กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-02-2010, 00:09
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,453 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default ทุกข์นั้นมีค่ายิ่งกว่าเพชรยิ่งกว่าทอง

ถาม : แล้วคนช่วยที่อยู่รอบข้าง...(ฟังไม่ชัด) ?
ตอบ : ตัวช่วยจริง ๆ อยู่รอบข้าง นั่นคือว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็น สามารถเป็นครูให้เราได้ทั้งนั้น คนอื่นที่เขานั่งอยู่ เขาเจ็บไหม ? ป่วยไหม ? เมื่อยไหม ? ทั้งหมดล้วนแล้วแต่กำลังเป็นไปอยู่ในทุกข์ทั้งสิ้น เขาก็ทุกข์ เราก็ทุกข์

แต่ขณะเดียวกันตัวช่วยรอบข้างนี่แหละ จะกลายเป็นบริวารของมารได้ทุกเวลาเหมือนกัน สิ่งที่เราเห็น สิ่งที่เราได้ยิน ถ้าเรารับเข้ามาในใจโดยปราศจากการระมัดระวัง ก็พร้อมที่จะก่อให้เกิดการกระทบ พอกระทบเมื่อไร เราส่งใจออกไปรับรู้เมื่อไร ก็แปลว่าทุกข์เมื่อนั้น ตัวช่วยอยู่รอบข้าง แต่ขณะเดียวตัวที่คอยซ้ำก็อยู่รอบข้างเหมือนกัน ตัวเดียวกันด้วย

ที่บอกว่ามารกับความดีหน้าตาเหมือนกันเลย ก็คือตรงจุดนี้แหละ อยู่ที่ใจของเรา ถ้าใจของเราดี รอบข้างดีหมด ถ้าใจของเราไม่ดี รอบข้างก็ไม่ดีไปด้วย

หลวงปู่ขาว สมัยโน้น...ท่านเล่าให้ฟัง พอท่านผ่านจุดของการต่อสู้ไป จนมั่นใจว่าไม่แพ้แล้ว ขนาดกุฏิเก่า ๆ ทั้งหลัง กราบแล้วกราบอีกไม่เบื่อ กุฏิเก่า ๆ อยู่มาตลอดไม่เคยมองเสียด้วยซ้ำเลย กลายเป็นครูไปได้อย่างไรก็ไม่รู้

...เอาแค่ทุกข์ตัวเดียวนะ ทุกคนเวลาเกิดความทุกข์ ก็จะไปคร่ำครวญอยู่กับทุกข์ ลำบากเหลือเกิน ทุกข์ยากเหลือเกิน แต่ว่าในสายตาของพระปฏิบัติที่ทำไปถึงตรงจุดนั้นแล้ว ทุกข์นั้นมีค่ายิ่งกว่าเพชรกว่าทองอีก มีเงินเท่าไรก็ซื้อไม่ได้

อดีตโบราณาจารย์หลายลัทธิที่มีความสามารถสูงมาก มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ ปฏิบัติมาตลอดทั้งชีวิต ก็ไม่สามารถจะเห็นอริยสัจที่แท้จริงตัวนี้ได้

พระพุทธเจ้าของเราบำเพ็ญบารมีอย่างน้อยสี่อสงไขยกับหนึ่งแสนมหากัป ปฏิบัติด้วยความลำบากยากเข็ญถึงหกปีเต็ม ๆ ด้วยปัญญาธิคุณอันล้ำเลิศ พระองค์ท่านจึงตรัสรู้เห็นอริยสัจอันนี้ได้ ของที่หาได้ยากเย็นแสนเข็ญขนาดนั้น ปรากฏอยู่เฉพาะหน้าของเราแล้ว เงินทองเท่าไรก็ซื้อไม่ได้ กลายเป็นของที่มีค่าชนิดที่ไม่สามารถจะไปควานหามาจากที่ไหนได้ ของที่เราว่าไม่ดีแท้ ๆ กลายเป็นของล้ำค่าในสายตาของท่านไป

ตามทันไหมตรงนี้ ? ตามไม่ทันพูดใหม่ก็ไม่เหมือนเดิม ...(หัวเราะ)... เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะมีมุมมองของตัวเอง เมื่อไปถึงตรงจุดนั้นแล้ว จะไม่มีดีไม่มีชั่ว ดีชั่วก็เป็นแค่สมมุติ สิ่งที่เห็นคือผู้ที่กำลังเป็นไปตามกรรม

กระแสกรรม อันนั้นมีดำกับขาว ฝ่ายขาวพาเราขึ้นสูง ฝ่ายดำพาเราลงต่ำ เรากระโดดไปกระโดดมาอยู่ในสองกระแสนี้ จนกว่าจะตัดขาดสิ้นเชิงไป หลุดออกไปจากกระแสทั้งคู่เสียก็หลุดพ้น แต่ถ้าหากว่ายังไม่สามารถหลุดพ้นได้ ต้องเกาะกระแสสีขาวเสียก่อน เกาะไว้เหมือนกับเราขึ้นบันไดสูง ๆ ให้เกาะราวบันไดไว้ก่อน เป็นการประกันความเสี่ยง แล้วถึงเวลา ถ้าหากว่าเราขึ้นมา สมมุติว่าเป็นห้องนี้ เข้ามาในห้องแล้วเราก็ไม่ได้แบกราวบันไดมาด้วย เรากองเอาไว้ที่เดิม อันดับแรก เราต้องเกาะก่อน คือเกาะดี แล้วหลังจากนั้นพอถึงที่สุดแล้วถึงจะปล่อยดี

หลวงปู่มหาอำพัน
ที่อาตมาจะทำบุญถวายร้อยปีเกิดของท่าน ท่านใส่บาตรทุกเช้า อาตมาอยู่วัดเทพศิรินทราวาสกับหลวงปู่สี่ปีเต็ม ๆ คอยดูแลปรนนิบัติท่าน เพราะว่าท่านอายุมากแล้ว มรณภาพตอนแปดสิบแปด ท่านใส่บาตรทุกเช้า ท่านบอกพระทุกรูปตอนไปทำวัตรเย็นว่า นิมนต์นะครับ..นิมนต์นะครับ ถ้าท่านใดออกบิณฑบาตกรุณาผ่านกุฏิผมด้วย ขอเป็นเนื้อนาบุญของผมบ้าง พระทุกรูปเดินผ่านท่านจัดเตรียมอาหารอยู่ ท่านก็ใส่บาตรทุกวัน

อาตมาต้องตื่นมาช่วยท่านทุกวัน ช่วยไปช่วยมาก็สงสัย คือรู้ว่าหลวงปู่เป็นพระดีแน่นอน ก็กราบเรียนว่า หลวงปู่ครับ..บุญของหลวงปู่ก็กินไม่ไหว ใช้ไม่หมดอยู่แล้ว แล้วหลวงปู่ยังต้องทำไปทำอะไรอีก ? ท่านบอกว่า ไฮ้..! คุณก็..คนเราถ้าหากว่าปีนขึ้นไปบนหน้าผาแล้ว ก็มีแต่ต้องรีบตะเกียกตะกายไปให้ห่างจากผาให้มากที่สุด

คือพระที่ท่านเข้าถึงความดีแล้ว ท่านจะทรงความไม่ประมาทอยู่เสมอ ของอาตมาเองนี่ประมาทเต็มตัวเลย ไม่ต้องห่วง ทำดีพอแล้ว ไม่ต้องทำอีกก็ได้ พอกินแล้ว เกิดหาใหม่ไม่ทันก็อดกิน นั่นแหละครูบาอาจารย์แต่ละองค์ ๆ ท่านจะให้ในสิ่งที่เป็นแบบอย่างแก่เรา แล้วเราเองเอาสิ่งทั้งหลายนั้นมาประยุกต์ นำส่วนที่พอเหมาะพอสม มาปฏิบัติให้เกิดคุณกับตัวเราได้ ไม่ใช่ยกมาทั้งแท่ง ที่ยกมาทั้งแท่งอย่างที่บอกว่าสู้แค่ตาย อาตมาสู้มาแล้ว และตายฟรีมาแล้ว..!

นักปราชญ์เขาบอกว่า เรียนรู้ตามตำราถือว่าเก่ง..ใช่ไหม ? ต้องพลิกแพลงใช้งานได้ถึงจะยอด แต่ถ้าเยี่ยมจริง ๆ ให้บัญญัติใหม่ ...(หัวเราะ)... ของเราไม่เก่งขนาดนั้น ต้นบัญญัติจริง ๆ คือพระพุทธเจ้าเท่านั้น บัญญัติใหม่อาตมาไม่เอาด้วย

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๔

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-04-2014 เมื่อ 14:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 99 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว