กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 15-03-2016, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาจ่ายค่าหล่อสมเด็จองค์ปฐม ๔๙ นิ้ว รูปหล่อหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อวัดท่าซุง ไปแล้ว จำนวน ๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท ราคานี้รวมค่าปิดทองและขนส่งไปให้ด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2016 เมื่อ 02:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 16-03-2016, 14:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาผมนอนสภาพจิตจะมีความสว่างมาก ทำอย่างไรจะทำให้เวลาผมนั่งภาวนาแล้วจะให้สภาพจิตสว่างได้อย่างตอนนอนครับ ?
ตอบ : สมาธิเข้าระดับลึกมากเท่าไรสภาพจิตก็จะสว่างผ่องใสมากขึ้นเท่านั้น คราวนี้ถ้าคุณต้องการที่สมาธิระดับธรรมดา แต่จะให้สว่างเหมือนตอนที่เรานั่งในสมาธิระดับลึกกว่า ก็ต้องซักซ้อมให้มีความคล่องตัวชนิดที่ต้องการเข้าถึงระดับไหนก็ได้ เพราะฉะนั้น...ต้องซ้อมบ่อย ๆ จนกระทั่งสภาพจิตเคยชินกับระดับนั้น ถึงเวลาแม้แต่นั่งลืมตาอยู่ก็ทำได้ ต้องขยันกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องเงียบเหมือนกับตอนหลับ

ถาม : การที่เราฝันว่าเป็นพระสงฆ์ถือศีล ๒๒๗ ได้ เราจะได้อานิสงส์ของศีลนั้นไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีอานิสงส์ ฝันก็คือฝัน เป็นนิมิตแสดงเหตุจะเก่าหรือใหม่ก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2016 เมื่อ 16:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 16-03-2016, 14:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาบอกว่าพระผงวัดโพธิ์สุทธาวาสเข้าพิธีเดียวกับสมเด็จสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๒ จริงไหมคะ ?
ตอบ : ไม่เคยได้ยิน ระยะหลังนี้นิทานมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคนเขาไม่ทันหลวงพ่อกัน สมัยก่อนพุทธาภิเษกในโบสถ์ หลวงพ่อท่านก็อนุญาตให้วัดอื่นนำวัตถุมงคลไว้หลังโบสถ์แล้วก็โยงสายสิญจน์มา ความจริงโยงสายสิญจน์ก็แค่ให้กำลังใจเจ้าของ ความจริงไม่ต้องใช้ก็ได้ พอมาระยะหลังคนต้องการพึ่งหลวงพ่อท่านมากขึ้น ก็เลยให้จัดสถานที่ในวิหาร ๑๐๐ เมตรสำหรับคนนอก เขาก็ทำแบบเดียวกับวัดท่าขนุน ก็คือขนกันไปเข้าพิธีแบบไม่ต้องเกรงใจ คนหนึ่งเป็นคันรถ เพราะฉะนั้น...ใครเขาบอกว่าเอาไปเข้าพิธีมาแล้ว ก็แล้วแต่เขาจะว่าก็แล้วกัน

ของวัดท่าขนุนยุคจตุคามรามเทพนี่ อาตมามองออกไปแล้วทึ่งมาก รถแทบจะจอดล้อมศาลาเลย บางคันนี่เป็นรถหกล้อเลย แล้วเขาก็ขายได้หมดเสียด้วย เขาจะมีป้ายติดอยู่ว่ารุ่นไหน แล้วก็โยงสายสิญจน์ขึ้นศาลาวัดท่าขนุน ที่เหลือก็เป็นภาระของอาจารย์เล็กไป สรุปแล้ววัดท่าขนุนไม่ได้สร้างจตุคามรามเทพกับใครเลย แต่เสกไป ๓๐ กว่ารุ่น..!

ที่ขำที่สุดคือมีโยมอยู่รายหนึ่งบอกว่า “ต้องหา
วัตถุมงคลวัดท่าขนุนมาให้ได้” ถามว่ามีเหตุผลอะไร เขาบอกว่า “ใคร ๆ ก็สร้างจตุคามรามเทพกัน วัดที่ไม่ยอมสร้างแล้วฝ่ามรสุมเขามาได้ต้องแน่จริง”

แต่ว่าที่น่าสงสารเลยคือเพื่อนของอาตมาเอง พระครูภัทรกิจพิศาล วัดไผ่หูช้าง สร้างจตุคามรามเทพรุ่นแรกได้กำไร ๑๒ ล้านบาท ก็เลยย่ามใจ รุ่นสองใส่ไปเต็มที่เลย ปรากฏว่ากระแสตกพอดี ขายไม่ออก ๑๒ ล้านบาทที่ได้มาก็ยังกองอยู่นั่นแหละ ช่วงนั้นเขามีคำขวัญว่า ถ้าวัดไหนอยากได้สตางค์ให้สร้างจตุคามรามเทพ ทั่วประเทศก็เลยสร้างกันเกือบทุกวัด

ความจริงท่านก็ยังสงเคราะห์คนอยู่เป็นปกติ แต่ว่าความนิยมเสื่อมลงเพราะว่าคนเอามาทำเป็นการค้ามากเกินไป เขาคำนวณว่าจำนวนที่สร้าง ๆ ขึ้นมา น่าจะมากกว่าจำนวนประชากรในประเทศไทยเสียอีก แต่ถ้าอย่างของหลวงปู่อุบาลีฯ วัดไร่ขิงท่านสร้าง ด้านหนึ่งเป็นหลวงพ่อวัดไร่ขิง ชื่อว่ารุ่น “มงคลจตุคาม” เปิดจองวันเดียวได้ไป ๕๐ ล้านบาท ถ้าอย่างนั้นความนิยมไม่เสื่อมแน่ เพราะด้านหนึ่งยังมีหลวงพ่อวัดไร่ขิงอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2016 เมื่อ 16:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 16-03-2016, 15:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การบวชเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ในเมื่อเกิดขึ้นได้ยากก็มีอานิสงส์มาก แต่จะไปลำบากคนบวช ทันทีที่พระคู่สวดประกาศวาระที่ ๓ ว่าการบวชนั้นสำเร็จลงแล้ว ก็เป็นอันว่าได้อานิสงส์ในการบวชไปเต็ม ๆ คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้บวช ถ้าอยู่ต่อแล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ อานิสงส์ก็ทวีคูณขึ้นไป ถ้าอยู่ต่อแล้วทำผิดทำพลาดก็โดนลดไปเรื่อย ถ้าหากว่าพลาดมาก ๆ ก็ขาดทุนยับเยิน

ฉะนั้น...วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือเป็นเจ้าภาพบวชชาวบ้าน อาตมาหากินทางนี้มานานแล้ว ถึงเวลาก็บวชเขาไปเรื่อย บางคนถามว่าทำไมอาจารย์บวชฟรีปีหนึ่งหลายครั้ง ตอบว่าบวชเองแล้วเอาดีไม่ได้ ก็เลยบวชชาวบ้านเขาดีกว่า"


ถาม : แล้วเป็นพระอุปัชฌาย์ได้บุญไหมคะ ?
ตอบ : ดูท่าจะมีแต่เวรกรรมมากกว่า...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2016 เมื่อ 16:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 16-03-2016, 15:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า “สีมา” ความหมายจริง ๆ แปลว่าเขตแดน คราวนี้สีมาโดยหลัก ๆ มีอยู่ ๒ อย่างคือ พัทธสีมา เขตแดนที่ประกาศผูกไว้แล้ว ก็คือคณะสงฆ์รับรอง กับ อพัทธสีมา คือเขตแดนที่ไม่ได้ผูก คือไม่ได้รับรอง

สมัยก่อนการกำหนดสีมาเขาใช้ธรรมชาติ ส่งสงฆ์ออกไปทั้ง ๘ ทิศแล้วก็สอบถาม อย่างเช่นว่า “ปุรัตถิมายะ ทิสายะ กิง นิมิตตัง ทางทิศตะวันออกมีอะไรเป็นเครื่องหมาย ?” ท่านที่อยู่ในด้านนั้นก็จะตอบ อย่างเช่นว่า “รุกโข ภันเต มีต้นไม้เป็นเครื่องหมายครับ” “ปัพพะโต ภันเต มีภูเขาเป็นเครื่องหมายครับ” “วัมมิโก ภันเต มีจอมปลวกเป็นเครื่องหมายครับ” หรือว่า “ปาสาโณ ภันเต มีก้อนหินเป็นเครื่องหมายครับ” พอถามครบทั้ง ๘ ทิศแล้ว ในเขตทั้งหมดที่นั้นสมมติเป็นสีมาเพื่อทำสังฆกรรมได้

ตอนหลังพอบ้านเมืองเจริญขึ้น การสร้างวัดวาอารามเป็นหลักแหล่งมั่นคง ก็เลยมีการผูกพัทธสีมาขึ้น แต่เนื่องจากว่าโบราณเขาถือว่าพื้นที่ทั้งหมดเป็นของพระเจ้าแผ่นดิน ก็เลยต้องมีการขอพระราชทานวิสุงคามสีมา คือขอพระราชทานจากในหลวงก่อน ขอที่ตรงนั้นให้เป็นที่ของสงฆ์ สรุปว่าที่ทั้งวัดยังเป็นของพระเจ้าแผ่นดินอยู่ แต่ที่ซึ่งพระราชทานให้นั้นเป็นของสงฆ์

ทางฝั่งพม่าไม่นิยมการสร้างโบสถ์แล้วผูกพัทธสีมา เพราะว่าลำบาก ถ้าไม่ใช่วัดที่มีญาติโยมสนับสนุนมาก หรือที่เรียกว่าวัดรวย ก็ไม่ค่อยจะสร้างโบสถ์กัน เขาใช้อุทกุกเขปสีมา คือใช้วิธีผูกแพลอยห่างจากฝั่งประมาณ ๑๒ ศอก คือ ๖ เมตรขึ้นไป แล้วก็ทำสังฆกรรมกันในน้ำ อุทกุกเขปสีมาคือเสมาที่มีน้ำเป็นเขต"


ถาม : ต้องผูกทุกครั้งไหมคะ ?
ตอบ : ทำกันทีก็ลอยแพกันทีหนึ่ง หรือถ้ามีแพอยู่ประจำที่ ถึงเวลาก็ไปทำกันในแพเลย ถ้ากลัวว่าจะมีบุคคลภายนอกเข้าไปก็ชักสะพานทางเดินออกเสียก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2016 เมื่อ 16:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 16-03-2016, 15:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในบ้านเราการผูกพัทธสีมาส่วนใหญ่เป็นขัณฑสีมา คือถือขอบเขตเฉพาะโบสถ์ คราวนี้สีมาที่เรียกว่า พัทธสีมา ส่วนใหญ่ก็คือผูกรอบโบสถ์ แล้วก็มี มหาสีมา คือผูกทั้งวัดเลย คือเขตวัดทั้งหมดคือสีมา เวลาพระทำสังฆกรรม ภายในวัดถ้าใครเป็นอนุปสัมบัน คือมีศีลน้อยกว่า จะเป็นเณร เป็นแม่ชี เป็นฆราวาส จะต้องออกไปจากวัดหมดเลย คือปิดประตูวัดทำสังฆกรรม อย่างวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นต้น

แล้วก็ยังมีวัดที่เป็นสีมา ๒ ชั้น คือเป็นมหาสีมาแล้วก็มีขัณฑสีมาอีก คือผูกรอบโบสถ์อีกหนึ่งชั้น เวลาทำสังฆกรรมก็เอาแค่เอารอบในเฉพาะโบสถ์ คนอื่นจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนออกจากวัด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-03-2016 เมื่อ 11:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 16-03-2016, 15:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สีมาสังกระคืออะไรครับ ?
ตอบ : สีมาสังกระ คือ สีมาที่คาบเกี่ยวกับสีมาอันเดิม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2016 เมื่อ 16:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 16-03-2016, 16:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระสายวัดป่าสมัยก่อน เขาบวชกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็สวดถอนก่อนแล้วค่อยสวดสมมติใหม่

ถาม : สมมติในป่า ?
ตอบ : ในป่า

ถาม : แล้วถ้าย้ายที่ไปล่ะครับ ?
ตอบ : ถ้าย้ายที่ไปใหม่ก็ถอนของเก่าก่อน จะไปยากอะไร ก็แค่สวดประกาศเท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-03-2016 เมื่อ 16:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 16-03-2016, 17:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

บางที่จะมีการสร้างเป็นโบสถ์ ๒ ชั้น โบสถ์ ๒ ชั้นจะมีปัญหาคือเวลาทำสังฆกรรม ถ้าชั้นบนบวชพระแล้วชั้นล่างมีพระอยู่ต้องนิมนต์ออกไปไกล ๆ เลย แต่ถ้ามีเณรหรือฆราวาสอยู่ก็อยู่ไปเถอะ แปลกไหม ? เพราะว่าพระต้องอยู่ในเขตหัตถบาส ถ้าอยู่นอกเขตหัตถบาสแปลว่าสังฆกรรมเสีย ฉะนั้น...ถ้าหากคุณรักที่จะอยู่ก็ต้องรีบไปอยู่รวมกัน หรือไม่ก็ออกไปให้พ้นเขตไปเลย แต่ถ้าจะเอาปลอดภัยที่สุดก็คือจะโยม จะพระ ก็ให้ออกไปเถอะ เพราะเขากำลังทำสังฆกรรมกันอยู่

บางคนก็พูดง่าย ๆ เขาบอกว่าหัตถบาสเป็นเขตของพระ สีมาเป็นเขตของโยม แต่ความจริงถ้าออกนอกเขตสีมาได้จะดีมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2016 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 16-03-2016, 19:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าถามว่าการผูกพัทธสีมากำหนดลึกแค่ไหน ? โบราณาจารย์ท่านบอกว่าลึกถึงน้ำรองแผ่นดิน ก็แปลว่าถ้าพระไปนั่งอยู่ในโบสถ์ชั้นล่างแล้วอยู่นอกหัตถบาสนี่สังฆกรรมเสีย

สมัยที่เรียนนักธรรมเอกมีคำถามว่า “ขณะที่พระทำสังฆกรรมกันอยู่ มีเครื่องบินบินผ่านพอดี ถามว่าสังฆกรรมเสียไหม ?” เขาตอบว่าสีมาผูกที่พื้นดิน ไม่ได้ผูกไปในอากาศ ฉะนั้น...สังฆกรรมไม่เสีย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2016 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 16-03-2016, 19:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตอนผูกพัทธสีมาวัดทองผาภูมิ พระสงฆ์กำลังสวดถอนกันอยู่ ก็มีรถคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาจอด เปิดประตูแล้วก็มีพระลงมา อดีตเจ้าคณะอำเภอวัดหินแหลมก็ด่าลั่นเลย “ไอ้ห่…จะมาก็รีบเข้ามา ไม่รู้ภาษาเลยหรือวะ ?” ปรากฏว่าเป็นเจ้าคุณปัญญา ...(หัวเราะ)... ลูกน้องด่าเจ้านายตัวเอง คือท่านเดินทางมาไกล จากวัดใต้ขึ้นมาก็ช้ากว่าเวลานิดหนึ่ง ส่วนทางด้านนี้ตรงเวลา อาตมาก็สั่งสวดไปเลย ท่านกลัวว่าถ้าพระเข้ามาแล้วแต่อยู่นอกเขตหัตถบาส จะทำให้สังฆกรรมเสีย ก็ด่าก่อนเลย

เรื่องตลก ๆ ในวงการพระมีเยอะ แบบเดียวกับตอนหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ท่านยังอยู่ ท่านไปงานที่วัดไร่ขิง คนที่รู้เส้นท่านอย่างพวกอาตมานี่มักจะหาพระเครื่องไปถวายเพราะท่านชอบ คราวนี้พอปิดงานให้โอวาทอะไรเสร็จ งานเขาเลิกแล้วพระก็แยกย้ายกันกลับ เจ้าหน้าที่ก็รีบเก็บที่เพื่อให้เขาตั้งร้านค้า หลวงพ่อท่านก็นั่งส่องพระอยู่ พระที่เป็นเจ้าหน้าที่เข้าไปข้างหลังก็บอก “หลวงตา...เขากลับกันหมดแล้ว มัวแต่ส่องพระอยู่นั่นแหละ” ท่านหันกลับมานี่เข่าอ่อนเลย โห...ท่านแน่เว้ย ดุกระทั่งสมเด็จฯ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2016 เมื่อ 02:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 16-03-2016, 19:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันก่อนเขาลงวัตถุมงคลจตุคามรามเทพในกระทู้ร่วมหล่อพระพุทธรูปทองคำ เห็นช่อชะเอมจอง อาตมาก็ว่าเก่งว่ะ...รู้จักของ เพราะรุ่นโคตรเศรษฐีสมัยก่อนนี่ราคาหลายหมื่นเลย นี่เอามาออกแค่ร้อยเดียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2016 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 17-03-2016, 16:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กราบขออนุญาตถามคำถามครับ ?
ตอบ : นั่งพับเพียบได้ไหม ? นั่งขัดสมาธิคุยกับพระเป็นการไม่เคารพ เดี๋ยวก็โดนเหวี่ยง...!

ถาม : ระยะนี้ผมจะนั่งสมาธิหรือไม่นั่งก็มีความรู้สึกเหมือนกัน เลยไม่ค่อยได้นั่ง ไม่ทราบว่าจะเหมือนหรือต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : ให้สังเกตดูว่าเวลาที่นั่งสมาธิหรือไม่ได้นั่ง ที่คุณบอกว่าเหมือนกันนั้น เหมือนกันจริงหรือเปล่า ? ก็คือให้ดูว่าในระหว่างนั้น รัก โลภ โกรธ หลง อะไรกินใจเราได้บ้าง ? นิวรณ์ ๕ กินใจเราได้หรือไม่ ? ใจเราไหลไปในเรื่องระหว่างเพศ เรื่องโกรธ เกลียด อาฆาต พยาบาท ในเรื่องของการฟุ้งซ่าน ไม่ได้ตั้งมั่นอยู่เฉพาะหน้าเหล่านี้ เป็นต้น

ถ้าหากว่าลักษณะแบบนั้น ต่อให้นั่งหรือไม่นั่งก็ราคาเดียวกัน ก็คือจิตใจไม่มีคุณภาพ ถ้าถามว่าเอาอะไรเป็นหลัก ก็ต้องยึดลมหายใจเป็นหลัก คุณจะลืมตาหลับตา เดิน ยืน นั่ง เดิน ดื่ม กิน คิด พูด ทำ อิริยาบถใดก็แล้วแต่ ให้ใจอยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้าตรงนี้ อิริยาบถหลัก ๆ คือ เดิน ยืน นั่ง นอน จะใช้อย่างไรก็ได้ ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมทั้งหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2016 เมื่อ 16:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 17-03-2016, 16:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเกิดว่าตอนที่นั่ง ลมหายใจก็ไม่มี ผมไม่รู้จะยึดอะไร ?
ตอบ : ถ้าหากว่าจะปล่อย ให้ดูว่าตอนนั้นเราฟุ้งซ่านไหม ? ถ้าหากว่าฟุ้งซ่าน อย่างไรก็รีบวิ่งกลับไปหาลมจะดีกว่า แต่ถ้าไม่ฟุ้งซ่าน สมาธิเราอาจจะทรงตัวระดับใดระดับหนึ่งแล้วไปต่อไม่เป็น ก็ให้นำเอาวิปัสสนาญาณมาคิด ก็คือให้เห็นสภาพร่างกายของเราก็ดี หรือว่าของคนอื่นก็ดี หรือว่าสิ่งต่าง ๆ ในโลก มีสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราอย่างไร ดูให้เห็นให้ชัดให้ได้

ถาม : ยกตัวอย่างวิปัสสนาญาณ .... ?
ตอบ : การพิจารณาเพื่อให้เห็นความเป็นจริง ว่าที่พระพุทธเจ้าสอนเรามาว่าทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกอย่างไม่มีอะไรให้ยึดถือมั่นหมายนั้น เป็นความจริงหรือเปล่า ? พอเห็นจริงแล้วจะเกิดการเบื่อหน่ายขึ้นมาเอง เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่หลอกลวงเราอยู่ตลอด สรุปง่าย ๆ ว่า ถ้าตราบใดที่เรายังไม่เบื่อร่างกายนี้ แสดงว่าการปฏิบัติยังไปไม่ถูกทาง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2016 เมื่อ 16:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 17-03-2016, 16:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การช่วยเหลือผู้อื่นดีไหมครับ ?
ตอบ : การช่วยเหลือคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่ว่าการช่วยเหลือก็ควรที่จะมีขอบเขต คือ อย่าให้เสียการปฏิบัติธรรมของเรา ถ้าเราเอาการช่วยเหลือนั้นเป็นการปฏิบัติธรรม ก็คือยึดหลักเมตตา แต่ต้องมีอุเบกขาด้วย ถ้าไม่มีอุเบกขาเราก็จะไปเครียด ไปกลุ้ม หรือไม่ก็สงสาร จนกระทั่งต้องช่วยเขาไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็คือทำผิด ถ้าทำถูกก็คือต้องพอเหมาะพอดีแก่ตัวเรา

ถาม : ถ้ามีเมตตาประกอบด้วยปัญญา แต่ไม่มีอุเบกขา ถือว่ามีโอกาสโดนหลอกไหมครับ ?
ตอบ : ทุกอย่าง ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลกนี้ คุณโดนหลอกตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าเรายึดในหลักของ ศีล สมาธิ ปัญญา โอกาสที่จะโดนหลอกก็น้อยลง จนกว่าเราจะหลุดพ้นจริง ๆ นั่นแหละ ถึงจะไม่โดนหลอก

ถาม : เคยนั่งสมาธิตอนหนึ่ง แล้วตรองดูว่าจริง ๆ แล้วทำไมเราถึงไม่อยากไปพระนิพพาน อยู่ดี ๆ ก็มีพระพุทธรูปสีขาวพูดขึ้นมาว่า ต้องช่วยคนอื่น ตรงนี้เป็นอุปาทานหลอกตัวเองหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่อุปาทาน แสดงว่าวิสัยเดิมมาทางพุทธภูมิ ตั้งใจจะสงเคราะห์สรรพสัตว์ ซึ่งก็อยู่ที่เราว่าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน ? ถ้าตั้งใจจะเปลี่ยน ก็ตัดใจลาจากพุทธภูมิ ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นไป ถ้าไม่อย่างนั้นก็จงช่วยเขาต่อไป

ถาม : ถ้าอยู่ตรงนี้สามารถที่จะฝึกเมตตาได้ด้วย ?
ตอบ : การที่คุณจะช่วยเขา สำคัญที่สุดก็คือการช่วยให้พ้นทุกข์อย่างแท้จริง คนที่จะช่วยเขาให้พ้นทุกข์อย่างแท้จริง ตนเองก็ต้องพ้นทุกข์อย่างแท้จริงถึงจะบอกทางเขาถูก การที่จะพ้นทุกข์อย่างแท้จริงแล้วสามารถบอกทางเขาถูก ก็แปลว่าต้องเรียนรู้ทุกอย่างละเอียดกว่าคนอื่นเขา ก็แปลว่าสิ่งที่บอกไปนั้น คุณต้องทำมากกว่าคนอื่นหลายเท่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-03-2016 เมื่อ 14:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 17-03-2016, 16:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทุก ๆ คนมีที่บนพระนิพพานจริงไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจได้มั่นคงก็มี ถ้าไม่ตั้งใจจริงก็ยังไม่มี ทันทีที่จิตของเราเกาะพระนิพพาน จะมีวิมานปรากฏอยู่บนนั้น เพียงแต่ว่าจะอยู่ได้หรือไม่ได้นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ถาม : แล้วจะมีที่นั่งไหมครับ ?
ตอบ : ถ้ามีวิมานก็ต้องมีอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2016 เมื่อ 16:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 17-03-2016, 16:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมนั่งสมาธิมาก ๆ แล้วจะได้คำสอนว่า คนเราก่อนตายขันธ์ ๕ จะทรมานมาก บางทีจะทำให้จิตใจเรามัวหมองได้ แต่การนั่งสมาธินาน ๆ จะทำให้เราอดทน เคยชินกับความเจ็บปวด ตรงนี้จริงประการใดครับ ?
ตอบ : เกือบจะถูก การนั่งสมาธิถ้าทำถูกจริง ๆ อาการเกี่ยวกับทุกขเวทนาของร่างกายจะไม่เกิดขึ้นเลย

ถาม : ไม่เกิดขึ้นเพราะว่า ?
ตอบ : เพราะว่าสมาธิพอทรงตัว จิตกับประสาทแยกออกจากกัน ไม่รับรู้อาการทางร่างกาย ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนั้น พอถึงเวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้น ถ้าจิตอยู่กับสมาธิก็แปลว่าจิตกับประสาทแยกออกจากกัน ไม่รับรู้อาการเจ็บป่วยทางร่างกาย ฉะนั้น...อาการกระวนกระวายก็ไม่มี ไม่ใช่ว่าไปทนจนกระทั่งเคยชินกับความเจ็บปวดแล้วถึงเวลาก่อนตายเราเลยทนได้ นั่นคนละเรื่องกัน เป็นความเข้าใจผิด เพราะถ้ายังทนได้คุณก็ยังไม่ตาย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2016 เมื่อ 16:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 17-03-2016, 16:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้ในระหว่างวันพยายามเจริญสติปัฏฐาน ๔ เพราะเห็นผลมาก ๆ ในการดูจิตตนเอง ดูลู่ทางที่เราจะไม่ไปข้องแวะ แล้วที่พระอาจารย์บอกว่า ถ้านั่งสมาธิแล้วมีอาการเจ็บปวดต่าง ๆ แสดงว่าสมาธิยังไม่รวมตัว ก็ควรจะไปฝึกนั่งสมาธิใหม่ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : การที่คุณปฏิบัติในสติปัฏฐาน ๔ ที่ว่ามาเป็นเพียงผิวเผินเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่าไม่ได้เข้าถึงอย่างแท้จริงเลย สติปัฏฐาน ๔ ที่เข้าถึงอย่างแท้จริง คือ ทุกขณะจิตจะรู้ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรให้เรายึดถือมั่นหมายได้ จะปล่อยวางทุกอย่างหมด ทำหน้าที่ของตนเองเฉพาะหน้าให้ดีที่สุด ทำแบบคนมีวันนี้วันเดียว ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีก็ไม่ได้ไปห่วงใยกังวล เพราะพร้อมที่จะไป ฉะนั้น...สิ่งที่คุณว่ามา ถ้าเรียกว่าสติปัฏฐาน ๔ ก็คงแค่ระดับ ก.ไก่ เท่านั้น

ฉะนั้น...ทำอย่างไรที่สติปัฏฐานของเราจะเป็นไปโดยที่ไม่เห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา ไม่เห็นว่าร่างกายคนอื่นเป็นของเรา ไม่เห็นว่าทุกอย่างในโลกนี้เป็นของเรา


ถาม : จริง ๆ ผมก็ไม่ได้แค่มองที่ภายนอก เห็นธาตุก็ไม่มีตัวตน ก็เป็นแค่ธาตุ กับตัวเราเองผมก็มีอัตตาว่า ผมจะทำอะไรเพื่ออะไร ?
ตอบ : ก็ลักษณะเดียวกันนั่นแหละ คือคุณเห็น แต่การที่เห็นนั้น คุณสามารถที่จะละวางได้ไหม ? เป้าหมายจริง ๆ คือการละวาง ไม่ใช่การเห็น

ถาม : พอวางก็ไม่อยากจะช่วยใคร ?
ตอบ : คุณทำให้เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิต มีแต่จะทุ่มช่วยเขาสุดตัวมากกว่า ค่อย ๆ ทำไป ผิดบ้างถูกบ้าง เดี๋ยวถูกมากกว่าผิดก็ดีขึ้นไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-03-2016 เมื่อ 16:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 17-03-2016, 19:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เพื่อนผมเขาเคยไปเดินจงกรมในสถานที่สองแห่ง เขารู้สึกว่าการเดินจงกรมต่างกัน มีที่หนึ่งที่เดินจงกรมแล้วเห็นพื้นเป็นแก้ว เห็นอะไรเป็นแก้วไปหมด ไม่ทราบว่าสถานที่มีผลต่อการเดินจงกรมไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่เฉพาะเดิน การปฏิบัติธรรมจะในอิริยาบถไหนก็ตาม สถานที่มีส่วนสำคัญมาก พระพุทธเจ้าตรัสถึงสถานที่อันเป็นสัปปายะ ก็คือต้องเหมาะสมกับการปฏิบัติของแต่ละคน

ถาม : ก็คือ ถ้าสถานที่ดีก็มีผลต่อการปฏิบัติ ?
ตอบ : จะช่วยสนับสนุนให้เรากำลังใจทรงตัวได้ง่ายขึ้น หลังจากกำลังใจทรงตัวแล้ว เราจะเอาไปทำอะไรค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2016 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 17-03-2016, 19:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,762 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนเราเวลาอ่านข่าวแล้ว รับสิ่งนั้นเข้ามาในใจ มีบาปกรรมไหมครับ ?
ตอบ : ต้องดูว่าสภาพจิตของเขาปรุงแต่งไปในทางไหน ถ้าไป โกรธ เกลียด อาฆาตแค้น คนอื่นก็มีโทษกับตัวเอง แต่ถ้าเกิดสลดสังเวช เห็นว่าธรรมดาของโลกเป็นอย่างนี้ ขึ้นชื่อว่าสภาพของโลกอย่างนี้เราไม่ต้องการอีก ก็กลายเป็นดีไป ต้องดูว่าเขาปรุงแต่งไปในทางไหน

ถาม : ถ้ารักชอบเกลียดชัง ?
ตอบ : ถ้าหากว่ารักชอบเกลียดชัง เท่ากับว่าเราสร้างสิ่งไม่ดีให้เกิดขึ้นในใจของเราเอง เขาเรียกว่ามโนกรรม เป็นส่วนของบาปกรรมอย่างหนึ่งเหมือนกัน

ถาม : ส่งผลอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าหากว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีแต่เราไปหลีกหนีเสียเพราะว่าเราเกลียด เราไม่ชอบใจ เราก็เสียประโยชน์ของเราเอง ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่เราไปรับเข้ามา ก็ฟุ้งซ่าน ยึดติดเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2016 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
พุทธภูมิ

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:31



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว