|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเห็นพระรูปหนึ่งแล้วเหมือนเราระลึกชาติได้ว่า เป็นเราในชาติที่แล้ว อย่างนี้คิดไปเองหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถือว่าคิดไปเองก่อนก็แล้วกัน เพราะว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่สาระสำคัญ ก็คือทำอย่างไรไม่ให้เรายึดมั่นถือมั่น แล้วที่คุณใช้คำว่าถอดถอนทั้งหมดนั่น จริง ๆ แล้วก็คือถอนอุปาทาน ความยึดมั่นถือมั่น แต่คราวนี้ของเราไปถอนทั้งหมดจึงเสียเวลา เพราะว่าเราไม่รู้เป้าหมายที่แท้จริง อุปาทานยึดมั่นจะมีได้เพราะว่ามีร่างกาย แค่ถอนความต้องการในร่างกายนี้เสียก็หมดเรื่อง ถาม : ก็คือที่เราเห็นเราอาจจะคิดไปเองว่าเราระลึกชาติได้ ใช่ไหมคะ ? ตอบ : คิดว่าคิดไปเองไว้ก่อน เพราะสิ่งอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องถ่วงทำให้เราไปยึดติดทั้งนั้น แทนที่จะถอดถอนกลับไปเพิ่มขึ้นมาอีก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2019 เมื่อ 05:05 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
ถาม : มโนมยิทธิควรฝึกอย่างไรคะ ?
ตอบ : มโนมยิทธิ ถ้าอยากฝึกก็ไปวัดท่าซุงหรือที่บ้านสายลมช่วงต้นเดือนก็มี ไปฝึกที่นั่น แต่ขอเตือนไปว่าถ้ายึดติดง่าย ๆ อย่างของคุณนี่ ถ้าไปฝึกจะยุ่งกว่านี้อีก เพราะว่าตอนที่รู้เห็นบ้างไม่รู้เห็นบ้าง ยังไปยึดนั่นยึดนี่อยู่แล้ว ถ้าไปรู้เห็นชัด ๆ เข้าจะยิ่งหนัก การรู้เห็นทำให้โดนหลอกได้ง่ายที่สุด ไปเถอะ..ถ้าอยากก็ฝึก ฝึกเสร็จแล้วก็เตรียมตัวโดนเขาหลอกด้วย...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2019 เมื่อ 05:06 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
ถาม : จะมีวิธีกำหนดจิต แบ่งจิตอย่างไรระหว่างพระนิพพานกับทำงานอย่างอื่นให้มั่นคง ?
ตอบ : ซ้อมบ่อย ๆ ถ้าขาดการซ้อมก็ไม่เก่งหรอก ถาม : ระหว่างวันหลุดหมดค่ะ ? ตอบ : ก็ถึงได้บอกให้ซ้อมบ่อย ๆ พอทำไปบ่อยเคยชินแล้วจะเป็นอัตโนมัติ เรื่องของการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะถ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องของสมาธิภาวนา ต้องซักซ้อมกันอย่างเข้มข้น ทวนแล้วทวนอีก ซ้อมแล้วซ้อมอีกอยู่ทุกวัน ไม่ใช่สักแต่ว่าทำให้ผ่านไป ทำแล้วต้องหวังผลให้ใช้งานได้จริงด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-10-2019 เมื่อ 05:07 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
โยมมาขอให้พระอาจารย์ตั้งชื่อลูกให้ “อาตมาตั้งไม่เป็นหรอก เกิดมาไม่เคยตั้งชื่อให้ใคร ชอบอะไรก็ตั้งไปเถอะ... พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลทั้งนั้นแหละ ให้อาตมาตั้งชื่อนี่ไม่เป็นหรอก แต่ถ้าใครตั้งชื่อมาแล้วไม่เข้าท่า ไม่ถูกหลักภาษานี่ช่วยด่าได้..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:21 |
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
ถาม : มีข่าวช้างป่าตกเหวนรกที่เขาใหญ่ ๗ เชือก ?
ตอบ : ช้างหนีอะไรหรือเปล่า ? เพราะว่าปกติไม่มีทางที่จะลงไปทีเดียวขนาดนั้น ช้างป่าตกลงไปทีละ ๗ เชือกมีสองอย่างด้วยกัน อย่างแรกคือหนีนายพรานที่ล่า อย่างที่สองคือหนีสัตว์ที่ล่า แต่สัตว์ที่ล่าแล้วช้างหนีนี่หายาก เพราะว่าถ้าจนแต้มช้างก็จะหันหน้าสู้ ต่อให้เสือใหญ่ก็สู้ไม่ไหวหรอก หรือว่าไปเจอตะบองพลำเข้า เด็กรุ่นใหม่คงไม่รู้จักกระมัง ? ตะบองพลำเป็นตะขาบป่า กินช้างเป็นอาหาร นึกเอาแล้วกันว่าตัวใหญ่แค่ไหน ...(หัวเราะ)... ที่ครูพนมเทียนเขียนไว้ในเพชรพระอุมา พวกนี้บางทีจำศีลอยู่ในที่ลึก ๆ พอภูมิอากาศเปลี่ยนก็ออกมา หรือจำศีลแล้วพวกดันไปถล่มด้วยระเบิดก็ออกมา รุ่นของอาตมานี่ผู้ใหญ่เขาสอนไว้ว่า ถ้าเจอตะขาบตัวกว้างได้หนึ่งฝ่ามือ ให้เอากระทะครอบแล้วตีแรง ๆ ถึงเวลาเสียงกระทะดังเหมือนฟ้าร้องหรือฟ้าผ่า เจ้านั่นจะพ่นไข่มุกพลังของเขาออกมาต่อต้าน เราก็เก็บเสีย แต่อาตมาก็สงสัยเหมือนกันว่า เด็ก ๆ อย่างเราเจอตะขาบตัวแค่นั้นแล้วจะกล้าไหม ? ...(หัวเราะ)... คือไม่ใช่ตัวยาวหนึ่งฝ่ามือนะ แต่ตัวใหญ่หนึ่งฝ่ามือเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:22 |
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
ช้างเป็นสัตว์ที่ปีนเขาเก่งมาก ถ้าเป็นสถานที่ซึ่งช้างหมดปัญญาจริง ๆ นี่เขาไม่ไปหรอก อาตมาเคยเดินธุดงค์ เจอภูเขาชันมาก ช้างยังลงได้ ขนาดเราเป็นคนยังเห็นแล้วใจหาย ก็เลยลงตามรอยช้าง จะมีรอยเหมือนกับไถลลงไป แล้วมีรอยเท้ากดลึกอยู่ แต่เวลาเดินป่าถ้าไม่มีทางเดินแล้วเดินตามรอยช้างนี่จะเหนื่อยมาก เพราะว่าทางเป็นขี้โคลนท่วมหัวเข่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:23 |
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
เคยกลับออกมาแล้วเป็นหิด รู้จักหิดไหม ? หิดเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ชอบขึ้นตามผิวหนัง เป็นตุ่มใส ๆ โดยเฉพาะขึ้นตามง่ามมือง่ามเท้า สมัยอาตมาเด็ก ๆ โรคหิดระบาดเยอะมาก เกามันอย่าบอกใครเลย ทั้งแสบทั้งคัน ครั้งนั้นเป็นหิดลายพร้อยไปทั้งตัว เพราะว่าหกล้มหกลุกอยู่ในรอยเท้าช้างไปตลอดทาง
ถ้าถามว่าที่อื่นไม่มีเดินหรือ ? เดินได้..แต่ไปไม่ได้ เพราะว่าป่ารกมาก โดยเฉพาะหนามหวาย คมและเกี่ยวติดแน่นอย่าบอกใคร เดินไปข้างหน้าก็โดนกระชากกลับหลัง มีอยู่เที่ยวหนึ่งโดนช้างหลอก พาขึ้นยอดเขาไป แล้วช้างก็หายไปทั้งขบวน มองไปมองมาข้างหน้าเป็นหนามทั้งดง สงสัยว่าช้างจะย่ำรอยเดิมแล้วกลับ ด้วยความที่ไม่ทันสังเกต คิดว่ามีแต่รอยขึ้นหน้าก็ตามไปเรื่อย แล้วไปค้างเติ่งอยู่ข้างบน ด้วยความที่ตัวเล็กกว่าช้าง ก็เลยหาช่องมุดไป แล้วก็มุดจนได้ดี ก็คือไปเจอหมามุ่ยทั้งดง นับเป็นรสชาติของชีวิต..! พอลงห้วยขาแข้งได้นี่พุ่งหลาวลงน้ำเลย ...(หัวเราะ)... ลงห้วยได้ก็เอาทรายขัด ขัดทั้งตัว เพราะว่าถ้ามีขนหมามุ่ยหักคาเนื้ออยู่แม้แต่นิดเดียว ก็จะคันไปเรื่อยจนกว่าจะหมดฤทธิ์ ผ้าทุกผืนต้องซักทั้งหมด ซักแล้วสะบัดจนกว่าจะมั่นใจว่าหมดแล้วจริง ๆ เวลาพระมาเล่าเรื่องธุดงค์หรือเรื่องเดินป่าให้ฟังแล้วสนุก ลองไปเองดูบ้างสิ จะได้รู้ว่ารสชาติของชีวิตเป็นอย่างไร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:25 |
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ภูเตศวร แปลว่า เจ้าแห่งผี หมายถึงท้าวเวสสุวรรณ ท้าวเวสสุวรรณมีเทพอาวุธคือกระบอง เรียกว่าคทาวุธ มีบ่วงจับวิญญาณ ที่ผีกลัวนักกลัวหนา ก็คือนาคบาศก์ ขว้างออกไปเป็นพญานาคไปรัด ทำให้วิญญาณสลาย
มีอยู่เที่ยวหนึ่งเดินทางแล้วไม่ค่อยสบาย กลัวว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา เห็นท้าวมหาราชท่านมาดูแลให้ ถามท่านว่า “ดูแลแบบนี้จะช่วยอะไรได้ ?” ท่านบอกว่า ถ้าท่านตั้งใจจริง ๆ ไม่มีอะไรทำอันตรายได้ แล้วท่านก็ซัดอาวุธนำหน้าไปให้ดู สรรพสิ่งโดนกวาดราบเป็นหน้ากลอง โล่งอย่างกับรถเกรดนำหน้าไปสัก ๕๐ คัน ไม่ใช่เรียงตามกันไปนะ แต่ราบแบบเรียงกันเป็นหน้ากระดานไปเลย..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:26 |
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “หมากทุยหลวงปู่รอด วัดนายโรง ให้เอาไฟฉายส่องดู ของเก่าส่วนใหญ่จะใช้รักจีนที่มีสีแดง ถ้าเราส่องพลิกไปพลิกมาจะต้องเห็นสีแดงสักมุมหนึ่ง รักไทยช่วงนั้นก็มีมากแล้วเหมือนกัน แต่ว่าส่วนใหญ่แล้วยังนิยมรักจีน เพราะว่าซื้อตามร้านได้ง่าย ของรักไทยต้องหาคนที่กรีดยางรักเป็น
สมัยนี้ส่วนใหญ่ที่เขาทำปลอม ก็มักจะปลอมตะกรุดหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง เพราะว่าราคาแพงเป็นล้านเลย เขาจะใช้แผ่นเสียง รุ่นนี้เคยเห็นแผ่นเสียงกันไหม ? เป็นแผ่นครั่งกลม ๆ วางใส่เครื่อง เอาเข็มวางแล้วก็กดปุ่มเปิด พอเครื่องหมุน เข็มก็จะกรีดไปตามร่องให้เป็นเพลงขึ้นมา เขาเอาแผ่นเสียงมาหลอมละลายแล้วก็ชุบตะกรุด ก็จะออกเป็นรักเก่า คือออกเป็นสีแดง แต่มีที่สังเกตได้ง่ายก็คือ ผิวจะแตกร้าวหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:27 |
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
"นอกจากนี้ก็มีปลอมเบี้ยแก้หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิ่ม วิธีปลอมก็ง่ายมาก คือทำเบี้ยขึ้นมา เอาไปแขวนไว้กับท่อไอเสียรถ ปล่อยให้ท่อไอเสียรมไปเรื่อย จะดูเก่ามาก ...(หัวเราะ)...
วิธีดูที่ง่ายที่สุดก็คือ ขอเจ้าของแช่น้ำ ถ้าเจ้าของไม่ยอมแปลว่าปลอมแน่ เพราะว่าเบี้ยแก้ของแท้ชุบรักมานี่แช่น้ำไม่เป็นอะไร ถ้าดำเพราะท่อไอเสีย พอแช่น้ำก็จะละลายออกมาเป็นฝุ่น ๆ แต่คนที่ดูเป็นก็ไม่ต้องลองขนาดนั้นหรอก เขาจะดูว่าเชือกที่ถัก ส่วนใหญ่อายุกาลนานขนาดนั้น เชือกจะไม่มีขนเหลือแล้ว เพราะว่าจะกรอบจนขนหลุดหมด แล้วรักก็จะกลืนเป็นเนื้อเดียวกับเชือกเลย ต้องบอกว่าคนปลอมมีฉันทะ เพราะว่าปลอมแล้วคุ้ม อย่างเบี้ยแก้หลวงปู่บุญ ตัวล่าสุดที่อาตมาเจอ เจ้าของขอถูก ๆ แค่แปดหมื่นบาท ถ้าดูไม่เป็นแล้วไปเจอของปลอม หรือว่าเจอของหลวงปู่เพิ่ม แล้วเขาตีเป็นของหลวงปู่บุญ เราก็ขาดทุน ...(หัวเราะ)... ดังนั้น..ของบางอย่างพอไปถึงมือเซียนแล้วราคาจะแพงมาก แพงตรงความรู้ ก็คือเขาดูเป็น ในเมื่อเขาดูเป็น ถึงเวลาเขาก็บวกค่าวิชาเข้าไปด้วย”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:28 |
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมคนหนึ่งว่า “เกรซระวังโดนเขากรอกแบบลัลลาเบลนะ โหดร้ายมากเลย..เหล้าสองกลม แต่ว่าดูจากคลิปวิดีโอแล้วก็น่าตายมาก ตั้ง ๒๐ แก้ว เขาวางทับธนบัตรใบละพันไว้เลย คุณกินได้กี่แก้ว คุณก็หยิบไปแค่นั้นใบ ๒๐ แก้วก็สองหมื่นบาท
อย่างอาตมาเจอแก้วเดียวก็คงหัวทิ่มแล้ว..! เขาเรียกว่าดริ๊งก์หนึ่ง..ใช่ไหม ? ภาษาไทยเก่า ๆ เขาเรียกว่าก๊งหนึ่ง ก๊งมาจากภาษาจีนแปลว่ามึน กินเข้าไปแล้วมึนได้ที่ก็ก๊งหนึ่ง” ถาม : เขากะจะมอมใช่ไหมคะ ? ตอบ : ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเขาทำแบบนี้กัน แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ ต้องบอกว่าทางชีวิตเขาบังคับ ในเมื่อตัวเองมีอาชีพอย่างนี้ ก็ต้องเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ดู ๆ แล้วลักษณะอย่างนี้ ต่อให้ได้เงินมา ตอนแก่ก็คงต้องเอาไปรักษาตัวจนหมดนั่นแหละ คืนหนึ่งกินเหล้าเป็นกลม ตับที่ไหนจะทนไหว พังบรรลัยหมด..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:29 |
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
ลัลลาเบลอายุ ๒๕ ปี เขาว่าเบญจเพส ไม่ดีก็ร้ายไปเลย ส่วนใหญ่แล้วเบญจเพสมักจะไปทางร้าย
พระมหาสันติ โชติกโร เปรียญธรรม ๙ ประโยค อดีตรองเจ้าคณะอำเภอห้วยกระเจา อายุ ๔๕ ปี เขาว่าเบญจเพสที่สาม พระครูสุกิจกาญจนโสภิตนั่น ๕๙ ปี ท่านเจ้าคุณทินท่านบอกว่า แบบนี้โบราณเรียกว่า ก้าวไม่ข้าม ถ้าก้าวข้ามก็รอด ท่านเจ้าคุณปัญญา (พระเทพปริยัติโสภณ) ก็บอกว่าตอนอายุ ๕๙ ปีเกือบไม่รอด เกือบจะตายเหมือนกัน ช่วงนั้นท่านป่วยจนกระทั่งไม่มีแรงยืน ไปไหน ต้องมีสามเณรตัวโต ๆ ช่วยจับประคดเอวรั้งเอาไว้ ไม่อย่างนั้นก็เดินไม่ไหว สรุปแล้วที่ว่ามาทั้งหมดคือ อายุเท่าไรก็ตาย ...(หัวเราะ)... ส่วนคนที่ควรจะตายอย่างอาตมายังรอดมาได้ปีแล้วปีเล่า สร้างปาณาติบาตเอาไว้เยอะ เขายังเก็บหนี้ไม่หมด ก็เลยไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ คนเราหมดบุญตายได้ หมดกรรมตายได้ หมดอายุตายได้ หมดอาหารตายได้ อย่างอาตมานี่ยังไม่หมดกรรม ต้องทนทรมานต่อไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:31 |
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของข้าว สมัยโบราณเขาถือเป็นทรัพย์ ก็คือสมบัติที่มีค่ามาก เอาไปแลกของอื่นได้หมด คราวนี้เขามีคาถาเสกข้าวกิน ถ้าเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้จนถึงวันตาย พอตายแล้วจะไม่เน่า ก็คือพระอภิธรรม ๗ บท อาตมาว่าก็คงจะตายวันนั้นแหละ เพราะว่ากว่าจะเสกจบก็หิวข้าวตายพอดี..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:32 |
สมาชิก 133 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “ปัจจุบันนี้มีสถิติว่าผู้ชายใช้เครื่องสำอางในการแต่งตัวเกือบจะเท่ากับผู้หญิงแล้ว อาตมาฟังแล้วก็งง ๆ เหมือนกัน สรุปว่าผู้ชายเขาแย่งผู้หญิงสวยใช่ไหม ?
รุ่นของอาตมาถ้าผู้ชายหวีหัวผัดหน้า ส่วนใหญ่จะไปจีบสาว มักจะเล่นคาถา เสกแป้งทาหน้า ส่วนใหญ่ก็พวกคาถาพระลักษณ์หน้าทองบ้าง ขุนแผนชมตลาดบ้าง ...(หัวเราะ)... หรือไม่ก็เสกน้ำมันเจิมหัวเจิมหน้า แล้วแต่คาถาที่เชื่อถือ ที่ครูบาอาจารย์ประสิทธิ์ประสาทมาให้เพื่องานนั้นโดยเฉพาะ แต่ใช้ต่อแล้วจะไม่ได้ผล เพราะว่าครูบาอาจารย์กลัวลูกศิษย์จะเจ้าชู้ ประเภทเจอผู้หญิงแล้วก็ฟันไม่เลือก ก็เลยให้เฉพาะกิจเท่านั้น สมัยก่อนใช้คาถาต้องว่าพร้อมมาจากบ้าน ไม่ใช่ฉุกเฉินแล้วค่อยมาใช้ แบบนั้นไม่ทันกิน ถึงเวลาจะเข้าบ้านสาวถ้ามัวแต่ไป “โอม ศรีกูงามคือฟ้า หน้ากูงามคือพระแมน แขนกูงามคือพระอินทร์…ฯ” พ่อตาคงล่อด้วยลูกซองกระเจิงเสียก่อน..!”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:32 |
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
“หนุ่มเพชรบุรีสมัยก่อนส่วนใหญ่หาตะกรุดหลวงพ่อกุน วัดพระนอน เขาเรียกว่าตะกรุดไมยราพสะกดทัพ ถึงเวลาค่ำ ๆ ก็ย่องไปบ้านสาว ว่าคาถาแล้วสอดไว้ใต้รอด แล้วขึ้นบ้านได้เลย..หลับทั้งบ้าน
อาตมาได้ตะกรุดหลวงพ่อกุน วัดพระนอนมาก็จะทดสอบ ปรากฏว่าบ้านสมัยนี้ไม่มีรอด ไม่มีใต้ถุนอีกต่างหาก แล้วจะไปเสียบไว้ตรงไหน ? สรุป..ก็เลยไม่ได้ทดลอง ...(หัวเราะ)... ส่วนใหญ่บางคนเขาเรียกว่าตะกรุดมหารูด เข้าผู้หญิงรูดไว้ด้านซ้าย เข้าผู้ชายรูดไว้ด้านขวา สู้ศัตรูเอาไว้ข้างหน้า หนีศัตรูเอาไว้ข้างหลัง คราวนี้ถ้าหากว่าลืมรูดแล้วจะทำอย่างไร ? ...(หัวเราะ)...”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:33 |
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
ถาม : อาพัดแปลว่าอะไรครับ ?
ตอบ : อาพัด คือลักษณะของการเสก เสกปูน เสกเหล้า เสกยา เพื่อที่จะหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนใหญ่ก็หวังทางอยู่ยงคงกระพัน เช่น อาพัดเหล้า อาพัดยา อาพัดปูน อาพัดปูนก็เสกปูนคาดคอ ฟันเข้าไปเท่าไรไม่เข้า อาพัดเหล้าก็เสกเหล้ากิน พวกที่ทำขึ้น ๆ นี่ พอกินเข้าไปเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วของขึ้นก็เคี้ยวแก้วตามไปเลย กินแก้วเป็นกับแกล้ม..! ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมกระเพาะลำไส้ถึงทนได้ อาพัดยาก็พวกยาสูบ ถึงเวลาสูบยาอึดใจหนึ่งต้องว่าคาถากี่จบ จริง ๆ แล้วก็คือการทำสมาธิ เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นมิจฉาสมาธิ ใช้ในทางที่ผิด ไม่ได้ใช้เพื่อลดกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง แต่เป็นการใช้เพื่อเพิ่มกิเลส ...(หัวเราะ)...
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:34 |
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#117
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับเด็กผู้หญิงที่มาทำบุญว่า “หนูอย่าใส่กางเกงขาดแบบนี้นะลูก เป็นลางไม่ดี ดูเท่มากแต่ว่าไม่ดีหรอก โบราณเขาถือ”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:34 |
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#118
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของวิทยาลัยสงฆ์เป็นวิหารทานพิเศษ ก็คือเป็นธรรมทานด้วย คราวนี้ธรรมทานตัวนี้เขาใช้กี่ครั้งเราก็ได้เท่านั้นครั้ง ไม่เหมือนอย่างอื่น อย่างอื่นประเภททำเสร็จแล้วก็แล้วกัน แต่วิทยาลัยสงฆ์เป็นห้องเรียน เป็นสถานที่ประชุม เป็นที่ฝึกกรรมฐาน ถึงเวลาเขามาใช้งานกี่ครั้ง เราก็ได้อานิสงส์เท่านั้น ถ้าใช้ในด้านการศึกษาก็อานิสงส์ธรรมทาน ถ้าใช้ในด้านอื่น ๆ ก็อานิสงส์วิหารทาน ทำทีเดียวเอาให้คุ้ม
หลังจากทอดผ้าป่าไปแล้วญาติโยมยังสามารถทำบุญได้เรื่อย ๆ เพราะว่าไม่ใช่เสร็จทีเดียว ยังมีอาคารที่ต้องสร้างอีกหลายหลัง หลังที่ทอดผ้าป่าสร้างนี้เป็นอาคารเรียนรวม”
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-10-2019 เมื่อ 18:35 |
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#119
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวหลังจากกลับมาจากงานวางศิลาฤกษ์วิทยาลัยสงฆ์ "ช่วงเช้าไปบวงสรวง วางศิลาฤกษ์ วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี มีหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดยานนาวาเป็นประธาน พอวางศิลาฤกษ์เสร็จอาตมาก็แวบ มีเสียงกระซิบว่า “มันกล้าเทกระทั่งหลวงพ่อสมเด็จฯ เลยนะ” ก็บอกแล้วว่าวันนี้ผมติดงาน จะให้ผมไปก็ต้องมีเทกันบ้าง
ตอนเช้าวิ่งไปถึงที่ตั้งวิทยาลัยสงฆ์ ๐๗.๑๘ น. แล้วฤกษ์บวงสรวงอยู่ที่ ๐๗.๒๙ น. ไปถึงก่อนเวลา ๑๑ นาทีเท่านั้น หลวงพ่อพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ชวนว่าฉันเช้าก่อน กราบเรียนท่านว่า "ฉันไม่ทันแล้วครับ ขอไปดูความเรียบร้อยของโต๊ะบวงสรวงก่อนครับ" พอเห็นว่าโต๊ะบวงสรวงเรียบร้อย ก็กราบนิมนต์หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านจุดธูปเทียน อาตมาก็ทำบวงสรวงขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ ไม่เอาอะไรมากหรอก แค่งานสร้างวิทยาลัยสงฆ์ขออย่าให้มีอะไรสะดุดก็พอ โดยเฉพาะขอให้ถึงพร้อมด้วยเงิน เสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ชวนหลวงพ่อนิล ครูบาหน่อแก้วฟ้า นำเงินสิบล้านบาทไปถวายหลวงพ่อพระเทพปริยัติโสภณ เงินก้อนนี้มันเป็นเงินก้อนทดสอบกำลังใจ เพราะว่าเมื่อวันเสาร์ตอนเช้ายังมีแค่แปดล้านห้าแสนบาท ต้องรอถึงห้าโมงเย็นถึงจะได้ครบสิบล้านบาท"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-10-2019 เมื่อ 15:44 |
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#120
|
||||
|
||||
"พอรุ่งเช้าออกมานับจริง ๆ แล้วเหลือแค่เก้าล้านเก้าแสนบาท เพราะว่ามีปึกหนึ่งที่เขามัดรวมกันอยู่แค่ ๙๐๐,๐๐๐ บาท ยังโชคดีว่าพอดีคุณตัวเล็กเอาเงินกฐินวัดท่าขนุนไปถวาย ๑๑๐,๐๐๐ บาท ก็เลยยืมเสียบไปให้เขาก่อนแสนหนึ่ง จึงได้ครบสิบล้านพอดี แต่ว่าเงินกฐินหายไปแสนหนึ่ง เดี๋ยวต้องไปเอาคืน
เสร็จแล้วหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดท่านก็มอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองโรง ให้ทุกคนเลย ตั้งแต่ชั้นอนุบาลขึ้นมาจนถึงชั้น ป.๖ อาตมาก็ไปนั่งให้ทุนการศึกษากับท่านด้วย ให้ทุนเสร็จ หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดยานนาวาท่านก็มาถึง พอท่านนั่งลงก็เริ่มเข้าพิธีการ ถวายการต้อนรับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดยานนาวา เสร็จเรียบร้อย ก็กราบเรียนท่านว่าขออนุญาตให้ท่านเจิมแผ่นศิลาฤกษ์ก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะช้า พอหลวงพ่อสมเด็จฯ เมตตาเจิมแผ่นศิลาฤกษ์เสร็จ ทางวิทยาลัยนาฏศิลป์สุพรรณบุรีส่งนักแสดงมา น่าจะเป็นรำเทพบันเทิง เทวดานางฟ้า ๔ องค์นั่ง "ซาเล้ง" มา เทวดาเดี๋ยวนี้ไม่ยอมเหาะ นั่ง "ซาเล้ง" มาแทน พอเสร็จพิธี หลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดก็กล่าวรายงาน แล้วก็นิมนต์หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดยานนาวาวางศิลาฤกษ์ อาตมาก็บริการจนกระทั่งวางศิลาฤกษ์เสร็จ แล้วกระซิบบอกหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดว่า "ผมไปเลยนะครับ" แล้วก็แวบหายไปเลย มีเสียงเพื่อนพระสังฆาธิการดังตามหลังมาว่า "ขนาดหลวงพ่อสมเด็จฯ มันยังกล้าเทเลย" ความจริงอาตมาบอกไปแล้วว่า "ถ้าจัดวันนี้ผมไปไม่ได้" แต่ว่าหลวงพ่อพระเทพปริยัติโสภณท่านบอกว่า "พระอาจารย์เล็กเป็นประธานอุปถัมภ์ ควรที่จะให้หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านได้เห็นหน้าเอาไว้บ้าง" เลยตัดสินใจหนีงานไปครึ่งวัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-10-2019 เมื่อ 18:14 |
สมาชิก 118 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|