กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 01-07-2014, 14:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอาจารย์เคยเรียนถึงเมืองลุงไหมครับ ?
ตอบ : เมืองลุง เมืองปา นั่นก็เคยเรียนอยู่ สมัยนี้เขาไม่ให้เรียนกันแล้ว ของพวกเรานี่ไม่ต้องมากหรอก ถ้าพูดถึงเมืองด้ง เราก็จะสงสัยว่าอยู่ที่ไหนวะ ? ตายละวา..เมืองด้งอยู่ที่ไหนไม่รู้จัก เมืองลุง เมืองปานี่ใกล้ ๆ กับรุ่นของหนองแส ตาลีฟู

คนแถวนั้นเขาจะนิยมเอาคำสุดท้ายของชื่อพ่อมาต้องเป็นชื่อลูก อย่างพีล่อโก๊ะ ก็จะมาเป็นโก๊ะล่อฝง จะไล่มาเป็นช่วง ๆ จะรู้ว่าเป็นลูกใครสืบกันมา เหมือนอย่างกับทางด้านมาเลเซีย ชื่อจะบอกเลยว่าเป็นลูกใคร อย่างเช่น นาจิบ บิน ฮัสซัน นายนาจิบลูกนายฮัสซัน บอกชัด ๆ เลย ฮัสซันคือที่ฝรั่งออกเสียงว่าฮุสเซน แล้วมามีชื่อ อับดุล บิน เน็งบัว เขาก็สงสัยว่าทำไมชื่อแปลก เขาก็บอกว่าชื่ออดุลย์ ลูกนายเหน่งกับนางบัว คราวนี้พอไปอยู่ที่มาเลเซีย เสียงเพี้ยนเป็นอย่างนั้น เขาเป็นตระกูลไทยเก่าที่อยู่มาเลเซีย

เวลาข้ามไปแถว ๔ รัฐ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู ปะลิส คนไทยเยอะแยะไปหมด แล้วสุลต่านของทั้ง ๔ รัฐนี้โดนตัดสิทธิ์ไม่ให้พระราชาธิบดี รัฐอื่น ๆ เขาเลือกกันได้แต่ ๔ รัฐนี้ไม่เลือก เพราะเขากลัวว่าจะติดสายเลือดคนไทยไป อย่างหลวงพ่อซัง วัดวัวหลุง กับหลวงพ่อทวดที่โน่นเขานับถือกันมาก เพราะว่าพื้นเดิมของท่านไปสงเคราะห์คนแถวนั้นเป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 01-07-2014, 15:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของวิทยายุทธ์โบราณนี้รุ่นหลัง ๆ รู้สึกว่ายังไม่มีใครกินบรูซ ลีลง อย่างของหลี่เหลียนเจี๋ยแม้ว่าจะฝึกชนิดที่เรียกว่าเป็นที่ยอมรับกัน จนได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัตถุโบราณที่มีชีวิตของประเทศจีน แต่ว่าไม่ได้เท่าบรูซ ลี เพราะว่าหลี่เหลียนเจี๋ยเขาฝึกหลายอย่างจนเกินไป ในเมื่อหลากหลายจนเกินไป ความชำนาญเฉพาะอย่างก็เลยไม่มี

ของบรูซ ลีนี่เขาถึงขนาดเอาพวกหนังเก่า ๆ ของเขามาแล้วก็จับเวลาการออกหมัดออกเท้าของเขา แล้วสรุปได้ว่าเร็วที่สุดในโลก ๒ วินาทีออกได้ ๕ หมัด ใครทำได้ขนาดนั้นบ้าง ? มือปืนที่ยิงได้เร็วที่สุดก็คือบิล จอร์แดน กับ เจฟ คูเปอร์ ๒ คนนี่ก็ยังเถียงกันอยู่ว่าใครเก่งกว่า เพราะคนหนึ่งก็ถนัดลูกโม่ อีกคนหนึ่งถนัดเซมิ-ออโต้ คือ ปืนแมกกาซีน นั่นเร็วที่สุด ๓ วินาทีได้ ๕ นัด นั่นขนาดใช้กลไกเข้าช่วย แต่คราวนี้บรูซ ลีเขาใช้ความสามารถของตัวเอง ๒ วินาทีออกได้ ๕ หมัด เร็วกว่าอีก

ถาม : ไม่ชัด
ตอบ : เขาฝึกจนเป็นสภาพเดียวกับใจแล้ว บรูซ ลีเขาสอนลูกศิษย์ เขาชี้ดวงจันทร์ ลูกศิษย์ก็ชี้ เขาก็ถามว่า “คุณเห็นดวงจันทร์หรือเห็นนิ้ว ?” ลูกศิษย์บอกว่าเห็นนิ้ว เขาบอกว่าใช้ไม่ได้ ต้องเห็นนิ้วพร้อมกับดวงจันทร์ ลูกศิษย์ก็ถามว่าหลักการของอาจารย์คืออะไร ? คือ ออกอาวุธไวจนไร้เงา ถ้ายังมีเงาก็ยังมีช่องทางให้คนเขาป้องกันได้

ถาม : ก็ไม่น่าจะเร็วจนตาไม่เห็นนี่คะ ?
ตอบ : จริง ๆ ช้ากว่า แต่ว่าสายตาของคนพอเห็นแล้วต้องสั่งสมอง คราวนี้ของเขาเร็วกว่าการสั่งงานของสมอง คู่ต่อสู้จึงหลบไม่ทัน แล้วอีกอย่างหนึ่งพอความเร็วไปถึงระดับหนึ่ง สายตาคนจะปรับไม่ทัน จะเห็นเบลอ ๆ เท่านั้น

สรุปแล้วว่าท้ายสุดการฝึกทุกอย่างลงตรงจิต พอสภาพจิตนิ่ง ความที่จิตเร็วที่สุดจะเห็นทุกอย่างช้าไปหมด ถ้าถามว่าจิตเร็วขนาดไหน ต้องดูตอนเกิดอุบัติเหตุ พอเกิดอุบัติเหตุสภาพจิตของเราที่เขม็งตัวขึ้นมา จะรวมสิ่งที่สั่งสมมาทั้งหมด กลายเป็นคุณสมบัติเต็มที่ของตนแล้วแสดงออก เราจะเห็นภาพนั้นช้าทุกอย่าง

ฉะนั้น..เวลาเกิดอุบัติเหตุเราจะเห็นว่าทำไมถึงช้า แต่จริง ๆ ไม่กี่วินาทีเองก็ชนเข้าไปแล้ว แต่จริงสภาวะจิตเร็วกว่า ทุกอย่างก็เลยเห็นเหมือนกับช้า ถ้าหากว่ามือเท้าตอบสนองได้ทันก็สามารถป้องกันได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2014 เมื่อ 17:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 02-07-2014, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การปฏิบัติให้ผลดี สังเกตจากเวลาหกล้ม ระยะหลังเรารู้สึกว่าไม่กระแทกคือยั้งไว้ทันเหมือนเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่ไม่รู้ว่ายั้งไว้อย่างไร คราวล่าสุดถึงกับลื่นหงายหลังหัวลงพื้น แต่ไม่เป็นไร และรู้ด้วยว่าบังคับมือเท้า บังคับตัวอย่างไร... ข้อแตกต่างคืออะไรคะ?"

ตอบ : สมาธิเริ่มดีขึ้น การรับรู้เริ่มชัดขึ้น ขั้นตอนต่าง ๆ เริ่มช้าก็ทำให้เราเห็นรายละเอียดที่มากขึ้น ถ้าจะเอาละเอียดจริง ๆ ก็อย่างที่เคยอธิบายแล้ว ว่าจะตื่น ก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าจะตื่นแล้วหรือยัง ? ถ้าพร้อมที่จะตื่นก็กระจายความรู้สึกไป จนกระทั่งตลอดปลายมือปลายเท้า ประสาทสมบูรณ์พร้อมก็สั่งตัวเองว่าลืมตา ขยับลุก นั่ง ยืน ไปห้องน้ำ เป็นขั้น ๆ เหมือนกับบัญชาการหุ่นยนต์ตามโปรแกรม แต่คนอื่นจะเห็นเราลืมตาแล้วลุกเลย แต่ความจริงแล้วช้ามาก ค่อย ๆ ทำไปเดี๋ยวก็สั่งได้ทั้งหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 07-07-2014 เมื่อ 09:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 02-07-2014, 09:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถามถึงเรื่องอกรณียกิจ ? (ไม่ชัด)
ตอบ : ตัวเดียวกัน แต่ว่าเขาเน้นในการห้ามฆ่ามนุษย์ คือถ้าหากว่าทำร้ายเขาไม่ถึงตายโดนอาบัติถุลลัจจัย หากว่าตายโดนอาบัติปาราชิก หากว่าฆ่าสัตว์อื่นมีห้ามอยู่ในสัปปาณวรรคอยู่แล้ว เป็นอาบัติปาจิตตีย์ไป อกรณียกิจนี่เขาเน้นการห้ามฆ่ามนุษย์โดยตรง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 23-08-2022 เมื่อ 23:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 02-07-2014, 09:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ที่พระสถูปโพธานารถ กรุงกาฐมาณฑุ มีคนทิเบตไปปฏิบัติธรรมกันมาก เพราะความเชื่อทางทิเบตเขาว่า หุบเขากาฐมาณฑุเกิดจากพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ฟันวงรอบเขาเปิดช่องให้น้ำไหลออก เพราะก่อนหน้านี้เป็นบึงน้ำใหญ่ พอน้ำไหลจนแห้งก็เป็นหุบเขากาฐมาณฑุ ถึงเวลาก็สร้างเจดีย์บูชาพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พวกนี้เขานับถือพระโพธิสัตว์เป็นปกติอยู่แล้ว ทางสายวัชรยานจึงมากันเนืองแน่นไปหมด โดยเฉพาะตอนที่อพยพหนีจากจีนลงมา อยู่กันจนกลายเป็นทิเบตน้อยไปเลย

แต่หมาทิเบตที่นั่นน่าสงสารมาก กะรุ่งกะริ่งเป็นหมาขี้เรื้อน เพราะว่าเพิ่งพ้นหน้าหนาวมา หมาเพิ่งพลัดขนหนาวออก ก็หลุดบ้างไม่หลุดบ้างดูไม่ได้เลย ถ้าเป็นที่วัดท่าขนุน อาตมาจะไปช่วยตะกุยออกให้ ก็สวยทีเดียวเลย อันนี้ของเขาต้องรอให้หลุดเองจนหมด อยู่ที่วัดท่าขนุนถึงเวลาไปตะกุยออกมาเป็นหอบ ๆ สมัยเจ้าฟ้าตอนแรกไม่รู้หรอก อยู่ ๆ ทำไมขนหลุดเป็นม้วน ๆ ออกมา พอลองไปลูบดูม้วนมาได้เป็นก้อนเลย

คุณกฤษณ์ (มัคคุเทศก์) เขาบอกว่า กรุงกาฐมาณฑุเป็นลักษณะเหมือนมีดเล่มใหญ่ ทางด้านลลิตปุระหรือเมืองปาทานลักษณะเป็นมันดาลาคือทรงกลม แล้วภักตรปุระลักษณะเป็นทรงกรวย แสดงว่าเรื่องภูมิสถาปัตย์นี่ทางโบราณเขากำหนดไว้ชัดเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 09:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 02-07-2014, 09:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ที่เนปาลน้ำหายาก คนที่อยากทำบุญจะซื้อน้ำไปเทใส่รางน้ำสาธารณะให้คนเขาไปกินกัน นี่ถ้าบ้านเราน้ำหายากก็คงทำบุญด้วยน้ำเหมือนกัน เพราะว่าบ่อน้ำเขาลึก ๘ เมตร ๑๐ เมตร มีน้ำอยู่ประมาณคืบหนึ่ง ต้องโยนถังลงไป แล้วตะแคงถังให้ตักน้ำมาเทใส่หม้อทองเหลือง ก็ได้หน่อยเดียว แล้วค่อยตักใหม่อีก ถังเป็นสิบ ๆ ใบ ตักกันทั้งวันก็ไม่พอใช้หรอก

ลักษณะของธรรมเนียมเก่าที่พูดถึงในพระไตรปิฎก ที่มีนางกุมภทาสีทำหน้าที่ตักน้ำก็คงจะลักษณะอย่างนี้แหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 09:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 02-07-2014, 09:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “วันก่อนมหาติ๊กมาเล่าให้ฟังว่า ไปอังกฤษแล้วโดนโยมเขาถามเกี่ยวกับศาสนาพุทธว่า “พระพุทธเจ้าเป็นใคร ? สอนอะไร ?” ท่านก็อธิบายไปเรื่อย ท้ายสุดถามว่าทำไมถึงเชื่อพระพุทธเจ้า ก็ตอบไปว่าพระพุทธเจ้าสอนให้เรามีความสุข พ้นจากความทุกข์ เขาก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้ มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่บันดาลให้เรามีความสุข มหาติ๊กบอกตกลงเสียน้ำลายเปล่า

เลยบอกกับท่านไปว่า ถ้าเป็นผมตอกกลับหงายท้องไปแล้ว ถ้าหากว่าพระเจ้าบันดาลให้ทุกคนมีความสุข ทำไมคนทุกข์เยอะแยะไป บ้านคุณพวก Homeless ก็เยอะแยะ ในแอฟริกาอดตายไปทั้งเท่าไร ถ้าพระเจ้าของคุณยุติธรรมและรักทุกคนเท่ากันจริง ๆ ทำไมทุกคนไม่รวยเสมอกัน แต่พระพุทธเจ้าของผมสอนว่าทุกอย่างเกิดจากกรรม ใครทำมาเท่าไรก็ได้เท่านั้น คนทำน้อยก็ได้แค่ที่เห็น ไม่ยุติธรรมกว่าหรือ ? ถ้าพระเจ้าของคุณบันดาลได้แค่นั้น ก็แปลว่าพระเจ้าของคุณไม่ยุติธรรมและรักชาวบ้านไม่จริง

จริง ๆ แล้วเรื่องแบบนี้ไม่ควรเสียเวลาไปเถียงกัน เอาชนะกันทางคารมไม่ได้อะไร นอกจากทำให้คนแพ้ถึงเวลาก็หาทางดิ้นรนเอาชนะ เกิดทิฐิมานะขึ้นมาเดือดร้อนไปเปล่า ๆ บางทีอาตมาก็ต้องถามเขากลับไปตรง ๆ ตั้งแต่สมัยฆราวาสแล้ว พวกเอลเดอร์ต่าง ๆ ต้องบอกว่าเขาเป็นสุดยอดเลยนะ พูดภาษาไทยก็ได้ ร้องเพลงไทยก็ได้ ถามเขาว่าฝึกมานานแค่ไหน ? เขาบอกฝึก ๓ เดือน แล้วก็มาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ อาตมาเป็นคนชอบคุยก็ถามเขาไปเรื่อย เขาเห็นว่าคงจะขายคัมภีร์ไบเบิลได้แน่ก็ยิ่งคุยเข้าไปใหญ่

ท้ายสุดก็เขาว่าคุณเคยเห็นพระเจ้าของคุณไหม ? เขาบอกว่าไม่เคยเห็น อาตมาบอกว่า “ขอโทษเถอะ..ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นแล้วคุณเชื่อได้อย่างไร ?” เขาบอกว่าความศรัทธาในพระเจ้าต้องเป็นไปโดยไม่มีข้อแม้ อาตมาบอกว่าถ้าอย่างนั้นถือเป็นความโง่ ศรัทธาต้องมีปัญญาประกอบ ไม่ใช่เชื่อตามอย่างเดียว ศาสนาของผมสอนว่าอย่าเชื่อ แม้แต่ท่านผู้นี้เป็นครูของเรา

เขาถามว่า “แล้วท่านเห็นพระพุทธเจ้าไหม ?” บอกว่าเห็นอยู่ในบ้านองค์เบ้อเริ่มเลย เขาว่า "ไม่ใช่..ตัวจริงเคยเห็นไหม ?" อาตมาบอกว่า "ไม่เคยเห็น..แต่มั่นใจว่ามี" เขาบอกว่า "ไม่เคยเห็นแล้วมั่นใจได้อย่างไรว่ามี ?" ตอบไปว่า "คุณเคยเห็นปู่ทวดคุณไหม ?" เขาก็ตอบว่า "ไม่เคยเห็น" ... "แล้วย่าทวด ?" ..."ก็ไม่เคย" ...

"แล้วคุณมั่นใจได้อย่างไรว่ามี ? คุณมั่นใจว่ามีเพราะคุณมีปู่ คุณมีพ่อใช่ไหม ? ของผมก็เหมือนกัน ในเมื่อครูบาอาจารย์ของผมเป็นพระสงฆ์มีอยู่ พ่อของพระสงฆ์ก็ต้องมี พ่อของพ่อก็ต้องมี พระพุทธเจ้าที่เป็นพ่อใหญ่ก็ต้องมี" นั่งเถียงกับพวกนี้สนุกดี สมัยนี้ขี้เกียจเถียงแล้ว สรุปแล้วในสายตาของเขา อาตมาเป็นพวกซาตานที่โปรดไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 09:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 02-07-2014, 09:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่เตรียมรูปหลวงปู่หลวงพ่อมาถวายว่า “โยมจ๋า..อย่างน้อย ๆ เอารูปหลวงปู่หลวงพ่อวางบนกล่องก็ยังดีจ้ะ วางบนพื้นต่ำไปหน่อย อาตมาถอนหายใจเฮือกมาหลายทีแล้ว ญาติโยมบางท่านก็สภาพจิตไม่ละเอียดพอ ทำอะไรบางอย่างเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยโดยไม่รู้ตัว แบบเดียวกับการถวายสังฆทานที่นี่ วางองค์พระลงก็ยื่นสตางค์ข้ามหัวพระมาใส่ขัน อาตมายกขันตะแบงข้างให้ก็ยังไม่รู้ว่าทำไมต้องไปใส่ข้าง ๆ ด้วย เอื้อมข้ามพระมาเลยก็ได้..!

หลวงปู่หลวงพ่อของเรา พระพุทธเจ้าของเรา ถ้าเราไม่เคารพยกย่อง ก็ไม่มีใครเขาเคารพยกย่องแทนเรา ฉะนั้น..ถึงเวลาก็ระมัดระวังนิดหนึ่ง อะไรที่ทำแล้วไม่เหลือบ่ากว่าแรง เป็นการยกย่องให้เกียรติท่านได้ก็ช่วยทำหน่อยเถอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 13:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 02-07-2014, 09:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (มีโยมมาอธิษฐานหลังจากถวายสังฆทาน) “ขอให้ผมได้ไปพระนิพพานชาตินี้ครับ”
ตอบ : เอ้า..พยายามเข้าหน่อย จะเอาใจช่วย ถ้ากล้าคิด กล้าพูด กล้าทำจริง ๆ สำเร็จแน่ เอาให้ได้ก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 09:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 02-07-2014, 16:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวเมื่อเห็นเด็กร้องไห้เพราะถูกถังสังฆทานทับมือ แต่ไม่ได้เอามือออก ยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้นว่า “นี่แหละที่พระพุทธเจ้าท่านสอนอริยสัจถึงขึ้นต้นด้วยทุกข์ เพราะว่าพอคนเราเกิดทุกข์ขึ้นมา จะไม่ดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่จะรู้ว่าทันทีว่านี่คือความทุกข์ ฉะนั้น..เด็กโดนถังสังฆทานทับมือจึงร้องก่อน บางคนก็ร้องว่าเจ็บ ๆ แต่ไม่รู้หรอกว่าเจ็บเพราะอะไร พอถึงเวลาเจ็บจนกระทั่งหาทางออกไม่เจอ ก็เริ่มฉลาดขึ้นมาหน่อย จะเริ่มหาสาเหตุว่าทุกข์มาจากไหน จึงกลายเป็นสมุทัย เสร็จแล้วพอรู้สาเหตุ เพราะว่าไอ้ความใจร้อนก็เลยทำให้อยากจะให้ทุกอย่างจบลง จึงกลายเป็นนิโรธ ความดับเกิดขึ้น เสร็จแล้วในเมื่ออยากจะให้ทุกอย่างดับลง ก็จำเป็นที่จะต้องหาทางดับให้ได้ นั่นก็คือมรรค ฉะนั้น..พระพุทธเจ้าท่านจัดอริยสัจ ๔ จัดตามสภาพจิตของบุคคล ไม่ได้จัดตามหัวข้อธรรม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 16:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 02-07-2014, 16:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวเมื่อมีโยมกำลังยกสังฆทานมาถวาย แต่ซุ้มเรือนแก้วพระพุทธรูปเกิดหักว่า "ไม่เป็นไรจ้ะ ถือว่าพระพุทธเจ้าท่านแสดงธรรมให้เห็น ว่าทุกอย่างเป็นอนิจจังไม่เที่ยง ไม่มีอะไรต้องหนักใจ เพราะอย่างไรก็ต้องพังแน่ ๆ ใช้งานมาหลายปีแล้ว คนทั้งประเทศท่านไม่แสดงธรรมะให้เห็น มาแสดงให้เราเห็น แสดงว่าเราต้องทำบุญไว้เยอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 16:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 02-07-2014, 16:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “คาดว่าการห่มจีวรแบบมังกร คงจะมาจากพระใหม่ที่ห่มแล้วหลุดห่มแล้วหลุดนี่แหละ เขาก็เลยตัดสินใจให้หลุดอยู่อย่างนั้นเลย แต่ว่าเวลาห่มแล้วจะบิณฑบาตยาก จีวรจะรัดบาตรติดอยู่กับตัว แล้วถ้าเป็นพระใหม่ ผ้าใหม่ยังแข็งอยู่ ยังไม่แนบตัว ถึงเวลาดึงเวลาดึงจีวรขึ้นมาเพื่อจะเปิดบาตร ก็อาจจะถลกสบงตามมาด้วย

อย่างปัจจุบันจะมีมหานิกายที่ห่มแบบพันแขนที่เขาเรียกห่มมังกร เขาเรียกแบบมักง่าย เพราะสมัยก่อนนักเลงเขาสักมังกรพันแขน ในเมื่อพระเอาจีวรพันแขนเขาเลยเรียกห่มมังกร ส่วนห่มแบบทั่ว ๆ ไปเขาเรียกห่มแหวก เป็นแบบของพระธรรมยุติ คือพระมอญเขาห่มแบบนั้น ธรรมยุติเขาสืบสายมาจากหลวงพ่อซายของทางด้านมอญเขา เลยห่มตามแบบพระมอญ

ส่วนห่มดองพาดสังฆาฏิรัดอก เกิดจากหลวงพ่อเจ้าคุณภัทรมุนี ท่านเป็นอาจารย์สอนบาลี แล้วท่านเป็นคนเคร่งครัดมาก คือถึงเวลาต้องสวดมนต์ทำวัตร การสวดมนต์ทำวัตรของพระก็ต้องพาดสังฆาฏิด้วย คราวนี้พอท่านห่มเฉวียงบ่าเพื่อที่จะสอนบาลี เดี๋ยว ๆ ก็เลื่อนหลุด ต้องดึงมาเหน็บอยู่เรื่อย ดึงมาแล้วเอาแขนหนีบอยู่เรื่อยท่านก็รำคาญ ท่านก็เลยห่มดองพาดสังฆาฏิเอาผ้ารัดอก ดูทะมัดทะแมง ปรากฏว่าคนอื่นเห็นเข้าว่า เออ..เข้าท่าดี จึงเลียนแบบตามกันใหญ่ ก็เลยกลายเป็นว่ามีการห่มดองพาดสังฆาฏิรัดอกเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 16:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 02-07-2014, 16:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาไปพม่าครั้งแรก ห่มดองพาดสังฆาฏิไปไหว้พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระพม่าเรียกอาตมาว่าภิกษุณี เพราะว่าในพระวินัย ภิกษุณีถ้าหากว่าต้องออกข้างนอกต้องมีผ้ารัดอก เนื่องจากว่าสมัยนั้นยกทรงชั้นในอะไรก็ไม่มี แล้วถ้าห่มจีวรผืนเดียวก็ค่อนข้างจะอนาจาร พระพุทธเจ้าท่านจึงบังคับว่า ต้องมีผ้ารัดอกถึงจะออกจากที่พักได้ พระพม่าเขาก็ช่วยกันวิเคราะห์ใหญ่ ว่าพระที่สืบสายพระพุทธศาสนาไปทางประเทศไทยน่าจะเป็นภิกษุณี ถึงได้สอนห่มแบบนี้ ปล่อยให้ท่านวิเคราะห์กันต่อไป

ถ้าถามว่าเจ้าคุณภัทรมุนีมีความสำคัญอย่างไร ต้องบอกว่าท่านมีศิษย์เป็นสามเณรที่สอบประโยค ๙ ได้เป็นรูปแรกของการสอบข้อเขียน ก็คือสามเณรเสฐียรพงษ์ วรรณปก ถ้าหากว่าสามเณรรุ่นแรกที่สอบปากเปล่าได้นั้นคือสามเณรสา ปุสฺสเทโว ซึ่งตอนหลังเป็นสมเด็จพระสังฆราชสมัยรัชกาลที่ ๔

สามเณรสาพอเป็นพระ ก็ทำหนังสือทูลลาสิกขาบท อยากไปใช้ชีวิตฆราวาส เพราะเห็นว่าเพื่อนฝูงพอสึกหาลาเพศไป ก็เข้ารับราชการเป็นใหญ่เป็นโต เป็นคุณหลวงคุณพระ เป็นเจ้าคุณกันหมด ปรากฏว่ารัชกาลที่ ๔ ท่านเสียดายความรู้ พอสึกก็เลยสั่งเจ้าหน้าที่จับเข้าคุกไปเลย เอาพานใส่ผ้าไตรวางไว้หน้าประตู ถ้าอยากจะออกมาก็ต้องบวช อาจจะเป็นเพราะบุญของท่าน ในที่สุดท่านก็ตัดสินใจอยู่ข้างนอกคุกดีกว่าในคุก บวชเป็นพระถึงจะอึดอัดใจหน่อย ก็ยังอิสระกว่าอยู่ในคุกตั้งเยอะ ก็เลยออกมาบวชใหม่

คราวนี้ช่วงที่ท่านเป็นสามเณรสอบประโยค ๙ ได้ กับช่วงที่เป็นพระจนกระทั่งสึกห่างกันหลายปี ท่านก็ไม่มั่นใจความรู้ของท่านว่า ยังมีความคล่องตัวในบาลีเหมือนเดิมหรือเปล่า ท่านจึงขอเข้าสอบใหม่อีกรอบ แล้วก็สามารถแปลจบ ๙ ประโยคได้ภายในวันเดียวเหมือนเดิม คนเขาก็เลยเรียกกันว่า "มหาสา ๑๘ ประโยค" มีอยู่คนเดียวในโลก คนเก่งจริงสอบเมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 16:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 02-07-2014, 16:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เป็นเพราะรัชกาลที่ ๔ ท่านชำนาญโหราศาสตร์อยู่แล้วหรือเปล่าคะ ท่านถึงได้ทราบว่าจะเป็นถึงสมเด็จพระสังฆราช ?
ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วท่านต้องรู้ว่าเป็นอย่างไร แต่ก็อย่างว่า บอกตรง ๆ เขาคงไม่ค่อยเชื่อ ต้องใช้อำนาจบังคับเอา หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศสมัย ดิศกุล ตั้งข้อสังเกตกับเสด็จพ่อ ก็คือสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ บอกว่า ในใบเกิดที่เสด็จปู่ตั้งพระนามให้ ไม่ได้บอกให้รวย ชาตินี้พ่อไม่มีทางรวยหรอก ก็จริง ๆ ด้วย สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ รับราชการตลอดชีวิตนี่ นอกจากบ้านหลังหนึ่งกับที่ดินที่ให้ลูกหลานแล้วไม่มีอะไรเลย คนอื่นถ้าเป็นใหญ่เป็นโตกันขนาดนั้น ป่านนี้ร่ำรวยไปถึงไหนแล้ว

ลักษณะเดียวกับท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ ธมฺมวิตกฺโก เป็นพระยาพานทองตั้งแต่อายุ ๒๕ ปรากฏว่าในหลวงรัชกาลที่ ๖ จะพระราชทานอะไรให้ท่านไม่เอาทั้งนั้น รุ่นไล่ ๆ กับมีเจ้าคุณรามราฆพกับเจ้าคุณอนิรุทธเทวา ๒ ท่าน นันเป็นเจ้าของบ้านพิษณุโลก เจ้าของบ้านนรสีห์ นั่นของพระราชทานทั้งนั้น แล้วบ้านพิษณุโลกเดี๋ยวนี้ก็เป็นทำเนียบรัฐบาล

ท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านรับใช้ใกล้ชิดอยู่ข้างใน ท่านสงสารในหลวง เพราะท่านมีหน้าที่ชุนสนับเพลา คือเย็บกางเกงอยู่ทุกบ่อย ท่านบอกว่าในหลวงทำตัวจนขนาดนี้ ไอ้คนก็คิดว่าท่านมีอยู่เรื่อย คิดดู..คนเป็นพระเจ้าแผ่นดิน นุ่งกางเกงปะแล้วปะอีก แล้วจะไม่ให้คนปะนั่งเซ็งได้อย่างไร ฉะนั้น..ให้อะไรท่านไม่เอาทั้งนั้น ท่านบอกว่าครอบครัวท่านมีมรดกพอ ไม่ต้องอาศัยท่านก็อยู่ได้ ส่วนคนอื่นเขาเห็นเป็นโอกาส พอมีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดก็ทูลขอโน้นขอนี่ไปเรื่อย ถ้าไม่เหลือวิสัยพระองค์ท่านก็พระราชทานให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 16:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 02-07-2014, 16:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่คำทำนายของสมเด็จพระพุทธโฆสาจารย์สมัยอยุธยาที่ว่า “ราษฎร์ราชาจน” ทั้งชาวบ้านทั้งในหลวงจนด้วยกันทั้งคู่ พอมารัชกาลที่ ๗ ก็ “นั่งทนทุกข์” โดนออกจากราชสมบัติ รัชกาลที่ ๘ ก็ “ยุคทมิฬ” เกิดสงครามโลกขึ้น พระเจ้าอยู่หัวต้องพระแสงปืนสวรรคต รัชกาลที่ ๙ ก็ “ถิ่นกาขาว” คนอื่นเขาเป็นคอมมิวนิสต์กันหมด ประเทศไทยไม่เป็นหรอก ทฤษฎีโดมิโนของฝรั่งเจ๊งไม่เป็นท่าเลย มาเจอเมืองไทย เขาบอกว่าทฤษฎีอะไรที่ดี ๆ มาถึงเมืองไทยแล้วมักจะใช้ไม่ได้ เพราะคนไทยไม่เหมือนใคร อีกาเขาดำกันทั้งบ้านทั้งเมือง มีกาขาวอยู่ตัวเดียว

อย่างไร ๆ ประเทศไทยก็ไม่มีโอกาสล้ม ฉะนั้น..กัดฟันทนหน่อยเพราะรัชกาลที่ ๑๐ จะเป็น “ชาววิไล” แล้ว อาจจะเป็นชาววิไลเพราะ คสช. ก็ได้ ฉะนั้น..อย่าไปประท้วงทหาร เขาจะยกสามนิ้วหรือยกนิ้วกลางก็ช่างเถอะ ทหารเขาบอกให้ยกในบ้าน อย่าไปยกนอกบ้าน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 16:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 02-07-2014, 16:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณไม้ เมืองเดิม เป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมาก ทั้ง ๆ ที่ญาติตัวเองเป็นพระยา เป็นเจ้าพระยา ไม่ยอมไปพึ่งบุญเขา ประเภทมีสิบนิ้วเท่ากันตัวเองต้องหากินได้ เขียนหนังสือขายไปเรื่อย จนเขาแซวกันว่าเป็นนักประพันธ์ไส้แห้ง เพราะว่าเจ้าพระยารามราฆพกับพระยาอนิรุทธเทวา นามสกุลพึ่งบุญทั้งคู่ พึ่งบุญ ณ อยุธยา คุณไม้ เมืองเดิมเขานามสกุล พึ่งบุญ ณ อยุธยาเหมือนกัน คนสมัยก่อนเขามีศักดิ์ศรี จนแสนจนก็ตามก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง “อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์ โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อ กินเอง” สรุปสั้น ๆ ว่าชาติเสืออย่าไปขอเนื้อใครกิน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 02-07-2014, 16:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “สมัยก่อนไปช่วยงานป้านิภา ไปถึงครั้งแรกยังไม่ได้รู้เลยว่าของเขามีอะไรกันบ้าง คุณป้าก็ยกไมค์ฯ ให้ บอกว่า “ว่าไปได้เลย” อาตมาก็ดำน้ำไปหน้าตาเฉยเหมือนกัน ในเมื่อผู้อื่นให้ความไว้วางใจ ก็จงทำตัวให้สมกับที่เขาไว้วางใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 02-07-2014, 16:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่มหาอำพันท่านเขียนติดหัวเตียงไว้ว่า “วิชาโลกเรียนเท่าไรไม่รู้จบ พื้นพิภพกลมกว้างใหญ่ลึกไพศาล วิชาธรรมเรียนและทำจนชำนาญ จะพบพานจุดจบสบสุขเอย” ลงนาม แม่เฒ่าปักษ์ใต้ไว้ ไม่รู้ว่าใคร ก็คือท่านลอกของเขามา ท่านก็ใส่ชื่อเขาเอาไว้เป็นการให้เกียรติเจ้าของ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 16:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 02-07-2014, 16:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,152 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เก็บตกเดือนมิถุนายนปี ๕๗ หมดแล้วค่ะ

ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และคะน้าอ่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว