กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 30-04-2013, 01:33
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,450 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default ตัวอย่างในพระไตรปิฎกเรื่องของเศรษฐกิจล้ม กิจการล้มละลาย

คราวนี้เรื่องของเศรษฐกิจล้มก็ดี กิจการล้มละลายเจ๊งไปก็ดี ตัวอย่างในพระไตรปิฎกที่ชัดที่สุดก็คือ อนาถปิณฑิกเศรษฐี ซึ่งเป็นต้นตระกูลของมหาเศรษฐี

แต่ปรากฏว่า บทดวงจะซวยขึ้นมา สำเภาที่ส่งไปค้าขายต่างประเทศ ไปโดนพายุเข้า ไม่รู้ว่าถูกพัดหายไปทิศไหน ข่าวคราวไม่ได้รับเลย กองเกวียนที่ส่งไปค้าขายก็เจอลักษณะเดียวกัน ที่สำคัญที่สุดคือคลังสินค้าริมน้ำโดนน้ำเซาะถล่มลงน้ำไปอีก ท่านแทบจะเหลือแต่ตัว

แต่ว่าท่านเป็นคนที่มีศรัทธาเป็นปกติ ก็ยังคงนิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมกับพระไปฉันที่บ้าน แต่จากที่เคยเลี้ยงด้วยข้าวมธุปายาส ที่ถือว่าแพงมากมีแต่เศรษฐีกินได้ ก็กลายเป็นเลี้ยงด้วยข้าวต้มกับน้ำผักดอง แล้วท่านก็มานั่งเสียใจน้อยใจว่า ทานของเราเศร้าหมองแล้ว

พระพุทธเจ้าตรัสว่า เสฏฐิ...ดูก่อน มหาเศรษฐี "ลูขังวา ปณีตังวา" ไม่ว่าจะหยาบหรือละเอียดก็ตาม ถ้าทานนั้นประกอบด้วย
๑. เจตนาบริสุทธิ์ คือตั้งใจทำทาน
๒. วัตถุทานได้มาโดยบริสุทธิ์ ไม่ได้ลักขโมย หลอกลวง ช่วงชิงใครมา
๓. ผู้ให้คือตัวเราขณะนั้นมีศีลบริสุทธิ์
๔. ผู้รับเป็นผู้ทรงศีลบริสุทธิ์
ถ้าบริสุทธิ์โดย ๔ ส่วนนี้ ทานนั้นจะหยาบหรือประณีตแค่ไหนก็ตามมีผลเต็มร้อย
เศรษฐีท่านก็พยายามทำของท่านอยู่เรื่อย ๆ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2013 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 30-04-2013, 01:39
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,450 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

ถึงแม้ว่าท่านจะจนก็จนอย่างเศรษฐี ท่านยังเลี้ยงพระวันละ ๕๐๐ องค์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เพียงแต่ว่าเปลี่ยนจากข้าวมธุปายาส มาเลี้ยงข้าวต้ม ซึ่งเขาเรียกว่าข้าวปลายเกวียน คือเอาปลายข้าวมาต้ม แล้วก็ใส่น้ำผักดองไปให้เค็ม ๆ เปรี้ยว ๆ หน่อยเท่านั้น ในเมื่อเลี้ยงพระในลักษณะนั้น ที่ทนไม่ไหวก็คือเทวดา เทวดาที่รักษาฉัตรอยู่

สมัยก่อนใครจะเป็นมหาเศรษฐีต้องมีเงินอย่างน้อย ๘๐ โกฏิ ก็คือ ๘๐๐ ล้าน ต้องมีเงินต่ำสุดประมาณแค่นั้น พระราชาจะมอบฉัตร ๓ ชั้นตั้งให้เป็นมหาเศรษฐี สมัยนั้นพวกเศรษฐีมีความสำคัญเกี่ยวกับเศรษฐกิจของบ้านเมืองมาก บ้านไหนเมืองไหนมีเศรษฐีเยอะ เศรษฐกิจจะดี

คราวนี้เทวดาที่รักษาฉัตรอยู่ ทนไม่ไหวโผล่หน้าออกมา ห้ามเศรษฐีว่าอย่าทำบุญเลย ตัวเองยากจนถึงขนาดนี้แล้ว ยังมัวแต่ไปทำบุญให้สิ้นเปลืองอีก อนาถปิณฑิกเศรษฐีท่านก็ไม่พอใจ ท่านก็ไล่เทวดา อัปเปหิ เธอจงไป คนเป็นมิจฉาทิฏฐิอย่างเธอเราคบกันไม่ได้ พระพุทธเจ้าทรงสอนเราว่าทานเป็นของดี เพราะฉะนั้น..สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน เราเชื่อว่าดีจริง เราจะทำต่อไป

อนาถปิณฑิกเศรษฐี ท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านเป็นพระอริยเจ้า กำลังของท่านสูงมาก ในเมื่อท่านไล่เทวดา เทวดาก็อยู่ไม่ได้ เดือดร้อนต้องหาที่อยู่ใหม่ เพราะท่านเหมือนรุกขเทวดา ต้องอาศัยวิมานไปแปะฉัตรอยู่ ไม่มีที่จะอยู่ก็ต้องเดือดร้อน ร่อนเร่ ก็วิ่งโร่ไปฟ้องพระอินทร์ว่าโดนเศรษฐีไล่มา ขอให้พระอินทร์ช่วย พระอินทร์บอกว่าช่วยไม่ได้หรอก เศรษฐีท่านนั้นเป็นพระโสดาบัน อำนาจของท่านสูงกว่า

ในเมื่อช่วยไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร ? พระอินทร์ก็บอกว่า เอาอย่างนี้สิ..เธอจงไปชักนำเอากองเรือของเศรษฐีที่หลงทางในทะเลให้กลับมา ไปตามกองเกวียนให้กลับมา สินค้าของเขาที่ตกน้ำก็ไปงมคืนมา แล้วไปขอโทษเศรษฐี ท่านคงจะให้อภัย เทวดาเลยกลายเป็นคนใช้ไปท่านต้องไปไล่ต้อนเรือเขากลับ ไปไล่ต้อนเกวียนเขากลับ ต้องไปงมสมบัติเขากลับ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2013 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 30-04-2013, 01:56
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,450 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

คราวนี้เทวดาท่านทำงานก๊อกแก๊ก ๆ ขนของอยู่ทั้งคืน เทวดาท่านมีรัศมีกายสว่าง เหมือนกับเปิดไฟไว้ในคลัง สินค้าของเศรษฐีต้องตกน้ำไปเพราะว่าคลังสินค้าพัง เศรษฐีท่านก็สร้างคลังสินค้าใหม่ เตรียมรอว่าถ้ากองเรือกลับมาเมื่อไร จะได้เอาสินค้าขึ้นมาเก็บได้ เทวดาท่านก็ไปงมสินค้ามาใส่คลัง

เศรษฐีก็ตื่นขึ้นมากลางดึก มองไป เฮ้ย! ใครทำอะไรอยู่ในคลัง สว่างขนาดนั้น แล้วมีเสียงดังอยู่ด้วย เศรษฐีท่านก็เข้าไปถามว่าใครอยู่ในนั้น ? เทวดาก็โผล่หน้ามาสารภาพว่า “ผมเองครับ” ถามว่าแล้วท่านทำอะไรอยู่ ? ก็บอกไปงมสินค้ามาคืน แล้วตอนนี้กองเกวียนของท่านที่ไปค้าขายต่างเมืองก็ตามมาให้แล้ว กองเรือก็จวนจะมาถึงแล้ว ขอให้ท่านเศรษฐีอภัยให้ด้วย เศรษฐีก็บอกว่า ถ้าหากทั้งหมดนั่นกลับคืนมา จะให้อภัย แต่ว่าก่อนจะให้อภัย เธอต้องไปกราบขอขมาพระพุทธเจ้าด้วย เทวดาก็ยอมรับ ไปกราบขอขมาพระพุทธเจ้า เศรษฐีถึงยอมอภัยให้ พอสินค้ากลับคืนมา ค้าขายได้ใหม่ เศรษฐีก็กลับมาร่ำรวยเหมือนเดิม

เรื่องนี้เราจะเห็นว่า ต่อให้เขาเคยทำบุญในอดีตมามากขนาดไหนก็ตาม กลายเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีก็ตาม แต่ว่าเราไม่ได้ทำบุญมาตลอด ก็มีส่วนที่สร้างกรรม สร้างความชั่วอยู่ด้วย ถึงเวลาผลกรรมมาสนอง กลายเป็นคนจนชั่วคราวไปเลย

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2013 เมื่อ 10:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:13



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว