กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 04-05-2016, 15:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาไปป่าไปเขา ถ้าดื่มน้ำในถ้ำในเขา เราต้องเสกต้องขอก่อนไหมคะ ?
ตอบ : โบราณเขาก็ขอก่อน เป็นพระก็แผ่เมตตา แล้วก็กรองน้ำเอา ขนาดจะถ่ายหนักถ่ายเบา ก็ยังต้องขออภัยเจ้าที่เจ้าทางเขาเลย คนโบราณเขากำลังใจละเอียดกว่าเรา พวกเราไปถึงก็ว่าให้มั่วไปหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2016 เมื่อ 20:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 04-05-2016, 18:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานซืนมีโยมส่งข้อความส่วนตัวมาขอความเป็นธรรม บอกว่าขอให้ลบชื่อออกจากระบบ พอสมัครใหม่ก็โดนลบอีก อาตมาก็ยังงง ๆ ว่า เอ็งมาขอความเป็นธรรมอะไรจากอาตมาวะ ? ถ้าโดยระบบการทำงานของอาตมาเองก็คือ ถ้ามอบหมายความไว้วางใจให้ใครทำหน้าที่แล้ว ก็แล้วแต่เขาตัดสินใจเลย จะทำให้บริษัทเจ๊ง หรือว่าทำให้บริษัทรุ่ง ก็แล้วแต่เขาจะบริหาร

แต่เป็นที่น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งว่า โยมขาดโอกาสในการพิจารณาตัวเอง ฟังรู้เรื่องไหมตรงนี้ ? คือถ้าโดยส่วนตัวของอาตมาแล้ว จะดูว่าทำไมเราถึงโดนลบออกไป ไม่ใช่ไปหาว่าเขาทำไม่ดีกับเราอย่างนั้น เขาทำไม่ดีกับเราอย่างนี้ มาพร้อมกับข้อมูล ๓-๔ หน้ากระดาษว่าเขาไม่ดีอย่างไร แทนที่จะไปค้นหาว่าคนอื่นไม่ดีอย่างไร ทำไมเราไม่ค้นหาว่าเราไม่ดีอย่างไร ถึงโดนลบชื่อออก

ความละเอียดนี่เป็นสิ่งที่เราต้องการ แต่ต้องเป็นความละเอียดในการพิจารณาความผิดของตัวเอง ในลักษณะ "อัตตนา โจทยัตตานัง" ไม่ใช่ว่าเราถูกทุกอย่าง คนอื่นผิดหมด ถ้าลักษณะอย่างนั้นจะเสียโอกาสไปมากสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ก็คือจะไม่มีวันแก้ไขปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของตนเองให้ดีขึ้นได้เลย

เพราะฉะนั้น...ถ้าหากใครเจอในลักษณะนี้ โปรดมองกลับไปอีกข้างหนึ่ง อย่ามองออก ให้มองเข้า อาตมาเคยพิจารณาตัวเองเวลาโดนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านด่า ดูตั้งแต่ต้นยันปลาย ปลายยันต้น ถ้างานนี้หาผิดไม่ได้จริง ๆ ท้ายสุดก็ต้อง "มึงผิดตั้งแต่เกิดมาแล้ว เพราะว่าถ้าไม่เกิดมาก็ไม่โดนหรอก" หาให้ได้อย่างนี้แล้วเราจะปรับปรุงตัวเองได้ แต่ถ้าหาไม่ได้ เราจะปรับปรุงตัวเองไม่ได้เลย แล้วจะกลายเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2016 เมื่อ 20:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 04-05-2016, 18:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ดูไปดูมาแล้วเดี๋ยวเขาจะหาว่าแขวะรัฐบาล ก็ลักษณะเดียวกับ คสช. อุตส่าห์โยงแผนที่สารพัด คนโน้นทำอย่างนั้น คนนั้นทำอย่างนี้ คนนี้ทำอย่างโน้น สรุปแล้วทั้งหมดก็คือรวมหัวกันโค่นล้มรัฐบาล แล้วทำไมไม่ดูว่าชาวบ้านลำบากอย่างไร ? เดือดร้อนอย่างไร ? ทำไมชาวบ้านหาเงินไม่ได้ ? ทำไมชาวบ้านทำนาไม่ได้ ? ทำไมชาวบ้านขายผลผลิตไม่ได้ ? ถ้ารู้จักโยงอย่างนี้ก็จะแก้ไขได้ทุกอย่าง

จริง ๆ แล้ว
รัฐบาลไม่ต้องเหนื่อยมากหรอก ทำตามพระราชดำริของในหลวง ทุกอย่างที่ในหลวงทำก็เพื่อความอยู่สุขของประชาชน ในเมื่อทุกอย่างทำเพื่อความอยู่สุขของประชาชน เราก็แค่รับเอาโครงการพระราชดำริมาทำเองก็จบแล้ว แต่เชื่อเถอะ...ถ้าหากว่ารัฐบาลเอาไปทำ โครงการดี ๆ ก็อาจจะเละหมด ตอนนี้ไม่ได้สงสารในหลวงอย่างเดียว สงสารประเทศไทยด้วย

รู้จักมองว่าคนอื่นผิดอย่างไร มีความสามารถในการขุดคุ้ยเชื่อมโยงเรื่องราวบุคคลอื่นถึงขนาดนั้นแล้ว ทำไมจึงไม่เปลี่ยนมาดูว่าตัวเองทำอะไรที่ไม่ดีบ้าง จะได้ปรับปรุงแก้ไข ถ้ารัฐธรรมนูญดีจริง ชาวบ้านเขาต้องรับอยู่แล้ว ที่เขาต่อต้านแสดงว่ายังไม่ดีจริง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2016 เมื่อ 20:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 04-05-2016, 18:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บางทีฟังโยมเล่าให้ฟังเสร็จ อาตมาก็นั่งหลับ ขี้เกียจรับเข้ามาใส่หู รกเปล่า ๆ ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย เหมือนอย่างกับเราเป็นคนดูข้างเวที คนดูข้างเวทีจะเห็นว่า ทำไมมวยชกไม่ได้เรื่องเลย ควรจะชกอย่างนั้น ควรจะเตะอย่างนี้ แต่เชียร์ให้ตายคนอยู่บนเวทีก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนอยู่ตรงไหน เพราะว่ากำลังหน้ามืด

ตอนนี้คาดว่ารัฐบาลคงลืมไปแล้วว่าตัวเองเข้ามาเพื่อทำอะไร เห็นว่าจะเข้ามาปราบโกง แก้ไขคอรัปชั่น ป้องกันเผด็จการรัฐสภา ตอนนี้ใครไม่รับธรรมนูญก็ไม่ว่า กูจะใช้ ม.๔๔ หนักกว่าเผด็จการรัฐสภาอีก..!

ตอนนี้ทั้งข้างบนทั้งข้างล่างช่วยกันลุ้นสุดชีวิต เพื่อให้ในหลวงอยู่ต่อได้ ถ้าในหลวงอยู่ต่อไม่ได้ คราวนี้ยุ่งตายชักเลย แต่ก็ดีนะ...จะได้ถึงยุค "หนึ่งนารีขี่ม้าขาว" จริง ๆ เสียที ที่ผ่านมานั่นตัวปลอม ตัวจริงยังไม่มา บางอย่างรู้แล้วพูดไม่ได้ก็อึดอัดใจเหมือนกัน พูดมากเกินกฎของกรรมก็โดนอัดอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2016 เมื่อ 20:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 05-05-2016, 14:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “มาถึงตอนนี้อาตมาไม่เป็นศัตรูกับใครแล้ว ในเมื่อไม่เป็นศัตรูกับใครก็ไม่มีอะไรให้ต้องระวัง”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 05-05-2016, 14:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “เด็ก ๆ มีพลังงานล้นเกินเพราะว่ายังปรุงแต่งมากไม่เป็น ในเมื่อปรุงแต่งมากไม่เป็น ได้กินอย่างใจ ได้เล่นอย่างใจก็พอแล้ว ส่วนผู้ใหญ่เรา ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี่จะเอาหมด เลยใช้พลังงานไปเยอะ เดี๋ยวก็จะดูหนัง เดี๋ยวก็จะฟังเพลง”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 05-05-2016, 14:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับลูกศิษย์ว่า “ถ้ารู้ว่าภูมิต้านทานน้อยก็พยายามทำให้มากขึ้น ...(หัวเราะ)... ต้องระวังไว้ก่อนตั้งแต่แรก ไม่ใช่มาตั้งท่าเอาตอนเจอแล้ว ตั้งท่าตอนเจอแล้วส่วนใหญ่จะหงายท้องเสียก่อน พูดง่าย ๆ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ใส่ให้เต็มที่ไว้ก่อน”

ถาม : พอตั้งใจจะทำจริง ๆ ตัวไหนจะเจอตัวนั้นแหละครับ ?
ตอบ : เขาอยากลองว่าแน่แค่ไหน ไม่ต้องห่วง...เรื่องพวกนี้มารเขาเก่ง ต้องการตัดตัวไหนตัวนั้นมาลองเลย เขาอยากรู้ว่าแน่จริงหรือเปล่า ตั้งใจจะละความโกรธก็มีแต่เรื่องให้โกรธทั้งวัน ตั้งใจจะละความโลภเดี๋ยวก็โน่นก็ดี ไอ้นี่ก็อยากได้ ตั้งใจจะละราคะ แหม...มาแต่ละคนนี่ถูกใจล้วน ๆ เลย สมัยก่อนที่อาตมายังไม่รู้วิธีก็หนักใจ มาตอนหลังที่รู้วิธีแล้ว พอตอนเช้าก็เข้าสมาธิให้เต็มที่แล้วก็อาศัยกำลังคุมไว้ ไม่หลุดเสียอย่างไม่เป็นไรหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-05-2016 เมื่อ 17:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 05-05-2016, 15:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้วันแรงงานก็เลยใช้แรงงานแต่เช้า เพราะเมื่อเช้าอาตมาขนน้ำ ๑ คันรถไปส่งที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมจังหวัดนครปฐม เพราะว่าเจ้าอาวาสใหม่มาปฏิบัติธรรมรวมกันที่นั่น ตอนอยู่บนรถไม่เห็นว่ามาก แต่พอตอนขนลง เจ้าประคุณเอ๋ย...ทำไมถึงได้เยอะขนาดนั้น กว่าจะขนเข้าที่ได้ หมดแรงแทบตายเลย

เจ้าอาวาสใหม่รุ่นนี้มีเกือบครึ่งเป็นลูกศิษย์ที่อาตมาสอนไป ทั้งระดับประกาศนียบัตรและปริญญา ก็นับว่าแต่ละคนก้าวหน้าในทางโลกเป็นอย่างดี และมีอยู่ส่วนหนึ่งที่ได้รับการปลูกฝังไปจากตอนช่วงที่สอนอยู่ว่า ไม่ให้ทิ้งในเรื่องของการปฏิบัติธรรม เพราะว่าถ้าทิ้งเมื่อไรกำลังใจของเราจะไม่สามารถสู้อุปสรรคหรือปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในระหว่างทำหน้าที่ได้ เพราะฉะนั้น...ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็จะกระโดดเข้าหาการปฏิบัติธรรมด้วยความยินดี ไม่เหมือนกันท่านที่ไม่ได้อบรมมา ซึ่งพยายามหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด อู้ให้มากที่สุด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 05-05-2016, 15:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสร้างขุนแผนเกราะเพชร ต้องบอกว่ารวมทั้งสายลุยและเมตตาเข้าด้วยกัน ...(หัวเราะ)... พระขุนแผนบ้านกร่างหรือขุนแผนกรุวัดใหญ่ชัยมงคล โดยเฉพาะขุนแผนบ้านกร่าง เป็นพระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชให้สร้างเพื่อให้ทหารในกองทัพติดตัวไปรบกับพม่า ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคนที่ขุดกรุเจอถึงให้ชื่อว่าพระขุนแผน อาจจะเป็นเพราะว่าบ้านกร่างอยู่ศรีประจันต์ก็ได้

แต่จะว่าไปนางศรีประจันต์ก็ไม่ใช่แม่ขุนแผน แม่ขุนแผนคือท่านย่าทองประศรี แต่เนื่องจากว่าพระชุดนั้นมีทั้งแบบคู่และแบบเดี่ยว เขาก็เลยมี “พลายคู่” “พลายเดี่ยว” ซึ่งบรรดาตระกูลพลายก็เริ่มตั้งแต่ขุนแผนที่ชื่อว่าพลายแก้ว ลงไปลูก ๆ ก็พลายงาม พลายบัว พลายยง พลายเพชร คาดว่าบรรดาเซียนพระเขาคงมีเหตุผลที่ดีที่ตั้งชื่อพระว่าขุนแผน

พอมากรุวัดใหญ่ชัยมงคล สร้างบรรจุพระเจดีย์ที่สร้างเพื่อฉลองชัยชนะที่มีต่อกองทัพพม่า มีเวลาทำมากกว่า ก็เลยกลายเป็นขุนแผนเคลือบกรุวัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรุบ้านกร่างหรือว่ากรุวัดใหญ่ชัยมงคลก็ราคาแพงสาหัสพอกันในปัจจุบัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 05-05-2016, 15:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แล้วขุนแผนอีกสำนักหนึ่งที่ดังระเบิดเถิดเทิงด้วยความสามารถเฉพาะตนเลย ก็คือ ขุนแผนพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ซึ่งท่านศึกษาวิชาการทำพระมาจากหลวงปู่ของท่านเอง หลวงปู่ของหลวงปู่นี่ถ้าเป็นรุ่นเราก็น่าจะเป็นปู่ทวด ก็คือหลวงปู่สังข์ วัดละหารไร่ หลวงปู่สังข์ขลังขนาดไหนไม่รู้ คนเขาร่ำลือกันว่าหลวงปู่สังข์บ้วนน้ำลายลงพื้นนี่พื้นแตกเลย..! ท่านขลังได้ขนาดนั้น ตำราก็ตกสืบมาถึงรุ่นหลวงปู่ทิม ก็ถือว่าได้รับการใช้งานและเกิดผลสูงสุด

ฉะนั้น...ขุนแผนพรายกุมารของหลวงปู่ทิมถึงได้ดังมาก ราคาปัจจุบันแพงจับไม่ติด ก็คือถ้าไม่ได้เลขหกหลักขึ้นไปอย่าหวังเลยว่าจะได้เห็น ก็เลยมีคนไปเล่นประคำผงพรายกุมาร ก็คือ ถ้าได้ประคำมาเส้นหนึ่งก็แกะแบ่งกันคนละเม็ด ซึ่งหลวงปู่ทิมท่านก็ยืนยันว่าของท่านเม็ดเดียวพอแล้ว แล้วก็ไปเล่นลูกอมผงพรายกุมาร ซึ่งลูกอมก็เหลือจากพิมพ์พระ พอถึงเวลาเหลือเศษก็เอามาปั้นกลม ๆ ก็คือเนื้อเดียวกับขุนแผนพรายกุมาร เพียงแต่ว่าขุนแผนมีหลายพิมพ์ที่ฝังตะกรุด พิมพ์ที่ฝังตะกรุดมากที่สุดคือ ๙ ดอก"




ราคาปัจจุบัน ที่วัดละหารไร่ เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๙
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 20160409_095729.jpg (94.3 KB, 2110 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 05-05-2016, 15:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คราวนี้ในส่วนของการสร้างพระขุนแผน ถ้าจะบอกว่าเกี่ยวข้องกับขุนแผนจริง ๆ ก็น่าจะเป็นของวัดท่าขนุนนี่แหละ เพราะว่าตำราอื่นเขาเรียกขุนแผนเพราะว่าเป็นพิมพ์ ๕ เหลี่ยม แต่ของวัดท่าขนุนต้องบอกว่า โดยสายเลือดอาตมาก็เป็นลูกหลานเมืองสุพรรณฯ ที่เป็นบ้านเกิดของท่านย่าทองประศรี โดยที่อยู่ปัจจุบันก็ไปอยู่กาญจนบุรีที่ขุนแผนท่านเป็นเจ้าเมือง สรุปแล้วถึงได้บอกว่าถ้าสร้างขึ้นมากลัวของเก่าอยู่แค่ ๒ สำนักเท่านั้น คือขุนแผนเข้ากรุที่เป็นวัดใหญ่ชัยมงคลหรือบ้านกร่าง และอีกสำนักหนึ่งคือหลวงปู่ทิม

อาตมาได้ไปอัญเชิญขุนแผนตัวจริงไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าวันพุทธาภิเษกขอให้มาช่วยด้วย ยังไม่รู้ว่าจะออกมาแบบไหน แต่งานนี้ก็เน้นส่วนผสม ผงชนวนต่าง ๆ โดยเฉพาะผงยานัตถุ์ของหลวงพ่อวัดท่าซุงที่อาตมาเก็บใส่ไว้เป็นแกลลอน แล้วเอาไปเข้าพิธีพร ๓๐ ประการที่วัดท่าซุงมาแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็คือผงกระเบื้องหลังคาโบสถ์วัดบางนมโค ซึ่งสร้างตั้งแต่สมัยหลวงปู่ปาน เป็นที่พุทธาภิเษกวัตถุมงคลของหลวงปู่ปานด้วย ท่านเจ้าอาวาสเขารื้อ พอดีหลวงพี่ติงลี่ไปจำพรรษาอยู่ที่นั่น ไปช่วยเขาบูรณะสร้างโน่นซ่อมนี่ ก็เลยขอกระเบื้องมาทำเป็นผงชนวนไว้ ให้อาตมามาขวดใหญ่ ถ้าว่าใหญ่แค่ไหนก็ประมาณขวดโอวัลติน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 18:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 05-05-2016, 15:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีคนถามว่าคนจองกันเยอะแยะขนาดนั้น ทำไมยังมีพระเหลือ ? อาตมาบอกว่าตั้งใจทำให้เหลือ เพราะว่าก่อน ๆ นี้สร้างวัตถุมงคลยอดก็คือ ๓,๐๐๐ องค์ ขุนแผนเกราะเพชรนี่พิมพ์เล็ก ๓๐,๐๐๐ องค์ แต่ดูท่าว่าจะเหลือน้อย เพราะว่าจองไปเกินครึ่ง อาตมาแนะนำก็คือจองพิมพ์เล็กไว้ ไม่ต้องไปสนใจกับตะกรุด เพราะถ้าท่านสงเคราะห์ก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ จองตะกรุดไปก็แพงเปล่า ๆ

ตะกรุดนั้นลงคาถาหัวใจขุนแผน คือ สุนะโมโล ไว้ มาจากตัวคาถาปลุกที่ว่า เอหิมะมะ สุนะโมโล นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ ก็คือการเรียกหัวใจขุนแผนพร้อมกับธาตุ ๔

การเสกวัตถุมงคลถ้าเรียกธาตุ ๔ อาการ ๓๒ ได้ก็จะขลังกว่าปกติ ส่วนใหญ่สมัยนี้เขาจะเรียกธาตุ ตั้งธาตุ หนุนธาตุกันไม่เป็น ยิ่งอาการ ๓๒ ยิ่งไม่ค่อยมีใครอยากจะเสกเพราะว่าคาถายาวมาก ความจริงคาถายาวทำให้สมาธิดี แต่คนก็มักจะไม่ชอบเพราะคาถายาว

แบบเดียวกับหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง สร้างตะกรุดมหาโสฬสต้องเสก ๓ ปี เหตุที่ต้องเสก ๓ ปีเพราะว่าต้องเสกด้วยโองการมหาทมื่น ๑๐,๐๐๐ จบ ถ้าถามว่าโองการมหาทมื่นเป็นคาถายาวขนาดไหน ? ก็ประมาณ ๑ หน้ากระดาษเอ ๔ ฉะนั้น...ถ้าใครมีตะกรุดมหาโสฬสของวัดสะพานสูง ตั้งแต่หลวงปู่วาสน์ขึ้นไปถึง
หลวงปู่ทองสุข หลวงปู่กลิ่น หลวงปู่เอี่ยม ก็เก็บเอาไว้ก็แล้วกัน ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ขลังทั้งนั้น

หลวงปู่วาสน์ก็เพิ่งจะมรณภาพไป อายุ ๑๐๐ ปีพอดี รุ่นต่อไปก็คงจะมีแต่ตะกรุด หาความขลังยาก เพราะว่าขี้เกียจเสก วัตถุมงคลเสก ๓ ปีนี่บังคับเลยว่าต้องขลัง อาตมายังเคยเอาไปออกในเว็บวัดท่าขนุนไปหนึ่งดอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 05-05-2016, 15:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่อาตมาตั้งใจทำพิพิธภัณฑ์ส่วนหนึ่งเป็นเครื่องรางของขลัง ก็เพราะว่าเครื่องรางของขลังเป็นที่นิยมมาตั้งแต่โบราณ เหตุที่เป็นที่นิยมมาตั้งแต่โบราณเพราะคนโบราณถือว่าพระต้องอยู่วัด ถึงสร้างเป็นพระเครื่องขึ้นมา พอออกศึกสงครามเสร็จก็นิมนต์พระกลับไปคืนวัด ที่จะติดตัวอยู่ได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเครื่องรางของขลังนี่แหละ จะเป็นตะกรุด เป็นลูกอม เป็นพิสมร เป็นมีดหมออะไรก็ตาม จนกลายเป็นของที่อยู่กับบ้าน เอาไว้คุ้มครองป้องกันตัวเองและครอบครัว

แต่ละอย่างก็จะมีเคล็ดในการสร้าง มีอุปเท่ห์ในการใช้ต่าง ๆ กันไป ถ้าคนเข้าไม่ถึงก็ขลังไม่พอ หรือขลังไม่เต็มที่ ถ้าหากว่าใครเข้าถึงก็ขลังกว่าปกติ โดยเฉพาะว่าถ้าเป็นสายหลวงปู่ปาน หลวงพ่อวัดท่าซุง การสร้างเครื่องรางของขลังยากกว่าสร้างพระ เพราะสายเรานิมนต์พระได้ แต่ว่าเรื่องของเครื่องรางของขลังเท่าที่เจอ ๆ มา ๒-๓ ครั้ง อย่างการเสกลูกแก้วนี่นั่งรอกันอานเลย เพราะท่านบอกว่าต้องเสกแก้วให้เป็นพระ ถ้าหากรูปพระอย่างไรก็เป็นพระอยู่แล้ว ก็เบาแรงไปครึ่งหนึ่ง

โบราณส่วนใหญ่แล้วเวลาสร้างวัตถุมงคลมักจะไม่ทับรอยครูบาอาจารย์ แม้กระทั่งหลวงพ่อวัดท่าซุง ขอให้ท่านสร้างพระขี่สัตว์พาหนะท่านยังบอกว่าไม่ทำ เพราะว่าจะเป็นวัดรอยหลวงปู่ปาน ความจริงก็คือถ้าหากว่าทำเหมือน ๆ กัน พอนาน ๆ ไปของเก่าใกล้เคียงกัน คนรุ่นหลังจะแยกแยะไม่ออก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2016 เมื่อ 15:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 05-05-2016, 15:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนเครื่องรางของขลังนั้น ถ้าแบ่งจริง ๆ จะแบ่งเป็น ๒ ส่วนคือส่วนของเครื่องราง ก็คือของที่สร้างขึ้นมาตามหลักวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นตะกรุด เป็นลูกอม เป็นชานหมาก เป็นเบี้ยแก้ หมากทุยอะไรก็ตาม ส่วนในเรื่องของขลังมักเป็นไปตามธรรมชาติ เช่น บรรดาคดต่าง ๆ บรรดาเขี้ยว เขา งา ของสัตว์ที่ถือว่ามีเดชมีอำนาจกว่าปกติ แล้วยิ่งได้ครูบาอาจารย์มาลงอักขระเข้าพิธีก็ยิ่งขลังกันไปใหญ่

ในส่วนของเครื่องรางของขลัง ก็มีส่วนที่ทำถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน โดยเฉพาะที่เขาเรียกว่าเครื่องคาดราชศาสตรา ส่วนใหญ่ก็ทำเป็นโลหะ ๓ ชนิด ที่เรียกว่า ๓ กษัตริย์ ก็คือ ทองคำ นาก แล้วก็เงิน เครื่องคาดราชศาสตราที่โด่งดังที่สุด ก็คือ ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช แต่ว่าตะกรุดที่ทำในลักษณะนี้ที่เห็นมา ที่สวยที่สุดกลับเป็นของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก ของหลวงปู่ดู่เป็นตะกรุดไม้ไผ่ แต่ไม่ว่าจะเส้นยันต์หรือว่าอักขระของท่านชัดเจน สวยมาก ๆ พูดง่าย ๆ ว่า ไม่ต้องเอาเป็นเครื่องรางของขลังก็เป็นงานศิลปะในตัวอยู่แล้ว

ตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราชที่ดัง ๆ ก็สายวัดประดู่โรงธรรม ถามว่าสายประดู่โรงธรรมสืบสายมาอย่างไร ? ก็มาทางด้านหลวงปู่กลั่น วัดพระญาติ หลวงปู่อั้น วัดพระญาติ หลวงปู่สี หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อีกสายหนึ่งก็มาทางสายแม่กลองของหลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ตำราเดียวกัน คาถาเดียวกัน ส่วนของหลวงปู่เทียมนั้นถือว่าเป็นรุ่นหลัง ของหลวงปู่เทียมส่วนใหญ่ทำเป็นตะกรุดมหาระงับตามสายแม่กลอง ตะกรุดมหาจักรพรรดิทำยาก ต้องตั้งราชวัตรฉัตรธงนิมนต์พระ ๑๐๘ รูปเจริญพุทธมนต์ แล้วนั่งลงอยู่ในนั้นแหละจนกว่าจะเสร็จ ก็แปลว่าแต่ละท่านทำได้ไม่กี่ดอกหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-05-2016 เมื่อ 17:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 05-05-2016, 15:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมนี่ดีอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ไม่ได้ดีอย่างไรหรอก อาศัยแรงผีช่วย แต่ว่าผีมาถึงหลวงปู่ทิมก็ไม่เป็นผีแล้วล่ะ ...(หัวเราะ)... แค่ดูคาถาปลุกของท่านก็รู้แล้ว “สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ อานุภาเวนะ อานุภาเวนะ อานุภาเวนะ จงอยู่ใต้พุทธบารมี” ไม่ได้มีไสยศาสตร์สักคำเลย

ถาม : แล้วกุมารหลวงพ่อเต๋ ?
ตอบ : หลวงพ่อเต๋นี่รุ่นก่อนนะ ทันกัน แต่ว่าหลวงปู่ทิมอายุยืน หลวงพ่อเต๋มรณภาพไปก่อน หลวงพ่อเต๋นี่ต้องกุมารทอง กุมารทองประเทศไทยดังก็เพราะหลวงพ่อเต๋นี่แหละ หลวงพ่อเต๋ท่านฉายา คงฺคสุวณฺโณ คนเลยแปลง่าย ๆ ว่าคงทอง มาตอนหลังมีคนใช้นามสกุลคงทองตามกันเยอะเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2016 เมื่อ 15:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 06-05-2016, 15:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงสุนทรภู่ก็บอกไว้ชัดนะว่า เสียงปี่พระอภัยทำให้ "อันรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร" ได้ยินเมื่อไรก็เสร็จหมด ก็แสดงว่าเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะใช้เสียงดนตรีทำให้บุคคลคล้อยตามความต้องการของตนเองได้ แต่ของพระอภัยมณี ถ้าคิดตามก็หลับ...ลืมรบไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2016 เมื่อ 15:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 06-05-2016, 15:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้าพูดถึงหน้าร้อนแล้วคนไปเดินห้างมาก แล้วก็เดินกันเป็นวัน ในส่วนที่กล่าวถึงก็คือ เดินห้างได้เป็นวัน แล้วก็อ้างว่าไม่มีเวลาให้ลูก น่าตายไหม ? เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวยังดูแลให้ดีได้ เลี้ยงลูกกลับดูแลให้ดีไม่ได้

สาเหตุที่บ่นอย่างนี้เพราะว่าหมาที่วัดคลอดลูกมา ๑๑ ตัว กินนมจนแม่หมาเหลือแต่ซี่โครง เอาอะไรไปให้แม่หมาก็กินทั้งนั้น แล้วก็ยังหิวอยู่ สรุปว่ายังไม่เห็นแม่หมาคาบลูกไปทิ้งถังขยะแล้วบอกว่า “แม่จำเป็น” เลยสักตัวหนึ่ง เชื่อเถอะ...เดี๋ยวกลับไปก็แทบไม่เหลือ

นโยบายที่วัดก็คือ เลี้ยงลูกหมาให้สวยเข้าไว้ เดี๋ยวก็มีคนช่วยเอาไปเลี้ยงเอง พระก็แกล้งทำเป็นหวง ๆ ไว้หน่อย พอพระอาจารย์ไม่อยู่วัดลูกหมาก็หายหมด ทุกวันนี้เฉพาะค่าหมอค่ายาหมาเดือนหนึ่งเป็นหมื่น ไม่ค่อยจะพอด้วย

อาตมากำลังวางแผนทำหมันแมวของแม่ชี เพราะว่าแมวจะเป็น ๑๐๐ ตัวอยู่แล้ว ที่น่าเบื่อที่สุดก็คือชอบมาฉี่ในหอฉัน ให้แม่ชีเขาจัดการทำกรงใหญ่ใส่รวมกันเอาไว้ ไม่รู้ว่าแหกกรงออกมาได้อย่างไร ? คาดว่าตาข่ายต้องใหญ่ หัวแมวจึงลอดได้ สัตว์นี่แปลกมาก ถ้าหัวไปได้ ตัวก็จะไปได้ ก็คือตาข่ายเราเห็นว่าเป็นสี่เหลี่ยม ๆ ไม่น่าออกได้ เขาก็ตะแคงซ้ายตะแคงขวาเอาหัวออกได้ พอหัวออกได้แล้วตัวจะตามมาได้สบายเลย ยิ่งงูนี่ยิ่งใช่เลย ถ้าหัวงูออกได้ตัวไปได้แน่นอน

ระยะนี้งูไม่ได้อยู่เย็นเป็นสุขเลย เพราะอากาศร้อน กลางคืนก็เลยเพ่นพ่านไปหมด ที่น่าหวาดเสียวคืองูกะปะ เพราะว่างูกะปะเวลากัดแล้วกว่าจะตายก็ทรมานกันนาน โดนงูจงอางหรืองูเห่ากัดเสียยังดีกว่า แล้วเจ้ากะปะตัวนี้ก็จะหาที่เหมาะ ๆ ไปนอนแต่ละที่ครึ่งวันค่อนวัน ไปดูกี่ทีก็อยู่ตรงนั้นแหละ พออากาศเริ่มร้อนแล้วถึงย้ายที่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-05-2016 เมื่อ 15:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 06-05-2016, 19:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านอาจารย์วิสุทธิ์ไปบุกรังญาติ "ลุงนวล" ลูกศิษย์เก่าแก่ของหลวงพ่อกวย วัดบ้านแค (โฆสิตาราม) ขนวัตถุมงคลมาเพียบเลย ปรากฏว่าอาตมาได้รับแบ่งปันมาหนึ่งในเจ็ด ไม่ใช่ได้มาหนึ่งในสองหรือครึ่งหนึ่งนะ ได้มาแค่หนึ่งในเจ็ด แสดงว่าท่านขนมาเต็มที่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2016 เมื่อ 03:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 06-05-2016, 19:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่บ้านมีหนังสือของหลวงพ่อเกษม วัดสามแยก พวกคำสอนแปลก ๆ จะทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ชั่งกิโลขาย หรือไม่ก็จำเริญด้วยไฟ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-05-2016 เมื่อ 03:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 09-05-2016, 07:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,016 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเดือนที่แล้ว สมเด็จวัดบางขุนพรหมไปออกในราคา ๑๐๐ บาท ตูเห็นแล้วตูก็อึ้งเหมือนกัน อาตมาไม่ได้ดูว่าเขาถวายอะไรมา เจ้าตัวเล็กก็ดูของไม่เป็น ถ่ายรูปแล้วก็ลงอาตมาชี้ให้ดูทีหลังว่า องค์นี้ในตลาดไม่ต่ำกว่าล้าน ออกแค่ ๑๐๐ บาท..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2016 เมื่อ 14:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว