กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 19-06-2019, 06:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "กอบชัย ตัวนี้ ถ้าเป็นชื่อโบราณเขาใช้สะกดว่า กอปร นะ เขามาแผลงเป็นประกอบทีหลัง แบบเดียวกับ ตรวจ แผลงเป็น ตำรวจ

สมัยนี้ไม่ใช่แผลง สมัยนี้เพี้ยน คำแผลงสมัยก่อนพูดจากยาวเป็นสั้น จากสั้นเป็นยาว เขาเลยเรียกคำแผลง กอปรนี่ถ้าเด็กสมัยใหม่อ่านไม่ถูกจะอ่านเป็น กอ-ปอน ต้องบอกว่าเก่งภาษา สามารถอ่านไปได้...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 19-06-2019, 06:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมารับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภองวดนี้ไม่เปลืองสตางค์ เพราะว่าฉลองพร้อมกับงานอายุ ๖๐ ปี พรรคพวกค้อนกันขวับ จะกินอีกสักยกหนึ่งก็ไม่ได้ เจ้านายเมตตาตั้งให้ก่อนอายุ ๖๐ ปีแค่ไม่กี่วัน

หลวงพ่อเจ้าคุณปัญญาแจ้งให้ทราบคืนวันที่ ๒๘ ตอนมางานศพของท่านอาจารย์มหาสันติ บอกว่า “อาจารย์...หลวงพ่อเจ้าคณะภาคโอเคแล้วนะ เดี๋ยวตราตั้งจะมาวันที่ ๓๐ นี้เลย ในงานประชุมพระสังฆาธิการที่วัดตะคร้ำเอน อาจารย์ต้องเตรียมไทยธรรมถวายท่าน แล้วก็เตรียมกรอบสำหรับตราตั้งไปด้วย” ปรากฏว่าไปถึงคณะกองงานเลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๔ เตรียมมาเรียบร้อยหมดเลย อาตมาเตรียมกรอบไปเสียสตางค์เปล่า กรอบละตั้ง ๕๐๐ บาท..!"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-06-2019 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 19-06-2019, 06:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ความแตกต่างของยันต์เกราะเพชร กับยันต์หมอกมุงเมือง ต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : อันดับแรกเลยที่มาก็ต่างกันแล้ว ยันต์หมอกมุงเมืองมาสายล้านนา ยันต์เกราะเพชรมาสายภาคกลาง แต่ก็เน้นไปทางป้องกันเหมือนกัน ก็คือครูบาอาจารย์แต่ละท่านมีวิชาการ ก็จะมีสายวิชาของแต่ละท่านอยู่ หมอกมุงเมืองของทางล้านนาน่าจะเหมือนพวกวิรุญจำบังของภาคกลางมากกว่า ก็คืออยู่ในลักษณะที่เรียกว่าปิดกันเลย ป้องกันไม่ให้อันตรายต่าง ๆ เข้าไปในบริเวณนั้น แต่ว่ายันต์เกราะเพชรนี่เอาไว้สะท้อนกลับ

ถ้าจะเทียบความต่างก็ต่างกันตั้งแต่สายวิชาการแล้ว ในลักษณะการใช้งานก็คือ อันหนึ่งปิด ลักษณะเหมือนกับครอบไว้ ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ไม่ให้เข้ามา แต่อีกอันหนึ่งนี่เข้ามาได้ แต่จะย้อนกลับ เพราะฉะนั้น..หมอกมุงเมืองนี่ดูเหมือนวิรุญจำบังของภาคกลางมากกว่า

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 14-03-2020 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 19-06-2019, 07:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมเอามีดหมอมาให้พระอาจารย์ดู "จำไว้ว่าเรื่องของงาช้างสีจะไม่เสมอกัน ถ้าสีเสมอกันแปลว่าถ้าไม่โดนทอดน้ำมันก็รมควันมา อันนี้รมควันมา สีเท่า ๆ กันทั้งอัน ปกติสีงาช้างมีอ่อนมีแก่ตามการใช้งาน

ใบมีดเก่าสนิมขุมจะกินลึกเข้าไปในเนื้อ ถ้าหากว่ากินในลักษณะนี้แสดงว่าเขาไปแช่น้ำกรดให้เป็นสนิม สนิมขุมเวลากินจะกินเสมอกัน ใหญ่บ้างเล็กบ้างนี่ประเภทตั้งใจทำมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 19-06-2019, 07:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มีดหมอปากกาสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเดิมนั้นหายากสุด ๆ โดยเฉพาะสภาพสมบูรณ์ชนิดไม่มีหลุดไม่มีแหว่ง รับประกันซ่อมฟรีว่าถ้าใครได้ไป ก็เหมือนกับถูกรางวัลที่หนึ่งชัด ๆ คือสภาพอย่างนั้นเขาเรียกว่าสภาพผิวหิ้ง คนได้ไปนี่ประเภทขึ้นหิ้งเก็บอย่างเดียวเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 19-06-2019, 07:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่าเสียกำลังใจ ถือว่าซื้อความรู้ ถ้าเป็นภาษาในวงการพระเขาเรียกว่าค่าหน่วยกิต จ่ายค่าหน่วยกิตเรียนไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จบเอง แหม...หลายคนนี่โดนค่าหน่วยกิตเยอะเหลือเกิน..!

เริ่มแรกอย่าไปเล่นของแพง สำคัญที่สุดคือต้องได้เห็นของจริงก่อน แล้วที่หนักกว่านั้นคือต้องเป็นคนช่างสังเกตและขี้สงสัยทุกอย่าง อย่าไปฟังนิทานที่เขาเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไป แต่ให้ดูว่าของนั้นใช่หรือเปล่า ถ้าไปฟังนิทานนี่เดี๋ยวเผลออยากได้ก็เสร็จเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 19-06-2019, 07:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้การเห่อกัญชาของบ้านเราต้องบอกว่ามากเกินไป ตำรายาแพทย์แผนไทยของเราใช้กัญชาเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้บอกให้ชัด ๆ แล้วกัญชาไม่ใช่ยาสารพัดประโยชน์ที่ตอบโจทย์ทุกข้อได้

ไปนึกถึงตำราเวชศาสตร์วรรณาโบราณ สมัยก่อนหลวงปู่ธรรมชัยท่านศึกษา แล้วท่านก็บอกว่า โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็หาย โรคบางอย่างต้องรักษาถึงจะหาย ถ้าไม่รักษาจะตาย โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็ตาย

พระอาจารย์มหาสันติ โชติกโร ป.ธ. ๙ อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประชุมชนารามหรือวัดท่ามะขาม เป็นมะเร็งตับอยู่ ๒ ปี รักษาด้วยกัญชาไม่ได้ผล ส่วนหนึ่งอาตมาคาดว่า เพราะว่าท่านรักษาแบบแผนปัจจุบันด้วยการผ่าตัดแล้วก็ฉายรังสี การผ่าตัดฉายรังสีเท่ากับว่าตั้งใจฆ่ามะเร็ง คราวนี้มะเร็งเป็นสิ่งแปลกปลอม ที่เกิดจากพัฒนาการเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานที่ยากลำบาก เมื่อเป็นเช่นนั้นพอโดนรังสีเข้าไป เขาก็ต้องพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะเอาตัวรอด ก็มีการปรับปรุงสารพันธุกรรมของตัวเอง คราวนี้มะเร็งปรับเร็วจนยาตามไม่ทัน

สมมุติว่าเราเอารังสีเข้าไปเพื่อฆ่านายเอ แต่ไอ้นี่กลายเป็นนายบีไปแล้ว หรือจะฆ่านาย ก. แต่กลายเป็นนาย ข. ไป แล้วจะไปฆ่าอีท่าไหน ? พอจะฆ่านาย ข. กลายเป็นนาย ค. ไปอีกแล้ว เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใครไปรักษามะเร็งด้วยการผ่าตัดฉายรังสี โอกาสรอดมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ท่านอาจารย์มหาสันติ แม้ว่าเป็นในช่วงที่เขาเห่อเรื่องน้ำมันกัญชารักษาโรค อาตมาเองก็ยังถามว่าจะลองรักษาวิธีนี้ไหม ? ท่านถ่ายรูปมาให้ดู ถือน้ำมันกัญชากำอยู่ในมือ ๒ ขวด สรุปว่า...ตาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 19-06-2019, 07:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"โรคบางอย่างรักษาหรือไม่รักษาก็ตาย เพราะว่าวาระมาถึง เราจะไปคิดว่าท่านเป็นพระหนุ่ม เพิ่งจะอายุ ๔๕ ปี จบเปรียญธรรม ๙ ประโยคมา ป้องกันกรรมได้ที่ไหนเล่า ?

ไปดูหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ สิ นั่นพระอรหันต์แท้ ๆ เลย ท่านก็เป็นมะเร็ง ท่านบอกว่าท่านจะเป็นมะเร็งที่ตับ รักษายาก ท่านก็เลยขอให้ออกมาเป็นข้างนอก ก็เลยมาเป็นที่คอ ช่วงที่หมอทำการรักษาอยู่ ตอนทำความสะอาดล้างแผล หมอบอกว่าบางทีเห็นเนื้อหลุดออกมาเป็นชิ้น ๆ เป็นก้อน ๆ ขนาดหัวไม้ขีดเลย

หลวงปู่ท่านก่อนนอนให้เขาทำแผลไปเรื่อย พอถึงเวลาทำแผลเสร็จเรียบร้อยก็ลุกขึ้นมา...ยถาฯ สัพพีฯ อวยชัยให้พรกับหมอเหมือนคนปกติ ไม่เจ็บไม่ปวดอะไร ถ้าเป็นคนอื่นลองดูสิ...จะร้องไป ๓ บ้าน ๘ บ้านไหม ?

นั่นคือลักษณะของบุคคลที่ปล่อยวางเป็นสังขารุเปกขาญาณ เข้าถึงความปล่อยวางในสังขาร โดยเฉพาะจิตสังขารคือการปรุงแต่ง ในเมื่อจิตไม่ไปปรุง ไม่ไปยึดว่าร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเรา เจ้าอยากจะเป็นอะไรก็เรื่องของเจ้าเถิด ก็จะมีสภาพแบบนั้น แต่ถ้าคนที่ทำไม่ถึงตรงจุดนี้ก็จะเจ็บปวดทรมานมาก

เพราะฉะนั้น..บ้านเราต่อให้กฎหมายอนุญาต เชื่อเถอะว่า..จะมีไอ้พวกเสียผู้เสียคนเพราะกัญชาอีกเยอะ เพราะว่าบ้านเราขาดหลักธรรมในมัชฌิมาปฏิปทา ไม่รู้จักความพอเหมาะพอดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 19-06-2019, 07:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีเรื่องอยู่อย่างหนึ่งที่ตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ บางคนคุณจะทำตัวเล็กขนาดไหนก็เล็กไม่ได้ โดยปกติการตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอหรือตั้งเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ เขาจะประกาศแล้วส่งไปทางอำเภอ ทางอำเภอก็จัดพิธีรับ ส่วนมากก็จะนิมนต์เจ้าคณะตำบลทั้งหมดมา ถ้าหากว่าวัดไหนมีกำลังมาก ก็อาจจะนิมนต์เจ้าอาวาสทั้งหมดมา ก็แปลว่ารับรู้กันเฉพาะในเขตของตัวเอง

แต่ปรากฏว่าอาตมานี่รับ ๕๔๗ วัด ทั้งจังหวัดรู้กันหมดยังไม่พอ ยังกระโดดข้ามจังหวัดไปอีก มีแต่พวกมาแสดงความยินดี ทำไมรู้เร็วกว่าเราวะ ? นี่อย่างหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งก็อย่างหลวงพ่อพระครูวิศาลกาญจนกิจ (หลวงพ่อพระครูโท) ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดตะคร้ำเอน หลวงพ่อพระครูโทนี่มาแบบเดียวกันเลย ก็คือตอนตั้งท่านเป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมื่อปีที่แล้ว ก็ตั้งในที่ประชุมคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เพราะฉะนั้น..เขารู้ทั้งภาคเลย

ของอาตมานี่ยังถือว่าเบา บารมียังสู้หลวงพ่อโทไม่ได้ แค่รู้กันทั้งจังหวัด ขณะที่อำเภออื่น ๆ รองอำเภออื่น ๆ เขาตั้งกันมา เขารู้กันแค่ในอำเภอของตัวเอง ยกเว้นว่าพรรคพวกสนิทใกล้ชิด เขาก็จะบอกกล่าวกัน หรือไม่ก็ไปรู้กันอีกทีตอนที่เขานิมนต์ไปงานฉลอง แต่ประเภทรู้กันตอนตั้ง รู้พร้อม ๆ กันทั้งจังหวัด...น้อยมาก อาตมาก็ว่า กูพยายามทำตัวเล็ก ๆ ลีบ ๆ แล้วนะ เล็กไม่ได้อย่างชื่อสักที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 19-06-2019, 07:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำบุญอย่างไรจึงจะไม่ให้คนที่เสียชีวิตไปแล้วโดนหมอผีมารังแก ?
ตอบ : ถวายสังฆทานให้ไป ถ้ารับสังฆทานไปแล้วเขาจะมีกำลังเท่ากับเทวดา หมอผีที่ไหนก็เล่นเทวดาไม่ได้หรอก มีแต่จะโดน "ตื้บ" มีอยู่จำพวกหนึ่งประเภทถึงเวลาก็จะเรียกไปใช้งาน พวกนั้นต้องสั่งสอนให้เข็ด รีบ ๆ ถวายสังฆทานให้คนตายไปเยอะ ๆ เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 19-06-2019, 07:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นำเงินสังฆทาน หย่อนช่องธรรมทานกับวิหารทานได้ไหม ?
ตอบ : ได้...เงินสังฆทานทำสังฆทานได้ ทำสิ่งที่มีอานิสงส์มากกว่าสังฆทานได้ ถ้าน้อยกว่าทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น..วิหารทานกับธรรมทานอานิสงส์มากกว่าสังฆทาน สามารถที่จะทำได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 19-06-2019, 07:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เคยไปอยู่วัดหนึ่ง มีป้าคนหนึ่งเอากฐินที่เก็บได้จากวัดนั้น แต่เป็นของวัดอื่นที่ทอดไปแล้ว จึงนำเงินใส่ซองแล้วเขียนว่าคืนเงินกฐิน เขาเอาไปคืนตรงที่เขาเจอ แล้วก็นึกถึงพระ อธิษฐานย้ายคืนได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ทันตายก็แก้ไขได้ ก็คือเรารู้ว่าเป็นของวัดไหนก็เอาไปถวายคืนให้วัดนั้น แต่มีข้อแม้ ข้อแม้นี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ถ้านานเกินไป มูลค่าก็เปลี่ยน สมมติว่าสมัยโน้นเขาทำบุญ ๒๐ บาทกับวัดที่หนึ่ง แต่พอผ่านไปหลายสิบปี มูลค่า ๒๐ บาทสมัยก่อนอาจจะได้ก๋วยเตี๋ยวชามหนึ่ง สมัยนี้อาจจะเหลือครึ่งชาม เราก็ต้องเพิ่มให้ได้กับมูลค่าปัจจุบันไป

ถาม : แต่อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นของวัดอะไร ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้ว่าวัดอะไรก็เฮงซวยหน่อย เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะแก้ไขได้ถูกต้องไหม

ถาม : แต่เอาไว้วัดที่เขาเจอได้ไหมครับ ?
ตอบ : แปลว่าได้ทำ คราวนี้ถ้าทำไม่ตรงก็ลำบาก เพราะเจตนาเขาระบุชัดเจนว่าเขาจะทำกับวัดไหน คราวหน้าอย่าไปยุ่งก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 19-06-2019, 07:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วถ้าหากว่าแยกเงินทำบุญไว้หลายอย่าง ใส่กล่องไว้ แล้วแม่บ้านเขาเอามารวมกันหมดเลย แล้วทิ้งกล่องไป ไม่รู้จะเอาเงินอันนั้นไปทำอะไร?
ตอบ : ก็ต้องบอกว่าเป็นความเฮงของแม่บ้านไป ให้พยายามทำในส่วนของสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทานเอาไว้ก่อน ส่วนอื่นก็เหลือโทษน้อยแล้ว

ถาม : ส่วนที่ทำไว้จะแก้อย่างไร เรื่องที่เราไม่รู้ว่าเป็นวัดอะไรแล้วเอาไปคืนที่วัดไม่ได้ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าไปเสี่ยงดวงเอาเอง หรือไม่ก็พยายามที่จะทำกฐินในลักษณะที่ตั้งใจว่าทำทดแทนตรงส่วนนั้น ก็คือตอนนี้ในเมื่อเราตั้งใจทำทดแทน แม้ว่าจะไม่ได้ตรง แต่อย่างน้อยก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้

อย่าไปใส่ใจมากนัก ถึงเวลาไม่มาเกิด กรรมที่ไหนก็ตามไม่ได้หรอก ใส่ใจมากเดี๋ยวก็เครียดเสียเปล่า ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 19-06-2019, 07:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พูดถึงโยมแม่ของท่านเจ้าคุณอนันต์ (พระราชภาวนาโกศล, วิ.) ต้องบอกว่าคนแก่ส่งศพลูกนี่อนาถมากนะ ต้องดูโยมทองร่วม กลีบทอง แม่ของพระมหาสันติเป็นตัวอย่าง มีลูกชาย ๖ คน เผาลูกไป ๓ คน นี่เป็นคนที่ ๔ แล้ว..! ก็แปลว่าลูกชายตาย ๔ คน พอเช้าวันที่ ๑๙ อาตมายังอยู่ที่วัดท่ามะขามเพราะว่าไปค้างคืน เจอหน้าก็บอกกับโยมว่า “ไม่ต้องห่วงนะ มหาสันติไปดี แล้ว เขาเลือกไปวันพระใหญ่คือวันวิสาขบูชาด้วย โบราณเขาถือว่าไปอยู่กับพระพุทธเจ้า”

โยมแม่เขาบอก “อ้าว...ไปเมื่อวานหรือ ? นึกว่าไปเมื่อคืนเสียอีก พวกนี้ไม่มีใครบอกแม่เลย” ก็บอกว่าเขาคงกลัวแม่จะเสียใจ “โอ๊ย...แม่ทำใจมานานแล้ว” สรุปว่าห่วงเสียเปล่า ๆ คนแก่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เพราะเห็นว่าป่วยหนักมา ๒ ปีแล้ว ทำใจไว้แล้ว เผาลูกไป ๓ ศพแล้ว ศพที่แล้วก็คือหมอฉลอง ไปเผาที่วัดท่าขนุน อาตมาเอาศพไปทางด้านโน้น ทั้ง ๆ ที่เขาจะเผาที่วัดท่ามะขาม โยมก็บอกว่าถ้าไม่ใช่อาจารย์เล็กนะ ไม่ให้มาหรอก ต้องบอกว่า..ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้โยมแม่ตามไปดูก็แล้วกัน ว่าทำไมต้องเอาหมอฉลองไปเผาที่ทองผาภูมิ

ปรากฏว่าวันงานศพหมอฉลอง อาตมาเตรียมเก้าอี้เก่า ๔๐๐ ตัว เก้าอี้ใหม่อีก ๓๐๐ ตัว รวมแล้ว ๗๐๐ ตัวยังไม่พอให้แขกนั่ง เขามากันเกือบทั้งอำเภอ โยมแม่ทองร่วมถึงได้บอกว่า เข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ถึงต้องเอาศพหมอฉลองมาเผาที่ทองผาภูมิ คือหมอฉลองเป็นคนที่ช่วยเหลือคนอื่นโดยที่ไม่เคยคิด พูดง่าย ๆ ก็คือว่าใครมีอะไรให้ช่วย จะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่หมอช่วยเขาหมด ก็เลยกลายเป็นที่รักของคนทั้งอำเภอ

ทางทองผาภูมิก็บอกว่า อาจารย์..เมืองกาญจน์ฯ ไกลมาก โยมหลายคนก็แก่แล้ว ให้เดินทางที ๑๔๐ กว่ากิโลเมตรลงไปเผาหมอฉลองก็ไม่ไหวหรอก อาจารย์เอาศพขึ้นมาเผาบนนี้เถอะ ทางด้านโน้นก็บอกว่าทองผาภูมิไกล ญาติโยมก็อยู่กันแต่ทางนี้ สรุปว่าถ้าไม่ใช่เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนไปเอานี่ ญาติทางโน้นเขาไม่ให้ศพมาหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-06-2019 เมื่อ 18:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 19-06-2019, 08:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"คราวนี้พอจัดพิธีให้เขาเห็น เขาก็..เออ...สมเกียรติ สมฐานะ แล้วก็คนมางานศพเยอะแยะมากมายขนาดนั้น ญาติโยมเขาก็รับได้ ไม่อย่างนั้นก็คงจะได้บ่นกัน เพราะว่าคนแก่อย่างลุงอ่อน อย่างแม่ทองร่วม อย่างแม่ทองเหมาะ แต่ละคนอายุเกิน ๘๐ ปีทั้งนั้น ต้องเดินทางไกลมาเผาหลานตัวเอง

สิ่งที่โยมแม่ทองร่วม กลีบทอง เขาทำ ต้องบอกว่าเป็นลักษณะของคนที่เริ่มเห็นธรรมดาในชีวิตแล้ว แต่ถ้าจะเอาระดับนางมัลลิกาภรรยาของพันธุลเสนาบดี อันนั้นต้องบอกว่าเข้าถึงธรรมจริง ๆ จัดงานบุญทำบุญเลี้ยงพระ คนใช้มาสะกิดกระซิบบอกข่าวว่า สามีกับลูกชายออกไปปราบโจรที่ชายแดน โดนฆ่าตายหมดทั้งบ้านเลย

นางมัลลิกาก็ทำบุญใส่บาตร ฟังพระสวดตามปกติ ประเคนภัตตาหารรอพระฉันเสร็จ กรวดน้ำรับพรเรียบร้อย พระท่านก็สงสัย เมื่อครู่นี้คนใช้เข้ามากลางคัน น่าจะมีเรื่องสำคัญ อุบาสิกาพอจะบอกพระได้ไหม ? เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ เพราะว่าตอนนี้สามีกับลูก ๆ ก็ไม่มีใครอยู่ ท่านก็บอก อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ เขามาบอกว่าสามีกับลูกที่ไปปราบโจรที่ชายแดน โดนโจรฆ่าตายหมดแล้ว

สรุปว่าพระตกใจ กลัวโยมจะเสียใจ แต่โยมเห็นธรรมดาในชีวิต ไม่รู้สึกรู้สา ในความรู้สึกก็คือต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป ถึงเวลาก็ต่างคนต่างตาย ไม่ได้ตายด้วยกัน จีนเขามีภาษิตอยู่บทหนึ่งว่า สามีภรรยาเหมือนนกร่วมพนา ก็คือผัวเมียเหมือนนกป่าเดียวกัน พอเภทภัยกรายมาแยกย้ายบินจาก พอมีภัยมาก็ดี เจ็บไข้ได้ป่วยก็ดี ถึงเวลาก็ต่างคนต่างจากไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 19-06-2019, 08:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปี ๒๕๒๓ อาตมาเป็นนักเรียนนายสิบ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด เริ่มผลิตบะหมี่แห้ง Instant Noodle ตัวทดสอบคือทหารอย่างพวกอาตมา เขาส่งไปให้ลองกินดูก่อน ดูว่าใช้ได้ไหม ขอบอกว่าบะหมี่แห้งที่ผลิตมาใหม่ ๆ มีแต่บะหมี่อย่างเดียว ถึงเวลาเอาไปลวกน้ำแล้วก็เค็ม ๆ หน่อย

หลังจากนั้นก็มีการผลิตในลักษณะที่เรียกว่า เอาน้ำซุปไก่มาชุบ แล้วก็อบแห้งเพิ่มรสชาติ ท้ายสุดไม่ได้เรื่องสักอย่างหนึ่ง ก็เลยมีนักเลงดีคิดใส่เครื่องปรุง เออ...คราวนี้ใช้ได้ สมัยนั้นอาตมาเรียกว่าบะหมี่แก้ผ้า เพราะว่าไม่มีซองอะไร มาเป็นก้อน ๆ อย่างนั้นแหละ ถึงเวลาก็บรรจุถุงใหญ่มา ถุงละ ๕๐ ก้อน เอามาลองเลี้ยงทหาร

คราวนี้พอได้รับข้อติชมไปจนถึงระดับที่อยู่ตัว ก็คือรสชาติใช้ได้แล้ว ประเภทที่เรียกว่าจากที่ “แหลกไม่ได้” ก็กลายเป็น “ไม่ค่อยจะเหลือให้แหลก” เขาก็เริ่มใส่ยี่ห้อ ก็มีการผลิตซอง มียี่ห้อมีสีสันขึ้นมาบรรจุ ก็เลยเปลี่ยนจากบะหมี่แก้ผ้ามาเป็นบะหมี่ซอง นั่นก็คือบะหมี่แห้งยี่ห้อแรกของประเทศไทยที่ปรากฏขึ้นในโลก ชื่อ.... ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไม่ว่าคุณจะมายี่ห้อไหน คนก็เรียกชื่อเหมือนกันหมด

ขอให้รู้ว่าบะหมี่สำเร็จรูปนี้มาจากค่ายทหาร มีพวกอาตมาเป็นหนูลองยา ปลากระป๋องแก้ผ้าก็กินมาไม่รู้ว่ากี่ยี่ห้อ แล้วพวกนี้พอผลิตเสร็จเอาไปส่งให้ทหารทดสอบดู ถ้าผ่านก็แปลว่าขายได้ ที่ดีที่สุดที่เคยกินมาก็คือปลาซาร์ดีนทอดรสเผ็ด อันนั้นต้องบอกว่าคนทำเก่งจริง ๆ แต่ของทหารไม่มีหรอกนะพวกฝาห่วง เขามีแต่ฝาปิดธรรมดาให้ไปเปิดกันเอง ฝาห่วงราคาแพง พอบอกว่ารสชาติผ่านก็ทำขาย ทหารทุกวันนี้น่าสงสารมาก ที่เหลืออยู่ก็คือรอดตายจากการทดลองอาหารมาทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้น...ถ้าจะไม่เต็มเต็งบ้าง ขี้โมโหบ้าง อยากเป็นนายกรัฐมนตรีบ้าง ก็ต้องบอกว่าเป็นผลข้างเคียงของพวกอาหารทดลอง...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-06-2019 เมื่อ 16:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 19-06-2019, 08:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครปฏิบัติธรรมงวดถัดจากฉลองอายุ ๖๐ ปีของอาตมา วุฒิบัตรใหม่โปรดสังเกตว่าตัวหนังสือเปลี่ยน จากเจ้าคณะตำบลเป็นรองเจ้าคณะอำเภอ เดี๋ยวมาคราวนี้วุฒิบัตรทำไมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยหรือ ? มี...ตราเปลี่ยน..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 19-06-2019, 08:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า โม้ จริง ๆ แล้วเป็นภาษาอีสานนะ ความหมายเพี้ยนตอนไหนไม่รู้ อีสานไม่ได้ออกเสียงโม้ตรง ๆ แต่ออกเสียงเหมือนกับเป็นโม่ แปลว่าใหญ่ เพราะฉะนั้น..คุณหญิงโมนั่นไม่ใช่นะ เอ้า...สาวอีสานออกเสียงให้หน่อยสิ คำว่าใหญ่ออกเสียงว่าอย่างไร ? ออกเสียงโม้ตรง ๆ ก็ไม่ได้ คุณหญิงโมนั่นไม่ใช่ ต้องคุณหญิงโม่

"เขียดโม้เขียดขาคำ คือหมอลำพากันม่วน" เขียดโม้คือเขียดตัวใหญ่ "เมฆดำลอยปั่นป่วน ฝนตกมาสู่อีสาน" คนร้องไม่รู้จักภาษาอีสาน ก็เลยร้องว่า "หอมดอกผักขะแยง ยามฟ้าแดงค่ำลงมา" จริง ๆ แล้วต้องฟ้าแลง แลงก็คือเวลาค่ำ งายคือเวลาเช้า"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 19-06-2019, 08:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "บางทีคนเขาเห็นอาตมาลงไปเก็บศพ ไปกอบกระดูก ฝุ่นกระจายว่อนเลย “อาจารย์ไม่กลัวติดโรคหรือ ?” จะไปเหลืออะไร เผาจนเป็นฝุ่นไปแล้ว ยกเว้นว่าเชื้อโรคมาจากต่างดาว ประเภททนความร้อนได้หลายพันองศาเซลเซียส ถ้าอย่างนั้นก็ยอมเป็นเถอะ..หายากนะ..โรคแบบนั้น

คราวก่อนเก็บศพของหลวงพ่อพระเทพเมธากร เก็บกระดูกชิ้นใหญ่เสร็จคนอื่นก็ไม่กล้าแตะ อาตมาลงไปกอบจนกระทั่งฝุ่นสักนิดก็ไม่เหลือ ขึ้นมากระมอมกระแมม ดำ ๆ ด่าง ๆ ไปทั้งตัว ญาติพี่น้องของหลวงพ่อเขาร้องว่า “โอ้โฮ...อาจารย์ลงทุนขนาดนั้นเลย” ก็ตอนเป็นรักกัน ตอนตายดันจะไปรังเกียจกันทำไม ? ของอาตมานี่ราคาเท่ากัน จะคนเป็นคนตาย ก็ปฏิบัติเหมือน ๆ กัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 19-06-2019, 08:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนแรกอาตมาไม่รู้ว่าการฝึกทหารนั้นมีประโยชน์มากมายมหาศาลขนาดไหน เมื่อวานนี้รับตราตั้งรองเจ้าคณะอำเภอ รูปที่เขาถ่ายออกมาทั้งหมด เห็นว่าตัวเองหลังตรงมาก ติดมาตั้งแต่สมัยนั้น ฝึกจนกลายเป็นเลือดเป็นเนื้อของตัวเอง แก้ไม่ได้แล้ว พอถึงเวลานั่งก็ต้องหลังตรง

ยิ่งมาปฏิบัติกรรมฐาน บาลีในมหาสติปัฏฐานสูตรบอกไว้ชัด ๆ อุชุง กายัง ตั้งกายให้ตรง กำหนดสติไว้เฉพาะหน้า ก็เลยยิ่งกลายเป็นความเคยชินหนักเข้าไปใหญ่ มาดาบสุดท้ายที่โดนบี้เสียเกือบตายเลยก็คือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม พอถึงเวลาท่านจะใช้งาน ท่านซ้อนลงมาตัวตรงเป๊ะ กระดิกไม่ออกเลย เพิ่งจะรู้ว่าทุกอย่างพอรวม ๆ กันแล้ว ผลออกมาก็คือรูปที่เห็น ไม่นึกว่าตัวเองจะกลายเป็นคนหลังแข็ง ก้มไม่เป็น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-06-2019 เมื่อ 15:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว