|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
ถาม : กลับมาจากการทำบุญกับพระแล้วเรามีกำลังจิตมาก แสดงว่าอยู่ที่จิตของเรา หรืออยู่ที่องค์ท่านเป็นเนื้อนาบุญ ?
ตอบ : มีกำลังจิตมากหรือมีปีติมาก ? ถาม : ประมาณนั้นเจ้าค่ะ ? ตอบ : ปีติส่วนปีติ กำลังจิตส่วนกำลังจิต กำลังจิตเกิดจากการฝึกฝนในเรื่องของสมาธิ ฉะนั้น...ต้องแยกให้ออก ไม่อย่างนั้นอาตมาก็ตอบคำถามไม่ถูก ถาม : ถ้าเป็นปีติมาก ? ตอบ : ถ้าเป็นปีติมากก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเราอาจจะเคยสร้างบุญร่วมกับท่านมาก่อน ถึงเวลามีโอกาสได้ทำบุญร่วมกันใหม่ก็รู้สึกมีปีติมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2016 เมื่อ 00:53 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
ถาม : จะตัดสินใจบวช ทำอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : อย่ามาจับพระเป็นตัวประกัน ไปตัดสินใจเอง ไม่มีที่ไหนที่ดี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์หรอก อยู่ที่ความเพียรพยายามและความอดทนของเรา คนอยู่ที่ไหนก็เป็นคน สถานที่ต่อให้ดีแค่ไหน คนที่อยู่ในนั้นก็ไม่แน่ว่าจะดีหมดทุกคน อยู่ที่ไหนก็เจอปัญหา ฉะนั้น...ตัดสินใจดี ๆ ไม่กลัวเขาตามฆ่าทิ้งหรือ ? เพิ่งจะเริ่มงานให้เขาก็หนีแล้ว ถาม : เจ้านายที่ทำงานก็ดี คนอื่นก็ดี ? ตอบ : ใช่...เขาพยายามถ่วงเราไม่ให้ไป อย่างหลวงพ่อเองทำงานเงินเดือน ๗,๐๐๐ บาท พอตั้งใจจะบวชเขาขึ้นให้ ๓๐,๐๐๐ ปี ๒๕๒๘-๒๕๒๙ เงินขนาดนั้นซื้อทองได้เป็น ๑๐ บาท อาตมาก็ว่า “อ๋อ...ตั้งนานเนกาเลมึงไม่ให้กู มาให้เอาตอนนี้นะ กูไม่สนหรอก” ว่าแล้วก็ไปโลด ท้ายสรุปได้ว่าอาตมาคิดถูก แต่คนอื่นไม่แน่ว่าจะคิดถูก ถาม : มีการกระทบกระทั่งกันค่ะ ? ตอบ : ตราบใดที่ยังกระทบกระทั่งกับโน่นนี่นั่นได้ง่าย ก็แปลว่า "อ่อน" เราจะไปหวังให้คนอื่นดีไม่ได้ ต้องอยู่ที่ตัวเรา ต้องดูที่ตัวเราแก้ที่ตัวเรา ถาม : หนูทราบค่ะ ? ตอบ : หนูทราบค่ะ แต่หนูก็ไปรับอารมณ์ข้างนอกมาอยู่เรื่อย ถาม : หนูใจร้อน ? ตอบ : ไปเถอะ ไปตัดสินใจเอาเอง ไม่ต้องมาจับพระเป็นตัวประกัน ตูไม่รับรองให้ใครหรอก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2016 เมื่อ 00:53 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยเห็นคนมีห่วงแล้วจิตใจสงบบ้างไหม ? ความจริงไม่ใช่ความสงบหรอกแต่ว่าเขาก็สงบลงได้
มีพระอยู่รูปหนึ่งไปบวชที่ท่าขนุน วันแรกก็กระวนกระวาย ทำโน่นทำนี่ก็ไม่ค่อยจะมีสมาธิ พอวันที่ ๒ อดีตแฟนมาอยู่วัดด้วย ตลอด ๗ วันนั้นท่านนิ่งมากเลย คงจะหมดห่วง แต่วิธีนี้ตำราจีนเขาเรียกว่า "ดื่มยาพิษแก้กระหาย" ท้ายสุดพิษก็กำเริบตายไปเอง เพียงแต่ว่าท่านสึกเสียก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าที่ท่านไม่สงบเพราะห่วงแฟน พอแฟนมาอยู่วัด ๗ วัน แหม...นิ่งเปรี๊ยะเลย ตลกดีเหมือนกัน เจอคนมีห่วงแล้วจิตใจสงบ อย่าถามว่าใครนะ...ไม่บอกหรอก เดี๋ยวเขาเขิน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2016 เมื่อ 00:54 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนเดิมว่า "พัฒนา กาย วาจา ใจ ของตนเองให้ดีที่สุด ศีลควบคุมกายและวาจาของเรา สมาธิควบคุม กาย วาจาและใจ ในเบื้องต้น ปัญญาควบคุม กาย วาจาและใจ ในเบื้องปลาย ก็แปลว่าเราต้องพัฒนาศีล สมาธิ ปัญญาของเราอยู่ตลอดเวลา
สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น พยายามหาประโยชน์จากสิ่งนั้นให้ได้ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบที่สุด เหมือนอย่างกับว่า เจอขี้ก็ต้องเอาไปเป็นปุ๋ยให้ได้ รับรองได้ว่าจะต้องเจอขี้ทุกวัน โดยเฉพาะขี้โมโห บุคคลที่รับแรงกระทบง่าย ถ้ารู้จักพัฒนาตัวเอง จะเห็นความก้าวหน้าเร็ว เพราะว่ามีสิ่งทดสอบอยู่ตลอดเวลา ส่วนใหญ่แล้วหลายคนที่สงบนั้น สงบแบบนางเวเทหิกาที่พูดไปวันก่อน สงบเพราะไม่มีแรงกระทบ พอสาวใช้แกล้งนอนตื่นสายหน่อย ก็ฟาดหัวแตกเลย อย่าแบกตัวกูของกูไปวัด ถ้าแบกไปจะอยู่ลำบาก เดี๋ยวก็จะกลายเป็นว่า “มึงไม่รู้ซะแล้วว่ากูเป็นใคร ?” แบบเดียวกับป้าแมว (วัตถา) แกไปทะเลาะกับนักการเมืองท้องถิ่น เจ้านั่นก็ขึ้นเสียง “มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร ?” ป้าแมวก็ตวาดกลับ “แล้วมึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร ?” เจ้านั่นก็เลยงง เพราะปกติไม่เคยมีใครกล้าขึ้นเสียงด้วย แล้วท้ายสุดก็ถอยไปแบบจ๋อย ๆ แต่โดยดี เพราะคิดว่าป้าแมวเส้นใหญ่กว่า ป้าแมวบอกว่า “ถ้ามันถามก็จะตอบว่า...กูอีแมวไง..!” ถ้าแบกทิฐิไปจะกระทบเขาง่าย เราเคยอยู่ในสังคมระดับนี้มา เคยทำงานระดับนี้มา ระดับโปรเฟสชั่นแนล ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล แต่ปรากฏว่าของคนอื่นนี่ กระทั่งบ้านตัวเองยังไม่เคยออกพ้นเลย แต่ดันมางับเรา เราก็จะรู้สึกว่ากระทบแรง กระทบแรงเพราะแบกตัวกูของกูไว้เยอะ ดังนั้น...วิธีที่ปลอดภัยก็คือ ลดตัวกูของกูลงให้เร็วที่สุด รับรองได้ว่าการกระทบมีทุกวันแหละ เพราะว่าผู้หญิงมีความสามารถพิเศษคือรับแรงกระทบง่าย ช่วง ๒ เดือนที่ผ่านมาแม่ชีที่วัดท่าขนุนสึกไป ๓ รูป เพราะกระทบกันอย่างนี้แหละ ถึงขนาดออกปากว่า ถ้ามีกุฏิส่วนตัวจะบวชตลอดชีวิตเลย พอได้กุฏิ...ไม่เกิน ๗ วันก็ไปแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2016 เมื่อ 00:54 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนเดิมว่า "พวกเราส่วนใหญ่ตัดสินใจไม่เด็ดขาด พอตัดสินใจไม่เด็ดขาดก็มักจะพลาดโอกาส โดยเฉพาะถ้าโอกาสนั้นเป็นมรรคเป็นผล ก็เสียโอกาสไปอีกหลายชาติเลย
หลวงพ่อวัดท่าซุงถามอาตมาว่า จะบวชให้ท่านได้ไหม ? ปกติของท่านได้คือได้ ไม่ได้คือไม่ได้ แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร กราบเรียนท่านว่า "ขอคิดดูก่อนครับ" ท่านก็บอกว่า "ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอพ่อกลับจากนิวซีแลนด์ก่อนก็ได้" อาตมาก็ไปนั่งคิด ท้ายสุดก็บวช พอหลวงพ่อกลับจากนิวซีแลนด์ ก็ไปรับท่านที่สนามบินดอนเมือง กราบเรียนท่านว่า "เต็มใจที่จะบวชแล้วครับ หลวงพ่อจะให้ผมไปวัดวันไหนครับ" ท่านบอกว่า “ถ้าพร้อมก็ไปวันนี้เลยสิวะ” อาตมาก็โดดขึ้นรถตู้ของวัดท่าซุงไปวันนั้นเลย ไปอยู่วัดเสีย ๓๗ วัน คนอื่นมัวแต่ช้ากัน ต้องบอกว่าที่รู้จริงก็คือแม่ของอาตมาเอง ปกติอาตมาไปวัดนี่ไม่เคยเกิน ๕ วัน เต็มที่ก็ ๔ วัน งวดนั้นพอวันที่ ๗ แม่ก็ไปถึงวัดพร้อมกับเครื่องบวชเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้บอกสักคำแต่แม่รู้ว่าเอาแน่ เพราะอยู่นานเกินไปแล้ว ไปถึงก็เอาเครื่องบวชไปหาหลวงพ่อ ไปกราบเรียนท่านว่า "อิฉันขอบวชลูกชายเจ้าค่ะ" หลวงพ่อบอกว่าให้ตั้งใจใหม่ สมัครบวชมาตั้ง ๓๐ กว่า ให้ขอเป็นเจ้าภาพทุกคนเลย สรุปแล้วแม่ก็เลยได้เป็นเจ้าภาพทั้งรุ่นเลย ๓๖ รูป เสียดายอยู่อย่างเดียวว่า เหลือแค่อาตมาโด่เด่อยู่รูปเดียวนี่แหละ อาศัยเครดิตดี ไม่มีสตางค์ในกระเป๋าก็ไปวัดได้ ไม่มีเสื้อผ้าอยู่ก็ไปได้ แถมอยู่เป็นเดือน ๆ ด้วย ไปถึงคนโน้นก็ถาม “ทำไมมาตอนนี้ วัดยังไม่มีงาน” “อ๋อ...หลวงพ่อท่านขอให้บวชครับ ก็มาเลย” พอเล่าให้เขาฟังคนอื่นนี่เครียดแทน “แล้วจะอยู่อย่างไร ? แล้วจะกินอย่างไร ? เสื้อผ้าข้าวปลาเป็นอย่างไร ?” โอ๊ย...อยู่วัดจะกลัวอะไรกับอด ปรากฏว่าวันนั้นเสื้อผ้ามา ๓-๔ ชุด ใหม่ ๆ ด้วย มีผู้เสียสละไปซื้อให้ ใส่หลวมบ้าง คับบ้างก็ช่างเถอะ ค่อนข้างมั่นใจว่าทำบุญมาดี ไปไหนก็ไม่ตายหรอก ว่าแล้วก็ไปโลด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2016 เมื่อ 00:54 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
ถาม : กลัวว่าจะอยู่วัดไม่ได้ค่ะ
ตอบ : นั่นแหละความกลัว กลัวว่าอยู่ไม่ได้ ถึงเวลาออกมาหางานไม่ได้ เขาเรียกว่าฟุ้งซ่านถึงอนาคต นัปปฏิกังเข อนาคะตัง เขาห้ามคิดถึง ถาม : หนูเคยอยู่ที่...? ตอบ : ที่ไหนก็เหมือนกัน กิเลสท่วมหัวพอกัน..! ถาม : เราไม่ต้องการอย่างนั้น ไม่ต้องการจะเปลี่ยนใครบางคน ? ตอบ : เราก็พัฒนาตัวเราเองสิ จะไปสนใจอะไรกับจริยาคนอื่น เขาจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวเขา กาย วาจา ใจ ของเราต่างหากที่สำคัญที่สุด ถาม : หนูกลัวว่า...? ตอบ : ไม่ต้องกลัวหรอก ที่ไหนก็เหมือนกัน บอกแล้วว่าให้ไปตัดสินใจเอาเอง ไม่ต้องมาโอดครวญหรือเล่าเรื่องให้ฟัง ถาม : หนูตัดสินใจไม่ถูกค่ะ ? ตอบ : อาตมาแค่รับรู้เฉย ๆ ไม่ประกันอนาคตให้ใครหรอก แก่ ๆ อาจจะต้องตะเกียกตะกายกลับมาหากินเองก็ได้ แทนที่จะให้กำลังใจ ยิ่งซ้ำใหญ่เลย ถาม : พี่น้องหนู...? ตอบ : โอ๊ย...ยกให้เขาไปเถอะ ถ้าอาตมามัวไปคิดป่านนี้ไม่ได้บวชหรอก เขายืมสตางค์ไปเล่นแชร์แม่ชม้อยเป็น ๑๐ คันเลย ทุกวันนี้เสียดายอยู่อย่างเดียวว่า พวกนั้นไม่เข้าวัดเลยเพราะอาตมาอยู่ในวัด ไปคิดให้ดี ๆ ขึ้นหน้าก็ตาย ถอยหลังก็ตาย ขึ้นหน้าไปตายดีกว่า เขายังชมว่าเรากล้า หรือไม่ก็บ้าไปเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-02-2016 เมื่อ 00:54 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
หลังจากทำบังสุกุลให้โยม พระอาจารย์กล่าวว่า “ไม่ใช่นึกถึงว่าเราจะตายเฉย ๆ ต้องนึกด้วยว่า ถ้าเราตายลงไปตอนนี้มีความดีพอไหม ? ถ้ารู้ตัวว่ามีความดีไม่พอ ก็ให้เร่งทำให้มากเข้าไว้”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-02-2016 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
ถาม : ลูกดอกบัวซนมากค่ะ ?
ตอบ : ลูกดอกบัวต้องซนทุกคน แต่ก็ดีตรงที่เรียนเก่งทุกคน นี่เป็นผลข้างเคียงที่ต้องรับ อาตมาเคยถามหลวงปู่มหาอำพันเจ้าของตำราว่าทำไมถึงซนขนาดนี้ ? ท่านบอกว่าต้องซนถึงจะฉลาด เมื่อต้องการเด็กฉลาดก็ต้องได้เด็กซนไปด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-02-2016 เมื่อ 01:55 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
ถาม : ศาลพระภูมิต้องยกของใหม่ก่อนแล้วค่อยถอนของเก่า หรือถอนของเก่าก่อนครับ ?
ตอบ : ยกของใหม่ก่อน แล้วค่อยถอนของเก่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-02-2016 เมื่อ 03:08 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
ถาม : อาการจิตเคลื่อนออกจากกาย โดยที่เราไม่ได้นั่งสมาธิ สามารถที่จะทำได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...จะหกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็ได้ ถ้ากำลังถึงก็ไปได้แล้ว ถาม : เมื่อวันพฤหัสหนูไปฟังเทศน์ของหลวงปู่ พอท่านพูดออกไมค์หนูก็เลยลืมตาขึ้นมา แล้วก็มั่นใจมาก ๆ เลยว่าเหมือนกับอยู่ข้าง ๆ หลวงปู่ แต่กายก็ไม่มีค่ะ เหมือนกับเคลื่อนออก หนูก็คิดว่าคงสายตาไม่ดี สายตาฝ้าฟางค่ะ หนูก็สงสัยว่าอาการแบบนี้คืออะไร แล้วหลวงปู่ท่านก็พูดออกไมค์เลยว่า จิตเคลื่อน หนูก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นจิตเคลื่อน น่าจะเป็นเพราะสายตาฝ้าฟาง ? ตอบ : แล้วจะมาถามทำไม ? ในเมื่อท่านตอบแล้วยังอุตส่าห์ไม่ฟัง เมื่อสภาพจิตรวมตัวเพ่งเป้าหมายอย่างเดียว อย่างอื่นก็จะไม่รับรู้ด้วยเป็นเรื่องปกติ ทีนี้พอจิตรวมตัวได้ที่ก็พร้อมที่จะหลุดออกไป ถ้ารอต่อจากนั้นอีกนิดเดียว อาจจะไปเกาะหน้าแข้งหลวงปู่อยู่ก็ได้ น่าจะเกือบ ๓๐ ปีก่อน น้องจอย (วีระนุช นวลปลั่ง) เขาก็เป็นอย่างนี้แหละ ถึงเวลาก็นั่งฟังครู เห็นแต่ครูคนเดียว รอบข้างเพื่อน ๆ เล่นกันตึงตังโครมคราม เขาไม่ได้ยินทั้งนั้น เพื่อนบางคนผลักกันไปผลักกันมา เก้าอี้หงายหลังฟาดพื้น เขาก็ไม่ได้ยิน ได้ยินแต่ครูคนเดียว แล้วจะไม่ให้เรียนเก่งได้อย่างไร ? ได้ยินขนาดนั้น สามารถตัดสิ่งรบกวนรอบข้างออกได้หมด สมาธิต้องเกินปฐมฌานแล้ว เพียงแต่คนที่มีอาการอย่างนี้ นอกจากได้สมาธิขั้นสูงแล้ว ยังต้องมีทิพจักขุญาณประกอบด้วย จึงจะเล็งเป้าได้ที่เดียว พยายามไปปรับใช้ดู ถ้าหากว่าปรับได้จะเป็นประโยชน์กว่านี้มาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-02-2016 เมื่อ 03:10 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนนี้หนูทำงาน หนูรู้สึกว่าไม่มีความสุขเลยค่ะ ?
ตอบ : ถูกแล้ว...ถ้าทำงานแล้วมีความสุขก็ไม่ใช่งานสิ เกิดมาทุกข์จะตายชัก ถ้ารู้สึกว่าโลกนี้มีความสุข แปลว่าโดนมารหลอกไปเต็ม ๆ แล้ว ถ้ารู้สึกว่าทุกข์ก็ใช่เลย เพียงแต่อย่าไปแบกทุกข์เอาไว้ เราทำไปตามหน้าที่ของเราเท่านั้น พ้นจากวันนี้ไปแล้ว เราก็จะไปพระนิพพานแล้ว เราทำแบบคนมีวันนี้แค่วันเดียว ถ้าเอาละเอียดหน่อย ก็มีแค่ชั่วลมหายใจเดียว เราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ใช่ว่าเวลาน้อยแล้วไม่ทำอะไร เวลายิ่งน้อยยิ่งต้องทำให้มากเข้าไว้ เพราะไม่มีเวลาที่จะทำอีกแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-02-2016 เมื่อ 03:11 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
ถาม : หนูเห็นมะม่วงค่ะ มะม่วงมีเปลือกและก็มีเนื้อ...ใช่ไหมคะ พอหมดเนื้อก็เป็นเม็ดมะม่วง พอหมดเม็ดมะม่วงก็มีอะไรอยู่ข้างในอีกค่ะ รู้สึกว่าเป็นชั้น ๆ มีวันหนึ่งมาดูมะม่วงที่ยังไม่สุกค่ะ หนูรู้สึกว่า กว่าที่จะมาเป็นมะม่วงแก่นั้นทำไมถึงยากจริง ๆ เหมือนกับความทุกข์มากค่ะ กว่าจะมาเจอข้างใน พอต่อจากความรู้สึกนั้นคือ หนูไม่มีที่ยืนอยู่บนโลกนี้แล้ว ทุกอย่างหลอกหนูหมดเลย ?
ตอบ : รู้สึกว่าทุกอย่างไร้แก่นสารสิ้นดี พยายามทำบ่อย ๆ ถ้าเราเข้าถึงสภาพจิตที่แท้จริง จะเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ในเมื่อไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ความยินดีในร่างกายนี้จะหมดไป ความยินดีที่จะมาเกิดหมดไป ก็ตั้งเป้าไว้ว่าตายเมื่อไรจะขอไปพระนิพพานที่เดียว ต้องบอกว่าหายาก คนที่ทำไม่ได้อีกหลายล้าน รวมพวกเราทั้งหมดที่นี่ด้วย...ใช่ไหม ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2016 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนเช้าใส่บาตร อธิษฐานให้เป็นสังฆทาน ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...แล้วทำไมต้องไปอธิษฐานให้ยุ่งยาก ? ตั้งใจว่าพระหรือเณรรูปใดผ่านมาเราจะใส่ ก็เป็นสังฆทานแล้ว ต่อให้ใส่ชุดเดียวก็เป็น ถ้าเราไปเจาะจงว่าจะใส่รูปนั้นรูปนี้ นั่นไม่ใช่สังฆทาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2016 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
ถาม : ทำสมาธิค่ะ...แล้วฟุ้งซ่าน ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วการภาวนาช่วยให้ไม่ฟุ้งซ่าน ที่เราฟุ้งซ่านแสดงว่าไม่ได้จับลมหายใจเข้าออก หรือจับแล้วแต่แล้วหลุด กลับไปภาวนาแบบเดิม แต่ให้ควบกับลมหายใจเข้าออกด้วย แรก ๆ จะดึงกลับมายากนิดหนึ่ง แต่พอไปสักพักกำลังของเราเริ่มสูงกว่า ก็จะเริ่มสงบลงไปเรื่อย ๆ อย่าทิ้งลมหายใจเข้าออก ทิ้งเมื่อไรก็ฟุ้งเมื่อนั้น ถาม : นั่งสมาธิแล้วโยก บางครั้งน้ำลายไหลออกจากปาก ทำอย่างไรคะ ? ตอบ : ไม่ต้องทำอย่างไร ตัวโยกก็นั่งดู ถ้าหากว่าลักษณะของการปากอ้า น้ำลายไหล มีสองอย่าง อย่างแรกคือขาดสติ อย่างที่สองคือจิตเริ่มเป็นฌาน แต่สติหยาบไปหน่อยหนึ่ง เลยทำให้ไม่รับรู้ว่าอาการของร่างกายเป็นอย่างไร ถาม : แก้ไขอย่างไรคะ ? ตอบ : ก็กลับมาอยู่กับลมหายใจ เราจะไปต่อแต่ไม่เอาลมหายใจเป็นหลัก แล้วจะไปอย่างไร ? อย่าทิ้งลมหายใจเป็นอันขาด ตัวโยกเป็นอาการของสมาธิเริ่มทรงตัวใกล้จะเป็นฌาน บางคนดิ้นตึงตังโครมครามเลยก็มี ไม่ต้องไปใส่ใจ ปล่อยให้เป็นเต็มที่เดี๋ยวเลิกเอง แต่คนที่ไม่เข้าใจเขาจะมองเราแปลก ๆ เหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2016 เมื่อ 03:01 |
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
มีคนช่วยยกสังฆทานไปเก็บ พระอาจารย์จึงบอกว่า "ได้บุญสองต่อ ถวายสังฆทานแล้วยังได้บุญเวยยาวัจจมัย ในการช่วยเก็บเครื่องสังฆทานด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2016 เมื่อ 03:01 |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
เก็บตกเดือนกุมภาพันธ์ ปี ๕๙ หมดแล้วค่ะ ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า คะน้าอ่อน เถรี รัตนาวุธ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|