|
เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#61
|
||||
|
||||
ถาม : ผู้ที่ได้ครอบครูวิชาเป่ายันต์เกราะเพชรที่อาจารย์เล่า มีผู้หญิงไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มี ถาม : แล้วจะมีคนสามารถขอครูบาอาจารย์เป่ายันต์เกราะเพชรให้กับบุคคลใกล้ตัวได้ไหมคะ ? ตอบ : ไม่มีใครเขาทำกันอย่างนั้นหรอก เพราะต้องทำเพื่อเป็นการสงเคราะห์ส่วนรวม และห้ามรับทำนอกสถานที่ อยู่วัดไหนต้องทำวัดนั้น นี่เป็นกติกาเลย ถาม : และต้องเป็นวันเสาร์ห้าด้วย ตอบ : ใช่ ถ้าผิดไปจากนั้น ก็แปลว่าเป็นยันต์เกราะเพชรของเขา ไม่ใช่ของเรา ถาม : วันเสาร์ห้าที่ท่านอาจารย์ทำพิธี แต่ว่าไม่ได้รับตอนบ่ายโมงกับสิบโมง เขาสามารถที่จะใช้พลังของเขาดึงยันต์ไว้ แล้วให้คนอื่นรับเลยเวลานั้นได้ไหมคะ ? ตอบ : พระพุทธเจ้าท่านตรงไปตรงมา เวลาไหนคือเวลานั้น ใครจะไปสามารถหยุดพระพุทธเจ้าเอาไว้ได้ จะเก่งเกินมนุษย์ไปแล้ว ถาม : พวกกุมาร เป็นเทวดาหรือคนดีคะ ? ตอบ : อยู่ที่คนเชิญ ถ้าคนเชิญ..อัญเชิญเทวดาได้ ก็ได้เทวดามา ถ้าอัญเชิญเทวดาไม่ได้ ก็ได้พวกเปรต อสุรกาย สัมภเวสีมา ถาม : ถ้าเขาอัญเชิญเทวดาได้ เทวดาก็มีความเป็นทิพย์ใช่ไหมคะ ? ตอบ : มี ถาม : สามารถไปไหนมาไหนก็ได้ ไม่ต้องเกาะติดอยู่กับที่ ตอบ : ไม่ต้อง ท่านมีหน้าที่แค่รักษา ใครปฏิบัติตามกติกาท่านก็สงเคราะห์ให้ตามวาระบุญวาระกรรม ถาม : แต่คนนั้นเขาเชื่อ เขามีปัญญา ทำไมเขาไม่สงสัยเลย ? ตอบ : ปล่อยเขาไป ถาม : ทำไมเขาไม่สงสัย ? ตอบ : ก็เขาไม่สงสัย บางทีก็ถูกกรรมบัง เขาเรียกว่าเรื่องโง่ ๆ ละก็ฉลาดนัก ถาม : แล้วหนูจะทำอะไรที่พอจะช่วยเขาได้บ้าง ? ตอบ : ไม่ต้องหรอก ปล่อยเขาไป ถาม : ให้ผ่านจุดนี้ไปได้ด้วยตัวเอง ? ตอบ : อยากจะบอกว่า คนเราฉลาดเฉพาะบางเรื่อง เหตุการณ์บางอย่างควรจะคิดกลับไม่คิด ประเภทนี้คงต้องผ่านบทเรียนอีกหลายยก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-04-2010 เมื่อ 15:56 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#62
|
||||
|
||||
ถาม : เราไปฝืนเขาไม่ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : มีหน้าที่พูดให้เขาฟัง ส่วนเขาจะฟังหรือไม่ฟังเป็นเรื่องของเขา แต่ว่าอย่าไปกวนใจเขามาก เพราะว่าผู้ชายส่วนใหญ่เขามีทิฏฐิเป็นของตัวเอง ทำให้ไม่รับฟังใคร คิดว่าตัวเองเจ๋งที่สุด ถ้ามีโอกาสลองถาม ๆ เขาดู ว่าลักษณะอย่างนี้เป็นไปได้ไหม เตือนแบบปรึกษาเขาก็ได้ หากเขาเฉลียวใจคิด แต่ถ้าเขายังคิดไม่ได้ ก็ต้องปล่อยเขา เพราะเป็นวาระของกรรม ถาม : คิดว่าหนูท้อใจไปเสียก่อน ก็จะยิ่งไม่มีคนบอกเขา ตอบ : เชื่อเถอะว่าคนเราสร้างบารมีมา จะดีจะชั่ว ท้ายสุดก็เอาตัวรอดได้ ต่อให้ไม่มีเรา เขาก็อยู่ได้ อย่าไปคิดในลักษณะว่าถ้าไม่มีเรา แล้วเขาจะแย่ อย่างบุญของเขาเป็นผู้ชาย คนเป็นผู้ชายการเอาตัวรอดง่ายกว่าผู้หญิงตั้งเยอะ ไม่ต้องไปกังวล ถาม : ถ้าหากว่าหนักมาก ๆ ก็ไม่อยากจะอยู่กับเขา ตอบ : วาระกรรมที่เนื่องกันมา ต้องใช้คำว่า ตั้งแต่รู้จักเขามาจนป่านนี้ มีเวลาที่เรามีความสุขไหม ? เราเองอยู่ในสภาพนี้เหมือนกับว่า แม้นมีทางไปก็ไม่คิดจะไป ก็เลยขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราเอง ไปตำหนิเขาไม่ได้หรอก เพราะบางอย่างก็เป็นวาระกรรมของเขา กว่าจะคิดได้บางทีก็หลายปี ฉะนั้น..เป็นทั้งกรรมเขาและกรรมของเราด้วย เราลองย้อนกลับไปคิดดูว่า ตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ มีเวลาที่มีความสุขจริง ๆ ไหม ? ก็ไม่มี แต่ว่าในลักษณะนี้เรายังยอมทนต่อไป ถ้าสายตาของคนทั่ว ๆ ไป จะบอกได้ว่า ของเราเองวาระกรรมต้องเป็นอย่างนั้นจริง ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#63
|
||||
|
||||
ถาม : หนูจะใช้น้ำมนต์โสฬสหรือพระขรรค์โสฬส ช่วยให้เขาหายเร็วขึ้นไหมคะ ?
ตอบ : เขาไม่ได้โดนผีเข้านะจ๊ะ จะได้ไปแก้ไขลักษณะอย่างนั้น นั่นเกิดจากความศรัทธา แต่ว่าขาดปัญญาประกอบ ตัวศรัทธาไม่ได้ไปแก้ไขด้วยน้ำมนต์หรือน้ำมัน ต้องแก้ไขด้วยการเพิ่มปัญญาให้เขา ถึงได้บอกว่า หาโอกาสชวนเขาคุย ถาม : เขาอยู่กับอาจารย์เขามาหลายปี หนูก็เลยคิดว่าเขาถวายพานครูหรือเปล่า ? ตอบ : ปล่อยเขา ไม่ต้องไปเดือดร้อนกับเขา เครียดไปเปล่า ๆ กลายเป็นโรคเป็นภัยขึ้นมาจะลำบาก ดูแลสุขภาพตัวเองดีกว่า ไม่ต้องไปห่วงไปสนใจเขา ถึงเวลามาอยู่ตรงหน้า มีอะไรที่ทำแล้วรู้สึกดีก็ทำให้เขา ถ้าเป็นส่วนอื่นก็ไม่ต้องไปรับรู้ ทำแบบนี้เราก็จะสบายใจ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#64
|
||||
|
||||
ถาม : ตะกรุดของหลวงพ่อจง ที่ท่านทำ ๑๖ ดอก ผมไปหาข้อมูลมา มีอยู่ ๒ ดอกที่ไม่เข้าใจว่ามีคุณด้านไหน ก็คือ กระทู้เจ็ดแบก กับอีกดอกหนึ่งก็คือ มหารูดวาระสุดท้าย
ตอบ : กระทู้เจ็ดแบก เป็นด้านอยู่ยงคงกระพัน ส่วนมหารูดวาระสุดท้ายเอาไว้หนี เขาบอกว่าถ้าจะหนีให้รูดไปข้างหลัง คนอื่นจะวิ่งไล่ไม่ทัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#65
|
||||
|
||||
ถาม : รบกวนพระอาจารย์ช่วยตรวจดูพระเครื่องให้
ตอบ : อาตมาตรวจให้ใครไม่ได้มาหลายปีแล้ว กำลังใจของเราถ้ายึดเกาะพระจริง ๆ พระทุกองค์มีอานุภาพหมด ถ้าหากว่าเสียเวลาไปตรวจดู อย่างนั้นแสดงว่ากำลังใจไม่มั่นคง ใช้วัตถุมงคลอะไรก็ไม่มีประโยชน์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#66
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "มีคนบอกว่า หลวงปู่ดูลย์สร้างวัด หลวงปู่สร้างโบสถ์ หลวงปู่สร้างศาลา คงได้บุญมหาศาล หลวงปู่ก็หัวเราะบอกว่า ถ้าอยากได้บุญ ใครเขาจะมาเอาบุญตรงนี้กัน
เพราะบุญประเภทนี้ยังเป็นบุญที่ต้องเกิด บุญอย่างหลวงปู่เป็นบุญที่ไม่เกิดแล้ว บุญที่ไม่เกิดแล้วก็ต้องเข้าหาเรื่องของโลกุตรธรรม เน้นในเรื่องของมรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ จบได้ก็ให้จบเลย ฉะนั้น..ถ้าพวกเรารู้สึกว่า น่าจะจบได้ก็ไปเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจว่า "เดี๋ยว..รอหลวงพ่อก่อน.." ไม่ต้อง..ไปเลย ขืนรอหลวงพ่อก่อน หันมาอีกที ไม่รู้ใครรอใครกันแน่"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#67
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องเทคนิคการสอนว่า "ต้นตำรับเทคนิคการสอนคือพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านมีอุปกรณ์การสอนเยอะแยะ
ยกตัวอย่างกรณีพระนางเขมาเถรี พระนางเขมาเถรีเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ๆ พระนางเป็นมเหสีของพระเจ้าพิมพิสาร ไม่กล้าไปหาพระพุทธเจ้า เพราะได้ยินว่าพระพุทธเจ้าตำหนิเรื่องความงาม แต่ความจริงท่านเข้าใจผิด คนฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับเอาไปกระเดียด พระเจ้าพิมพิสารก็เลยให้บรรดาข้าราชบริพาร บรรดานักขับร้องต่าง ๆ แต่งเพลงพรรณนาว่าเวฬุวันมีความงามอย่างไร พระนางได้ยินจึงอยากเสด็จไป คิดว่าในเมื่อเราไม่เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า แอบย่อง ๆ ไปดูก็พอ พอพระนางไปถึง เห็นผู้หญิงที่นั่งพัดอยู่ข้าง ๆ พระพุทธเจ้า สวยงามมาก สวยกว่าตนเองอีก มนุษย์หัวแถวจะสู้นางฟ้าหัวแถวได้ไหมเล่า ? พอพระนางเขมาเถรีเห็นดังนั้น จึงคิดว่า ใครบอกว่าพระพุทธเจ้าตำหนิความงาม ผู้หญิงสวยขนาดนี้ยังอยู่เลย พระนางก็เลยอยู่บ้าง ตั้งใจฟังเทศน์ พระพุทธเจ้าเทศน์เรื่องของร่างกาย เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ผู้หญิงที่เห็นสวย ๆ ก็ค่อย ๆ แก่ขึ้น หลังโก่ง ผมหงอก หนังเหี่ยว ล้มลงและก็ตายตรงนั้นเลย ตายแล้วก็ขึ้นอืด น้ำเหลืองไหลโซมเลย พระนางก็เลยสลดใจ คนสวยขนาดนั้นยังเป็นได้ขนาดนี้ แล้วเราจะเหลือหรือ ท่านก็เลยกลายเป็นพระโสดาบัน ดังนั้น..ถ้าจะเอาเรื่องอุปกรณ์การสอน พระพุทธเจ้าท่านมีเพียบ อย่างสมัยนี้ต้องเสียเวลาไปทำพาวเวอร์พอยท์ แต่พระพุทธเจ้าทั้งภาพทั้งเสียงมีครบ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-08-2015 เมื่อ 11:07 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#68
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าให้ฟังถึงการจัดอันดับผู้หญิงสวยในโลก แล้วท่านก็กล่าวถึงผู้หญิงที่สวยในพระไตรปิฎกว่า "คนสวยจริง ๆ ต้องเป็นพระนางสิริมหามายา นอกจากประกอบด้วยเบญจกัลยาณียังมีอิตถีลักษณะที่เหมาะสมกับการเป็นพุทธมารดาอีก ๖๔ ประการ
ถ้าใครอยากเห็นว่าสวยขนาดไหน ต้องรอไปเกิดสมัยพระศรีอาริย์ ท่านสุดยอดมากเลย อธิษฐานขอเป็นพุทธมารดา ๒ พระองค์ ก็เลยเป็นพุทธมารดาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และพระพุทธมารดาของพระศรีอาริย์ด้วย ไม่อย่างนั้นตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปเทศน์โปรดแล้วทำไมท่านจึงได้แค่พระโสดาบัน เพราะท่านต้องลงมาเกิดใหม่อีก ฉะนั้น..ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกต้องเอาในพระไตรปิฎก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-01-2019 เมื่อ 19:15 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#69
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "ผู้ปกครองที่อยู่ในวรรณะกษัตริย์ บางที่เขาเรียกว่า กษัตริย์ อย่างมัลลกษัตริย์ บางที่เขาก็เรียกว่า ราชา อย่างพระเจ้าพิมพิสาร แต่พระเจ้าปเสนทิโกศลเขาเรียกว่า มหาราช พระราชาผู้เป็นใหญ่กว่าเมืองอื่น เพราะว่าแคว้นของท่านกว้างใหญ่ไพศาลมาก
ทำไมกว่าพระพุทธเจ้าจะเข้าไปประกาศพระศาสนาในแคว้นโกศล ต้องรอจนผ่านไปกว่าสิบพรรษา ? เพราะว่าแคว้นโกศลปกครองกรุงกบิลพัสดุ์อยู่ แล้วคำทำนายที่บอกว่าพระพุทธเจ้าจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิก็ต้องได้ยินเต็มสองพระกรรณของพระเจ้าปเสนทิโกศล ถ้าในตอนแรกพระพุทธเจ้าเข้าไปแคว้นโกศล อาจจะได้นอนคุกยาวหรือไม่ก็อาจถึงตาย ฉะนั้น..ต้องแสดงให้เห็นก่อนว่า สิ่งที่ท่านสอนมามีผลจริง ก็เลยใช้วิธีเมืองเล็กล้อมเมืองใหญ่ จะว่าเมืองเล็กล้อมเมืองใหญ่ก็ไม่ใช่ เพราะมคธก็เป็นเมืองมีขนาดใกล้เคียงกับโกศล แต่ว่าพระเจ้าพิมพิสารอยู่ในลักษณะของผู้ใหญ่ใจดี ถึงเวลาจะแบ่งราชสมบัติให้ครึ่งหนึ่งด้วย ในเมื่อโปรดพระเจ้าพิมพิสารได้ก็ถือว่ามีเกราะป้องกัน อย่างน้อย ๆ พอจะไปแสดงหลักธรรมที่เมืองอื่น คนก็ต้องเกรงใจบ้าง พอพระเจ้าพิมพิสารประกาศตนเป็นพุทธมามกะแล้ว พระพุทธเจ้าก็เสด็จไปวังสะ วัชชี มัลละ ฯลฯ จนกระทั่งผ่านไป ๑๔ พรรษา จึงได้บรรดาเศรษฐีต่าง ๆ มาเป็นสาวกมากมาย คนยุคไหนสมัยไหนก็เกรงใจคนรวย ตอนนั้นได้เมณฑกเศรษฐี ธนัญชัยเศรษฐี นางวิสาขามหาอุบาสิกา ตระกูลมิคารเศรษฐี ราชคหเศรษฐี สุทัตตเศรษฐีหรืออนาถปิณฑิกเศรษฐี กำลังหนุนขนาดนี้คงไม่มีใครกล้าทำอะไร พระองค์จึงได้เข้าไปที่เมืองโกศล ความจริงไปแล้วเขาไม่กล้าทำอะไรท่านหรอก ถึงทำก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว แต่ใครจะไปมั่นใจว่าบรรดาสาวกต่าง ๆ จะเดือดร้อนไหม ? จึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลา และที่แน่นอนพระองค์รู้ว่าวาระไหนเหมาะสมที่สุด รอจน ๑๔ พรรษาจึงเข้าไปที่แคว้นโกศล แล้วจึงสามารถเอาแคว้นโกศลเข้ามาอยู่ใต้ร่มบารมีของท่านได้ เท่ากับว่าปลดแอกให้กบิลพัสดุ์ไปเลย กลายเป็นกบิลพัสดุ์ทำให้แคว้นโกศลมาขึ้นกับพระพุทธเจ้า"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#70
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าเรื่องฮินดูให้ฟัง แล้วท่านก็สรุปลงตรงที่ว่า "ถ้าหากเรายึดถือในพระพุทธเจ้าอย่างแน่นแฟ้นเหมือนอย่างที่ฮินดูยึดถือในพระเจ้า เรารักษาศีลทุกสิกขาบทเท่าชีวิต เหมือนอย่างคนฮินดูเขายอมอดตาย ทั้ง ๆ ที่อาหารเขาเต็มบ้านเต็มเมือง ปลาก็เต็มบ่อเต็มทะเล วัวก็เต็มถนน นกอีกเยอะแยะไม่รู้เท่าไร แต่เขาไม่กิน ยอมอดตาย ถ้ากำลังใจเราได้สักขนาดนี้ น่าจะบรรลุกันเยอะนะ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#71
|
||||
|
||||
ในเรื่องการเข้าไปช่วยงานผู้อื่น พระอาจารย์สอนว่า "อะไรที่ไม่ใช่ความชำนาญของตัวเองแล้วไปทำ ก็เสียเวลาเขา เสียเวลาไม่ว่า ถ้าเสียงานด้วย มีหวังโดน..!
เป็นไปโดยหลักจิตวิทยาเลยว่า แต่ละคนจะมีความภาคภูมิใจในงานของตน ในเมื่อเป็นงานในความรับผิดชอบของเขา บางทีเราเข้าไปแตะ อาจมีรายการโดนงับหู..! ฉะนั้น..ถ้าไม่อยากโดนงับหูก็พยายามเลี่ยง ๆ หน่อย ยกเว้นว่าเขาออกปากบอกแขกช่วยแบกหาม"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#72
|
||||
|
||||
ถาม : เมื่อคืนหนูไปนอนภาวนาโสตัตตะภิญญา แล้วรู้สึกว่าเหมือนโดนหินทับ
ตอบ : ไม่ไหวก็เลิก เริ่มต้นใหม่ ถาม : เป็นแค่อาการฌาน ? ตอบ : ก็บอกแล้วว่า เท่าที่เคยลองดูระหว่างสัมปะจิตฉามิและโสตัตตะภิญญา โสตัตตะภิญญาจะแน่นกว่ากันมาก คราวนี้เราจะเข้าใจแล้วว่าอาการแน่นเป็นอย่างไร ถาม : แล้วถ้าเราหน้าด้านทำไปเรื่อย ๆ ? ตอบ : ต้องตัดใจว่า "อย่างดีก็แค่ตาย" แล้วจะได้เร็ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#73
|
||||
|
||||
พระอาจารย์สอนว่า "คนเราอายุมากขึ้น ถ้าไม่ได้ตั้งใจลดละกิเลส ในส่วนของอุปาทานการยึดมั่นถือมั่น จะมีมากตามระยะที่ผ่านไป โดยเฉพาะอะไร ๆ ที่เป็นของกู จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#74
|
||||
|
||||
ถาม : ทำไมปฏิบัติไปแล้วไม่ก้าวหน้า ?
ตอบ : ถ้าไม่ทำเกินก็ทำขาดจ้ะ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะทำขาด เวลาเราทำประมาณวันละหนึ่งชั่วโมง อีกยี่สิบสามชั่วโมงกิเลสกินตลอด ก็ขาดทุนไปยี่สิบสามชั่วโมง ดังนั้น..ต้องรักษาอารมณ์ใจให้ได้ตลอดทั้งวัน ถาม : ต้องพยายามทำให้ได้ทั้งวัน ? ตอบ : ใช่..แต่ไม่ต้องนั่งทั้งวันจ้ะ นั่งหนึ่งชั่วโมงก็ได้ แต่เวลานั่งแล้วกำลังใจเรานิ่งขนาดไหน ถึงเวลาให้รักษาความนิ่งให้อยู่กับเราให้ได้ ต้องลองไปซ้อม ๆ ดู ถ้าทำได้จึงจะก้าวหน้า แรก ๆ ขยับก็หล่นหาย ซ้อมบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#75
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเราจะเลี้ยงกุมาร
ตอบ : ถ้าเป็นกุมารของ หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม หรือหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม ท่านทำถูกต้องตามพิธีกรรม จะเป็นเทวดา ท่านคงไม่กวนอะไร นอกจากให้ประโยชน์ แต่ถ้าไปเจอตำราที่ใช้ไสยศาสตร์อย่างเดียว ก็อาจจะได้พวกสัมภเวสี วิญญาณเด็ก ก็จะเป็นไปตามสภาพของเขา อาตมาเคยเลี้ยงกุมาร แต่ไม่ไหวต้องเอาไปส่งวัด เพราะว่าเขาเล่นกับหลาน ลงมาจากบันได ๑๒ ขั้น ปกติก็ต้องคอหักตายไปแล้ว นั่นเขาเล่นกัน แม่เขาจะหัวใจวายตาย ก็เลยต้องเอาไปส่งวัด ระวังนิดหนึ่งถ้าอันไหนเขาทำดี ทำถูกก็ใช้ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#76
|
||||
|
||||
มีท่านหนึ่งนำดอกมะลิใส่ขัน ถวายให้พระอาจารย์ พระอาจารย์เลยเล่าเรื่องของนายมาลาการให้ฟัง
"เห็นดอกมะลิแล้วนึกถึงนายมาลาการ นายมาลาการเป็นคนจัดทำดอกไม้ ร้อยพวงมาลัย พอดีวันนั้นนายมาลาการกำลังจะเอาดอกไม้ ๘ ตะกร้าไปส่งพระเจ้าแผ่นดิน ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมา นายมาลาการเห็นเข้าก็เลยเกิดความปีติใจ ไม่มีของจะถวาย จึงคิดว่า เราเอาดอกไม้โปรยเป็นพุทธบูชาก็แล้วกัน แต่คราวนี้ดอกไม้เป็นของพระเจ้าแผ่นดิน ถ้าถวายพระพุทธเจ้าไปแล้วไม่มีให้พระเจ้าแผ่นดิน พระองค์อาจพิโรธสั่งประหารชีวิตก็ได้ แต่ท่านก็คิดว่า ถึงจะโดนประหารชีวิตก็ตามที แต่บุญเช่นนี้หาโอกาสที่จะทำได้น้อยมาก เราตั้งใจทำบุญ ถึงโดนประหารชีวิต ตายไปก็เชื่อว่าไปสุคติ ท่านก็เลยเอาดอกไม้สองตะกร้า ซัดไปถวายเป็นพุทธบูชา ปรากฏว่าดอกมะลิทั้งสองตะกร้าแทนที่จะตกลงบนพื้น กลับลอยเป็นเพดานดาดอยู่ด้านบน พระพุทธเจ้าเสด็จไปไหน เพดานดอกไม้นี้ลอยตามไปด้วย ท่านก็เลยซัดไปอีกสองตะกร้า ก็ลอยเป็นเหมือนกับม่านอยู่ทางด้านหลัง ยิ่งเห็นก็ยิ่งปีติ ก็เลยซัดอีกสองตะกร้า คราวนี้ลอยไปอยู่ด้านซ้าย ซัดอีกสองตะกร้าลอยอยู่ทางด้านขวา กลายเป็นว่าพระพุทธเจ้าเสด็จไปไหน มีห้องเป็นดอกไม้ตามไปด้วยพร้อมฉัพพรรณรังสี ชาวบ้านเห็นก็โจษจันกันใหญ่ด้วยความปลื้มปีติ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-04-2010 เมื่อ 20:24 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#77
|
||||
|
||||
"แต่ภรรยาของนายมาลาการเห็นแล้วตกใจ กลัวจะโดนประหารเจ็ดชั่วโคตร จึงรีบเข้าวังไป บอกกับทหารว่า มีเรื่องด่วนจะมากราบทูลพระเจ้าแผ่นดิน ทหารก็พาเข้าไป ภรรยานายมาลาการกราบทูลว่า ตนเป็นภรรยาของนายมาลาการ ตอนนี้นายมาลาการทำการทรยศต่อแผ่นดินแล้ว แทนที่จะนำดอกไม้นั้นมาถวายพระเจ้าแผ่นดิน กลับเอาไปถวายเป็นพุทธบูชาเสีย ขอพระเจ้าแผ่นดินสั่งให้ตนเองหย่าขาดกับนายช่างดอกไม้นี้ จะได้ไม่เกี่ยวข้องกัน
พระเจ้าแผ่นดินถามว่าแน่ใจนะ ถ้าอะไรเกิดขึ้นกับเขาก็จะไม่เกี่ยวข้องถึงกับเขานะ ภรรยานายมาลาการก็ยืนยันที่จะให้เป็นอย่างนั้น พระเจ้าแผ่นดินก็อนุญาตให้หย่าขาดกันได้ แล้วก็ให้ทหารไปคุมตัวนายมาลาการมา พระเจ้าแผ่นดินก็ถามว่า ตอนที่ถวายดอกไม้พระพุทธเจ้า ไม่ได้คิดเลยหรือว่าจะต้องตาย นายมาลาการก็อธิบายให้พระเจ้าแผ่นดินฟัง ปรากฏว่าพระเจ้าแผ่นดินชื่นชม บอกว่าทำดีมาก..! ก็เลยพระราชทานรางวัล นอกจากสิ่งของเงินทองแล้ว ที่น่าเจ็บใจภรรยาเก่าที่สุดก็คือ ให้หญิงงามเป็นรางวัลอีก ๘ คน อันนี้เป็นอานิสงส์ทันตา ในลักษณะของครุกรรมฝ่ายกุศล ทำตอนนั้นได้ตอนนั้นเลย แต่คนที่น่าเสียดายสุดก็คือ ภรรยา ดันหย่าขาดไปเสียก่อน ลองไปอ่านได้ในธรรมบท มีเรื่องสนุกเยอะแยะมากมายเลย เกี่ยวกับอานิสงส์ต่าง ๆ ที่เราทำ จะทำเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม ท้ายสุดก็กลายเป็นอานิสงส์ใหญ่ แบบเดียวกับลาชเทวธิดาที่ถวายข้าวตอกพระมหากัปสสปะไป ๑ ขัน พอโดนงูกัดตาย ไปจุติเป็นนางฟ้ามีวิมานเป็นทองคำ และมีม่านเป็นข้าวตอก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#78
|
||||
|
||||
พระอาจารย์ได้ถามท่านหนึ่งว่า "ปกติทำสมาธิบ่อยไหม ?"
เธอตอบว่า "หนูกำลังอยากจะทำ แต่ไม่มั่นใจในศีลค่ะ บางวันก็ขาด" พระอาจารย์จึงแนะนำว่า "ต้องทำให้ได้จ้ะ เพราะทุกวันนี้ที่เราลังเลสงสัย ตัดสินใจอะไรไม่ขาด เพราะกำลังใจไม่พอ ถ้าเราทำสมาธิ กำลังใจดีขึ้น เรื่องต่าง ๆ เราจะทำตัดสินใจได้เด็ดขาดแน่นอน และส่งผลดีมากด้วย" ถาม : หนูยังงงกับอานาปานสติค่ะ ตอบ : หายใจแล้วนึกตามเข้าไป ว่าเข้าไปเท่าไร ออกมาเท่าไร ตามดูอยู่แค่นั้น ถ้าคิดเรื่องอื่นก็กลับมาตรงนี้ ถ้าสามารถดูได้ตลอดสักสิบนาที สิบห้านาที กำลังใจจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าทำได้แล้วจะได้เกิดผลดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่อย่างนั้นจะลังเล ทำอะไรยาก ถาม : ไม่มั่นใจ กลัวทำไม่ได้ค่ะ ตอบ : ทำไปเถอะ ขนาดทำยังลังเลเลย ปกติเรื่องอย่างนี้ขี้เกียจแนะนำ แต่ไหน ๆ ก็หลงมาถึงนี่แล้ว เลยบอกซะหน่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-04-2010 เมื่อ 23:11 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#79
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนนี้เวลาเกิดเหตุการณ์กระทบ ปกติถ้าเป็นเหตุการณ์อย่างนี้ เราจะนึกต่อว่าเขา นึกปรามาสเขา เพียงแต่ตอนนี้มีความรู้สึกว่า เหมือนเรามีสติมากขึ้น มันตัด ไม่ได้คิดต่อ ถ้าทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ?
ตอบ : ก็จะก้าวหน้าไปกว่านี้ ต่อไปแทนที่จะปล่อยไปเฉย ๆ ก็จะไปเมตตาสงสารเขา อาจจะหาทางช่วยเหลือเขาด้วย ถาม : ต้องทำไปเรื่อย ๆ ใช่ไหมคะ ? ถ้าหยุด..? ตอบ : ถ้าหยุดก็จะตีกลับ ประมาทไม่ได้จ้ะ อย่าไปคิดว่าได้แล้ว ต้องคิดว่าเป็นผู้ใหม่ไว้เสมอ ถ้าเราคิดว่าเป็นคนใหม่ไว้เสมอ เราก็จะไม่ประมาท
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#80
|
||||
|
||||
ถาม : ผมรับยันต์ไปเมื่อวันที่ ๒๐ เมื่อเช้านี้ท้องไส้ไม่ค่อยดีก็เลยกินยาธาตุน้ำขาวตรากระต่าย แล้วรู้สึกว่าร้อน พอไปอ่านข้างขวด ปรากฏว่ามีส่วนของแอลกอฮอล์
ตอบ : ถ้าเป็นยาไม่เป็นไร แต่ให้กินตามสูตรของเขานะ ไม่ใช่กินหมดขวดเลย ถาม : ช้อนเดียวครับ สรุปว่ากินได้ ? ตอบ : ถ้าผสมยากินได้ กินตามหมอสั่งหรือกินตามสูตรของเขา อย่างพวกยาดอง กินเช้าเป๊กหนึ่ง เย็นเป๊กหนึ่งได้ แต่ถ้าจะกินเอาเมา ก็ได้เรื่องแน่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-04-2010 เมื่อ 13:03 |
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|