กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 27-12-2012, 20:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงกรรมฐานวันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๕

ทุกท่านนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ตรงหน้า หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติธรรมต้นเดือนครั้งสุดท้ายของเดือน และครั้งสุดท้ายของปี ระยะนี้ใกล้วันพ่อ คือวันที่ ๕ ธันวาคม ซึ่งปีนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ จะเสด็จออกมหาสมาคมด้วย

ตรงจุดนี้เราจะได้เห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้น พระองค์ท่านเป็นผู้ที่ประกอบไปด้วยหลักธรรม เป็นผู้ปฏิบัติธรรมจนเกิดผล แล้วนำผลนั้นมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้น พระองค์ท่านเป็นนักปฏิบัติแบบคนไม่มีเวลา เพราะตลอดระยะเวลาที่ครองราชย์มา พระองค์ทรงทุ่มเทในการประกอบพระราชภารกิจทุกอย่าง เพื่อความสุขของประชาชนชาวไทยทั้งปวง

พระองค์ท่านต้องผจญกับแรงทดสอบต่าง ๆ มากมายมหาศาล เริ่มจากการก้าวขึ้นครองราชย์ก็เพราะสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ เสด็จสวรรคตเพราะต้องพระแสงปืน เราต้องคิดดูว่า การช่วงชิงทางการเมืองที่รุนแรงถึงขนาดลอบปลงพระชนม์พระเจ้าแผ่นดิน ถ้าเป็นพวกเราทั้งหลายจะกล้าเสี่ยงขึ้นครองราชย์หรือไม่ ?

แต่พระองค์ท่านกล้า กล้าเสี่ยงขึ้นครองราชย์ยังไม่พอ ยังแบกข้อกล่าวหาที่ประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่ลืมหูลืมตา และตั้งใจจะใส่ร้ายป้ายสี ก็คือพระองค์ท่านฆ่าพี่เพื่อแย่งพระราชบัลลังก์..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2012 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 74 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-12-2012, 19:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ถ้าเกิดขึ้นในชีวิตของพวกเรา เราจะรับได้หรือไม่ ? พระองค์ยอมเสียสละ แม้อาจจะถึงแก่ชีวิตขึ้นครองราชย์ เพื่อให้ประชาชนมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่กลับโดนกล่าวหาด้วยข้อหาร้ายแรงปานนี้ เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อถึงเวลาพยายามที่ประกอบพระราชภารกิจยังประชาชนให้อยู่ดีกินดี ทุ่มเทต่อพระราชภารกิจวันหนึ่งเกิน ๒๐ ชั่วโมง ก็ยังมีคนกล่าวหาพระองค์ท่านว่าสร้างภาพ

ลองคิดดูว่าถ้าเราทุ่มเทโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แต่ละวันเวลาพักผ่อนแทบไม่มี แล้วคนมากล่าวว่าเราสร้างภาพเราจะรู้สึกอย่างไร ?

แม้กระทั่งระยะหลัง พระองค์ท่านประชวร ต้องรักษาพระองค์เป็นระยะ ๆ มา แต่ก็ยังมีการจาบจ้วงไปในเรื่องต่าง ๆ นานา ถ้าเราชราภาพขนาดนั้น ทำงานมาตลอด ๖๐ กว่าปีโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก นอกจากคนจะไม่เห็นความดีแล้ว ยังสารพัดจะสรรหาเรื่องราวมาด่าว่า เราจะรู้สึกอย่างไร ?

ตรงจุดนี้เราจะได้เห็นชัดว่า องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงประกอบไปด้วยหลักธรรมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในทศพิธราชธรรม อักโกธัง เป็นผู้ประกอบด้วยความไม่โกรธเป็นต้น ไม่ว่าใครจะกล่าวร้ายอย่างไร พระองค์ท่านไม่เสียเวลามาแก้ตัว มาถกเถียงด้วย แต่ใช้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์

พระองค์ท่านต้องประกอบไปด้วยหลักอิทธิบาทธรรมอย่างแน่วแน่และมั่นคง มีฉันทะ คือตั้งใจแล้วว่าจะกระทำเพื่อประโยชน์สุขของมหาชน พระองค์ท่านก็แน่วแน่ต่อเป้าหมาย ทำไปด้วยความรัก ด้วยความพอใจจริง ๆ ต่อหน้าที่นั้น ๆ ประกอบไปด้วยพระวิริยะอุตสาหะ ทรงงานในแต่ละวันเกิน ๒๐ ชั่วโมง แม้กระทั่งระยะนี้ทรงพระประชวร รักษาพระวรกายอยู่ พระองค์ท่านก็ยังคงทรงงานเป็นปกติ

ทรงมีพระทัยปักมั่น ตราบใดก็ตามที่ไม่สามารถจะทำให้ประชาชนของพระองค์ท่านทั้งหลายอยู่ดีกินดีเสมอหน้ากัน พระองค์ท่านก็แน่วแน่ไม่แปรผันต่อเป้าหมาย ตั้งหน้าประกอบพระราชภารกิจไปโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก และไม่เห็นแก่พระชนม์ชีพของพระองค์ท่านเองเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2012 เมื่อ 19:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 29-12-2012, 19:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ทรงพระกอบไปด้วยพระวิมังสา คือมีการไตร่ตรอง แก้ไข ทบทวนโครงการ ตลอดจนกระทั่งงานต่าง ๆ ที่พระองค์ท่านได้ทรงไว้ คัดเลือกเอาเฉพาะที่เป็นประโยชน์ต่อพสกนิกร แล้วทรงนำมาทำให้เกิดผลอย่างแท้จริง

เราได้เห็นตัวอย่างแล้วว่า นักปฏิบัติธรรมที่แท้จริงนั้น ต้องเอาหลักธรรมมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ที่ได้ยกตัวอย่างมาเป็นเพียงหลักธรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ที่ใช้คำว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้หมายถึงหัวข้อธรรมนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หมายความว่าเป็นเศษเสี้ยวธรรมเล็กน้อยของหัวข้อธรรม ที่พระองค์ปฏิบัติได้และนำมาใช้งานอยู่ ซึ่งถ้าจะยกขึ้นมาทั้งหมดก็ไม่สามารถที่จะว่ากล่าวให้จบในวันนี้ได้

พวกเราทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติ เมื่อถึงเวลาเผชิญการทดสอบ เราท้อถอยหรือไม่ ? การทดสอบที่เราพบเห็นอยู่รุนแรงเท่ากับองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หรือไม่ ? การงานที่เราทำหนักหนาสาหัสเท่ากับพระองค์ท่านหรือไม่ ? ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยก็ได้ว่า ในประเทศไทยไม่มีใครทำงานหนักยิ่งกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในประเทศไทยของเราไม่มีใครเผชิญกับคลื่นลมและแรงทดสอบหนักยิ่งไปกว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราเคยเห็นว่าพระองค์ท่านท้อถอยหรือไม่ ? แล้วถ้ายิ่งเปรียบไปถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านเกิดในรั้วในวัง เป็นสุขุมาลชาติ ทุกคนประคบประหงมฟูมฟักเพื่อหวังให้พระองค์ท่านอยู่เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชปกครองโลก แม้กระทั่งที่อยู่อาศัยก็ประกอบไปด้วยปราสาท ๓ ฤดู แต่พระองค์ท่านทอดทิ้งหมดทุกอย่าง เสด็จออกแสวงหาธรรม นอนกลางดินกินกลางทราย ภัตตาหารที่เสวยเข้าไปในแต่ละวันก็แล้วแต่ว่าผู้ใดจะสงเคราะห์ เป็นไปตามมีตามได้ ต้องทรมานพระวรกายแทบล้มประดาตายเพื่อแสวงหาธรรมมาสั่งสอนพวกเรา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-12-2012 เมื่อ 21:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 30-12-2012, 17:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระองค์ท่านตรัสเอาไว้ว่า “ตั้งแต่บำเพ็ญบารมีเพื่อพระโพธิญาณมา ในวัฏสงสารอันยาวไกลไม่เห็นต้นเห็นปลายนี้ คำว่าท้อแม้แต่นิดหนึ่งก็ไม่เคยปรากฏขึ้นในดวงจิตเลย”

เมื่อเราเห็นตัวอย่างจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี ตัวอย่างจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี นำมาเปรียบแล้ว เราควรที่จะทำให้ได้อย่างนั้น ไม่ใช่พบการทดสอบหน่อยหนึ่งก็ท้อ พบการทดสอบนิดหนึ่งก็ถอย พบอะไรยากลำบากนิดหนึ่งก็ไม่เอาแล้ว เล่าเรื่องการปฏิบัติที่เข้มข้นหน่อยหนึ่งก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ?

การที่จะก้าวล่วงห้วงวัฏสงสารนี้ เราต้องต่อสู้ฝ่าฟันสิ่งขวางกั้นต่าง ๆ ซึ่งเขาขวางอย่างสุดกำลัง ถ้าเราไปย่อหย่อนแล้วเราจะฝ่าฟันล่วงพ้นไปได้อย่างไร ? ถ้าเราไม่สามารถจะฝ่าฟันล่วงพ้นไปได้ โอกาสที่เราตกลงไปทุกข์ยากสาหัสอยู่ในอบายภูมิก็มีอยู่เกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์

เรื่องเหล่านี้เราจึงควรที่จะตระหนักและสำนึกเอาไว้ ว่าการปฏิบัติธรรมของเรานั้น เราทำเพื่อเอาตัวรอดจากอบายภูมิ เราทำเพื่อก้าวไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่านี้ เราทำเพื่อหลุดพ้นจากกองทุกข์ ไปสู่พระนิพพาน ถ้าทุกท่านมั่นคงต่อเป้าหมายในชีวิต มีความพากเพียรบากบั่นไม่ท้อถอย พอใจที่จะกระทำก็ทำแบบไม่สนใจไยดีว่าชีวิตนี้จะดับดิ้นสิ้นไปหรือไม่ก็ตาม ถ้ายังไม่ถึงจุดหมายเราจะไม่เลิกราเด็ดขาด

มีการไตร่ตรองทบทวนถึงผลการกระทำของเราว่า การปฏิบัติตั้งแต่ต้นมาจนบัดนี้เรามีความก้าวหน้าหรือไม่ ? จุดหมายปลายทางของเราอยู่ที่ไหน ? ตอนนี้เรายืนอยู่ตรงจุดไหน ? เราก้าวไปถูกทางหรือไม่ ? เหลือระยะใกล้ไกลจากเป้าหมายอีกเท่าใด ? สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราลืมไม่ได้ และต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติให้เต็มที่ จึงจะได้ชื่อว่าเป็นพุทธบริษัทที่ดี เป็นพสกนิกรที่ดี เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่หลวงพ่อที่ดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-12-2012 เมื่อ 17:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-01-2013, 08:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,194 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ นอกจากเรากระทำเพื่อประโยชน์ของตนเองแล้ว ยังสามารถยกถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ยังสามารถยกถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอีกด้วย

ถ้าคนไทยทุกคนตั้งหน้าตั้งตากระทำแต่ความดี ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี กระทำตามในสิ่งที่พระองค์ท่านได้เมตตาสั่งสอนเอาไว้ เชื่อว่าพระองค์ท่านจะมีกำลังพระราชหฤทัย ดำรงขันธ์อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเราไปอีกชั่วกาลนาน

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกคนภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว