กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 28-12-2016, 19:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กัลยาณมิตร ท่านบอกว่าประกอบไปด้วย

๑. ปิโย เป็นผู้น่ารัก น่าชิดใกล้ ไม่อย่างนั้นแล้วใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้ไปสอบถาม
๒. ครุ มีความหนักแน่น คือ กำลังใจหนักแน่น ไม่ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่เปลี่ยนแปลงง่าย
๓. ภาวนีโย เป็นผู้ชักชวนไปในทางที่เจริญ คือทำให้ กาย วาจา ใจ ของเราดีขึ้น
๔. วัตตา เป็นผู้รู้จักใช้คำพูด
๕. วจนักขโม
เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำได้ ใครจะว่าอะไรจะช่าง จะงี่เง่าเต้าทึงขนาดไหนท่านก็รับได้หมด
๖. คัมภีรัญจะ กะถัง กัตตา เป็นผู้สามารถอธิบายหัวข้อธรรมที่ลึกซึ้งได้

ข้อสุดท้ายที่สำคัญ คือ ๗.โน จัฏฐาเน นิโยชะเย ไม่ชักนำไปในทางเสื่อมเสีย เช่น เขาปฏิบัติธรรมอยู่ดี ๆ ก็พาไปเข้าสำนักทรง เป็นต้น

ดังนั้น...ครูบาอาจารย์จัดเป็นกัลยาณมิตรชั้นยอด แต่ไม่ใช่กัลยาณมิตรแบบวัดธรรมกาย แบบนั้นท่านชวนบริจาคอย่างเดียว ถ้าไม่บริจาคก็ตื๊อไม่เลิก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-01-2017 เมื่อ 18:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 28-12-2016, 20:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วสี คือ ความชำนาญ เกิดจากการฝึกฝน วสีมีอะไร ? มีความชำนาญในการเข้าฌาน มีความชำนาญในการออกฌาน มีความชำนาญในการกำหนดไปตามลำดับฌาน มีความชำนาญในการเข้าออกสลับฌาน มีความชำนาญในการทรงฌานตามเวลา ทำกันได้ครบไหมนี่ ?

วุฎฐานวสี ชำนาญในการออก เข้าอย่างเดียวไม่ได้ ต้องชำนาญในการออกด้วย อยู่ที่วัดท่าขนุนอาตมาก็พยายามฝึกพระฝึกโยม ฝึกเท่าไรก็ไม่ค่อยจะได้เรื่อง เพราะส่วนใหญ่จะติดแหง็ก ถ้าสังเกตจะเห็นว่าที่วัดท่าขนุนจะเจริญกรรมฐานก่อน แล้วก็ทำวัตรเลย ส่วนใหญ่คลายกำลังใจออกมาไม่ได้ หรือออกมาได้ก็กลับเข้าไปใหม่ นั่งแข็งทื่อ ปล่อยให้พระ ๒-๓ รูปนั่งสวดมนต์ไป ที่เหลือก็สบาย นั่งเงียบ คลายไม่ออก ฝึกแล้วฝึกอีกก็คลายไม่ออก

ยิ่งท่านอาจารย์เตชะยิ่งแล้วใหญ่ พวกกลับกุฏิกันหมดแล้ว ท่านยังนั่งทื่ออยู่คนเดียว ท่านอาจารย์เตชะชำนาญในการเข้า คือมีสมาปัชชนวสี แต่ขาดวุฎฐานวสี เนื่องจากมีคำว่า "ฐานะ" ตามหลัง พออ่านติดกันกลายเป็น "นวสี" คนที่อ่านไม่เข้าใจจะกลายเป็นป่าช้า ๙ ไปอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2016 เมื่อ 20:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 28-12-2016, 20:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องความกลัวนี้ว่ากันไม่ได้ เพราะว่าถ้าเราพิจารณาไม่ตลอดก็จะกลัวอยู่นั่นแหละ กลัวไม่เลิก อาตมาพิจารณาอยู่เป็นปี ๆ ว่าความกลัวมาจากไหน ตามดูอยู่เป็นปี ๆ ในที่สุดก็สรุปได้ว่ากลัวตาย กลัวตายแล้วเราไปคิดล่วงหน้าก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ ถ้าหยุดคิดได้ก็จะเลิกกลัวไปเอง

ไปนั่งกรรมฐานในป่าช้า พอดึก ๆ หน่อย ๔-๕ ทุ่ม งูก็ออกหากิน เสียงเลื้อยมาตามใบไม้แกรก ๆ ฟังดูก็รู้ว่าตัวประมาณนิ้วชี้เท่านั้นแหละ ไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอก ก็นั่งภาวนาต่อไป แวบเดียวเท่านั้นเอง ใจบอกว่า "ถึงตัวเท่านิ้วชี้ แต่ถ้ามีพิษก็กัดเราตายเหมือนกันนะ" ความรู้สึกเริ่มหลอกตัวเอง รู้สึกว่างูตัวนั้นใหญ่ขึ้นอีกหน่อยหนึ่ง แล้วก็คิดแบบนี้ไปเรื่อย ๆ "จะใหญ่กว่าที่เราคิดอีกนิดหนึ่งกระมัง ?" จากที่ใหญ่เท่านิ้วชี้นิ้วโป้ง ตอนนี้ชักใหญ่เท่าถ่านไฟฉายแล้ว กลัวมากขึ้นไปเรื่อย ๆ

ท้ายสุดยังไม่ทันจะเห็นงูเลย รู้สึกว่าน่าจะโตสักเสาเรือน..! ท้ายสุดก็ให้รู้เรื่องกันไปเลยวะ เปิดกลดออกไปส่องไฟดู โธ่เอ๋ย...งูปล้องฉนวน ตัวขาว ๆ ดำ ๆ เป็นท่อน ๆ ตัวใหญ่กว่านิ้วก้อยนิดเดียว ยาวสักศอกกว่า ๆ เอง ก็เลยมาตามดูว่า ตกลงว่าเรากลัวอะไร สรุปได้ว่ากลัวตาย กลัวงู งูกัดเรา...ตาย

กลัวผี ผีมาบีบคอเรา...ตาย กลัวเสือ เสือกัดเรา...ตาย สรุปแล้วก็ลงตรงตายหมด แม้กระทั่งกลัวจิ้งจกตุ๊กแกก็ลงตรงตายหมด น่าขยะแขยง...เดี๋ยวขาดใจตาย กูจะบ้า...หลอกกันได้ขนาดนั้น ตามดูอยู่เป็นปี ๆ กว่าที่จะหายกลัวได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2016 เมื่อ 20:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 28-12-2016, 20:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่ตอนที่หายกลัวนี้ไม่ค่อยดี ทำอะไรไม่ค่อยมีใครช่วย เพราะคนอื่นเขายังกลัวกันอยู่ เมื่อไม่นานมานี้หลวงพ่อเมียะ เจ้าอาวาสวัดสะพานลาว (พระครูกาญจนพิสุทธิคุณ) มรณภาพ เพื่อนพระไม่กล้าทำอะไร อาตมาไปโกนหนวดโกนเครา เปลี่ยนผ้าให้เสร็จสรรพ เอาใส่โลง คนอื่นเขากล้าทำที่ไหน กลัวผีจะตาย

สมัยศพหลวงปู่สายก็เหมือนกัน อาตมาไปเปลี่ยนผ้าถวายท่าน ใส่โลงแก้วให้ท่าน ตอนนั้นท่านสมเด็จยังเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนอยู่ ปีแรกก็ไม่เจอหน้า ปีสองก็ไม่เจอหน้า ปีสามทนไม่ไหวถามแม่ชีชื่นว่า "ตกลงว่ามีเจ้าอาวาสอยู่หรือเปล่านี่ ?" แม่ชีชื่นบอก "อย่าไปถาม...เขากลัว" ขนาดหลวงปู่มรณภาพแล้วไม่เน่า รู้ ๆ อยู่ว่าความดีของท่านขนาดไหน ดันไปกลัวซะอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-12-2016 เมื่อ 22:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 28-12-2016, 20:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยที่อยู่กับหลวงปู่มหาอำพัน พอท่านมรณภาพ อาตมาก็เปลี่ยนผ้าครองให้ท่าน แล้วก็นอนอยู่หน้าเตียง กลางคืนนอน ๆ อยู่สะดุ้งตื่น เขามาเปิดไฟ พอไฟสว่างอาตมาก็สะดุ้งตื่น เปิดทำไมวะ ? ก็ลุกมาปิดไฟนอนต่อ กำลังหลับเขามาเปิดอีกแล้ว สรุปว่าเขากลัวผี เขาก็เลยเปิดไฟ เห็นกุฏิหลวงปู่มืด คนนอนอยู่ในกุฏิแท้ ๆ ไม่กลัว คนอยู่นอกกุฏิเสือกกลัว ไม่รู้จะว่าอย่างไรกับเขาดี คนจะกลัวเสียอย่าง

ถ้าหากว่าใครยังกลัวอยู่ ให้พยายามพิจารณาดูว่าตกลงว่าเรากลัวอะไรแน่ ? ถ้ารู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมถึงกลัว แล้วกลัวอะไร ต่อไปก็จะไม่กลัว
สาเหตุที่แท้จริงคือเราไปนึกคิดปรุงแต่ง ถ้าหยุดความคิดได้ก็ไม่กลัว สาเหตุของความกลัวที่แท้จริงก็คือกลัวตาย ถ้าเลิกกลัวตายได้ก็ไม่ต้องกลัวอะไร

หลวงปู่คูณ วัดป่าภูทอง ท่านเล่าให้ฟัง ท่านบอกว่าน้องชายท่านบวช พระเราเวลาบวชต้องรักษาผ้าครอง เวลาจะไปไหนก็ต้องติดผ้าไปครบไตร มีสบง จีวร สังฆาฏิ เวลาค่ำน้องชายของท่านก็แต่งมาครบชุด ที่ไหนได้...มาขออาศัยนอนด้วย เพราะท่านกลัวผี ...(หัวเราะ)..."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 29-12-2016 เมื่อ 13:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 28-12-2016, 20:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "จำไว้ว่าใจเรากลับกลอกมาก ตอนเจ็บไข้ได้ป่วยเราก็อยากพ้นทุกข์ อยากจะไปพระนิพพาน พอหายเข้าหน่อยเดียวก็ลืมแล้ว เพราะฉะนั้น...ไม่ควรหาย ควรที่จะเป็นนาน ๆ ไม่เชื่อกลับไปสังเกตตัวเองได้เลย ป่วยขึ้นมาทุกข์ขึ้นมาอยากจะไปพระนิพพานเดี๋ยวนี้เลย ยังไม่ทันจะลุกจากเตียงคนป่วยเลย อาการดีขึ้นมาหน่อยเดียว ดันลืมพระนิพพานแล้ว สมควรตายจริง ๆ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2016 เมื่อ 20:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 30-12-2016, 20:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีพระจากวัดดาวดึงส์มาหา พระอาจารย์กล่าวว่า "วัดดาวดึงส์ที่ผมรู้จักก็มีหลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ กับหลวงอามหาเวก หลวงอามหาเวกเป็นน้องชายของหลวงพ่อฤๅษีฯ ตอนแรกท่านก็บวชปฏิบัติตามหลวงพ่อฤๅษีฯ อยู่ แต่ด้วยความที่บารมีต่างกัน การปฏิบัติไม่ได้ก้าวหน้ารวดเร็วเหมือนกับหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านก็เลยขอไปเรียนบาลีและเรียนเทศน์ที่วัดดาวดึงส์

ตอนนั้นหลวงปู่พระครูโวทานธรรมาจารย์ท่านเป็นอาจารย์ใหญ่สอนการเทศน์ สุดยอดปฏิภาณเลย ลูกศิษย์ลูกหานักเทศน์เป็นร้อย ๆ แล้วท้ายสุดหลวงอาก็เลยอยู่วัดดาวดึงส์จนมรณภาพ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 30-12-2016, 20:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยู่รับสังฆทานที่นี่เป็นครั้งสุดท้ายหรือคะ ?
ตอบ : ถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของบ้านวิริยบารมี เดี๋ยวปีใหม่ก็ไปบ้านเติมบุญที่บางรักใหญ่ ต้องวิ่งไล่ตามกันอีก

เมื่อเช้าอาตมาเพิ่งไปบวงสรวงเปิดบ้านใหม่ ยกศาลเจ้าที่ใหม่ ไปอยู่ใหม่ต้องทำใหม่ แบบเดียวกับการเป็นเจ้าอาวาส เป็นเจ้าอาวาสใหม่ต้องบวงสรวงบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางกันใหม่ ทำความตกลงกันใหม่ ไม่อย่างนั้นแล้วท่านก็สงเคราะห์แต่คนเก่า พอคนเก่าไปท่านไม่สงเคราะห์อีกเราก็แย่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 30-12-2016, 20:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อกวยปลุกเสกในลักษณะของคาถาอาคม ทราบว่าทางสายของเถรวาทไม่ให้ใช้วิชาของพวกนี้ ?
ตอบ : มาจากสายไหนก็เหมือนกัน ถ้าเราถือพระธรรมวินัยบริสุทธิ์ก็สงเคราะห์โยมได้ยาก เพราะว่ากำลังใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน ท่านที่ต้องการสิ่งยึดเกาะเหมือนอย่างกับเด็กหัดเดิน ต้องอาศัยสิ่งยึดเกาะก่อนยังมีอยู่มาก โบราณาจารย์ท่านฉลาด จึงสร้างวัตถุมงคลต่าง ๆ ขึ้นมาให้เขาได้ยึดได้เกาะ เป็นการพาคนเข้าถึงธรรมอีกด้านหนึ่ง

พูดง่าย ๆ คือเบื้องต้นเอาคนเข้าวัดให้ได้ก่อน หลังจากนั้นพอเขาปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา ไปมาก
เข้า ก็จะก้าวขึ้นสู่ภูมิจิตภูมิธรรมที่สูงขึ้น ตอนนั้นก็จะต้องการในส่วนของธรรมะไปเอง เป็นกลวิธีในการดึงคนเข้าวัด ถ้าเราไปถือตามแบบที่คุณว่า ป่านนี้พระพุทธศาสนาขาดช่วงไปแล้ว เพราะว่าคนที่รับธรรมะบริสุทธิ์โดยตรงได้มีแค่ไม่กี่คน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 30-12-2016, 20:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องดวงชง แก้ชง มีผลจริงไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเราเชื่อก็มีผล ถ้าหากกำลังใจเราเข้มแข็ง ก็ไม่มีผล

ถาม : เมื่อครู่ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ได้ผลไหมคะ ?
ตอบ :
ก็ได้อยู่ ทำบุญถวายสังฆทานอะไร อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรไป เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่รู้ไม่กังวลก็ไม่มีผลต่อเรา แต่ส่วนใหญ่เป็นมโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ ถ้าใจเราคิดว่าดีทุกอย่างก็ดีหมด คราวนี้พอใจเราไปคิดว่าไม่ดี ๆ กลายเป็นแช่งตัวเอง ก็ไม่ดีไปอีก เพราะฉะนั้น...เรื่องพวกนี้เอาแค่พอสมควร อะไรที่ไม่เกินวิสัยทำได้ก็ทำไป อะไรที่เกินวิสัย ก็ให้ยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 30-12-2016, 20:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมนั่งลงถวายสังฆทานแล้วลุกไม่ขึ้น "ภาราหะเว ปัญจักขันธา ขันธ์ ๕ เป็นภาระอันหนักยิ่งหนอ ภาระหาโร จะ ปุคคะโล ก็หนักด้วยกันทั้งนั้นแหละ พวกเราโชคดีที่ได้เห็น พอเห็นชัดก็ไม่อยากได้ พอไม่อยากได้ก็จะไปพระนิพพานง่ายกว่า ส่วนใหญ่ถ้าอยากได้ใคร่ดี ก็ละไม่ได้ แกะไม่ออกหรอก ติดแหง็กอยู่แค่นั้นแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 30-12-2016, 22:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเจริญกรรมฐานจะมีพวกเล่นคุณไสยมาลอง ?
ตอบ : มีมากเหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าพระรูปไหนประกาศเข้ากรรมฐาน ๗ วัน ๑๕ วัน หรือว่าเข้านิโรธกรรมจะโดนเป็นประจำ

ถาม : ทำไมเขาถึงทำครับ ?
ตอบ : ถ้าเขาสามารถเล่นงานพระได้ถือว่าเก่งกว่า เขาอยากลอง ยุคหลัง ๆ อย่างครูบาเหนือชัย ครูบาวิฑูรย์ เขาก็เอาพระอาจารย์เล็กไปเป็นตัวประกัน อย่างไรก็กันให้เขาได้แน่ เล่นจับอาตมาเป็นตัวประกันเลย

ถาม : ถ้าเจริญเมตตากรรมฐานจะป้องกันได้ไหมครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าเราแผ่เมตตาได้ถึงที่สุด สิ่งที่เขาคิดร้ายก็จะสลายไปเอง เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก คิดง่าย ๆ ว่าถ้าเรายังไม่ดีพอก็ยังโดน ถ้าดีพอก็ไม่โดนหรอก

ถาม : บางท่านบอกว่าเทวดามีมิจฉาทิฐิมาลอง ?
ตอบ : พวกเทวดาถ้าจะว่าเป็นมิจฉาทิฐิ ท่านก็เป็นมิจฉาทิฐิเกือบทั้งหมด ถ้าตราบใดยังเข้าไม่ถึงความเป็นพระโสดาบัน ก็ยังถือว่าเป็นมิจฉาทิฐิ เพียงแต่ว่าหลายท่านมาในลักษณะต้องการที่จะสอนเรา อย่างเช่นว่าเวลาฉุกเฉินเราเกาะความดีได้ไหม ? ถ้าถึงเวลามีเหตุมีอะไรขึ้นมาเราเกาะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้ไหม ? จริง ๆ แล้วท่านมีคุณกับเราเสียด้วยซ้ำไป เพราะว่าถ้าท่านไม่ลองเราก็ไม่รู้ว่าตัวเองปฏิบัติไปถึงระดับไหน แล้วดันไปว่าท่านเป็นมิจฉาทิฐิเสียอีก

ถาม : ถ้าเจริญเมตตาแล้ว เวลามีเรื่องเราไปแจ้งความนี่ ถือว่ายังเป็นสักกายทิฐิ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าให้อภัยเขาได้ทุกอย่างก็จบ ถ้ายังให้อภัยไม่ได้ก็แจ้งความเสียหน่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-12-2016 เมื่อ 10:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 30-12-2016, 22:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระท่านแผ่เมตตาแล้ว แต่ยังเห็นว่ามีพวกมิจฉาทิฐิมาเยอะ หมายความว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็แสดงว่าพระท่านยังไม่เมตตาจริง ถ้าพระท่านเมตตาจริงโลกนี้จะไม่มีศัตรู ไม่ว่าจะมนุษย์หรือสัตว์อยู่ภพในภูมิไหนก็ตาม ก็เห็นเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งหมด นอกจากไม่เป็นศัตรูกับใครแล้ว ก็ยังไม่ตำหนิใคร เพราะฉะนั้น...จึงไม่มีใครเป็นมิจฉาทิฐิหรือไม่เป็นมิจฉาทิฐิ สำหรับในความรู้สึกของท่านก็คือ เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนกันหมด ยิ่งเป็นมิจฉาทิฐิยิ่งน่าสงสาร ยิ่งต้องสงเคราะห์เขาให้มาก

ไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นว่า อยู่ในลักษณะของมารดลใจ เขาดลใจให้เราคิดว่า ในเมื่อเราทำสิ่งนี้แล้วถึงเกิดขึ้น เพื่อให้เราเลิกทำความดี

ถาม : ไม่แน่ใจว่าจะเจริญเมตตาดีไหม ?
ตอบ : ก็แปลว่าเขาทำงานได้ผล ส่วนเราก็แพ้ไปตามระเบียบ ให้สังเกตว่าเราตั้งใจที่จะละกิเลสตัวไหน ตัวนั้นจะมาลอง นั่นคือลีลาของเขาเลย เขาจะมาว่าเอ็งแน่แค่ไหน จะละตัวไหนเขาก็ลองด้วยตัวนั้นแหละ

ถาม : ถ้าเป็นพวกกสิณเขาจะมาลองอย่างไร ?
ตอบ : เดี๋ยวก็รู้เอง ถ้าหากเป็นวรรณะกสิณตั้งใจตัดความโกรธ เขาก็มาแหย่ให้โกรธ เพราะอำนาจของวรรณะกสิณข่มความโกรธได้

ถาม : ถ้าเป็นกสิณธาตุ ?
ตอบ : ถ้ากสิณธาตุ ตั้งใจจะเห็นความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ของร่างกาย เขาก็แหย่ให้ป่วยบ้างอะไรบ้าง ส่วนเราก็คิดว่าที่แท้เพราะว่าเรามาปฏิบัติอย่างนี้เราถึงเป็น เราก็จะเลิกปฏิบัติธรรม เขากวนจะตายไป พยายามที่จะดลจิตดลใจให้เราคิดผิด พูดผิด ทำผิดอยู่เสมอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 30-12-2016, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีวิธีการหลบเขาไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มี นอกจากเห็นว่าเขาไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นครูที่ดีที่สุด ก็คือทดสอบเราอยู่ทุกวินาทีที่เผลอ เราก็ไหว้เขาเป็นครูไปเลย หมดเรื่องหมดราว ถึงเวลาก็ อาจาริโย เม ภันเต โหหิ...!

กำลังใจของเรา ถ้ายังไม่ถึงก็จะมีศัตรู มีคู่แค้น มีมาร แต่ถ้ากำลังใจถึงแล้วไม่มี...มีแต่ครู ถ้าหากว่าไม่มีเขาเราก็ไม่รู้ว่ากำลังใจของเราอยู่ในระดับไหน ถ้าไม่มีการทดสอบของเขา เราก้าวข้ามพ้นไม่ได้ เราก็ยังคงจ่อมจมอยู่ที่เดิม เพราะฉะนั้น...จริง ๆ แล้วมารก็คือครู ไม่ใช่ศัตรูของเรา

พอก้าวพ้นไปแล้วจะรู้สึกว่าโลกนี้พลิกกลับ สิ่งที่ไม่ดีในความรู้สึกคนอื่น ก็กลายเป็นสิ่งที่ดีของเราทั้งหมด แม้กระทั่งความทุกข์ที่เราดิ้นรนอยากหนีนักหนา ท้ายที่สุดกลายเป็นสิ่งที่มีค่าประมาณไม่ได้ เราลอง
มานึกดูว่า คนเราเกิดมาชีวิตหนึ่งตั้งแต่เกิดยันตาย ใช้เงิน ๑ ล้านบาทพอไหม ? ตีเสียว่าล้านหนึ่ง แล้วเราเกิดกี่ชาติ ? พระพุทธเจ้าอย่างน้อย ๆ ก็ ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป เกิดจนนับชาติไม่ถ้วน เป็นเงินล้านที่นับไม่ได้

ต้องลงทุนขนาดนั้นถึงจะเห็นทุกข์ แล้วตอนนี้ทุกข์มาอยู่ตรงหน้าของเราแล้ว ของมีค่าขนาดนี้ซื้อหาอย่างไรก็ไม่ได้ มาปรากฏชัดอยู่ตรงหน้า แทนที่เราจะไปดิ้นรนหลีกหนี ก็มีแต่จะวิ่งใส่เท่านั้น เพราะฉะนั้น...การปฏิบัติธรรม ถ้าทำ ๆ ไปเขาถึงบอกว่าเพี้ยน ไม่เหมือนชาวบ้านเขา อะไรที่ไม่ดีเราจะเห็นว่าดีไปหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2016 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 01-01-2017, 19:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่ท่านขึ้นเครื่องที่ต่างประเทศ มื้อเพลฉันตามเวลาของไทย หรือเวลาของเขาครับ ?
ตอบ : ฉันตามเวลาของเขา แต่ช่วงที่กลับมาจากอังกฤษ ขึ้นเครื่องประมาณ ๑๑ โมงของเขา พอขึ้นเครื่องแล้วเลยเวลา จึงไม่ได้ฉัน ปรากฏว่ามาถึงฝั่งของเรา ๑๑ โมงเมืองไทย เขาค่อยมาประเคนอาหารให้ โอ้โฮ...ไส้แขวนเลย ไม่ใช่ ๒๔ ชั่วโมง แต่เกิน ๒๔ ชั่วโมง เพราะไม่ใช่ ๑๑ โมงของเขา แต่เป็น ๑๑ โมงของเรา เวลาที่ต่างกัน ๕ ชั่วโมงต้องบวกเข้าไป แล้วอาตมาก็ไม่รู้ว่า จริง ๆ เราสามารถเรียกร้องก่อนเวลาได้ ก็มัวแต่ไปรอมื้ออาหารอยู่นั่นแหละ มารู้เอาตอนลงจากเครื่องไม่มีประโยชน์แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-01-2017 เมื่อ 19:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 01-01-2017, 19:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อปีที่แล้วตอนเดินบิณฑบาตเช้ามืด ไปเหยียบตะขาบเข้า พอเหยียบปุ๊บตะขาบก็พลิกกอดใต้ตีน แล้วก็กัดตรงช่องลมพอดี คือกัดระหว่างง่ามนิ้วพอดี อาตมาสลัดกระเด็นไป แล้วก็เดินบิณฑบาตไปเรื่อย ปรากฏว่าเท้าบวมขึ้น ๆ แล้วกล้ามเนื้อไม่ทำงาน เพิ่งจะรู้ว่าพิษตะขาบเป็นพิษประเภททำให้กล้ามเนื้อไม่ทำงาน เหยื่อจะได้ไม่หนีไปไหน เวลาเดินไปรู้สึกเหมือนกับลากก้อนหินไปก้อนหนึ่ง ไม่ใช่ขาเรา เพราะแข็งทื่อไปหมด

เดินกลับมาถึงหอฉัน ขาบวมเบ้อเร่อเลย แต่บวมอยู่แค่ฝ่าเท้า เพราะว่าขึ้นผ่านข้อเท้าไม่ได้ มียันต์เกราะเพชรกันอยู่ โอ้โฮ...ถ้าบวมขนาดนั้นแล้วขึ้นได้ ไข่ดันคงบวมไม่ต้องเดินเลย หลังจากนั้นมาประมาณอาทิตย์หนึ่ง หนังเท้าลอกเป็นแผ่น ๆ เหมือนอย่างกับโดนไฟลวก แสดงว่าพิษตะขาบร้อนมากเลย ทำเอาหนังเท้าลอกเป็นแผ่น ๆ เลย

ต้องบอกว่าเป็นเวรเป็นกรรม ปกติสว่างแล้วพวกนี้ก็กลับรังกันหมด ตัวนี้ดันมาเดินเอ้อระเหยให้เหยียบ แล้วกัดตรงไหนไม่กัด ดันไปกัดเอาประตูลมพอดี เป็นช่องที่พิษจะวิ่งเข้าร่างกายได้เร็วที่สุด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-01-2017 เมื่อ 19:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 01-01-2017, 19:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ก่อนหน้านั้นไหม้ดำไปทั้งขา แล้วก็หนังลอกออกเป็นแผ่น ๆ ลองไปเจอตัวที่ยาววากว่า ๆ กัดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ? ก็คงไหม้ไปทั้งตัว

บางทีเวลาเจอเหตุฉุกเฉินแบบนั้นก็เป็นห่วงพระอื่น ๆ ว่ากำลังใจท่านทำไม่ได้อย่างนี้ ถ้าเป็นเองก็คงโอดโอยแล้วให้คนหามไปโรงพยาบาลให้ยุ่งไปหมด แต่อาตมาเดินบิณฑบาตไปจนจบ เห็นชัดเลยว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เพราะว่าบังคับไม่ได้ เหมือนกับลากก้อนหินไปด้วยก้อนหนึ่ง กล้ามเนื้อตายหมด ไม่ทำงาน กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตไปเลย

แต่ตะขาบกับงูนี่เป็นเรื่องอัศจรรย์ ถ้างูเจอตะขาบจะหนีสุดชีวิตเลย เพราะถ้างูโดนตะขาบกัดจะตายทุกตัว เข้าป่าเข้าดงถ้ากลัวงูก็พกตะขาบไป เอาใส่กระบอกใส่ขวดอะไรไว้ก็ได้ สมัยนี้ขวดน้ำพลาสติกขวดเล็ก ๆ หน่อยเจาะรูให้ตะขาบหายใจได้ ถึงเวลานอนก็วางไว้ใกล้ ๆ ตัวเอง งูมาได้กลิ่นตะขาบก็เปิดแน่บ แล้วหาอะไรให้ตะขาบกินบ้างนะ แต่ตะขาบกินสัตว์เล็ก เราหาให้กินก็คงจะสร้างเวรสร้างกรรมมากขึ้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-01-2017 เมื่อ 18:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #138  
เก่า 01-01-2017, 19:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในพม่าที่เขาฝึกทำปรอทอยู่ที่ไหนครับ ? (สนทนากับพระ)
ตอบ : ที่ผมไป คือ พะอาง คนไทยเรียกผาอ่าง ส่วนใหญ่เป็นฤๅษีที่อยู่ในป่า ลองไปถาม ๆ เขาดู แต่เครื่องมือหุงปรอทซื้อในตลาดพะอางได้ เขาทำกันเป็นอาชีพเลย ผมก็ไปเรียนอยู่เป็นปีเหมือนกัน มีโอกาสไปศึกษาไว้ก็ดี เป็นวิชาความรู้ติดตัวเรา แต่ให้ระวังไว้นิดหนึ่ง ปรอทถ้าทำขั้นแรกสำเร็จจะเป็นมหาเสน่ห์ ที่ไปกับผม ๕ รูป สาวเอาไปกินหมดแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-01-2017 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #139  
เก่า 01-01-2017, 19:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคนสำเร็จปรอทเยอะไหมครับ ?
ตอบ : มีเยอะแยะไป ทางฝั่งไทยและฝั่งพม่าเขาก็ยังร่ำเรียนกันเป็นปกติ แต่ทางด้านพม่าที่เขาทำสำเร็จเลยมีอยู่หลายรูป คำว่าสำเร็จคือทำเป็นทอง ทำเป็นแก้วได้ อย่างหลวงปู่นารทะคนไปหาวันหนึ่งเป็นพันเป็นหมื่น ท่านแจกทองคำให้คนละ ๒ เม็ดถั่วเขียว เอาไปขายกินได้เลย ผมไปถึงท่านกอบให้เป็นกำ "ไม่ต้องหรอกครับหลวงปู่ ผมขอแค่ ๒ เม็ดเท่ากับคนอื่น" แค่เอามาดูเป็นหลักฐานว่ามีคนทำได้จริง ๆ

ถาม : เวลานานไปทองไม่เปลี่ยนรูปเป็นอย่างอื่นหรือครับ ?
ตอบ : เป็นแล้วเป็นเลย ที่แน่ ๆ ก็คือถ้าเอาไปทำพวกตะกั่วก็จะเป็นทองไปอีก ลองไปศึกษาดูก็ได้

อยู่ทางด้านโน้นเขาต้องการสำเร็จปรอท แล้วเหาะเหินเดินอากาศได้ ทำเป็นแก้วแล้วอมใส่ปากก็เหาะได้ พวกนี้พอสำเร็จแล้วเขาก็จะทำเป็นทองแผ่น จารึกชื่อนามสกุลตัวเอง วันเดือนปีที่สำเร็จ เอาไปติดถวายพระเจดีย์ มักจะเอาไปติดบนยอดที่ไม่มีใครปีนได้ เพราะว่าเหาะได้

ทางด้านพม่าพวกพระ พวกฤๅษีที่มีฤทธิ์มีอภิญญา ส่วนใหญ่เขาจะแสดงให้เห็น ๆ เลย มีหลายรายที่เป็นพระ แต่ติดด้วยศีลพระห้ามไว้ เขาก็เลยสึกเป็นตาฤๅษีแล้วก็เหาะกันเล่น เพราะถ้าเป็นพระทำไม่ได้

ถาม : เมืองไทยที่เหาะได้มีไหมครับ ?
ตอบ : ที่เมืองไทยเห็นมีท่านที่ทำได้หลายคน แต่ยังไม่ถึงขนาดทำเป็นแก้ว ที่ทองผาภูมิก็มีอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-01-2017 เมื่อ 18:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #140  
เก่า 01-01-2017, 19:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมคนเหล่านี้ไม่ฝึกวิชาอภิญญาไปเลย ?
ตอบ : นี่ก็คือการฝึกของเขา ทางพม่าก็จะมีสำเร็จยันต์ สำเร็จประคำ สำเร็จปรอท ถ้าสำเร็จยันต์ก็ประเภทนั่งเขียนยันต์ไปด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือทรงอารมณ์เขียนยันต์ไปด้วย จนกระทั่งสำเร็จขึ้นมาเอง หรือไม่ก็สำเร็จประคำ นั่งนับประคำขาดกันนับครั้งไม่ถ้วน อย่างหลวงพ่ออุตตมะเป็นตัวอย่างในการสำเร็จประคำ พวกสำเร็จปรอทก็ภาวนาหุงปรอทของท่านไป ก็คือการฝึกอภิญญาแบบของท่าน

ถาม : ทำไมท่านไม่ฝึกอภิญญาโดยเริ่มจากกสิณ ?
ตอบ : ท่านรู้แต่วิธีแบบนั้น ต้องบอกว่าสายใครสายมัน ฝ่ายนั้นเขาฝึกกันมาด้วยวิธีอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-01-2017 เมื่อ 20:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:00



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว