนต์พระที่วัด ก็ปรากฏว่าสาวใช้ไปถึงเจอแต่ชีเปลือยเต็มวัด เพราะว่าฝนตก พระท่านกำลังอาบน้ำฝนกันอยู่

สมัยนั้นนักบวชชีเปลือยหรือพวกแก้ผ้ามีเป็นปกติ สาวใช้กลับมาบอกนางวิสาขาว่า “พระแม่เจ้า..ไม่มีพระอยู่ในวัด มีแต่ชีเปลือย” นางวิสาขาพอได้ยิน ด้วยความที่ตนเองมีปัญญามาก ก็ทราบดีว่าช่วงนี้ฝนตก พระท่านก็คงจะอาบน้ำฝนกัน คราวนี้การอาบน้ำของท่านก็เปลือยกายตามปกติ เพราะว่ามีผ้าแค่ ๓ ผืน

จึงบอกกับสาวใช้ว่า “รอสักครู่หนึ่ง พวกชีเปลือยเขาคงจะไปทำธุระในวัด เดี๋ยวพอฝนหายแล้วเจ้าไปใหม่ พระภิกษุคงจะกลับมาแล้ว” เมื่อคนใช้ไปถึงก็เจอพระห่มจีวรเรียบร้อยอยู่ในวัด จึงได้นิมนต์มารับภัตตาหารที่บ้านนางวิสาขา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 24-07-2019, 11:17
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นมานางวิสาขามหาอุบาสิกาพิจารณาว่า นักบวชของเรา เราก็ควรที่จะสร้างความเคารพ และความต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่เขาเคารพนักบวชเปลือย จึงได้กราบขอพรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอถวายผ้าวัสสิกสาฎก หรือว่าเรียกง่าย ๆ ว่า ผ้าสำหรับนุ่งอาบน้ำฝน ให้แก่พระสงฆ์ในบวรพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าเห็นความตั้งใจจริง จึงอนุญาตให้มีผ้าอาบน้ำฝนเพิ่มขึ้นมาได้ ๑ ผืน จากผ้าไตรจีวรแต่เดิม

ข้อนี้เป็นคุณความดีที่นางวิสาขามหาอุบาสิกาได้กระทำต่อพระพุทธศาสนา ทำให้เกิดประเพณีถวายผ้าอาบน้ำฝนขึ้นมา แต่ว่าผ้าอาบน้ำฝนในปัจจุบันก็ใช้ได้บ้าง ใช้ไม่ได้บ้าง เพราะว่าทางร้านค้าบางทีรับของมาก็ไม่ได้ดู ว่าโรงงานที่ผลิตตั้งใจทำมาเพื่อเอากำไรอย่างเดียว ผ้าอาบน้ำฝนคลี่ออกมาแล้วยาวแค่ศอกกว่า ๆ เท่านั้น และแถมเป็นผ้าที่ตาห่างเหมือนกับตามุ้งด้วย ไม่สามารถที่จะใช้นุ่งได้

ญาติโยมสมัยนี้ถ้าหากว่าจะถวายผ้าอาบน้ำฝน อาตมาขอแนะนำว่า ให้ซื้อผ้าสบงมาถวายเลย เพราะว่าใช้ในงานเดียวกัน เพราะปัจจุบันอย่างพวกอาตมาเวลาใช้ ก็ใช้สบงนั้นแหละในการนุ่งอาบน้ำ เมื่อถึงเวลาก็เปลี่ยนผ้าซักไปเลย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 24-07-2019, 11:19
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ในส่วนนี้ญาติโยมที่มาสร้างบุญสร้างกุศล นอกจากการทำบุญใส่บาตร สมาทานศีล ฟังเทศน์ ฟังธรรมแล้ว เราก็ยังได้ถวายเทียนพรรษา และผ้าอาบน้ำฝน ซึ่งเป็นวัตถุทานที่พระพุทธเจ้าได้มีพระบรมพุทธานุญาตเอาไว้

ก็แปลว่าเราทั้งหลายได้กระทำตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ ในการสร้างบุญบารมี ก็คือมีทาน มีศีล มีภาวนา เราทำบุญใส่บาตร เราถวายเทียนพรรษา เราถวายปัจจัยไทยธรรม ถวายผ้าอาบน้ำฝน จัดเป็นทาน

เราสมาทานศีล ก็คือการทรงศีลของเรา และท้ายสุดตั้งใจฟังเทศน์ ฟังธรรม ทรงสมาธิจิตตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ก็แปลว่าท่านทั้งหลายกำลังภาวนา คือทรงสมาธิอยู่ เพราะคำว่าภาวนา แปลว่าทำให้เจริญ คือ เจริญด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจนั่นเอง

ถ้าหากว่าท่านสร้างบุญสร้างกุศล ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา แล้วรู้จักปล่อย รู้จักวาง ลด ละ เลิก ในสิ่งที่ไม่ดีให้น้อยลงไปเรื่อย ๆ เมื่อเข้าถึงความบริสุทธิ์ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจอย่างสิ้นเชิง ท่านทั้งหลายก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 24-07-2019, 11:21
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐานอ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นประธาน มีบารมีของหลวงปู่สาย อคฺควํโส อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเป็นที่สุด

ขอได้โปรดดลบันดาลให้ญาติโยมทั้งหลาย ประสบความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผลด้วยจตุรพิธพรชัยทั้งสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดจนถึงธรรมสารสมบัติอันเป็นที่พึงใจทั้งปวง

แม้ว่าท่านทั้งหลายประสงค์จำนงหมายสิ่งใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมวินัยแล้วไซร้ ขอบารมีแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ได้โปรดดลบันดาลให้ความประสงค์ของท่านทั้งหลายเหล่านั้น สำเร็จสมดังมโนรสปรารถนาจงทุกประการ

รับหน้าที่วิสัชนามาในวัสสกถาก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์วันเข้าพรรษา ณ วัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยหยาดฝน)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-07-2019 เมื่อ 10:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว