|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#41
|
||||
|
||||
"มีอยู่ช่วงหนึ่ง ๒ ปีโดยประมาณ อาตมานอนคืนหนึ่งประมาณ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น นอกนั้นพายเรือไล่จับคนหาปลา วังมัจฉาหน้าวัดท่าซุงเกิดขึ้นได้เพราะอาตมาเอง ป้องกันสุดชีวิต ไม่มีใครคิดว่าพระจะพายเรือทั้งคืน แต่อาตมาพายไปภาวนาไป
จะว่าไปช่วงนั้นผอมแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก แต่สภาพจิตมีความสุขมาก เพราะว่าทรงฌานทั้งวันทั้งคืน กิเลสกินไม่ได้ มีอยู่วันหนึ่งได้ยินเสียงบอกเข้าหูชัด ๆ เลยในลักษณะพยากรณ์มรรคผล แล้วอารมณ์ใจตอนนั้นก็รู้สึกว่าสบายสุด ๆ ไม่มีกิเลสมาแผ้วพานได้เลย พยายามไล่ตรวจสอบดูตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอน ก็คือเทียบกับสังโยชน์ ๑๐ ปรากฏว่าเชื่อไม่ได้ คำพยากรณ์เป็นสิ่งมาทดสอบ อารมณ์ใจตอนนั้นก็เป็นสิ่งที่มาทดสอบ เพราะพิจารณาโดยไม่เข้าข้างตัวเองแล้ว สังโยชน์ ๑๐ ยังอยู่ครบทั้งสิบตัวเลย เพียงแต่กิเลสหลบไปนอนเฉย ๆ เขาสู้ความบ้าของเราไม่ได้ เพราะว่าภาวนาทั้งวันทั้งคืน ทรงฌานไม่ยอมคลาย จะหลับจะตื่นมีสติรู้เท่าหมด ในเมื่อกิเลสสู้ไม่ได้ ก็ไม่ไปไหนหรอก แค่หลบไปนอน มีปัญญามึงเต้นไป เดี๋ยวมึงเหนื่อยกูค่อยออกมา ฉะนั้น...ระวังให้ดีนะ อาตมาทำถึงขนาดนั้นยังโดนหลอกอยู่เรื่อยเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2018 เมื่อ 20:54 |
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#42
|
||||
|
||||
มีโยมมาถวายสังฆทานอุทิศให้คนตาย "คนตายส่วนใหญ่สบาย ส่วนเราต้องรีบทำบุญให้มากไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่ต้องรอใครเขาทำให้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2018 เมื่อ 20:54 |
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#43
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เป็นวันทำบุญบ้านเป็นครั้งที่สอง รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วมาก พักเดียวก็ย่างเข้าปีที่ ๒ มา ๔-๕ เดือนอีกแล้ว ต้องบอกว่าในส่วนของเวลา พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า สายน้ำและเวลาล่วงเลยไปแล้วไม่สามารถกลับคืนมาได้ ในส่วนนี้พวกเราต้องพึงสังวรเอาไว้ โดยเฉพาะท่านเปรียบเหมือนกับชีวิตของเรา ที่ล่วงเลยไปแล้วก็ไม่สามารถที่จะนำคืนมาได้ ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ ทำอย่างไรที่จะสร้างสาระแก่นสารให้กับตัวเราให้มากที่สุด ซึ่งก็คือในเรื่องของการสร้างบุญ สร้างกุศล
ทำไมต้องสร้างบุญกุศลด้วย ? ก็เพราะว่าบุญกุศลนั้นให้ประโยชน์สุขโดยส่วนเดียว พูดง่าย ๆ ก็คือไม่มีโทษเลย ยกเว้นคนขี้รำคาญอย่างอาตมา ทำบุญไว้มากเกินไปก็ต้องมานั่งรำคาญ เพราะว่าถึงเวลาคนอื่นก็มายัดเยียดให้มากเหลือเกิน ในส่วนนี้ถ้าเราสร้างบุญสร้างกุศล ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ยิ่งสมบูรณ์พร้อมเท่าไร ในการดำเนินชีวิตของพวกเราก็จะสะดวกสบายเท่านั้น ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นทั้งในชาติปัจจุบัน ในชาติต่อ ๆ ไป และเป็นบันไดให้ก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2018 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#44
|
||||
|
||||
"ดังนั้น...ในส่วนของบุญกุศล บาลีถึงได้ใช้คำว่า สุโข ปุญญัสสะ อุจจะโย การสั่งสมบุญย่อมนำมาซึ่งความสุข แต่คราวนี้คนส่วนหนึ่งมักจะเห็นว่า การสร้างบุญกุศลนั้นเป็นการสิ้นเปลือง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องของบุคคลที่มีกำลังใจต่ำ กิเลสยังมีอำนาจเหนือจิตใจอยู่ สละออกได้ยาก ก็จะอยู่ในลักษณะอย่างนั้น
ในส่วนของการสร้างบุญกุศลที่มีอานิสงส์มาก แล้วไม่ต้องสิ้นเปลืองก็มี อย่างเช่น การรักษาศีล การเจริญภาวนา เป็นต้น แต่เนื่องจากการให้ทานนั้น ถ้าเราเกิดชาติใหม่จะมีฐานะร่ำรวย การรักษาศีลจะเกิดมาเป็นบุคคลที่มีรูปสวย มีจิตใจดีงาม การเจริญภาวนาจะเกิดมาเป็นบุคคลมีปัญญามาก ดังนั้น...ถ้าเป็นไปได้ก็ควรที่จะทำให้ครบทุกอย่าง เพราะถ้าเราเป็นผู้มีทรัพย์แต่ขาดปัญญา ก็อาจจะรักษาทรัพย์เอาไว้ไม่ได้ หรือว่าเป็นผู้มีปัญญา มีทรัพย์ แต่หน้าตาไม่เอาไหน ก็เป็นเรื่องที่ต้องมานั่งคับแค้นใจ ต้องไปหาหมอ ปรับใหม่ให้สวยด้วยมีดหมอแทน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ชวนให้เจ็บตัวเสียเปล่า ๆ ถ้าเรามีปัญญาแต่ว่าหน้าตาไม่ดี ทรัพย์สินไม่มี ก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความลำบาก มีความทุกข์ยากในการดำเนินชีวิตอยู่ในระดับหนึ่ง ในส่วนของการทำบุญ ถ้าเป็นไปได้ก็คือทำให้ครบทุกด้าน ทั้งทาน ทั้งศีล ทั้งภาวนา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2018 เมื่อ 01:57 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#45
|
||||
|
||||
"โดยเฉพาะว่าการสร้างบุญกุศลนั้น เป็นการเสริมบารมีของเราเอง ไม่ต้องไปหาหมอดูที่สำนักไหน ไม่ต้องไปหาเจ้าพ่อเจ้าแม่ที่ไหน การเสริมบารมีของเราด้วยการสร้างบุญสร้างกุศล จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ไม่ใช่ไปเข้าพิธีกรรมแปลก ๆ แล้วว่าเป็นการเสริมบารมี ซึ่งบางทีก็ไม่ใช่ ซึ่งถ้าหากหลุดออกนอกแนวทางพระพุทธศาสนาไป โอกาสที่จะกลับคืนมาก็ยาก ซึ่งเรื่องพวกนี้พวกเราก็ควรที่จะระมัดระวังเอาไว้
เวลาล่วงไป ๆ ตอนนี้เราทำอะไรอยู่ ? ความดีที่เราทำนั้นสมบูรณ์บริบูรณ์แล้วหรือยัง ? ถ้ายัง...เราขาดตรงส่วนไหน ? จะต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไรถึงจะเข้าถึงส่วนนั้นได้ ? เราต้องใช้สติ ใช้ทั้งสมาธิ ใช้ทั้งปัญญา ในการสร้างเสริมบุญบารมีของเรา เพื่อจุดหมายใหญ่คือการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2018 เมื่อ 01:58 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#46
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันสวดพระคาถาเงินล้านญาติโยมไปร่วมงานกันมาก อาตมาเอาลูกประคำไปเข้าพิธี ๑ หอบ เนื่องจากว่ามีไม้พะยูงเก่า ๆ เหลืออยู่หน่อยหนึ่ง แล้วพระที่บวชเข้าไปท่านมีฝีมือ จึงให้ท่านทำเป็นลูกประคำ ท่านเองก็ยังสงสัยว่า ของแพงขนาดนี้แล้วจะจำหน่ายอย่างไร ? ปรากฏว่ามีโยมที่ไม่กลัวของแพงแย่งกันบูชาไปหมดแล้ว
ไม้พะยูงเป็นไม้ที่เนื้อค่อนข้างจะแข็ง ทำยาก กลึงยาก คราวนี้พระท่านก็ค่อย ๆ ทำไป เวลาว่างเว้นจากภารกิจเฉพาะของตนเองแล้ว ก็ภาวนาไป กลึงไป ขัดไป ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งเหมือนกัน เมื่อได้ปัจจัยมาก็ใช้ในขอบเขตการงานของคณะสงฆ์ ถือว่าส่วนหนึ่งก็เป็นสังฆทาน ใช้ในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดก็เป็นส่วนวิหารทาน ใช้ในการอนุเคราะห์สงเคราะห์แก่นักเรียนนักศึกษาของพระและฆราวาสก็เป็นส่วนของธรรมทาน ถ้าหากว่าเหลือถึงนี่เมื่อไรก็คงจะได้เห็นกัน ไม่อย่างนั้นก็นั่งจินตนาการไปก่อนว่าหน้าตาเป็นอย่างไร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2018 เมื่อ 02:00 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#47
|
||||
|
||||
"ไม้พะยูงนี่คนจีนเรียกว่าไม้จันทน์ม่วง ถือเป็นไม้มงคลอย่างยิ่ง ประเทศจีนกว้านซื้อ ประเทศไทยก็ขโมยตัด โดยเฉพาะวัดทางอีสานที่ปลูกไม้พะยูงไว้ ต้องจัดเวรกันเฝ้า แต่บางทีถึงจัดเวรเฝ้าเขามากันที ๗ คน ๘ คนอาวุธครบมือ ถามว่าหลวงพ่อจะเอาต้นไม้หรือจะเอาชีวิต ? หลวงพ่อก็ต้องเข้ากุฏิไปแต่โดยดี
ในส่วนของบ้านเราเมืองเราต้องบอกว่า การบังคับใช้กฎหมายยังไม่เข้มงวด ยังมีมาตรฐานไม่เท่ากัน ประเภทยาเสพติดร้ายแรงค่าประกันตัวหนึ่งหมื่นบาท แต่เรียกร้องอยากได้ประชาธิปไตยโดนค่าประกันตัวเป็นแสน อย่างนี้เป็นต้น ดังนั้น...ตราบใดที่มาตรฐานกฎหมายในบ้านเรายังไม่เหมือนกัน ยังเลือกที่รักมักที่ชัง ประกอบไปด้วยอคติ โอกาสที่จะเจริญก็เป็นไปได้ยาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-05-2018 เมื่อ 03:00 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#48
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "หัวใจสำคัญของงานวันนี้ก็คือการบวงสรวง ซึ่งทำสำเร็จเรียบร้อยไปแล้ว โดยได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์จากหลวงพี่มหาเอของพวกเรา หรือก็คือท่านอาจารย์พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม และคณะจากวัดปากน้ำภาษีเจริญ แล้วก็ได้รับการสนับสนุนปัจจัยส่วนหนึ่งจากชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต ซึ่งนำโดยหัวหน้าชมรม คือ คุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา
ต้องบอกว่างานใหญ่ ๆ ติดต่อกันหลายงานเหลือเกินสำหรับทางด้านชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต ซึ่งญาติโยมแต่ละคนก็ตั้งใจร่วมบุญกันโดยไม่มีการเบื่อหน่ายหรือท้อถอย เพราะว่าเพิ่งจัดงานสวดพระคาถาเงินล้านเสร็จ ก็เป็นงานทำบุญบ้านเติมบุญ แล้วอาตมายังมอบหมายให้ช่วยดูแลรับภาระในเรื่องของการช่วยหลวงพ่อนิลท่านสร้างอาศรมศรีชัยรัตนโคตรอีกด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2018 เมื่อ 02:04 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#49
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "จนป่านนี้ยังไม่มีข่าวว่าจะประกอบพิธีบรมราชาภิเษกถวายพระองค์ท่านกันตอนไหน เนื่องจากว่าเป็นระยะเวลาเกือบ ๗๐ ปีแล้ว ประมาณ ๑ ชั่วคน บรรดาผู้รู้ต่าง ๆ ในชุดก่อน ๆ ก็ล่วงลับดับขันธ์กันไป คนรุ่นใหม่ ๆ ที่สืบทอดความรู้ ก็ต้องเปิดตำราว่ากันให้ถูกต้องที่สุด ห้ามมีข้อผิดพลาดอย่างเด็ดขาด
ในส่วนหนึ่งก็คือการถวายน้ำมูรธาภิเษก ธรรมเนียมนี้เป็นธรรมเนียมมาจากอินเดียว่า กษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์ถ้าไม่ได้รับการถวายน้ำมูรธาภิเษก ไม่ถือว่าเป็นการครองราชย์โดยสมบูรณ์ บ้านเราจะมีการนำน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแหล่งต่าง ๆ ถวายเข้าไปในวัง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็คือไปประกอบพิธีกันในวังเลย แต่มาระยะหลัง ๆ ก็คือ แต่ละแหล่งก็จะนิมนต์หลวงปู่หลวงพ่อที่เป็นที่เชื่อถือว่า เป็นผู้มีศีลาจารวัตรงดงาม ประกอบไปด้วยฌานสมาบัติ มาปลุกเสกแล้วค่อยส่งถวายเข้าไปในวัง อาตมาเองช่วงที่ผ่านมาก็ได้ร่วมพิธีด้วย ๒ ครั้ง คือตอน ๖๐ พรรษาของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ช่วงที่ยังอยู่วัดท่าซุง ซึ่งตอนนั้นก็เป็นแค่ส่วนประกอบในพิธีเท่านั้น อีกครั้งหนึ่งที่ผ่านมาจำไม่ได้ว่าเป็นงาน ๗๒ พรรษาหรือ ๘๐ พรรษา น่าจะ ๘๐ พรรษา ไปในฐานะผู้อยู่ในพิธีกรรมเพราะว่าได้รับนิมนต์ให้ไปเสกน้ำศักดิ์สิทธิ์โดยตรง ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าครั้งต่อไปจะได้ร่วมพิธีเมื่อไร"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2018 เมื่อ 02:06 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#50
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่พวกเราพอได้ยินว่ายากแล้วก็ท้อถอย การท้อถอยเกิดจากกำลังใจไม่พอ กำลังใจที่ไม่พอเกิดจากกำลังสมาธิมีน้อยเกินไป ฉะนั้น...ใครท้อง่าย ถอยง่าย พยายามนั่งสมาธิเข้าไว้ ถ้ามีกำลังสมาธิก็สามารถตื๊ออยู่ได้ทุกงาน ถ้ากำลังสมาธิดีก็ตื๊อจนสำเร็จทุกงาน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2018 เมื่อ 02:07 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#51
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "งานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชรที่วัดท่าขนุน มีญาติโยมแสดงความจำนงจะแสดงถวายเป็นพุทธบูชามา ๔ รายด้วยกันแล้ว ถ้าหากว่ายังมีอีกให้รีบแจ้งมา โดยเฉพาะถึงเวลาแล้วอย่าลืมนำเพลงที่เราจะแสดงไปมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเครื่องเสียงด้วย
ต้องบอกว่างานเป่ายันต์เกราะเพชรงานนี้ มีบางคนใจจดใจจ่ออยากจะไปมาก เพราะว่าทำยันต์เกราะเพชรสูญไปเรียบร้อยแล้ว เป็นการสูญโดยตั้งใจ ไม่ใช่ไม่ตั้งใจ ต้องบอกว่าสมควรตาย เสียดายที่รอดมาได้...!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-05-2018 เมื่อ 02:07 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#52
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันจันทร์อาตมาต้องจ่ายค่าเหรียญรอยพระพุทธบาทหลังท้าวเวสสุวรรณ ๖๔๕,๐๐๐ บาท ตอนแรกว่าจะทำเหรียญที่ระลึกงานเปิดนมัสการรอยพระพุทธบาทอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่าออกแบบเหรียญเป็นรอยพระพุทธบาทแล้ว ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรใส่ด้านหลัง ? ท่านท้าวเวสสุวรรณเมตตาบอกว่า "เอารูปผมก็ได้" ในเมื่อให้เอารูปหล่อ ๆ ของท่านลง ก็ต้องขอท่านว่าถึงเวลาแล้วช่วยเสกให้ด้วย ท่านก็รับปาก ทันหรือไม่ทันงานเป่ายันต์ฯ ท่านก็จะช่วยเสกให้ คำว่าทันหรือไม่ทัน ก็คือทันงานวันที่ ๑๙ นี้หรือไม่ก็ตาม เพราะว่าขอให้ท่านช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ไว้แล้ว
ท้าวเวสสุวรรณเป็นหัวหน้าเทวดาชั้นจตุมหาราช ถามว่าเป็นหัวหน้าเทวดาเป็นอย่างไร ? ชั้นจตุมหาราชประกอบไปด้วยเมืองเทวดา ๔ ทิศ ทิศตะวันออกมีท่านท้าวธตรฐเป็นหัวหน้า ทิศใต้มีท่านท้าววิรุฬหกเป็นหัวหน้า ทิศตะวันตกมีท่านท้าววิรูปักษ์เป็นหัวหน้า และทิศเหนือมีท่านท้าวเวสสุวรรณ หรือบาลีเรียกว่าท้าวกุเวรเป็นหัวหน้า ซึ่งทั้งหมดนี้ท่านยกให้ท่านท้าวเวสสุวรรณเป็นผู้นำ ถ้าหากว่ามีอะไรที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน ท่านท้าวเวสสุวรรณก็ต้องออกหน้า แต่ถ้าเฉพาะเขตเฉพาะทิศ ท่านท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ ก็สามารถตัดสินใจสั่งการได้เฉพาะในทิศของตน ในเมื่อมีแม่ทัพเทวดาระดับนั้นช่วยสงเคราะห์ให้ ก็คาดว่าเหรียญรุ่นนี้น่าจะมีอานุภาพอะไรพิเศษบางอย่าง ซึ่งต้องรอท่านบอกทีหลัง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2018 เมื่อ 08:52 |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#53
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งกับญาติโยมที่จองวัตถุมงคลในกระทู้คนมีเงินให้ทราบว่า วัตถุมงคลกระทู้นี้ที่ไม่ส่งทางไปรษณีย์ เพราะว่าวัตถุมงคลบางชิ้น ถ้าสูญหายจะหาใหม่อีกนี่เลือดตากระเด็น อย่างตะกรุดมหาระงับหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ในชีวิตของอาตมาเพิ่งได้มาสามดอกเท่านั้น ราคาแพงมากอีกด้วย หายเสียดอกหนึ่งก็นั่งร้องไห้เลย แค่ดอกที่ท่านเจ้าคุณปิงบูชาไป ในตลาดราคาเป็นแสน แต่อาตมาคิดราคาครึ่งเดียว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2018 เมื่อ 11:27 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#54
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมเอารถมาบ้านเติมบุญแล้วจอดยาก อาตมามีข้อแนะนำว่า ใครมีรถรีบขายให้เร็วที่สุด แล้วก็เปลี่ยนไปใช้บริการรถสาธารณะแทน อาจจะลำบากในระยะแรก แต่ว่าขายตอนนี้ยังพอที่จะมีกำไรบ้าง ถ้ารอให้รถยนต์ไฟฟ้ามาเต็มประเทศไทยแล้วจะขายไม่ออก
ต้องบอกว่าขยับก่อนได้เปรียบ ใครขยับช้า รถน้ำมันจะขายไม่ออก ไม่ว่าจะเบนซิน ดีเซลหรือแก๊ส โลกยุคหน้าเป็นโลกของรถไฟฟ้า"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2018 เมื่อ 01:57 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#55
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังให้พระที่วัดศึกษาเกี่ยวกับแผงโซลาร์เซลล์รูปกระเบื้องมุงหลังคา (Solar Roof) ถ้าราคาพอสู้ไหวจะเปลี่ยนหลังคาตึกแดงทั้งหลังเป็นโซลาร์รูฟ อันดับแรกคือต่อให้น้ำไม่มี ปั่นไฟไม่ได้ ที่อื่นตายหมด แต่อย่างน้อยตึกหลังนี้จะมีไฟฟ้าใช้อยู่ โซลาร์เซลล์มีจุดบอดตรงที่ว่าต้องคอยทำความสะอาด อย่าให้ฝุ่นเกาะ ซึ่งก็ไม่น่าจะยาก ถึงเวลาก็ฉีดน้ำล้างไปเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2018 เมื่อ 01:58 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#56
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเจอหมากทุยลูกใหญ่หน่อย มีสิทธิ์เป็นของหลวงปู่รอด วัดนายโรง ที่ทำเบี้ยแก้ในตำนาน ท่านทำหมากทุยด้วยเหมือนกัน บางคนก็ร้ายมาก เอาสลับไปขายเป็นเบี้ยแก้ก็มี ถ้าเราสังเกตดูเบี้ยแก้จะน้ำหนักมากกว่า
หมากทุย หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ส่วนใหญ่แล้วลูกเล็ก ๆ โตเต็มที่ประมาณไม่เกินหัวแม่มือ เพราะว่าหมากตายพรายส่วนใหญ่ตายตั้งแต่ยังเป็นลูกเล็ก ๆ ถ้าโตแล้วไม่ค่อยตายหรอก โตแล้วก็มักจะแก่ไปเลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2018 เมื่อ 02:00 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#57
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนมีการควบคุมประชากรตามธรรมชาติ ถึงเวลาไม่มีที่ไปก็ต้องอพยพ การควบคุมประชากรแบบธรรมชาติก็คือเกิดทุพภิกขภัย ฉาตกภัย ทำให้อดอยากล้มตายกันมาก ๆ แล้วก็จะเกิดพวกโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ตายกันทีเป็นแสนเป็นล้าน หรือไม่ก็เกิดสงคราม เป็นการควบคุมประชากรให้เพียงพอกับทรัพยากรที่มีอยู่
แต่ปัจจุบันนี้คนเราต้องบอกว่าฉลาดขึ้น รู้ว่าถ้ารบราฆ่าฟันกันจะตายกันไม่ต้องนับ ก็พยายามหลีกเลี่ยง คนจึงมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ วิทยาการทางการแพทย์ก็ดีขึ้นเรื่อย รักษาโรคต่าง ๆ ได้ทั้ง ๆ ที่สมัยก่อนต้องตายชนิดนับไม่ถ้วน สมัยนี้รักษาได้ มีวัคซีนป้องกัน ก็ทำให้ทรัพยากรมีน้อยลง แต่คนมีมากเกินไป อาตมากำลังรออยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าตอนนี้สองเกาหลีก็จับมือกันแล้ว ๖๕ ปีผ่านไป ตั้งแต่โดนแบ่งเป็นเกาหลีเหนือเกาหลีใต้ที่เส้นขนานที่ ๓๘ แต่จะว่าไปแล้วสงครามระหว่าง ๒ เกาหลี นำพาทหารไทยของเราดังระเบิดเถิดเทิง เขาเรียกทหารผี หลวงปู่หลวงพ่อยุคนั้นเขาเรียกกันว่า ๔ จตุรเทพ "จาด จง คง อี๋" ส่วนใหญ่แล้วท่านก็มอบวัตถุมงคลให้ลูกศิษย์ไป แล้วก็ปลอดภัยกลับมา โดนปืนหงายทั้งยืนยังลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ จนต่างชาติเรียกกันว่าเป็นทหารผี โดยเฉพาะจุดยุทธศาสตร์เนินพอร์กช็อป ทหารอเมริกันเข้าตีอยู่ ๔ วันเต็ม ๆ ไม่สำเร็จ ลำดับต่อไปก็ทหารฟิลิปปินส์ ลำดับต่อไปจำไม่ได้ว่าอะไร ตายกันแบบไม่ต้องนับ ทหารไทยเราเข้าตีเป็นชุดสุดท้าย เพราะว่าไม่มีใครเชื่อฝีมือ ปรากฏว่าแค่ครึ่งวันทหารไทยก็ขึ้นไปยึดอยู่บนยอดเนินแล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2018 เมื่อ 02:07 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#58
|
||||
|
||||
"อาตมาถามร้อยตรีสงัด สุขแจ่ม ซึ่งท่านได้เหรียญกล้าหาญกางเขนเหล็กมา ท่านอยู่กองร้อยเดียวกับอาตมา เป็นตั้งแต่นายสิบจนกระทั่งขึ้นไปเป็นนายร้อย ผ่านสงครามเกาหลีมาแล้ว ถามท่านว่า “ผู้หมวด...ทำไมทหารไทยยึดได้ทั้ง ๆ ที่อาวุธกระสุนสู้ใครไม่ได้เลย ?” ผู้หมวดแกพูดขำ ๆ ว่า “พวกมันโดนตีมาเป็น ๑๐ วันแล้ว” พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าเป็นคนก็โดนกระทืบจนอ่วมแล้ว เราอยู่ ๆ ถือไม้ไปซ้ำก็เลยชนะ แต่ความจริงในสายตาคนอื่น ทหารไทยโดนยิงเท่าไรก็ไม่ตายสักที จนถอดใจเลยต้องถอนกำลังหนี"
ถาม : ทำไมถึงไม่เสกหุ่นพยนต์เป็นทหาร ? ตอบ : พระเราที่ทำได้ก็คงไม่ไปยุ่งกับการรบ ตอนที่อาตมาเป็นทหารอยู่ เล็งอยู่อย่างเดียวว่า ที่เรายังไม่มีเลยคือกางเขนเหล็ก เมื่อไรมีศึกมีสงครามแบบนี้จะอาสาออกหน้าก่อนเพื่อนเลย ปรากฏว่าไม่มี ไปอยู่ชายแดนเพื่อนได้ผ่านศึกชั้น ๑ บ้าง ชั้น ๒ บ้าง อาตมาก็นั่งเซ็ง ปะทะกันทีไรกูไม่เคยโดนอะไรสักที แล้วเมื่อไรจะได้กับเขาบ้าง ต้องโทษหลวงพ่อวัดท่าซุงที่วัตถุมงคลของท่านขลังเกิน ไปเท่าไรไม่เคยเป็นอันตรายกับใครสักที
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-05-2018 เมื่อ 19:40 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#59
|
||||
|
||||
"ที่เขาเรียก ๔ จตุรเทพสงคราม ก็คือ หลวงปู่จาด วัดบางกระเบา ถ้าใครไม่คุ้นชื่อนี้ ก็ไปอ่านเรื่องเล่าของหลวงพ่อวัดท่าซุง ตอนท่านออกธุดงค์แล้วก็มีเสือมาเล่นน้ำอยู่ใกล้ ๆ หลังจากนั้นเสือเดินขึ้นจากน้ำมา หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็นั่งมองเฉย ๆ แล้วเสือก็ถามว่า "มึงไม่กลัวกูหรือวะ ?" หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า “ไอ้เสือขึ้นจากน้ำแล้วไม่สลัดขน ผมไม่กลัวครับ”
ปรากฏว่าเสือ ๓ ตัวคืนร่างมาเป็นหลวงปู่ปาน หลวงปู่จง หลวงปู่จาด หลวงปู่จงเรารู้อยู่แล้วว่าคือหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก หลวงปู่คงก็คือหลวงปู่คง วัดบางกระพ้อม หลวงปู่อี๋ก็คือหลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ ช่วงนั้นยังมีอีกท่านหนึ่ง บางทีเขาก็เอาชื่อใส่ บางทีก็ไม่ได้ใส่ คือหลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู นั่นก็สุดยอดฝีมือช่วงสงครามเหมือนกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2018 เมื่อ 02:12 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#60
|
||||
|
||||
"สมัยก่อนครูบาอาจารย์จะทำวัตถุมงคลให้ลูกหลานญาติโยม วัสดุก็หายาก ส่วนใหญ่ก็เอาตะกั่วถ้ำชา คำว่าถ้ำชาก็คือภาชนะที่ใส่กาน้ำชาโดยมีนวมหุ้มเพื่อไม่ให้เย็นเร็ว สมัยนั้นส่วนใหญ่ทำด้วยตะกั่ว เอามาหลอมมาทุบตีแผ่แล้วก็จารเป็นตะกรุดให้ลูกหลานบ้าง บางคนไม่มีอะไรก็เอาฝาบาตรมาตัดทำตะกรุดบ้าง เรียกกันว่าตะกรุดฝาบาตร
หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนูสบายที่สุด ท่านทำตะกรุดไม้ไผ่ ตะกรุดไม้ไผ่สำนักที่ดังมาก ๆ เลยก็คือ หลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู และหลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่ดู่ทำตะกรุดไม้ไผ่สวยสุด ๆ ใครได้ไปสักดอกหนึ่งถือว่าเป็นความภูมิใจในชีวิต เราจะเห็นได้ชัดจริง ๆ ว่าท่านตั้งใจทำ ไม่ว่าจะการเซาะร่อง เซาะลาย จารอักขระท่านทำออกมาสวยเหมือนพิมพ์เลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-05-2018 เมื่อ 02:13 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|