|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#141
|
||||
|
||||
ถาม : โพธิปักขิยธรรม ควรจะทำข้อไหนก่อนคะ ?
ตอบ : เลือกเอาได้เลย เพราะว่ามีเป็นชุด ๆ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มรรค ๘ เริ่มที่มรรค ๘ แล้วก็เอาสติปัฎฐาน ๔ คราวนี้ก็อยู่ที่เราชอบว่าจะทำอย่างไหนต่อไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2019 เมื่อ 22:28 |
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#142
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครรู้บ้างว่าศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย มีท้าวมหาราชเฝ้าอยู่ทั้ง ๔ ทิศเลย อาตมาหย่อนท่านลงไปในบล็อกเสา แล้วก็เทปูนลงไปเลย ไม่ได้อยู่โคนเสานะ อยู่เกือบ ๆ ยอดเสา
ที่บ้านวิริยบารมีนั้น อาตมาบรรจุพระรอด ๑ องค์ กับเขี้ยวเสือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2019 เมื่อ 22:29 |
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#143
|
||||
|
||||
พระอาจารย์พูดกับโยม "แปลกใจว่า...หลวงพ่อคุยโน่นคุยนี่แล้วก็ทำงานไปเรื่อย คือหงุดหงิดตรงที่ทำไม่ได้ ทำได้อย่างไร ทรงอารมณ์ทำงานไปด้วย คุยไปด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2019 เมื่อ 22:29 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#144
|
||||
|
||||
โยมเอาน้ำขิงมาถวายพระอาจารย์ "เห็นหรือยังว่าพระอาจารย์เป็นคนที่กินยาง่ายแค่ไหน กินเข้าไปหัวหูร้อนไปหมด
ความจริงเขาเอาไว้ให้ผู้หญิงกิน เพื่อแก้มะเร็งอะไรพวกนั้น เพราะว่าช่วยเพิ่มความดันโลหิต ตรงจุดไหนที่เลือดไปเลี้ยงไม่ถึง จะเป็นเนื้อร้ายได้ กินเข้าไปก็จะได้หาย นี่ดันทำมาให้พระฉัน ของร้อนฉันเข้าไปนี่ ถ้าสมาธิไม่ดีก็คึกตายเลย สักพักหนึ่งก็หน้าแดงหูแดง เพราะว่าร้อนข้างใน ถ้าใครเป็นความดันสูงอย่าไปกินยาตำรานี้ เพราะว่าขิงร้อนมาก จะทำให้ความดันสูงมากขึ้น อาตมาค่อนข้างจะความดันทุรังต่ำก็เลยกินได้ หมอเขาตรวจอาตมาหลายทีแล้ว เขาสงสัยมากบอกว่าไม่น่าเชื่อว่าอายุขนาดนี้แล้ว เส้นเลือดหัวใจไม่มีตีบตันสักเส้น ก็เลยบอกกับหมอไปว่ามีนิสัยค่อนไปทางฉันเจ ก็คือชอบผักมากกว่าเนื้อ ในเมื่อไม่ค่อยจะกินเนื้อ ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปหาอะไรมาอุดตัน ไขมันยังไม่ค่อยจะมีเลย ส่วนพรรคพวกเพื่อนฝูงอายุขนาดนี้ ผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจไปหลายคนแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 04:56 |
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#145
|
||||
|
||||
"มีอยู่รายหนึ่ง วันก่อนเกือบจะเป็นอัมพาต ถามว่าทำไม ? เส้นเลือดตีบ แล้วชาไปซีกหนึ่ง ยังดีที่หมอเขาหาสาเหตุเจอเร็ว จะว่าไปแล้วพระฝ่ายปกครองต้องดูแลลูกคณะ ถ้าตั้งใจทำงานให้ดีจริง ๆ แล้วมักจะเครียด โดยเฉพาะตรงโน้นก็มีเรื่อง ตรงนี้ก็มีเรื่อง
ตอนนี้เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ให้อาตมาไปแก้ไขปัญหาที่ตำบลชะแล เขต ๒ เจ้าอาวาสโดนร้องเรียนว่าเมาสุรา ถามว่ามีหลักฐานไหม ? ไม่มี..แต่ท่านได้ยินกับหู เพราะว่าโทรไปหาตอน ๒ ทุ่มกว่า จะบอกท่านว่ามีกิจนิมนต์ ท่านเมาจนพูดไม่รู้เรื่อง ถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าเมา ? เสียงคนเมาไม่เหมือนกับคนปกติอยู่แล้ว ก็เลยเรียนท่านว่า หาหลักฐานมาให้สักหน่อย อัดเสียงอัดคลิปอะไรมาก็ได้ ท่านบอกว่าจ้างเด็กไปแล้ว เด็กเข้าไม่ถึง ถามว่าทำไม ? ที่วัดนั้นหมาเยอะ นับเป็นคุณูปการของการเลี้ยงหมา วัดท่าขนุนหมาเกือบ ๓๐๐ ตัว หมาวัดท่าขนุนใจดี โดยเฉพาะถ้าถือไก่ปิ้งไป จะแห่มาหมด อาตมาไปนี่หมาบางตัวตะกายยันหัวเลย นาน ๆ เจอทีเขาคิดถึงมาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 04:58 |
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#146
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับญาติโยมที่ถวายผ้าไตรว่า "อาจจะสงสัยว่าทำไมจีวรถึงมีปากกาเหน็บมาด้วย ก็คือให้ปากกาไปพินทุผ้า การพินทุเป็นการทำเครื่องหมายว่าเราใช้ผ้าผืนนี้แล้ว ถึงเวลาไปปนกับคนอื่นจะได้จำได้ว่าเป็นของเรา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 04:59 |
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#147
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาไปเมืองจีน ๑๐ วัน น้ำหนักกระเป๋า ๖.๘ กิโลกรัม มีแต่คนบอกว่าขอเฉลี่ยน้ำหนัก สรุปแล้วของคนขอเฉลี่ยน้ำหนัก ชั่งแล้วได้ ๒๑ กิโลกรัมกว่า ๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เขาให้ผ่านได้ ก็เลยไม่ต้องเฉลี่ย
พวกเราส่วนใหญ่ไปต่างประเทศแล้ว กระเป๋าจะออกลูกออกหลานมา ๒ ใบ ๓ ใบ ของอาตมาไม่มี ไปนานแค่ไหนก็แค่นั้น ส่วนใหญ่จะหนักตรงหนังสือ ติดหนังสือไปอย่างน้อย ๒ เล่ม งวดนี้ไม่ได้เอาโน้ตบุ๊กไปทำงาน หนังสือ ๒ เล่มก็เลยหมดตั้งแต่วันที่ ๒ ท้ายสุดไม่มีอะไรจะทำ อันดับแรกก็ภาวนาตามที่กำหนดในแต่ละวันจนครบ อันดับที่สองก็นั่งคุยกับผีบ้าง นั่งคุยกับตัวเองบ้าง เป็นพระก็ลำบาก โยมเขาไม่ยอมนอนด้วย ทุกคนถวายความสะดวกให้หลวงพ่อ นอนไปเถอะ..ห้องมหึมานอนอยู่คนเดียว ขนาดไปกับพระด้วยกัน เขายังหนีกันหมด กลัวอะไรก็ไม่รู้ ? งวดหน้าพระไปอินเดียด้วยกัน ๔ - ๕ รูป เดี๋ยวจะดูว่าจะทิ้งให้อาตมานอนคนเดียวอีกหรือเปล่า ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 05:00 |
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#148
|
||||
|
||||
"กลับจากเมืองจีนมาอาตมาน้ำหนักขึ้นไป ๒ กิโลกรัม โห...กินกระจายทุกมื้อ มะระดิบผัดไข่นี่กินอยู่คนเดียวทั้งจาน ไม่มีใครช่วยกินเลย พวกเราไม่คุ้นกับมะระดิบ รสขม ๆ ไม่รู้ว่าคนจีนมีสูตรอะไร ผัดไข่ด้วยมะระดิบ พออาตมาไปถึงเจ้าที่ท่านก็ชี้...จานนี้เลย จะได้แก้ไข้ได้ จึงฟาดหมดจานคนเดียว
อีกวันหนึ่งอยู่ภัตตาคาร เขามีกระเทียมดองมาให้โต๊ะละ ๑๐ หัว อาตมาคนเดียวฟาดไป ๘ หัว..! ถามว่ากินเข้าไปอย่างนี้ไม่เหม็นตลบไปทั้งคันรถหรือ ? เขาบอกว่ารับประกันไม่เหม็น เอาวะ...ในเมื่อเจ้าที่รับประกัน ก็กินให้ดู เออ...ไม่มีกลิ่นจริง ๆ ไม่น่าเชื่อเลย กินกระเทียมดองไป ๘ หัว ไม่มีกลิ่นเลย เออ...ท่านทำได้ เรื่องนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ปกติกระเทียมดองกินไปสักเม็ดสองเม็ดก็เป็นเรื่องแล้ว นี่กินไป ๘ หัวใหญ่ ๆ เพราะว่าไม่ค่อยสบาย ท่านบอกว่าให้กินเข้าไป ไข้จะได้ลดลง เรื่องพวกนี้ผีเขาไม่เสียเวลามาหลอกอาตมา ถึงเวลาท่านบอกอะไรอาตมาก็ทำอย่างนั้น ไม่ใช่พวกเราไปเจอกระเทียมดองก็ฟาดโลด ถึงเวลากลิ่นตลบไปทั้งคันรถ พวกจะได้ด่าเอา แก่แล้วเราต้องเจียมตัว ผีบอกอะไรเชื่อไปทุกเรื่อง ให้กินมะระดิบก็กิน กินกระเทียมดองก็กิน เออ...แข็งแรงจริง ๆ นะ ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับใคร เปิดหน้าต่างนอนได้ทุกคืน ทั้ง ๆ ที่อากาศหนาวจนติดลบ ฮีตเตอร์ไม่ใช้ เข้าไปถึงห้อง ถ้าหาที่ปิดไฟไม่ได้นะ จะชักบัตรออก พอชักคีย์การ์ดออก ไฟจะดับหมดทั้งห้อง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 05:04 |
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#149
|
||||
|
||||
"โยมเขาบ่นว่า อาตมาท้องแบนติดสันหลังแล้วน้ำหนักขึ้นมาได้อย่างไร ๒ กิโลกรัม ? ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าขึ้นมาได้อย่างไร รับประกันว่าน้ำหนักขึ้น อาจจะเดินเยอะเกินไป มวลกล้ามเนื้อแน่นขึ้นก็เป็นได้
ที่เขาบอกว่าระยะทาง ๖ กิโลเมตรนั้น จริง ๆ แล้ว ๑๐ กว่ากิโลเมตร ก็คือถ้าดาวเทียมวัดจะขีดเป็นเส้นตรง ๆ ส่วนตอนที่เราเดินนั้นขึ้น ๆ ลง ๆ ทีนี้โยมหลายคนติดพวกแก็ดเจ็ตต่าง ๆ ไป ซึ่งวัดได้ว่าระยะทางเท่าไร ความสูงเท่าไร อุณหภูมิเท่าไร บางคนเขาก็สงสัย ว่าอาตมาบอกได้อย่างไรว่าอุณหภูมิเท่าไร ? ก็ขอดูจากโยมเท่านั้น สรุปว่าถ้าไปเดินแบบนั้น ไม้เทร็กกิ้งน่าจะเกะกะเปล่า ๆ ก็คือมือควรที่จะใช้ช่วยยึดช่วยจับ ไม่ใช่ไปถือไม้ ส่วนอาตมาแบกกระบอกน้ำไป ๒ กระบอก ก็ประมาณ ๓ ลิตร แล้วก็ข้าวกล่องอีก ๒ กล่อง เอาไปเผื่อชาวบ้านเขา ปรากฏว่าไม่ได้กิน ต้องแบกกลับมา แล้วเป้ที่ใช้ประจำอยู่ที่เมืองไทย พอไปที่โน่นแล้ว ความหนาวทำให้หูพลาสติกกรอบหมด หูสอดเชือกก็เลยหัก จากที่หูหัก จึงต้องเอาเชือกมาผูกแทน สรุปว่าสุดท้ายโยมประมูลไป ไม้เทร็กกิ้งก็เอา รองเท้าก็เอา เป้ก็เอา กลายเป็นว่าถ้าไม่ซื้อของนี่อาตมารวยกลับมาเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 19:39 |
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#150
|
||||
|
||||
"อาตมาไปอินเดียตั้งใจว่าจะไม่แลกเงินไป ยอมขาดทุน เพราะว่าเงินไทยใหญ่กว่าอินเดียอยู่หน่อยหนึ่ง ถ้าเราใช้ธนบัตรไทยแทนนี่เขาจะดีใจมาก อย่างของเรา ๗๕ หรือ ๘๐ สตางค์ เท่ากับของอินเดีย ๑ รูปี เงินเราจะใหญ่กว่าเขาหน่อย ฉะนั้น...ถ้าใช้ธนบัตรไทยนี่เขายิ้มหวานเลย ส่วนใหญ่เพื่อความสะดวก แลกเป็นธนบัตรของเขา แลกไปทีไม่ต้องมากหรอก ๒,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ บาทก็พอ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 19:40 |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#151
|
||||
|
||||
"ส่วนเด็กโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระที่เฉิงตู เพิ่งจะลาหลวงตาไปไม่นาน หลวงตาก็ไปเยี่ยมแล้ว อะไรจะใจร้อนปานนั้น แต่ขอบอกก่อน...เอ็งอยู่ ๔ ปี ข้าก็คงไปเยี่ยมแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 19:40 |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#152
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "คนทำอะไรเร็ว อย่าเผลอไปเบื่อคนทำช้า เราต้องเข้าใจว่าแต่ละคนสร้างบารมีมาไม่เหมือนกัน ในเมื่อกำลังบารมีไม่เท่ากัน ก็มีช้ามีเร็วต่างกันบ้าง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 19:41 |
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#153
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อีกประมาณ ๙ วัน จะถึงงานลอยกระทง งานลอยกระทงของที่วัดมีบวชพระ มีตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง ตอนนี้งานตามประทีปวัดท่าขนุนกลายเป็นแหล่งเที่ยว โดยเฉพาะลอยกระทงเป็นช่วงไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยว ถึงเวลาก็จะมีนักท่องเที่ยววิ่งไปช่วยกันจุดเทียน บอกว่ารอให้ ๖ โมงเย็นก่อนค่อยจุด ไม่ได้หรอก เล่นจุดกันตั้งแต่ ๔ - ๕ โมงเย็น
พระเราก็รอวันแรม ๒ ค่ำ จะเป็นวันสอบนักธรรมชั้นโท ชั้นเอก ก่อนหน้านี้มีสอบนักธรรมชั้นตรีด้วย แต่เนื่องจากว่าเว้นระยะจากออกพรรษานาน ระยะเวลาตั้งแต่ออกพรรษาจนลอยกระทงนานเป็นเดือน พระใหม่ที่ลงชื่อสอบนักธรรมชั้นตรี จึงมักจะสึกหาลาเพศไปเสียเยอะ ทางแม่กองธรรมสนามหลวงต้องปรับให้มาสอบก่อนออกพรรษาประมาณหนึ่งอาทิตย์ ก็ทำให้พระใหม่ได้ศึกษาอย่างน้อยก็นักธรรมชั้นตรี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 19:42 |
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#154
|
||||
|
||||
"โดยเฉพาะในส่วนของคิหิปฏิบัติ คือการปฏิบัติตัวของฆราวาส คำว่า คิหิ ก็คือ บ้าน ที่เราเรียกว่าเคหะ การปฏิบัติตัวของชาวบ้าน อย่างเช่นว่าการคบมิตร มีมิตรแท้ ๔ ประเภท มิตรเทียม ๔ ประเภท การปฏิบัติตนต่อทิศทั้ง ๖ อย่างเช่นว่าทิศเบื้องบน ทิศเบื้องล่าง ทิศเบื้องหน้า ทิศเบื้องหลัง ทิศเบื้องซ้าย ทิศเบื้องขวา
เบื้องบนก็สมณชีพราหมณ์ เบื้องล่างก็ข้าทาสบริวาร เบื้องหน้าก็พ่อแม่ เบื้องหลังก็ลูกเมีย เบื้องขวาครูบาอาจารย์ เบื้องซ้ายก็มิตรสหาย ได้ศึกษารู้ว่าทางพระพุทธศาสนาเรา พระพุทธเจ้าสอนให้ปฏิบัติต่อคนทั้งหลายเหล่านี้อย่างไรบ้าง อย่างปฏิบัติตนต่อพ่อแม่ ท่านบอกไว้ว่า ท่านเลี้ยงเรามา เราเลี้ยงท่านตอบ เชื่อฟังคำสั่งสอนของท่าน ทำตัวสมควรแก่การรับมรดก เมื่อท่านตายบำเพ็ญกุศลไปให้ท่าน บางอย่างเราก็คิดถึงบ้าง ไม่คิดถึงบ้าง แต่พระพุทธเจ้าทรงบอกไว้หมดแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 19:43 |
สมาชิก 134 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#155
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานนี้พระที่ท่านเรียนบาลี ๘ รูป สูงสุดกำลังเรียนประโยค ๖ ต่ำสุดกำลังเรียนประโยค ๑ - ๒ ถามว่ามีใครพร้อมเป็นเจ้าอาวาสบ้างไหม ? ไม่มีเลย เขาบอกยังอยากเรียนอยู่ คือเดี๋ยวนี้วัดไหนขาดเจ้าอาวาส ก็จะไปขอกับวัดท่าขนุน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 19:44 |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#156
|
||||
|
||||
"เมื่อเดือนที่ผ่านมา ทางด้านผู้ใหญ่บ้านทุ่งนางครวญ คุณลำแพน สุภรศรี ก่อนนี้เป็นกำนัน หมดวาระแล้วกลับมาผู้ใหญ่บ้าน เขามาขอพระ คือพระวัดท่าขนุนต้องบอกว่าท่านรักดีใฝ่ดี ไปอยู่ที่ไหนก็สร้างชื่อเสียงให้ทางวัด
มีอยู่ช่วงหนึ่งอาตมาส่งพระวัดท่าขนุนไปเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งนางครวญ ชื่อจริง ๆ ก็คือวัดธุดงค์สมเด็จ กับวัดคลิตี้บน หรือวัดทุ่งเสือโทน ท่านก็เอาแบบของวัดท่าขนุนไปใช้ ก็คือสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน ตามปกติของเรา แต่ในสายตาชาวบ้านเขาเห็นว่าเคร่งครัด เขาชอบ ขนาดลาออกจากเจ้าอาวาสมาตั้งหลายปี ถึงเวลาวัดแถวนั้นมีงาน เขาก็ยังมาขอตัวพระวัดท่าขนุนไปให้ชาวบ้านเขาทำบุญ คราวนี้เขาอยากได้รูปเก่าก็คือพระครูบ่าว ซึ่งย้ายวัดมา ๔ วัดแล้ว ใครก็อยากได้ ปัจจุบันนี้เป็นเจ้าอาวาสวัดท่ามะขามอยู่ เขาบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็มอบภาระให้หลวงพ่อหาพระไปให้ มีแต่คนเกี่ยงไม่อยากเป็นเจ้าอาวาส เพราะว่าภาระมาก เจ้าอาวาส ชื่อโบราณเรียกว่า สมภาร (สม + ภาระ) เสมอด้วยการแบกงาน เพราะฉะนั้น..อาตมาจึงต้องสละเลขานุการรองเจ้าคณะอำเภอไปให้ เอาเลขาฯ เก่งไป เดี๋ยวต้องหาเลขาฯ วัดรูปใหม่ แต่เลขาฯ รองอำเภอให้ท่านเป็นต่อ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-11-2019 เมื่อ 19:46 |
สมาชิก 135 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#157
|
||||
|
||||
ถาม : เราจะต้องทำอาหารจีนที่ต้องผสมเหล้า จะมีบางกรณีที่เขาไม่เข้าใจค่ะ มีผลต่อการท่องคาถาเงินล้านไหมคะ ?
ตอบ : อย่างอื่นก็คงไม่มี แต่ถ้ารับยันต์เกราะเพชรไปก็เจ๊ง บอกเขาไปสิว่าแพ้แอลกอฮอล์ กินไม่ได้หรืออะไรก็ว่าไป ถาม : เขาไม่เชื่อค่ะ ? ตอบ : เขาจะไม่เชื่อก็เรื่องของเขา ถือว่าอธิบายแล้ว เชื่อไม่เชื่อเรื่องของเขา ปัญหาเรื่องของคนรักษาศีล กับไม่รักษาศีล ต้องบอกว่าเป็นปัญหาโลกแตก กำลังใจอยู่คนละระดับกัน ห่างกันมากด้วย เพราะว่าจากบุคคลที่ไม่มีศีล ต้องไปถึงบุคคลที่มีศีลแล้วศีลขาด บุคคลที่มีศีลแล้วศีลขาดแล้วค่อยไปถึงบุคคลที่มีศีลบริสุทธิ์ ต่างกันชนิดคูณร้อยก็ห่างกันเป็นหมื่น ในเมื่อกำลังใจคนละระดับกัน สิ่งที่เราต้องทำก็คือทำใจ ทำใจว่าถ้าเราตั้งหน้าตั้งตา ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ก็ต้องมีคนว่าเราบ้าอย่างแน่นอน อาตมาเองก็โดนมาตั้งแต่เด็ก ถึงได้เคยบอกกับพวกเราว่า ถ้าปฏิบัติธรรมไปแล้วยังไม่มีใครว่าเราบ้า แสดงว่ายังเอาดีไม่ได้ ยังไม่จริงจัง ถ้าจริงจังเมื่อไรเขาจะว่าเราบ้าเมื่อนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2019 เมื่อ 02:28 |
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#158
|
||||
|
||||
ช่วงเด็ก ๆ อาตมาเองก็ถูกพ่อแม่พี่น้องว่าบ้า ครูบาอาจารย์ก็ว่าบ้า เพื่อนร่วมชั้นเรียนก็ว่าบ้า ตอนที่ควรจะเสียมากที่สุดคือตอนที่เป็นทหาร เพราะว่าเพื่อนฝูงด่าอยู่ทุกวัน เหล้าก็ไม่กินกับเขา บุหรี่ก็ไม่สูบกับเขา เที่ยวซ่องก็ไม่ไปกับเขา เพื่อนก็ด่าว่า "อะไรก็ไม่เป็นสักอย่าง มึงไปหากระโปรงมานุ่งไป..!"
เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของกำลังใจ อย่างพวกเราถ้าเพื่อนทั้งรุ่นชี้หน้าว่าอยู่คนเดียวก็คงจะรับไม่ได้ แต่อาตมาไม่ให้เขาด่าฝ่ายเดียว จึงด่าพวกเขาคืนไปบ้าง บอกเขาว่า "ไอ้เรื่องพวกนี้กูห้ามใจตัวกูเองได้ พวกมึงห้ามใจตัวเองไม่ได้สักคน พวกมึงนั่นแหละที่ควรจะไปหากระโปรงมานุ่ง..!" ถ้ามั่นใจว่าสิ่งที่เราทำเป็นความดี บางทีก็เกรงใจโลกไม่ได้ เพราะว่าการสร้างความดีเป็นการทวนกระแสโลกอยู่แล้ว แต่ว่าส่วนมากพวกเราจะคิดมากและปล่อยวางไม่ได้ เจอมาก ๆ เข้าก็จะเครียด เครียดไปทำไม ? เครียดก็ด่าคืนไปบ้างสิ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2019 เมื่อ 02:30 |
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#159
|
||||
|
||||
พอพวกเราทนปากเขาไม่ได้ ก็มีอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือแปลกแยกกับสังคม แต่ถ้าเรามั่นคงก็ไม่มีปัญหาอะไร เหมือนกับหินใหญ่กลางสายน้ำ น้ำมาถึงก็แหวกออกข้างไปเอง ประการที่สองคือกลับไปชั่วกับเขาแต่โดยดี ซึ่งร้อยละ ๘๐ - ๙๐ เป็นอย่างนั้น ทนปากคนไม่ได้ก็ต้องไหลตามเขาไป
เรื่องพวกนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นของยากในของยาก บุคคลจะได้เกิดเป็นมนุษย์ก็แสนยาก ได้เกิดเป็นมนุษย์แล้วพบพุทธศาสนาก็แสนยาก ได้พบพุทธศาสนาแล้วจะได้ฟังธรรมก็แสนยาก ฟังธรรมแล้วจะน้อมนำมาปฏิบัติก็แสนยาก ปฏิบัติแล้วจะเกิดผลอย่างใจก็แสนยาก ไปกี่แสนแล้วก็ไม่รู้ ? น่าจะถึงล้านแล้ว ฉะนั้น...ท่านใดที่ทวนกระแสขึ้นฝั่งก็ถือว่าเป็นบุคคลผู้พ้นแล้ว จึงได้รับการยกเอาไว้ในที่สูง เป็นปูชนียบุคคล เป็นบุคคลที่ควรแก่การเคารพบูชา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2019 เมื่อ 02:31 |
สมาชิก 134 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#160
|
||||
|
||||
จำได้ว่าเมื่องานศพของพระครูสุกิจกาญจนโสภิต นั่งอยู่กับท่านอาจารย์มหาวิสูตร วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ฟังพระท่านสวดว่า อะถายัง อิตะรา ปะชา ตีระเมวานุธาวะติ ด้วยความที่แปลออก จึงเห็นภาพคนกำลังวิ่งไปวิ่งมาเลาะชายฝั่ง แต่ข้ามน้ำไม่ได้สักที
กัณหัง ธัมมัง วิปปะหายะ สุกกัง ภาเวถะ ปัณฑิโต ฉะนั้น...ผู้รู้จึงควรที่จะละในธรรมอันดำก็คือฝ่ายไม่ดี ปฏิบัติในธรรมอันขาวก็คือฝ่ายดี คราวนี้ท่านเอามาสวดในงานศพ จริง ๆ แล้วก็คือตั้งใจให้พวกเราฟัง แต่คราวนี้พวกเราฟังแล้วไม่เข้าใจ แปลไม่ออก คนแปลออกอย่างอาตมาก็เลยนั่งถกกับท่านอาจารย์มหาวิสูตร ฟังไปฟังมาเห็นคนวิ่งไปวิ่งมาเลาะชายฝั่งข้ามไม่ได้สักที จะว่าไปก็น่าสงสารมาก ไปนึกถึงนิมิตก่อนบวช ว่าอยู่ในเขตที่เขากั้นจำกัดอยู่ แต่ดูแล้วที่เขากั้นเป็นแค่ลวดหนามธรรมดาสูง ๔-๕ ชั้น ปีนง่ายจะตาย ทำไมไม่ข้ามกันวะ ? ว่าแล้วอาตมาก็ขี้เกียจเบียดกับเขา จึงปีนข้ามไปอยู่ฝั่งโน้น ที่เห็นหลวงปู่หลวงพ่อท่านอยู่กัน ไปนั่งสบายไม่ต้องแออัดยัดเยียดกับใคร ได้นิมิตอย่างนั้นไม่นานก็ได้เวลาบวชพอดี ก็เลยทำให้เข้าใจว่าเรื่องพวกนี้ต้องมีการสั่งสมในระยะเวลาหนึ่ง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็ค่อย ๆ งวด ค่อย ๆ เข้มขึ้น แล้วท้ายสุดก็ทำให้เราไม่สนใจโลก รู้ว่าอะไรดีก็ทำ รู้ว่าอะไรชั่วก็ละ แต่สำหรับบุคคลที่มีปัญญาก็พยายามที่จะทำให้โลกช้ำน้อยที่สุด หรือถ้าปัญญามาก โลกไม่ช้ำธรรมไม่เสียได้เลยก็ยิ่งดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2019 เมื่อ 02:34 |
สมาชิก 128 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|