|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
"ต้องบอกว่าคนไทยเราดีชั่วรู้หมด แต่มักจะอดไม่ได้ แม้กระทั่งช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ตายกันไปมาก ๆ ๓๐๐-๔๐๐ ศพ บาดเจ็บอีก ๓,๐๐๐ กว่าคน ทุกคนก็รู้ว่าถ้าไปด้วยการเคารพกฎจราจรก็จะปลอดภัย ถ้าไม่เมาแล้วขับก็จะปลอดภัย ถ้าไม่ขับรถเร็วจะปลอดภัย แต่ทุกคนทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตัวเองรู้ ก็ดีไปอย่างหนึ่ง...เพื่อให้พวกด้อยคุณภาพแบบนี้หมด ๆ ไป ถึงเวลาเผื่อพวกที่เหลืออยู่มีคุณภาพดีกว่า อะไร ๆ ก็จะได้ดีขึ้นมาบ้าง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2020 เมื่อ 02:57 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่งท้ายปีเก่า ๒๕๖๒ ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๓ หยุดต่อเนื่องกันหลายวัน ญาติโยมส่วนใหญ่ถ้าไม่กลับไปฉลองกับครอบครัว ก็เข้าวัดเข้าวาสร้างบุญสร้างกุศล
ทางวัดท่าขนุนจัดปฏิบัติธรรม ญาติโยมไปกันมากเกินคาด โดยเฉพาะการสวดมนต์ข้ามปี ปีนี้อุ่นหนาฝาคั่งดีมาก แต่ขณะเดียวกัน..บางส่วนอาตมาเห็นแล้วก็เซ็ง มีคณะญาติโยมไปเจอเรือโบราณจมอยู่ก้นแม่น้ำแควน้อยหลังวัด ก็ไปช่วยกันกู้ซากเรือมาวางไว้ด้านข้างโบสถ์ ติดกับพระเจดีย์ ๘๔ พรรษาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆมหาปรินณายก แล้วมีคนเอาดอกไม้เอาพวงมาลัยไปไหว้ เอาแป้งไปโรยเพื่อขูดหาตัวเลข เมื่อวานนี้อาตมาบอกกับทางชาวบ้านในหมู่บ้านว่า “ถ้าต้องการ..จะยกไปไว้ไหนก็เอาไป แต่ต้องไปให้พ้นวัด ถ้าไม่ต้องการอาตมาจะเอาไว้ทำฟืนหลอมผางประทีป..!” ญาติโยมหลายคนก็งง วัดอื่น ๆ เขาต้องการของพวกนี้เพื่อเรียกคนเข้าวัด อาตมาบอกว่า ประการแรก...ไม่ได้ต้องการให้คนเข้าวัดแบบนี้ เพราะว่าคนประเภทนี้มามากเท่าไรก็ยุ่งเท่านั้น ประการที่สอง...โบสถ์ก็อยู่ตรงนั้น พระเจดีย์ก็อยู่ตรงนั้น แทนที่จะไปไหว้พระประธานในโบสถ์ แทนที่จะไปไหว้สักการะพระเจดีย์ ดันไปไหว้เรือ...! อาตมาเห็นแล้วรู้สึกทุเรศมาก ก็เลยบอกให้รีบเอาออกไป ไม่อย่างนั้นจะเอาไปทำฟืน..! ต่อไปถ้าเกิดใครถูกหวยเข้าสักงวดสองงวด สุดท้ายก็ไม่ไหว้พระแล้ว แต่จะไปไหว้เรือกันหมด..! สังขารหลวงปู่สายอยู่มา ๒๗-๒๘ ปี ปกติคนก็เคารพกราบไหว้กันดี แต่ถ้ามีคนดวงเฮงไปถูกหวยเพราะไอ้เรือนี่เข้า คนก็จะไปไหว้เรือกันหมด..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2020 เมื่อ 07:58 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
พูดถึง "ไอ้ไข่" "ช่วงปีใหม่มีอยู่ที่หนึ่งที่ซึ่งคนไปจนรถติดบรรลัยวายวอดเลย ก็คือไปไหว้ไอ้ไข่ "ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์" พระเขาเลิกไหว้แล้ว ไปไหว้มหิทธิกาเปรต..! เพราะว่าคนเรามักง่าย อะไรที่ลำบากจะไม่ทำ
ถ้าสมมติว่าเรานั่งภาวนาพระคาถาเงินล้านวันละ ๑๐๘ จบ ยอมลำบากสัก ๓ เดือนต่อเนื่องกัน เรื่องของลาภผลเงินทองจะเจริญยั่งยืนและมาเรื่อย ๆ ชนิดที่ไม่รู้จักหมด แต่เราไม่ทำกันเพราะว่ายาก สู้ไปไหว้ขอไอ้ไข่ไม่ได้ ขอแล้วจะได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ เห็นคนอื่นขอได้เราก็ไปขอบ้าง ในเรื่องของความมักง่ายเกิดขึ้นในสังคมไทย จนแทบจะฝังรากอยู่ในดีเอ็นเอแล้ว ประมาณว่าชีวิตไม่เจริญก้าวหน้า มีอุปสรรคก็เปลี่ยนชื่อ กูจะบ้า..! ชีวิตแย่เพราะว่า กาย วาจา ใจ ของตนเองไม่ดี ต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ใช่เปลี่ยนชื่อ บางคนเขียนชื่อมาอ่านไม่ออกเลย ชื่ออะไรก็ไม่รู้ อาตมาสอบภาษาไทยได้ที่ ๑ มาตลอดตั้งแต่ชั้นประถม แต่อ่านชื่อเขาไม่ออก แถมยังแปลไม่ได้อีกด้วย ก็เลยมีหลักการง่าย ๆ ว่าดูเอาก็แล้วกัน ถ้าชื่อยังยากแล้วชีวิตจะง่ายได้อย่างไร ? คนเขาจะว่าอาตมาต่อต้านการเปลี่ยนชื่อหรือเปล่า ? เพียงแต่อยากจะบอกว่าสาระที่แท้จริงนั้น ถ้าคุณต้องการจะเปลี่ยนชีวิตก็ต้องเปลี่ยนความประพฤติ ปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของตัวเองให้อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา ให้มั่นคง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง เพียงแต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นของยาก สู้เปลี่ยนชื่อไม่ได้ บางคนเปลี่ยนชื่อปุ๊บ พอดีกุศลเก่ามาหนุน อะไร ๆ ก็เจริญไปหมด ก็ยิ่งเชื่อฝังหัวเข้าไปใหญ่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พ่อแม่ลูก ๕ คนในบ้าน แต่ละชื่ออาตมาอ่านไม่ออกเลย ลองเขียนเป็นภาษาอังกฤษดูสิว่าฝรั่งจะอ่านกันออกไหม ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2020 เมื่อ 08:01 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
"คิดไม่เหมือนชาวบ้านเขาก็อย่างนี้แหละ ถึงได้บอกว่าคนปฏิบัติธรรมนั้นสวนทางกับชาวบ้าน ชาวบ้านเขาเฮกันไปข้างหน้า พวกเราดันเดินย้อนหลัง ชาวบ้านเขาแห่ลงตีนเขา..เดินง่ายดี ไอ้เราดันตะกายขึ้นยอดเขา ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับตบะ ใครทำมามาก ทนปากชาวบ้านได้ ก็ประสบความสำเร็จ ทำมาน้อย ทนปากชาวบ้านไม่ได้ ก็ไหลตามเขาไป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2020 เมื่อ 04:37 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "มีอยู่ช่วงหนึ่งฟังเพื่อนพระท่านพูดภาษาอังกฤษ ท่านกล้ามาก พูดถูกหรือผิดอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ท่านก็กล้าพูด ถึงเวลาอาตมาก็ต้องคอยแก้ให้เขาว่า ภาษาอังกฤษคำนี้ต้องเป็นอย่างนี้ คุณไปใช้สามเณรว่า Samanara ฝรั่งเขาฟังไม่รู้เรื่อง รู้จักแต่ Novice
เพื่อนกล้าพูดเราก็ต้องสนับสนุน อะไรที่พูดผิดพูดถูกก็ปล่อยเขา ให้เขานำเสนอได้ก็แล้วกัน ก็บอกให้ฝรั่งภาวนาพองยุบ เขาบอกว่า See in your stomach. อาตมาบอกให้เปลี่ยนใหม่ See in center of your body. ฝรั่งจะเข้าใจมากกว่า"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2020 เมื่อ 08:03 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
ถาม : หนูไม่รู้ทำอะไรผิดมา ขณิกสมาธิยังไม่ได้เลยค่ะ กำหนดภาพพระดูลมแล้วเหมือนนิวรณ์ ๕ มาครบค่ะ แม้กระทั่งจัดเทียนหอมถวายพระก็หงุดหงิด กำหนดภาพพระก็โดนความคิดเบียดค่ะ ?
ตอบ : ไปวิ่งสัก ๓-๔ กิโลเมตร พอเหนื่อยใจก็จะกลับมาอยู่กับพระเอง คือคนเราถ้าไม่ใกล้ความตาย ใจจะไม่เกาะความดี กิเลสจะพาเราเตลิดเปิดเปิง คราวนี้เราไปกดเอาไว้นาน พอกดเอาไว้นานมีช่องแม้แต่นิดเดียว กิเลสก็จะดิ้นสุดชีวิต เพราะเขารู้ว่าเขาจะตาย เมื่อกิเลสใกล้ตายก็จะอาละวาดอย่างนั้น คราวนี้ทำอย่างไรที่เราจะสู้ได้ ? ในเมื่อเราสู้ตรงนี้ไม่ได้...ก็พากิเลสวิ่ง พอเหนื่อยหายใจไม่ทัน รู้ว่าตัวเองใกล้ตายจนกระทั่งหายใจไม่ทัน ใจจะวิ่งกลับมาอยู่กับการภาวนาเอง วิ่งไป ๘-๑๐ กิโลเมตร หรือสมัครวิ่งมาราธอนไปเลยก็ได้ ถาม : เป็นเรื่องปกติใช่ไหมคะ เพราะเราไปกดไว้ ? ตอบ : ถูก...เรากดกิเลสไว้แล้วเราก็เผลอไปปล่อย มีช่องแม้แต่นิดเดียวกิเลสก็แทรกมาแล้ว อย่างเช่น เราปล่อยให้มีช่องเพราะไปจุดเทียนหอม กิเลสก็ฉวยโอกาสอาละวาดเลย ถาม : ธรรมดาใช่ไหมคะ ? ตอบ : ธรรมดา ถ้าไม่เป็นสิประหลาด ไปสู้ใหม่ อย่าเพิ่งท้อ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2020 เมื่อ 04:33 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนไปธุดงค์ ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง หนูก็ไม่รู้ว่าหนูเป็นหรือไม่เป็น ระหว่างไปตอนแรกก็เหมือนเป็น เรารู้ตัวแต่รู้ตัวเหมือนลอย ๆ ขึ้นไปข้างบนไปถามว่าหลวงปู่ปานจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ามีพระนามว่าอะไร หนูไปถามท่านก็ได้คำตอบมา แต่หนูไปถามคนอื่นไม่มีใครรู้เลยค่ะ ?
ตอบ : สมเด็จพระธัมมราชาสัมมาสัมพุทธเจ้า ถาม : แสดงว่าที่หนูเห็นไม่เฝือใช่ไหมคะ ? ตอบ : ของอย่างนี้อย่าไปถามเพราะว่าไม่เกิดประโยชน์อะไร ที่ควรจะเกิดประโยชน์ก็คือทำอย่างไรที่ให้เราหมดกิเลสต่างหาก แล้วการใช้มโนมยิทธิต้องรู้เทคนิค ถ้าอยากเห็นชัดเจนสม่ำเสมอ พอรู้ตัวว่าจิตเฝือ การรับรู้เริ่มจางลง ให้วิ่งกลับมาหาลมหายใจใหม่ แสดงว่าตอนนั้นกำลังสมาธิไม่พอใช้งานแล้ว มาอยู่กับลมหายใจเข้าออกสักพักใหญ่ ๆ พอสมาธิทรงตัวแล้วค่อยไปใหม่ ทำสลับไปสลับมาอย่างนี้ความชัดเจนจะสม่ำเสมอ แต่ถ้าหากเราประเภทไปตียาวเป็นชั่วโมง...แบบนั้นเจ๊งแน่ ท้าย ๆ จะมั่ว อย่าไปว่าใครเลย อาตมาลองผิดลองถูกอยู่ตั้ง ๓ ปี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2020 เมื่อ 04:35 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
ถาม : เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากดกรรมฐานนานเกินไป ?
ตอบ : พอสมาธิทรงตัวก็มาพิจารณา พอพิจารณาไปเรื่อย ๆ จิตเหนื่อยก็จะไปภาวนาเอง พอภาวนาเสร็จแล้วเรามาพิจารณา ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเราภาวนาแล้วไม่พิจารณา เผลอเมื่อไรกิเลสจะเอากำลังตรงนั้นไปฟุ้ง แล้วจะฟุ้งชนิดเอาไม่อยู่อย่างที่เราเจอมา เพราะว่ากิเลสใช้กำลังของเรามาตีเราเอง สร้างอาวุธได้ต้องเอาไปกำจัดศัตรู สร้างแล้วปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ ศัตรูไปฉวยได้ก็จะเอามาฟันหัวเราเอง ถาม : (ไม่ชัด) ตอบ : เราอ่อนวิปัสสนา ไม่ใช่อ่อนสมถะ ส่วนใหญ่จะถนัดสมถะแล้วก็ลืมพิจารณา พอลืมพิจารณา รัก โลภ โกรธ หลง จะเอากำลังไปใช้ ในเมื่อคุณไม่ใช้ ผมจะใช้แทนอะไรอย่างนั้น เราก็ลำบากแล้ว ถาม : (ไม่ชัด) ตอบ : ยังอีกเยอะ หลักการปฏิบัติถ้าหากว่าเราน้ำตาไม่ร่วงแล้วไม่ร่วงอีก ก็จะไม่เข็ด พอเข็ดแล้ว คราวนี้จะเริ่มรู้จักแล้วว่าทำอย่างไรจะให้ทรงความดีได้นาน ๆ ถาม : ทุกวันนี้หนูร้องไห้จนตาบวม ตอบ : เรื่องปกติ ‘น้ำตาที่ไหลรวมกันทุกชาติ มากกว่ามหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นไหน ๆ’ ไปกังวลอะไรกับร้องไห้อีกสักงาน ๒ งาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-01-2020 เมื่อ 08:46 |
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "การทำทานคือการสละออก โดยเฉพาะการสละออกซึ่งความยึดมั่นถือมั่น ทานที่สูงสุดคือทานที่ประกอบไปด้วยอุเบกขา ไม่ใช่ว่ากูไม่ได้ถวายกับมือก็ไม่ใช่ทาน ถ้าอย่างนั้นก็รอไปเถอะ..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2020 เมื่อ 02:54 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
ถาม : ตะกรุดดอกนี้ตีเป็นของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานได้ไหมครับ ?
ตอบ : ตะกรุดคู่ชีวิตหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ถ้าเป็นสามกษัตริย์จะใหญ่กว่านี้ ถ้าเป็นแค่สองกษัตริย์หรือว่าเนื้อเดียวก็จะยาวกว่านี้ ต้องเห็นของมาเยอะ ๆ ถ้าไม่เห็นของมาเยอะ ๆ โดยเฉพาะของจริงนี่เราจะแยกไม่ออก ของบางอย่างถ้าที่มาไม่ชัดเจน เราต้องประมวลให้ใกล้เคียงที่สุด เพราะฉะนั้น..ดอกนี้อาตมาตีเป็นของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ประมวลเอาตามลักษณะลายถักและน้ำหนัก โดยเฉพาะเลี่ยมจนไม่สามารถเห็นหัวท้ายได้แบบนี้ ถ้าตีว่าเป็นของวัดบางกะพ้อม บางคนบอกว่าหาเรื่องตีเป็นของแพง เพราะว่าของวัดบางกะพ้อม หน้าตาอย่างนี้คือตะกรุดมหาระงับ ถ้าเป็นของหลวงปู่ศุขก็เป็นตะกรุดจันทร์เพ็ญ ถ้าเป็นของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จะเป็นตะกรุดคู่ชีวิต
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2020 เมื่อ 02:56 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
ตะกรุดที่ลงรักหรือลงยางมะพลับจะเป็นลักษณะแบบนี้ ก็คือตัวยางรักหรือยางมะพลับจะรัดเป็นเนื้อเดียวกับเชือกที่ถักไปเลย ถ้าไปเจอตะกรุดที่ไหนแตก ๆ ร้าว ๆ ล่อนเป็นแผ่น ๆ ให้ถอยไปห่าง ๆ ไว้ก่อน เพราะว่าสมัยนี้เขาทำปลอมได้เก่งมาก
เขาจะไปเอาแผ่นเสียงครั่งแบบเก่า ๆ โดยเฉพาะที่หมดสภาพแล้วมาหลอมแล้วเอาตะกรุดลงไปชุบ ลักษณะอย่างนั้นจะทำให้ออกเป็นสีแดงเพราะเนื้อครั่ง ซึ่งในยุคแรก ๆ ของการลงรักมักจะเป็นรักจีน ซึ่งจะออกสีแดง ไม่ใช่ดำสนิทแบบรักไทย แต่คราวนี้พอชุบครั่ง ซึ่งไม่นานพอที่จะกลืนเป็นเนื้อเดียวกับเชือกถัก ก็จะมีรอยแตกจะร้าวเป็นปกติ โดยเฉพาะถ้าเป็นการลงรัก รักยิ่งเก่าจะยิ่งมันเงาใส ยกเว้นอยู่สำนักเดียวก็คือวัดโตนดหลวง ที่ท่านใช้วิธีพอกครั่ง ซึ่งครั่งไม่ได้เงาแบบรัก ครั่งของหลวงพ่อทองศุขท่านพอกตะกรุด จะหนามาก ถ้าไม่มีรอยแตก ไม่มีจุดแดง จะเป็นของปลอม ถ้าเป็นรักสีแดงแต่หนา แตก ล่อน ให้ระแวงไว้ก่อนว่านั่นเป็นของปลอม..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2020 เมื่อ 03:03 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
ครั่งก็จะมีรอยแตกเป็นปกติ เพราะว่าเนื้อไม่ได้จับกันแน่นถึงขนาด แต่ส่วนที่สังเกตง่ายก็คือ เนื้อครั่งจะมีจุดสีแดง ๆ แทรกอยู่มากบ้างน้อยบ้าง จุดสีแดง ๆ ก็คือตัวครั่งซึ่งเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ เหมือนกับพวกไร พอถึงเวลาโดนบี้ตายพร้อมกับรังก็จะมีเลือดติดอยู่เป็นจุด ๆ แดง ๆ
เรื่องพวกนี้ต้องค่อย ๆ ศึกษา ค่อย ๆ ดูไป โดยเฉพาะต้องเจอคนไม่หวงวิชา มีเจตนาที่จะศึกษาเพื่อเผยแพร่ต่อจริง ๆ แล้วที่สำคัญก็คือต้องมีของแท้ให้ดูเป็นตัวอย่าง พอถึงเวลาเปรียบกับของเทียมแล้วก็จะเห็นได้ชัดเลย วันก่อนอาตมาไปเจอมีดหมอหลวงพ่อเดิมเล่มหนึ่ง ฝักแท้แต่ใบมีดปลอม น่าตายมาก...! ถ้าตัวมีดแท้ฝักปลอมยังว่าจะเอาไว้ใช้ คราวนี้ฝักแท้แต่มีดปลอมแล้วตูจะไปใช้อะไรได้ ? คือของเขามีส่วนแท้อยู่ด้วย คนที่ตาไม่ถึง สังเกตไม่ดี เวลาเห็นกลัวคนอื่นตัดหน้าก็คว้าเลย ถ้าอย่างนั้นก็เสร็จโจรแล้วครับ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2020 เมื่อ 03:05 |
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
การเล่นวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง...อย่าโลภ คำว่า โลภ ในที่นี้ อันดับแรกก็คือ เห็นแล้วอยากได้ ตั้งราคาไว้ในใจของเรา กำหนดความสวยของวัตถุมงคลไว้ในใจของเรา ถ้าไม่ได้งามขนาดนี้ไม่เอา
ประการที่ ๒ อย่าศึกษาหลายอย่างพร้อม ๆ กัน...แบบนั้นเก่งยาก เอาทีละอย่าง พอเก่งแล้วค่อยขยับไปอย่างอื่น มั่นใจว่าดูด้วยตัวเองขาดแน่นอน ไม่ต้องไปอาศัยตาใคร แล้วค่อยขยับไปศึกษาอย่างอื่น ไม่อย่างนั้นแล้วมีโอกาสโดนสอยเยอะมาก เพราะว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ไปไกล ปาดคอเซียนมาเยอะแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2020 เมื่อ 03:07 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวเตือนโยม "ถ้าจะดื้อก็ต้องดื้อในเรื่องที่สมควร ดื้อในเรื่องที่ไม่สมควรอย่าไปดื้อ คำว่า ดื้อ ในที่นี้ก็คือการยืนกราน อย่างเรื่องของหลักธรรม ถ้าถูกต้องก็ต้องยืนกราน ต้องดื้อให้เป็น ไม่ใช่ดื้อไปทุกเรื่อง ถ้าดื้อไปทุกเรื่องบางครั้งก็ทำให้เสียประโยชน์"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2020 เมื่อ 03:08 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลที่เอาลงตู้วันนี้ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ มีของหายากก็คือ ตะกรุดมงกุฎพระพุทธเจ้าทองคำ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง มีเพื่อนบางท่านบอกว่าพระโบราณเคร่งครัดมาก ไม่ใช้เงินหรือทองคำทำตะกรุด อาตมาก็ทราบว่าพระโบราณเคร่งครัดมาก แต่นั่นหมายถึงการจับเงินจับทองที่รับเป็นของตนเอง ถ้ารับเป็นของตนเองนั้นโดนปรับอาบัติ เพราะว่าทำให้ศีลขาด
แต่คราวนี้บรรดาพ่อค้าคหบดีหรือเจ้าใหญ่นายโต ตลอดจนท่านที่อยู่ในรั้วในวังมาให้ทำวัตถุมงคล วัสดุของท่านเป็นเงินเป็นทอง หลวงปู่หลวงพ่อท่านก็ทำให้ โดยเฉพาะหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ในรั้วในวังท่านขึ้นตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา จะว่าไปแล้วอาตมาเองก็ไม่ได้เจอง่าย ๆ เหมือนกัน ถ้าตะกรุดทองคำของท่านนี่ในชีวิตก็เจอแค่ ๒ ดอก เขาเรียกว่าตะกรุดมงกุฎพระพุทธเจ้า เป็นพระคาถาที่หลวงปู่เอี่ยมท่านถวายในหลวงรัชกาลที่ ๕ ตอนเสด็จไปยุโรป แล้วก็ปลอดภัยกลับมา สร้างชื่อเสียงเกียรติคุณขจรขจายไปทั่วโลก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2020 เมื่อ 16:26 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
"หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง นั่นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังก็เพราะว่าคนเขาไปยกเอาหมากทุยของท่านเข้าทำเนียบ ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน อันดับแรกเลยก็คือ "หมากดีที่วัดหนัง" คนรุ่นหลังก็เลยไปคิดว่าท่านเก่งเฉพาะหมากทุย ความจริงพระระดับนั้นทำอะไรก็ขลังไปหมด
ถ้าจะเอาไว้บูชาเองก็เอา ถ้าจะเอาไปจำหน่ายต่อให้ระวังไว้ เซียนสมัยนี้ไม่ค่อยมีจรรยาบรรณหรอก เขาเรียกว่าช่วยกันแห่ ไปโต๊ะที่ ๑ บอกว่าปลอม โต๊ะที่ ๒ บอกว่าปลอม โต๊ะที่ ๓ บอกว่าปลอม ทั้งสนามบอกว่าปลอม แล้วเขาจะไปแอบดักซื้อราคาถูก ๆ ทีหลัง พอไปอยู่ในมือของเขาเมื่อไรก็จะแท้ทันที..! วันก่อนที่เพิ่งจะยิงกันตายไป ก็คือขายที่ดินแต่โดนนายธนาคารกดราคาเหลือแค่ ๘ ล้านบาท แล้วตัวเองเอาไปขายต่อในราคา ๓๐ ล้านบาท เจ้าของเดิมทนไม่ไหว ตามไปยิงตายคางานฉลองปีใหม่เลย เล่นวัตถุมงคลให้เล่นเพราะรักชอบเป็นการส่วนตัว อย่าไปเล่นเพราะหวังเอากำไร ไม่อย่างนั้นจะเสียอารมณ์เวลาเจอ "เสี้ยน" หลอกฟันเราหลายชั้น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-01-2020 เมื่อ 11:05 |
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีใหม่ให้ปฏิวัติตัวเอง ถ้าเคยเดินห้างครึ่งวันเราก็เดินห้างแค่ ๒ ชั่วโมงแล้วไปเดินวัด ๒ ชั่วโมง แบ่งกันคนละครึ่ง ความเจริญจะได้ปรากฏแก่เราเสียที
การที่เราทำสิ่งดีหรือชั่วก็ตาม จะเกิดพลังที่ส่งผลให้เรียกว่า วิบาก ภาษาบาลีเรียกว่า วิปากะ พลังทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลให้เฉย ๆ ยังดึงเอาพลังประเภทเดียวกันเข้ามาหาด้วย เพราะฉะนั้น..ถ้าเราทำแต่สิ่งที่ดี ๆ พอถึงเวลาพลังความดีมีมาก ก็จะดึงดูดเอาสิ่งที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิต นั่นก็คือเป็นกุศลวิบาก การส่งผลในด้านดีด้านเจริญ แต่ถ้าเราทำในส่วนที่ชั่วมากกว่า ถึงเวลาการส่งผลก็จะทำให้เกิดพลังดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีเข้ามามาก ชีวิตเราก็จะเดือดร้อน เขาเรียกว่า อกุศลวิบาก คือการส่งผลของสิ่งที่ไม่ดีหรือกรรมที่ไม่ดีของเรา เพราะฉะนั้น..วิธีแก้ไขก็คือต้องเพิ่มบุญเพิ่มกุศล อย่างช่วงปีใหม่ไปตระเวนไหว้พระ ไปสวดมนต์ข้ามปี ไปเจริญจิตภาวนา นั่นเป็นการเพิ่มกุศลวิบาก ดังนั้น..ต้องบอกว่าโบราณท่านมีความฉลาดมาก ให้เรานำสิ่งที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิต พอถึงเวลาถ้าสามารถนำเข้ามาได้มาก กำลังที่ส่งผลก็จะดึงดูดเอาสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตของเรา ก็จะเป็นผู้ที่เจริญรุ่งเรือง เพราะฉะนั้น..เราก็ควรจะรู้ว่าปีใหม่ควรที่จะทำอะไร และอย่าทำเฉพาะปีใหม่ ทำได้ทั้งปี และทำได้ตลอดไปจะดีที่สุด ประเสริฐที่สุด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-01-2020 เมื่อ 20:40 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
"การทำความดีแรก ๆ ก็เหนื่อย เหมือนพายเรือทวนน้ำ แต่หลังจากที่เราทำบ่อย ๆ ก็จะมีความแข็งแรงมากขึ้น ๆ การพายเรือทวนน้ำกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ปัญหาแล้ว สามารถทวนได้แบบสง่าผ่าเผยและไม่หนักแรง เพราะว่ามีกำลังมาก แต่ถ้ากำลังไม่พอก็เหนื่อยเกือบตาย ท้อบ้าง ถอยบ้าง เลิกทำไปบ้าง
น่าเสียดายบางท่าน อุตส่าห์ฝ่าฟันมาอยู่ในจุดที่กำลังความดีกำลังจะสนองอยู่แล้ว แต่ไปรามือเสียก่อน ขาดต้นทุนอีกนิดเดียวเท่านั้น ทำเพิ่มอีกนิดเดียวก็มีแต่สิ่งที่ดี ๆ เข้ามาแล้ว แต่ไปถอดใจเสียก่อน ต้องดูตัวอย่างนักกีฬาจากแอฟริกา แข่งมาราธอนโอลิมปิกได้รับบาดเจ็บ อุตส่าห์โขยกเขยกจนกระทั่งเข้าสู่เส้นชัย ต้องบอกว่าเขาวิ่งไม่ใช่วิ่งเพราะต้องการจะชิงเหรียญ แต่เขาวิ่งเพราะว่าประเทศชาติส่งเขามาทำหน้าที่นี้ ต่อให้บาดเจ็บแค่ไหนเขาก็ต้องทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จ เมื่อได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่แล้ว ก็สามารถตอบต่อตัวเองได้ สามารถตอบต่อประชาชนในประเทศได้ โดยเฉพาะสามารถตอบต่อรัฐบาลที่ส่งตัวเองมาแข่งขันได้ นี่คือกำลังใจพระโพธิสัตว์ กำลังใจของพระมหาชนก ว่ายน้ำอยู่ในทะเลที่มองไม่เห็นฝั่ง ๗ วัน ๗ คืน นางมณีเมขลาผ่านมาเห็นเข้า บอกว่าไกลจนไม่เห็นฝั่งอย่างนี้ เกินกำลังที่ท่านจะทำได้แล้ว ทำไมยังเพียรพยายามว่ายน้ำอยู่ ? พระมหาชนกตอบว่า ถ้าระยะทางอยู่ในความเพียรของตนเอง สามารถว่ายถึงได้แต่ไม่ทำ ก็ถือว่าขาดความเพียร ขาดปัญญาอย่างมาก แต่ถึงระยะทางจะไกลเกินกำลัง ว่ายไปจนท้ายสุดต้องจมน้ำตาย ก็ตอบตนเองได้ว่าใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว นางมณีเมขลาฟังแล้วชอบใจจึงอุ้มไปส่ง ต้องบอกว่ารอดตายเพราะความเพียร ไม่ท้อถอย ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยกพระมหาชนกให้พวกเราดูว่า พระองค์ท่านเพียรมาตลอด ๗๐ ปีเพื่อที่จะช่วยชาวบ้านของเราให้พอมี พอกิน พออยู่ แต่ปรากฏว่าส่วนน้อยที่รับเอาสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ท่านบำเพ็ญเป็นตัวอย่างเอาไปใช้งาน ส่วนมากก็ยังไหลตามกระแสบริโภคนิยม ที่อาตมาใช้คำว่า คนไทยเราดีชั่วรู้หมด แต่มักจะอดไม่ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-01-2020 เมื่อ 11:06 |
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
โยมถวายน้ำส้ม "เห็นหลวงพ่อตัวแค่นี้ ถวายให้ฉันทีเป็นลังเลย..! ทำบุญต้องใช้ปัญญาด้วย หลวงพ่ออยู่คนเดียว ฉันอะไรทีหนึ่งเป็นลัง ส่วนใหญ่พวกเราเอามากเข้าว่า เน้นปริมาณ ไม่เอาคุณภาพ
ญาติโยมที่อยู่ข้างล่างโปรดทราบ น้ำส้มเหลือจากหลวงพ่อแล้ว ลุยได้เลย น่าจะอร่อยมาก เพราะว่าเจ้าของขนมาถวายด้วยความมั่นใจ แต่มาเจอหลวงพ่อลิ้นจระเข้ ฉันอะไรก็ไม่เคยอร่อย ทำให้โยมหมดอารมณ์มาเยอะแล้ว ถวายมากยังโดนดุอีกต่างหาก โดยเฉพาะพวกถวายเงินมาก ๆ เคยไล่กลับไปให้นอนคิด ๑ อาทิตย์ ว่าถ้าไม่เดือดร้อน ไม่ต้องใช้อย่างอื่นแล้วค่อยเอามาใหม่ ถามว่าหลวงพ่อต้องใช้เงินไหม ? ต้องใช้..แล้วช่วงนั้นใช้มากด้วย แต่ไม่ใช่ว่ารับถวายแบบสิ้นสติ เอามาทีเป็นล้าน ๆ ต้องดูให้รอบคอบก่อนว่าตัวเอง ลูกเมีย ครอบครัว ปู่ย่าตาทวด มีใครต้องใช้ไหม ถ้ามีเอาไปให้เขาก่อน รายนั้นหายไป ๗ วันก็มาใหม่ "คิดรอบคอบแล้วครับ ไม่มีใครจะเดือดร้อนเพราะเงินก้อนนี้ของผม และผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้อย่างอื่น" ถ้าอย่างนั้นก็จะรับไว้ ฉะนั้น...โยมทำบุญตรงนี้ อาจจะเจอประเภทบ่นบ้าง ถ้าสนิทกันมากก็อาจจะด่าเลย เพราะว่าไม่อยากให้พวกเราทำบุญแบบสิ้นสติ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2020 เมื่อ 03:35 |
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
"อาตมามีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง ตอนนี้ก็คงจะลำบากในชีวิต เพราะว่าตอนนั้นที่ไทรโยค มีฤๅษีอาศัยอยู่ในถ้ำ ถ้าใครติดตามข่าว เขาเรียกว่า ฤๅษีเพ่งอึ ก็คือไปถ่ายกองเอาไว้ แล้วก็ไปนั่งพิจารณา ไม่รู้ว่าพิจารณาอสุภกรรมฐาน หรือว่าพิจารณาเอาขลังก็ไม่รู้
โยมเกิดศรัทธา เบิกเงินสดไปถวาย ๑๐ ล้านบาท ลืมไปว่าตัวเองจะต้องใช้ คราวนี้เล่นเอาเงินสำรองทีเดียวหมด ก็ทะเลาะกันบ้านแตก เมียหนีเลย อาตมาไม่อยากให้เจอปรากฎการณ์แบบนั้น ทำบุญก็ทำอย่างมีสติ ทำบ่อย ๆ ทำน้อย ๆ ใจจะสละออกได้เรื่อย ๆ ความโลภในใจเราจะได้ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2020 เมื่อ 03:23 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|