กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 14-05-2011, 18:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในเรื่องของการเล่นแร่แปรธาตุ พอได้โลหะธาตุบางอย่างที่แปลกพิสดารออกไป จะเป็นวัตถุล้างอาถรรพ์ได้ อย่างสมัยก่อนที่เขาเล่นคาถาอาคมต่าง ๆ จะมีคาถาบทหนึ่งที่ชื่อว่าโองการมหาทมื่น ถือว่าเป็นคาถาที่ค่อนข้างจะครอบจักรวาล

ท่านระบุเลยว่า คงในน้ำ คงบนบก คงกลางวัน คงกลางคืน คงทั้งหลับ คงทั้งตื่น คงทั้งยืน คงทั้งนั่ง คงต่อธนูธน้า มีดพร้าปืนไฟ คงต่อหอกข้อเงิน หอกข้อทอง หอกสัมฤทธิ์ กริชทองแดง พอไปเจอโลหะผสมจึงกันไม่ได้ เพราะไม่มีระบุไว้ (หัวเราะ) เห็นหรือยังว่ากันขนาดไหนก็ยังมีคนแหกคอกไปเล่นเข้าจนได้

ของพวกเรานี้ ถ้าหากว่ารุ่นเก่า ๆ ที่เรียนวรรณคดีมาจะเห็นเรื่องไกรทอง ใช้หอกสัตตโลหะฆ่าพญาชาละวันได้ อย่างอื่นทำอะไรชาละวันไม่ได้ ของบางอย่างที่อยู่นอกตำราจะล้างอาถรรพ์ได้ พวกที่เล่นคาถาหนังเหนียวจะกลัวของอยู่ ๒-๓ อย่าง อย่างหนึ่งก็คือ กระสุนดินธรรมดา ที่ยิงด้วยคันกระสุนที่เป็นคันธนู เพราะว่าคันกระสุนนี้จะแรงกว่าหนังสติ๊กประมาณ ๗-๘ เท่า ยิงกระบอกไม้ไผ่แตกได้

ปฐวีธาตุเป็นแม่ธาตุที่ช่วยในการอยู่ยงคงกระพัน ในเมื่อยิงด้วยปฐวีธาตุแล้วจะไปเหลืออะไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-05-2011 เมื่อ 07:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 14-05-2011, 18:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อีกอย่างหนึ่งที่เขากลัวคือหลาวไม้ไผ่ เพราะเขาเชื่อว่าในอดีตชาติพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ ไม้ไผ่ก็เลยกลายเป็นไม้เคล็ดล้างอาถรรพ์ เพราะว่าไม่มีอานุภาพอะไรเหนือกว่านั้น มีพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้าในอดีตถึงปัจจุบันถึง ๕ พระองค์ด้วยกัน

อีกวิธีหนึ่งที่เขาใช้คือ หอกสวนทวาร ในเมื่อรอบตัวไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ต้องหาช่องเข้าให้ได้ อย่างแสนตรีเพชรกล้าในเรื่องขุนช้างขุนแผน โดนฟันโดนแทงที่ตัวเท่าไร ๆ ก็ไม่เข้า สุดท้ายเขาจับเอาหอกสวนทวาร ตายจนได้

แต่สายของหลวงพ่อวัดท่าซุง ในเรื่องของการอยู่ยงคงกระพัน ท่านบอกไว้เลยว่า นอกข้อจะไม่กันให้ คือนอกข้อมือออกมาและนอกข้อเท้าลงไป เคยถามหลวงพ่อเหมือนกันว่าทำไมไม่กันให้ครบทั้งตัว ? ท่านบอกว่า "ถ้าไม่มีจุดอ่อนไว้บ้าง พวกแกจะเป็นโจรกันหมด" คือลูกศิษย์หลวงพ่อส่วนใหญ่มาสายพุทธภูมิ กำลังใจเกินมนุษย์อยู่แล้ว ถ้ายิ่งหนังเหนียวชนิดที่ไม่มีจุดอ่อนเลย เดี๋ยวก็ไปรังแกชาวบ้านเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2011 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 14-05-2011, 18:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาเป็นตัวอย่างที่ชัดที่สุดของเรื่องนอกข้อไม่เหนียว โดนทีไรเข้าทุกที เคยโดนหมากัดฝ่ามือ แหลกหมดเลยนะ แต่ว่าข้างบนเลยข้อขึ้นไปเป็นแค่รอยขูด ๆ เท่านั้น ท่านกันให้แค่ข้อมือจริง ๆ

หมาวัดท่าซุงก็แสนรู้ ครั้งแรกอาตมาเดินไปเข้ากรรมฐานที่ตึกธัมมวิโมกข์ บ้านลุงเพชร กลีบบัว เขามีหมา ๒ ตัวดุมาก แล้วทางขึ้นตึกธัมมวิโมกข์จะเฉียดผ่านบ้านลุงเพชรไป อาตมาเดินขึ้นบันไดไป ๓ ก้าวแล้ว หมาของลุงเพชรย่องมากัดน่องกระชากตกบันไดเลย ปวดแทบตาย ให้กัดเข้าเสียยังดีกว่า กัดไม่เข้าแต่กระชากเต็ม ๆ ลองนึกดูว่าจะเจ็บแค่ไหน ?

กัดน่องไม่เข้าใช่ไหม ? ครั้งต่อไปเลยงับเอ็นร้อยหวายแทน เป็นรูโบ๋เลย ฉลาดขนาดนั้น อย่างกับรู้ว่าหลวงพ่อบอกว่านอกข้อกันไม่ได้ สุดยอดหมาจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2011 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 15-05-2011, 07:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เพื่อนเขาต้องการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ที่เป็นพระยืนต้องสูงเท่าไรคะ ?
ตอบ : ไม่เคยได้ยินว่าพระชำระหนี้สงฆ์มีพระยืนนะ แต่พระยืนนี่ปกติก็ต้อง ๒ เท่าของพระนั่ง

ถาม : ถ้าพระนั่งสี่ศอก พระยืนก็ต้องแปดศอก ?
ตอบ : อย่างน้อยก็คงจะต้อง ๘ ศอก แต่ว่าไม่เคยได้ยินเรื่องพระชำระหนี้สงฆ์ที่เป็นพระยืน จึงไม่ยืนยันจ้ะ
จะไปยากอะไร ถ้าอยากสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ในลักษณะยืน เราก็สร้างพระยืนสักองค์ แล้วที่เหลือก็ไปร่วมสร้างชำระหนี้สงฆ์กับใครก็ได้

ถาม : ถือว่าเป็นพระชำระหนี้สงฆ์ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ถือว่าเป็นชำระหนี้สงฆ์ แต่เราไปสร้างร่วมกับคนอื่นเขา อย่างไรก็ได้ชำระหนี้สงฆ์อยู่ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2011 เมื่อ 12:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 15-05-2011, 07:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "พระเจ้าจักรพรรดิราชในสมัยโบราณ บอกกัลบก (ช่างตัดผม) ว่า ถ้าสังเกตเห็นว่าผมของพระองค์หงอกแล้วให้เตือนด้วย

พอช่างตัดผมตัดไป ๆ เห็นผมหงอกโผล่มา ๒-๓ เส้น ก็ทูลบอกพระเจ้าจักรพรรดิราช ปรากฏว่าพระองค์ท่านสละราชสมบัติออกบวชเลย ท่านบอกว่า ท่านทำงานเพื่อคนอื่นมาเยอะแล้ว ตอนนี้แก่แล้ว ขอทำเพื่อตัวเองบ้าง

ต้องบอกว่า ท่านเป็นผู้เห็นภัยในวัฏสงสารจริง ๆ เพราะว่าท่านตั้งใจเลยว่าถ้าหัวหงอกเมื่อไร ก็บวชเมื่อนั้น ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ท่านบรรลุธรรมได้ มีการตัดสินใจล่วงหน้าเด็ดขาด ถึงเวลาเมื่อไรก็ทิ้งเลย ถ้ายังละล้าละลังห่วงหน้าพะวงหลัง แสดงว่ากำลังใจยังเด็ดขาดไม่พอ ในเมื่อเด็ดไม่ขาดก็ไปไม่ได้สักที หรือว่าเด็ดแล้วยืด เหมือนเด็ดบัวแล้วยังเหลือเยื่อใย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-05-2011 เมื่อ 07:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 15-05-2011, 07:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนทำปาณาติบาตน้อย อายุจะยืน ร่างกายแข็งแรง

พระพากุลเถระ อายุยืนที่สุดที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก คือ ๑๕๐ ปี แต่ท่านเบื่อก็เลยเข้ากรรมฐานไปเลย อยู่มา ๑๕๐ ปี ไม่ป่วยสักที นอกจากความหิวที่ถือว่าเป็นโรคแล้ว ไม่เคยป่วยเป็นโรคอื่นเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-01-2019 เมื่อ 08:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 15-05-2011, 07:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ท่านเคยเทศน์ว่า กิเลสเอาความดีมาหลอกเรา แล้วเราจะคิดต่อว่าอย่างไร ?
ตอบ : ไม่เห็นต้องคิดต่อเลย ก็แค่รู้เท่าทัน แล้วก็พยายามทำตรงข้ามกับที่กิเลสต้องการ เขาหลอกให้เราทำความดีช้า เราก็เร่งทำให้เร็วขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2011 เมื่อ 12:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 15-05-2011, 07:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อวานภาวนาไปแล้วไปถึงจุดหนึ่ง รู้สึกว่าทำไมเราไม่มีเพศ ก็เลยนึกว่าเราไม่ใช่ผู้หญิงผู้ชาย มีเสียงบอกว่า พระพุทธเจ้าก็ไม่มี พระอรหันต์ก็ไม่มี ตัวเราก็ไม่มี แล้วเราก็สบาย สิบชั่วโมงผ่านไปเรารู้ว่าโลภ โกรธ หลงอยู่ครบอยู่
ตอบ : ยังดีที่รักษาได้ตั้งสิบชั่วโมง ถ้าเราสามารถประคองรักษาอารมณ์นั้นไว้ได้ ก็จะอยู่กับเรานานไปเรื่อย ๆ ยิ่งอยู่ได้นานเท่าไร จิตใจที่ปราศจากรัก โลภ โกรธ หลง จะทำให้ความผ่องใสเกิดมากขึ้น มีปัญญารู้เห็นว่าจะหลบหลีกสิ่งที่ไม่ดีอย่างไรและก็ทำสิ่งที่ดี

อารมณ์ของการทรงฌาน จะเป็นฌานใดฌานหนึ่งขึ้นไปก็ตาม เป็นคุณสมบัติของพรหม พรหมเป็นบุคคลที่ไม่มีเพศแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 15-05-2011 เมื่อ 16:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 15-05-2011, 17:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนนี้เขากำลังเห่อเลือดจระเข้กันอยู่ ใครเคยไปดูจระเข้ในฟาร์มบ้างไหม ? บ่อสกปรกสุด ๆ เลย สารพัดเชื้อโรค บางทีจระเข้กัดกันเป็นแผล แล้วก็แช่น้ำเน่าแต่ไม่เป็นอะไรสักตัว แถมยังแผลหายเร็วอีกต่างหาก

เขาไปทำวิจัย พบว่าเลือดจระเข้สามารถต้านเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ดีมาก ช่วงนี้เขาก็เลยเอาเลือดจระเข้ไปทำเป็นยาให้กับผู้ป่วยโรคเอดส์ บอกว่าทุกคนที่ได้รับยาไปในฐานะคนไข้ตัวอย่าง มีอาการดีขึ้นเป็นที่น่าพอใจทั้งหมด ความซวยของจระเข้กำลังจะมาเยือน..!

อาตมาลองกินเนื้อจระเข้มา ๒-๓ ครั้งแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่อร่อย เหลืออย่างเดียวคือปิ้ง แต่ทีนี้ร้านเขาไม่ทำให้ ส่วนใหญ่เขาก็ทำผัดเผ็ด ต้มยำ คิดว่าเนื้อจระเข้ต้องปิ้งถึงจะอร่อย อย่างพวกแย้ต้องปิ้งถึงจะอร่อย แต่เนื้อจระเข้เขาไม่มีเวลาปิ้งให้เรา

เนื้อจระเข้มีฮอร์โมนสูงมาก ถ้าจะกินต้องระมัดระวังนิดหนึ่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2011 เมื่อ 17:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 15-05-2011, 17:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยก่อนบ้านอาตมาทำสวน พวกมดส้ม มดแดงที่เขาแหย่รังเอาไข่ไปกินจะเยอะมากเป็นพิเศษ เขาสอนต่อ ๆ กันมาว่า เอาเนื้อจระเข้ไปแขวนให้มดกิน อาทิตย์เดียวมดจะงอกปีก แล้วก็บินไปหมด แสดงว่าเนื้อจระเข้มีฮอร์โมนเยอะมาก ขนาดว่ากระตุ้นให้มดงอกปีกเตรียมผสมพันธุ์ได้ พอมดมีปีกก็จะบินไปหมด

ดังนั้น..ใครอยากลองกินเนื้อจระเข้ ก็ลองดูว่าคึกไหม ? อาจจะคึกแต่มดก็ได้ เพราะว่าของบางอย่างเหมาะกับสัตว์บางชนิด เหมาะกับคนบางคน

อาตมากินเนื้อสัตว์มาแล้วแทบทุกชนิด เนื้อบางอย่างกินแล้วจำแม่นเลย เพราะกลิ่นและรสไม่เหมือนใคร อย่างเนื้อค้างคาว ต่อให้ปิดตากินลงไป ก็รู้ว่าเนื้อค้างคาว แต่เนื้อคนยังไม่เคยลอง

ในธรรมบทมีพระเจ้าโปริสาทกินเนื้อคน ท่านเองไม่ได้ตั้งใจกินนะ แต่เป็นความไม่รอบคอบของพวกที่เตรียมเครื่องเสวย ไม่รู้ว่าวันนั้นเป็นวันที่เขาหยุดฆ่าสัตว์กัน ทำให้หาเนื้อไม่ได้ พอหาเนื้อไม่ได้ก็เลยไปที่ป่าช้า เจอศพคนตายใหม่ ๆ ก็เชือดเนื้อมาทำอาหารถวายพระเจ้าแผ่นดิน

ปรากฏว่ารสชาติเป็นที่ถูกใจ พระเจ้าโปริสาทบอกให้พรุ่งนี้เอาอย่างนี้อีก พวกพ่อครัวก็เลยซวย พอหาศพสด ๆ ไม่ได้ ก็ต้องไปตกลงกับเพชฌฆาต ถ้าหากว่ามีศพประหารให้รีบส่งมาเลย พอบางวันไม่มี ก็ต้องไปกราบทูลความจริงให้ทราบ พระเจ้าโปริสาทบอกว่าเอานักโทษในเรือนจำไปประหารวันละคน และพระองค์ก็กินนักโทษจนหมดเรือนจำ

เมื่อติดใจรสชาติเนื้อคน ก็ต้องจับชาวบ้านมา พระพุทธเจ้าที่เป็นสุตโสมมาณพในชาตินั้น ก็ต้องไปอนุเคราะห์แสดงธรรมให้ฟัง พระเจ้าโปริสาทจึงได้สติคืนมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2011 เมื่อ 17:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 15-05-2011, 17:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เนื้อคนรสชาติไม่น่าจะเอาอ่าว เพราะว่าอาตมาเผาศพมาเยอะต่อเยอะด้วยกัน กลิ่นเหม็นเขียวแปลก ๆ กลิ่นไม่ได้น่าชวนกิน พอได้กลิ่นก็รู้เลยว่าเนื้อคน แต่ถ้ากลิ่นไม่ชวนกิน รสชาติดี ก็น่าจะพอกล้อมแกล้มลงไปได้

อีกรายหนึ่งเป็นสมัยพุทธกาล ตอนนั้นพระท่านป่วย โยมเขาปวารณาไว้ว่า ถ้าต้องการอะไรขอให้บอก พระท่านบอกโยมว่าต้องการน้ำต้มเนื้อ ก็คือซุป ปรากฏว่าเป็นวันเดียวกับที่เขาไม่ฆ่าสัตว์ โยมเลยปาดเนื้อขาอ่อนตัวเองต้มซุปถวายพระ พอพระฉันเข้าไปก็หายป่วย พอหายป่วยออกบิณฑบาต เห็นว่าโยมออกมาใส่บาตรไม่ได้ ก็เลยถาม โยมก็ต้องสารภาพว่า เอาเนื้อขาตัวเองต้มซุปให้พระ ทำให้บาดเจ็บออกมาใส่บาตรไม่ได้

พอพระท่านกลับไปทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เสด็จไปเยี่ยมโยมคนนั้น ด้วยพุทธานุภาพทำให้เนื้อปิดสนิทกลับหายดีตามเดิม จึงออกมาถวายบังคมพระพุทธเจ้าได้ พระพุทธเจ้าถึงได้มีบัญญัติห้ามภิกษุฉันเนื้อมนุษย์ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมีประเภทเชือดอีกคนละชิ้นสองชิ้น แล้วจะยุ่ง

ท่านห้ามเอาไว้ ๑๐ อย่าง มี เนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อสุนัข เนื้อหมี เนื้องู เนื้อเสือโคร่ง เนื้อเสือเหลือง เนื้อเสือดาว เนื้อราชสีห์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-05-2011 เมื่อ 17:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 15-05-2011, 17:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เนื้อสัตว์ที่ท่านบัญญัติเพราะอะไรครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วเวลาเรากินเนื้อสัตว์ลงไป กลิ่นตัวเราจะเป็นกลิ่นของสัตว์ชนิดนั้น พอเข้าไปในเขตของเขา เราจะเป็นสัตว์แปลกหน้า เขาจะไล่ทำร้ายเอา เพื่อไล่เราให้พ้นเขตของเขา เพราะสัตว์เขาหวงถิ่นหากิน อยู่ ๆ ถ้าโดนสิงโตควบเข้าใส่จะทำอย่างไร ก็เผ่นกันไม่ทัน

มีคนเขาสงสัยว่าอินเดียไม่ได้มีสิงโต แต่ทำไมพระธรรมบทกล่าวถึงราชสีห์เยอะแยะไปหมด ไม่มีนี่ไม่ได้หมายความว่าสมัยโบราณไม่มีนะ อย่างบ้านเราตอนนี้ก็ไม่มีเนื้อสมัน แล้วทำไมเราถึงรู้ว่าเนื้อสมันมี

ถ้าเทคนิคในการสกัดดีเอ็นเอก้าวหน้ากว่านี้ เราอาจเห็นสมันมาเดินปุเลง ๆ ก็ได้ ตอนนี้ที่เขากำลังทดสอบอยู่ก็คือ สกัดดีเอ็นเอของช้างแมมมอธ ตั้งใจว่าจะฝากเอาไว้ในท้องของช้างปกติ แม่ช้างคงรู้สึกเหมือนตัวเองเหมือนแม่กระจิบที่เลี้ยงลูกนกกาเหว่า

เคยเห็นไหม ? นกกระจิบตัวเล็กนิดเดียว ลูกนกกาเหว่าตัวใหญ่เบ้อเร่อ ใหญ่กว่าแม่นก ๑๐ กว่าเท่า แม่คาบหนอนมาป้อนลูก ลูกนกแทบจะอมแม่นกเข้าไปได้ทั้งตัว

นกกาเหว่ามี ๒ สี ตัวผู้สีดำ ตัวเมียสีน้ำตาลลาย ๆ ตัวที่ส่งเสียงร้องคือนกกาเหว่าตัวผู้ โบราณเรียกว่าร้องลาตะวัน หรือร้องรับตะวัน ความจริงเขาร้องประกาศเขตแดนให้รู้ว่าอยู่บริเวณนั้น พวกเดียวกันได้ยินจะได้ไม่ล่วงล้ำเข้าไป ไม่อย่างนั้นจะโดนไล่ตีเอา


ข้อมูลเพิ่มเติมโดยคุณปิยทัศน์ครับ


"อันที่จริงอินเดียมีสิงโตที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ แม้แต่เวลานี้ก็ยังมีอยู่ แต่มีจำนวนน้อยมาก เรียกว่า "สิงโตเอเซีย (Asiatic Lion)" หรือ "สิงโตอินเดีย (Indian Lion)" และเหลืออยู่เฉพาะใน Gir Forest ทางด้านตะวันตกของอินเดียเท่านั้นครับ

รายละเอียดต่าง ๆ ดูได้ตามลิงก์ครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/Asiatic_Lion

เรื่องนี้คนทั่วไปมักจะไม่ทราบครับ แต่ผมสนใจเรื่องสัตว์ป่ามานานแล้ว ได้เคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับสิงโตเอเซียมาหลายครั้งจึงทราบครับ

นมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง

ปิยทัศน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2011 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 16-05-2011, 17:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การพิจารณาขันธ์ ๕ ของ.....(ไม่ได้ยิน)
ตอบ : จริง ๆ แล้วง่ายและเหมือนกันหมด ก็คือเริ่มจากการเข้าสมาธิเต็มที่ที่ตัวเองทำได้ แล้วก็พิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา

เหมือนกันหมด เพียงแต่ว่าระดับของการพิจารณาหยาบละเอียดต่างกัน เห็นละเอียดมากเท่าไร ยอมรับมากเท่าไร ก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นสูงมากขึ้นเท่านั้น

ถาม : แล้วต้องถอยออกมาพิจารณาขันธ์ ๕ ที่ฌานสี่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องถึงฌาน ๔ แค่ฌาน ๑ ก็พอ มัวรอให้เข้าฌาน ๔ ได้ บางทีทั้งชีวิตก็ไม่ต้องพิจารณาเลย

ถาม : การที่กราบพระบนพระนิพพาน ........
ตอบ : ถ้ามัวแต่สนใจอยู่ตรงนั้นก็ไม่ต้องทำมาหากินอย่างอื่น สนใจแค่ว่าไปได้ไหม ? บางอย่างรู้ไปก็ฟุ้งซ่านเพราะคิดว่ากูดีแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2011 เมื่อ 17:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 16-05-2011, 17:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมืองเปียนฮวนในเรื่องจอมคนแผ่นดินเดือด ?
ตอบ : เปียนฮวนเป็นเมืองสมมติ อยู่ที่มุมมองของคน เหมือนกับ ๓ จังหวัดภาคใต้ ที่มีสารพัดผู้คน ขณะเดียวกันบรรดากิจการต่าง ๆ ที่ไม่ค่อยจะถูกต้องตามกฎหมายก็เฟื่องฟู อยู่ที่ว่าใครจะสามารถฉวยโอกาสได้มากกว่ากัน

เหตุการณ์ ๓ จังหวัดภาคใต้ที่รุนแรง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยาเสพติดด้วย มีของเถื่อนหนีภาษีด้วย ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเมืองระหว่างเชื้อชาติเท่านั้น มีการสวมรอยกันไปสวมรอยกันมา คนที่เดือดร้อนมากที่สุดคือชาวบ้านตาดำ ๆ

เมืองเปียนฮวนสมัยก่อนเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ อย่างสมัยก่อน ถ้าพม่าจะตีอยุธยาให้ได้ต้องยึดพิษณุโลกให้ได้ก่อน ถ้ายึดพิษณุโลกไม่ได้ ก็ไม่มีสิทธิ์ตีอยุธยา เพราะถ้ายกทัพเข้ามาตีอยุธยา พิษณุโลกก็จะกระหนาบหลัง เมืองเปียนฮวนจึงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นที่หมายปองของทุกคน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 16-05-2011, 18:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เราลองนึกถึงสามก๊ก เล่าปี่เดินทางไปเชิญขงเบ้งถึง ๓ วาระ พอวาระที่ ๓ ขงเบ้งกางแผนที่ให้ดู แล้วเอามือจิ้มลงไปที่เมืองเสฉวนเท่านั้น ดินแดนอุดมสมบูรณ์ เสบียงอาหารพรั่งพร้อม ตั้งรับง่าย เข้าตียาก ถ้าท่านสามารถตั้งตนเป็นใหญ่ในเขตนี้ได้ก็เท่ากับท่านแบ่งแผ่นดินออกแล้วเป็น ๑ ใน ๓ นี่..เห็นความสำคัญของเมืองที่เป็นจุดยุทธศาสตร์หรือยัง ?

เมืองเปียนฮวนก็อยู่ในลักษณะนั้น อยู่กึ่งอนารยะกับอารยะ คือกึ่งกลางระหว่างดินแดนเถื่อนและความเจริญ อยู่ตรงกลางพอดี สินค้าทางด้านเจริญก็ต้องมาพักที่นี่ก่อน แล้วถึงจะกระจายออกทางด้านบน สินค้าจากด้านบนก็ต้องมาผ่านตรงนี้ก่อนแล้วถึงกระจายออกด้านล่าง นอกจากนี้ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเพราะมีแม่น้ำไหลผ่าน การเดินเรือทำให้สามารถยกทัพได้ง่ายและเงียบเชียบ ไม่มีร่องรอย ไม่เหมือนกับการเดินทัพทางบก

จากทางด้านบนสามารถที่จะล่องเรือบุกทะลวงไปยังจงหยวนที่ด้านล่างได้เลย กลายเป็นว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพาณิชย์หรือการศึกสงคราม ถือเป็นชัยภูมิที่สำคัญที่สุด ดังนั้นไม่ว่าใครก็ต้องยึดเมืองนี้ให้ได้ก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2011 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 16-05-2011, 18:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ธาตุลมกำเริบเกิดขึ้นเองหรือคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วเกิดจากสภาพร่างกายของเราเอง ถ้าธาตุไม่เสมอ ตัวใดตัวหนึ่งพร่อง ตัวอื่นก็จะกำเริบหรือที่หมอเรียกว่ามากขึ้น เรื่องของธาตุไม่ว่าจะเป็นตัวใดก็ตามห้ามขาด

ถ้าธาตุลมขาดไป ไม่มีตัวไหนควบคุมธาตุไฟ ธาตุไฟก็ดับ เพราะเรารู้โดยธรรมชาติว่าไฟต้องมีลมถึงจะติดได้ พอธาตุไฟดับ ไม่มีใครควบคุมธาตุน้ำได้ ธาตุน้ำก็ขยายตัวดันธาตุดินให้พองขึ้น ในที่สุดก็แตก

โบราณเขาถึงได้เก่ง เขามียาคุมธาตุรักษาตามอาการ โดยเฉพาะยาครอบจักรวาล ยาแก้ลมร้อยแปดจำพวก ใครร่างกายไม่ปกติ ลองไปหากินดูบ้าง จะรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

สมัยเด็ก ๆ สงสัยว่าทำไมคนแก่ต้องกินยาลมด้วย ตอนนี้ไม่สงสัยแล้ว เพราะตัวเองก็เริ่มกิน มียาลมยี่ห้อหนึ่ง สมัยก่อนลองชิมแล้วรสชาติดุเดือดมากเลย คือ ยาหอมภูลประสิทธิ์ ตราพระอาทิตย์ดั้นเมฆ ในความรู้สึกของอาตมาว่าแรงมาก ๆ เลย แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านว่าทีละครึ่งตลับ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2011 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 16-05-2011, 18:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ประเทศศรีลังกา พระสมัคร ส.ส.ได้ เป็นรัฐมนตรีได้ มีกระทรวงพระพุทธศาสนาเป็นของตัวเอง ถ้าบ้านเราให้พระลงสมัคร ส.ส.ได้คงสนุก เชื่อว่ามีหลายรายที่จะชนะแบบถล่มทลายเลย

ถามพระสงฆ์ศรีลังกาว่า ทำไมคุณไปเล่นการเมือง ? ท่านบอกว่าทำตามพระพุทธเจ้าสั่ง ตอนแรกที่พระพุทธเจ้าส่งพระอรหันต์ ๖๐ องค์ออกไปประกาศพระศาสนา ตรัสว่า จรถ ภิกฺขเว จาริกํ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย ดูก่อน.. ภิกษุทั้งหลาย ขอเธอจงเที่ยวไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขของชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก

เขาบอกว่า การเล่นการเมืองเป็นการทำประโยชน์เพื่อคนหมู่มาก ตามที่พระพุทธเจ้าสั่งเลย เล่นอ้างบาลีทำเอาอาตมาเถียงไม่ได้ แต่ของอย่างนี้อยู่ที่คนตีความ ท่านเล่นตีความว่าเล่นการเมืองได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2019 เมื่อ 04:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 16-05-2011, 18:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของแม่ชีทศพร จะโทษแม่ชีทศพรก็ไม่ถนัด เพราะว่าทุกครั้งที่แม่ชีทำบุญจะอธิษฐานว่า ขอผลบุญนี้ ช่วยให้ข้าพเจ้าสำเร็จพระโพธิญาณในอนาคตกาล

เมื่อเป็นดังนั้น ก็แปลว่าความเป็นพระอริยเจ้าไม่มี เนื่องจากตั้งใจไปเกิดใหม่ ในเมื่อความเป็นพระอริยเจ้าไม่ได้มาถึง อะไรก็ตามที่เป็นคุณสมบัติของพระอริยเจ้า อย่างเช่นการรักศีลยิ่งชีวิตก็จะไม่มี ต่อให้มี ถ้าหากว่าจำเป็นก็จะผ่อนผัน แต่ทีนี้ความจำเป็นของท่านมากน้อยแค่ไหนเราก็ไม่รู้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2011 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 16-05-2011, 18:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าจะดูครอบครัวตัวอย่าง ต้องดูครอบครัว พ.อ. นพ.นพพร กลั่นสุภา ก่อนออกจากบ้าน คุณหมอเตือนใจจะมากราบสามีก่อน จริง ๆ มารยาทโบราณเขาทำอย่างนั้น

อย่างที่เมื่อเช้าคุณมุกดาบอกว่า พ่อสอนว่าสามีเป็นพระคนที่ ๒ ในบ้าน คุณมุกดายังถามพ่อว่า แล้วจะต้องกราบเท้าสามีก่อนนอนไหม ? โบราณเขากราบเท้าสามีก่อนนอนอย่างนั้นจริง ๆ

บ้านคุณหมอนพพรนั้นคุยกับลูกเหมือนลูกเป็นผู้ใหญ่ เวลาลูกมาปรึกษาพ่อ พ่อก็ว่า คุณมีความเห็นว่าอย่างไร ? ต้องการจะทำแบบไหน ? พ่อใช้สรรพนามกับลูกว่าคุณ คุณมีความเห็นว่าอย่างไร ? แล้วลูกก็บรรยายมา จากนั้นท่านก็ว่า พ่อว่าน่าจะเป็นแบบนี้นะ คุณมีอะไรจะแย้งไหม ? ทำให้เด็กกล้าแสดงออก เพราะว่าผู้ใหญ่ให้โอกาส ให้เกียรติเหมือนกับว่าเขาเป็นคนรุ่นเดียวกัน เสมอกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-01-2019 เมื่อ 04:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 16-05-2011, 18:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,526
ได้ให้อนุโมทนา: 151,473
ได้รับอนุโมทนา 4,406,314 ครั้ง ใน 34,116 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร ผู้อื่นก็ปฏิบัติต่อเราอย่างนั้น เราให้เกียรติเขา เขาก็ให้เกียรติเรา ไม่ต้องไปดุไปว่า เพราะว่าพูดคุยกันแล้ว ตกลงกันแล้ว

สมัยที่อาตมายังเป็นเด็ก พี่สาวจะดูแลอาตมามากกว่าแม่ พี่ ๒ คน จะมีอยู่คนหนึ่งน้อง ๆ รักและแห่ไปอยู่ด้วย ส่วนอีกคนหนึ่งถ้าไม่จำเป็นน้อง ๆ จะไม่เดินผ่านเลย แสดงว่าจิตวิทยาการเลี้ยงดูเด็กไม่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่เป็นพี่น้องกัน

คนหนึ่งใช้พระเดชจนเคย อีกคนหนึ่งใช้พระคุณ คนที่ใช้พระเดชก็ต้องทำใจว่าน้อง ๆ ไม่มาหาแน่ ส่วนคนใช้พระคุณจะบอกเลยว่า ถ้าดื้อมากเดี๋ยวจะส่งไปหาพี่อีกคน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2011 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว