|
เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#21
|
||||
|
||||
ถาม : ปีนี้สีอะไรเป็นแชมป์บอลโลกครับ ?
ตอบ : ไม่ได้อยู่ในความคิดเลย ขนาดถามว่าวันที่ ๒๐ นี้ใครเตะกับใคร ยังตอบกันไม่ได้เลย แล้วจะรู้ไปทำไม ? จะดูว่าถ้าวันงานสืบชะตาคนหายไป แสดงว่าเขาคิดว่าอยู่ดูบอลดีกว่า ถาม : แล้วอังกฤษจะสมหวังไหมครับ ? ตอบ : เมื่อก่อนนี้คนยังไม่รู้เราก็ยังพอบอกได้ ตอนนี้บอกไปเจ้ามือเดือดร้อนแน่..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2010 เมื่อ 01:55 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
พระอาจารย์บอกว่า พระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน เลียนแบบมาจากพระปิดตานะมิ ของหลวงปู่สีค่ะ
พระปิดตานะมิ หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาเราคุยกับเพื่อน แล้วเราอธิบายธรรมให้เพื่อนโดยใช้ความจำของเรา เราอธิบายให้เขาผิด ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้ตั้งใจจะบอกผิดเลย อันนี้มันผลมีไหมครับ ?
ตอบ : ทำให้เขาเป็นมิจฉาทิฐิ ต้องตามไปแก้ ถาม : ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ด้วยใช่ไหม ? ตอบ : ปล่อยเอาไว้เขาก็ผิดไปเรื่อย เพราะเขาเชื่อเรานี่ ถาม : แล้วถ้าเกิดผมบอกถูกแล้วเขาเข้าใจผิดเอง ? ตอบ : นั่นเป็นเรื่องของเขา ถาม : แล้วถ้าผมบอกผิด แล้วเขาเข้าใจถูกละครับ ? ตอบ : แสดงว่าเขาเก่ง..! ถาม : แล้วควรจะต้องตามไปแก้ไหมครับ? ตอบ : ไปบอกเขาว่าคราวที่แล้ว ที่เราบอกไปอย่างนั้นผิด แต่ถ้าเขาบอกว่าเขาเข้าใจถูกตั้งแต่แรก แสดงว่าเขาเก่งกว่าเรา (หัวเราะ)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2010 เมื่อ 14:07 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าอยู่ ๆ ผมนึกจับอารมณ์พระนิพพานแล้วเป็นสุขเหลือเกิน ผมควรจะทำต่อไปเรื่อย ๆ หรือควรจะไปนั่งสมาธิก่อน
ตอบ : ถ้านั่งสมาธิก็จับอารมณ์พระนิพพานต่อ คือ สภาพจิตที่ไร้กิเลส เบาบางจาก รัก โลภ โกรธ หลง มีความผ่องใสเป็นปกติ ใคร ๆ ก็ต้องการ ในเมื่อผ่องใสอยู่แล้ว เราก็ประคองไว้สิ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2010 เมื่อ 14:07 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
ถาม : เมื่อครู่ผมขับรถไปเรื่อย ๆ นึกถึงพ่อ นึกถึงพี่ ชาติที่ผมเลว ๆ ท่านยังอุตส่าห์มาประคับประคองเรา แล้วเราควรทำต่อไปหรือเปล่าหนอ ? อุตส่าห์มีคนมาทำให้ขนาดนี้ ทำไมเราไม่ทำเพื่อคนอื่นเขาบ้าง ? จัดเป็นตัวฟุ้งซ่านหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถือว่าคิดได้ อย่างน้อย ๆ การคิดของเราก็อยู่ในด้านที่ห่าง รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าถือว่าฟุ้ง ก็ยังฟุ้งอยู่ในเกณฑ์ดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2010 เมื่อ 14:08 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
ถาม : ลูกสาวครับ ผมจับสวดมนต์ก็ทะเลาะกันบ้านแตก เขาไม่ยอม ผมไม่รู้จะใช้กุศโลบายอย่างไรดี ?
ตอบ : ไม่ต้องไปบังคับเขา เราทำของเราไป ถาม : ไม่ต้องดึงเขาหรือครับ หรือว่าถึงเวลาแล้วเขาจะมาเอง ? ตอบ : กรอกหูเขาไปเรื่อยว่า วันนี้พ่อสวดมนต์ไหว้พระมา มีอานิสงส์อย่างนี้ ๆ หนูโมทนานะ แต่ถ้าหนูรออยู่ ว่าจะให้พ่อหุงข้าวให้กินอยู่เรื่อยไป ถ้าพ่อตายแล้วใครจะหุงให้ หนูก็ต้องทำเองบ้าง ถาม : ทะเลาะกันใหญ่โตเลย กลายเป็นผมอารมณ์ร้อนไป เขาร้องไห้เลย ตอบ : นั่นเกิดจากว่าเราหวังดี แต่ไม่เข้าใจจิตวิทยาเด็ก เด็กต้องเชิญชวน ถ้าหากบังคับอย่าหวังว่าจะสำเร็จ โดยเฉพาะคนเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกเขารู้ว่าถ้าแหกปากร้อง พ่อแม่ก็เลิกบังคับแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2010 เมื่อ 14:09 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
||||
|
||||
ถาม : อยากทราบที่มาที่ไปของวันอัฐมีบูชา และวัดในปัจจุบันมีการเวียนเทียนในวันนี้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : วันอัฐมีบูชา จะตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ หรือถ้ามี ๘ สองหน ก็เป็น แรม ๘ ค่ำ เดือน ๗ เป็นวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธจำนวนหนึ่งก็เลยถือว่าเป็นวันสำคัญที่ควรแก่การระลึกนึกถึง ก็จะมีการจัดการทำบุญ โดยเฉพาะมีการเวียนเทียนด้วย แต่จะมีบางวัด น่าจะเป็นวัดพระแท่นศิลาอาสน์ เขาจะจัดให้มีการถวายพระเพลิงพระบรมศพจำลองทุกปี ถาม : แล้ววัดอื่น ๆ ในประเทศไทยละคะ ? ตอบ : ส่วนใหญ่วันอัฐมีบูชาจะไม่เป็นที่นิยมกัน เขาจะนิยมเฉพาะวันมาฆะ วันวิสาขะ วันอาสาฬหะ เป็นต้น ดูง่าย ๆ คนเขามักจะคิดว่าเป็นวันที่ควรแก่การเศร้าโศกมากกว่า ก็เลยไม่ได้จัดอยู่ในเทศกาลทำบุญอย่างเป็นทางการ แต่จัดอยู่ในวันสำคัญวันหนึ่งในทางพระพุทธศาสนา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2010 เมื่อ 14:10 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
||||
|
||||
"เรื่องวันอัฐมีบูชาที่โยมเขาถามเมื่อครู่นี้ เกี่ยวเนื่องด้วยการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ส่วนนี้ต้องบอกว่าเป็นความรอบคอบของพระอานนท์ ถ้าพระอานนท์ไม่สอบถามไว้ก่อน จะไม่มีใครรู้ว่า ควรจะจัดการกับพระสรีระขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อปรินิพพานแล้วอย่างไร
เรื่องนี้ต้องไปดูในมหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย พระสุตตันตปิฎก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ให้นำรางเหล็ก ใส่น้ำมันหอมให้เต็ม แล้วนำสรีระของพระองค์ท่านห่อด้วยผ้าขาว...ซ้อนด้วยสำลี...ห่อด้วยผ้าขาว...ซ้อนด้วยสำลี ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนได้ ๕๐๐ ชั้น แล้วใส่ลงในรางเหล็กที่เต็มไปด้วยน้ำมันหอม ยกขึ้นบนจิตกาธาน เป็นความรอบคอบมากอีกอย่างหนึ่งที่ใส่ไว้ในรางเหล็ก เพราะถ้าเป็นคนทั่ว ๆ ไป เวลาเผากระดูกก็กระจัดกระจาย ถ้าเป็นเมรุทั่วไป ก็ไม่รู้กระดูกใครต่อกระดูกใครที่เหลือตกหล่นปนกันอยู่ แต่การเผาด้วยวิธีนี้ ต่อให้เผาคนอื่นที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า กระดูกหรืออัฐิธาตุก็ไม่กระจัดกระจายไปไหน เพราะอยู่ในรางเหล็ก แต่ของพระพุทธเจ้าท่านพิเศษตรงที่ว่า ไฟไหม้แล้วเว้นเอาไว้ชั้นหนึ่ง ดังนั้น..พระบรมสารีริกธาตุทั้งหมดก็เลยอยู่ในห่อผ้าขาวและสำลีชั้นสุดท้าย จากการที่เผาพระพุทธสรีระภายใน ๗ วัน ก็เลยเป็นแบบอย่างที่เขายึดถือกันต่อ ๆ มาว่า เมื่อพระมรณภาพก็ควรจะเผา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2010 เมื่อ 14:12 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
||||
|
||||
"อดีตเจ้าคณะจังหวัด ท่านพูดหลายทีว่า "ท่านเล็ก..ปรึกษาคณะกรรมการวัดว่าเผาหลวงปู่สายซะทีสิ" ก็ถามว่า "ทำไมละครับ ?" ท่านบอกว่า "พระพุทธเจ้ายังไว้แค่ ๗ วันเอง"
ตามที่ท่านว่ามาก็ใช่ แต่ถ้าเรามาคิดดูอีกที องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้มีคำสั่งไว้ว่า บรรดารุ่นหลัง ๆ จะจัดการกับสังขารอย่างไร โดยเฉพาะในยุคที่เขายึดวัตถุมากกว่าหลักธรรม การมีสังขารครูบาอาจารย์อยู่ อย่างน้อยก็เป็นเครื่องยึดเกาะให้เขาได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็บอกว่า ถ้ายังเก็บสังขารท่านอยู่ ตราบนั้นก็ยังเลี้ยงวัดได้ ท่านบอกว่า คนคิดถึงข้า เขาก็มาไหว้ อย่างน้อย ๆ เขาก็เอาสตางค์ใส่ตู้ พวกแกก็จะได้มีเงินไว้ สำหรับเลี้ยงดูหรือว่าซ่อมแซมถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนาได้ ดังนั้น..ความเห็นในข้อนี้ที่ว่า แม้แต่พระพุทธเจ้ายังเผาก็ใช่ แต่ขณะเดียวกันหลายต่อหลายท่าน ก็ได้รับคำสั่งมาโดยตรงเช่นกันว่าให้เก็บไว้ เพียงแต่ว่าท่านที่พูดในลักษณะนี้ มักจะไม่รู้ตรงจุดนี้ ในเมื่อไม่รู้...ก็เลยถือเอาเป็นมาตรฐานว่า แม้แต่พระพุทธเจ้ายังตั้งพระศพไว้เพียง ๗ วัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2010 เมื่อ 17:53 |
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเก็บพระศพของพระพุทธเจ้าไว้เกิน ๗ วันจะเป็นเรื่องไหมคะ ?
ตอบ : เมืองกุสินาราอาจจะจนไปเลย เพราะคนแห่กันมาเป็นหมื่นเป็นแสน จะเอาอะไรให้เขากิน หลวงปู่มั่น ก่อนท่านจะมรณภาพ ท่านยังบอกให้เอาศพท่านเข้ามาในเมือง เพราะว่าในเมืองมีตลาด มีข้าวปลาอาหารให้ซื้อหาได้ ถ้าเอาไว้ในวัดเล็ก ๆ ในป่า เวลาคนแห่กันไปเป็นพันเป็นหมื่น เขาต้องเอาหมูเอาไก่ ไปเชือดไปเลี้ยงกัน ท่านเกรงว่าสัตว์จะตายอีกเยอะ และเป็นการตายโดยเจตนาด้วย นั่นเป็นความรอบคอบของท่าน แต่เราลองนึกถึงพระสังขารอายุ ๘๐ แล้วป่วยหนักขนาดนั้น โดนย้ายเดินทางขนาดนั้น ไม่มีรถเบนซ์หรือเครื่องบินอย่างสมัยนี้ อย่างดีก็ขี่เกวียน เวลาเดินทางก็คงทรมานสังขารน่าดู
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 14-02-2016 เมื่อ 14:09 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
||||
|
||||
"สมัยก่อนทางภาคเหนือ ครูบาอาจารย์ท่านเดียวที่ไม่ได้เผา คือ หลวงปู่ครูบาอภิชัย (ขาวปี) เพราะเขาถือว่าท่านไม่ใช่พระ จับท่านสึกกลายเป็นผ้าขาวไปแล้ว เขาจึงเก็บสังขารท่านเอาไว้ และในที่สุดก็พบว่าสังขารท่านไม่เน่าเปื่อย
องค์ต่อมาที่เขาเก็บตามแบบลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ก็คือ ถ้าหากสังขารอยู่ก็เลี้ยงวัดได้ เราจึงได้มีสังขารของหลวงปู่ครูบาธรรมชัย สังขารหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ สังขารหลวงปู่เกษม วัดสุสานไตรลักษณ์ ไม่อย่างนั้นทางเหนือเขานิยมเผากันเกลี้ยง..! ถ้าจะเอาอย่างที่หลายท่านถือพระพุทธเจ้าเป็นเกณฑ์ ว่ายังไว้แค่ ๗ วัน คงต้องไปขุดภูเขาเพื่อเอาพระมหากัสสปะออกมาเผาด้วย..! สองพันกว่าปีแล้วสังขารท่านยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:11 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
||||
|
||||
ถาม : ครูบาอภิชัยขาวปี ทำไมถึงโดนสึกเป็นผ้าขาวคะ ?
ตอบ : ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย เป็นมือขวาเลย เขากล่าวหาว่าหลวงปู่ครูบาศรีวิชัยซ่องสุมผู้คนเพื่อจะก่อการกบฏ เนื่องจากว่าท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ คนจะตามท่านไปบวชมาก ฆราวาสไปปฏิบัติธรรมกับท่านมากด้วย ตัวอย่างที่ชัดที่สุด ก็คือ การสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ ครูบาศรีวิชัยประกาศว่า ถ้าทางไม่เสร็จ ครูบาจะนั่งไม่ลุก เท่านั้นแหละ คนก็แห่กันมามืดฟ้ามัวดิน ทำทางขึ้นดอยสุเทพโดยที่รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเงินจ้างแม้แต่บาทเดียว แย่งกันทำด้วย ที่ขำ ๆ ก็คือ เขาบอกว่า บางคนจับจองที่เอาไว้แล้ว ถากถางจนเหนื่อยแล้วก็หลับ ตื่นขึ้นมาปรากฏว่าคนอื่นถางที่ตัวเองเรียบร้อยไปแล้ว เพราะเขาหาที่ไม่ได้ ในเมื่อเหลือที่อยู่ เขาเห็นเขาก็จัดการถางเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-06-2010 เมื่อ 03:31 |
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
ผู้ปกครองสมัยนั้น บางทีก็อยากได้หน้า อยากได้ผลงาน และอาจจะไม่ชอบปฏิปทาอะไรบางอย่างของหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย อาจจะรู้สึกขัดหูขัดตาหรือไม่ยอมให้ผลประโยชน์ต่อเขา ก็เลยฟ้องร้องเข้ามาทางกรุงเทพฯ
สมัยนั้นพวกโทษกบฏ โดนตัดหัวถึงเจ็ดชั่วโคตร ตอนแรกบรรดาพระเณรและฆราวาสทั้งหลายก็จะแห่ลงมากรุงเทพฯ กัน เพื่อช่วยแก้ต่างให้ แต่หลวงปู่ครูบาท่านบอกว่าขอมาคนเดียว เพราะไม่อย่างนั้นจะโดนคนเขากล่าวหาหนักขึ้นว่า ใช้กำลังมาบังคับกัน จะเป็นลักษณะกบฏชัดเจน พอมาสอบสวนแล้ว ก่อนที่ครูบาศรีวิชัยจะกลับขึ้นไปก็หลายเดือน ช่วงนั้นเขาก็ตามกวาดล้างบุคคลที่เป็นกำลังสำคัญของครูบา หลวงปู่ขาวปีก็เลยโดนจับสึก สภาพการจับสึกต้องบอกว่าใจคนมันด้าน ก็คือ เขาถอดสังฆาฏิที่ถือว่าเป็นเครื่องหมายของพระออก หลวงปู่ครูบาขาวปีท่านอธิษฐานให้เทวดาฟ้าดินเป็นพยานว่า ถ้าท่านไม่ผิดอย่างที่เขาว่า ขอให้แสดงอะไรเป็นประจักษ์พยานด้วย ท่านถอดสังฆาฏิพาดไว้บนต้นไม้ที่ยืนแห้งตาย ต้นไม้แตกใบใหม่เดี๋ยวนั้นเลย..! แต่คนก็ยังไม่เชื่อ จับท่านสึกจนได้ เอาผ้าขาวให้ท่านนุ่ง พอท่านนุ่งผ้าขาวเสร็จ กะเหรี่ยงก็เอาช้างมาแห่ท่านไปเลย กะเหรี่ยงบอกว่า "ตุ๊เหลืองตุ๊พวกเจ้า แต่ตุ๊ขาวตุ๊ของเฮา" เพราะกะเหรี่ยงเขานิยมพวกฤๅษีซึ่งนุ่งขาวห่มขาวอยู่แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-06-2010 เมื่อ 14:37 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
||||
|
||||
หลวงปู่ครูบาท่านอยู่ในสภาพไหนท่านก็เป็นพระอยู่แล้ว ท่านก็ไปสร้างประโยชน์ให้เขาทุกที่ และที่ร้ายที่สุด ระยะหลัง ๆ พวกทางการ พวกอำเภอไปขอร้องให้ท่านสร้างโรงเรียน สร้างสาธารณสุขบ้าง ไม่ได้คิดถึงตอนที่พวกเขาจับท่านสึกเลย..!
ฉะนั้น...หลวงปู่ครูบาอภิชัยขาวปี เป็นสังขารแรกของพระสุปฏิปันโนทางภาคเหนือที่รอดจากการเผามาได้ เพราะว่าส่วนหนึ่งเขาไม่ถือว่าท่านเป็นพระ เขาถือว่าท่านเป็นผ้าขาว ถ้าหากเรียกเต็ม ๆ ก็คือ "ครูบาผ้าขาวจำปี" แต่เขาเรียกสั้น ๆ ว่า "ครูบาขาวปี" เพราะท่านชื่อจำปี ถาม : ขนาดต้นไม้แสดงปาฏิหาริย์แตกใบออกมาใหม่แล้วเขายังไม่เชื่ออีก ? ตอบ : เขาจะสึกท่านให้ได้ แต่ขอให้เชื่อที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า บุคคลผู้ประทุษร้ายผู้ซึ่งไม่ประทุษร้ายตอบ จะพบกับความวิบัติ ๑๐ ประการ ถาม : ครูบาขาวปีตอนนี้อยู่วัดไหนเจ้าคะ ? ตอบ : วัดพระพุทธบาทผาหนาม อยู่ใกล้ ๆ กับวัดหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ สมัยที่หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะไปเปลี่ยนผ้าครองให้ทุกปี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2010 เมื่อ 10:36 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปัจจุบันพระส่วนหนึ่งที่ได้รับการศึกษาสูง ๆ มักจะขาดความเชื่อ ความเลื่อมใส เกี่ยวกับคุณของพระรัตนตรัย เพราะว่าเขาสอนให้สงสัยทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าสอน ถ้าไม่สงสัยเขาก็ไม่คิดที่จะทำวิจัย
บรรดานักวิชาการกลุ่มหนึ่งเขาไม่ยอมรับในเรื่องปาฏิหาริย์ เขาถือว่าไม่เป็นสากล เขาก็เลยพยายามจับพระพุทธเจ้าให้ลงมาเดินดินเหมือน ๆ กับเขา โดยการใช้ความคิดของตัวเองไปคาดว่า ควรจะเป็นอย่างนั้น ควรจะเป็นอย่างนี้ ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่น่าจะเป็นอย่างนี้ เรื่องอภินิหารต่าง ๆ เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังจับยัดเข้าไปในพระไตรปิฎก เพื่อที่จะยกย่องพระศาสดาของตนเท่านั้น" ถาม : แล้วอย่างนี้ผลที่พวกเขาจะได้รับเป็นอย่างไรคะ ? ตอบ : ก็คงจะประสบความเจริญมาก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2010 เมื่อ 11:43 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเราฝึกสติปัฏฐานสี่ไปเรื่อย ๆ เราจะมีสิทธิ์บรรลุได้ไหมครับ ?
ตอบ : ผู้ที่ปฏิบัติในสติปัฏฐาน ๔ นั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่าหวังผลแค่สองอย่าง คือ พระอนาคามีและพระอรหันต์ แล้วคุณว่ามีสิทธิ์บรรลุไหมเล่า ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2010 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
||||
|
||||
ในเรื่องการไหว้ผู้อื่นนั้น พระอาจารย์สอนว่า ถ้าเขายังวุ่นด้วยงานอยู่ โดยไม่ทันมองเห็นเรา ก็อย่าเพิ่งไปไหว้เขา
"พระมีศีลอยู่ข้อหนึ่งว่า ถ้าพระผู้ใหญ่ยังวุ่นด้วยกิจของท่านอยู่ อย่าเพิ่งไหว้ เพราะว่าถ้าหากท่านไม่รับ เดี๋ยวเราจะไปโกรธท่าน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2010 เมื่อ 02:59 |
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
ถาม : ผมไม่แน่ใจว่านั่งสมาธิผิดหรือเปล่า คือ เวลานั่งจะมีแสงอยู่ในตา เคยไปถามพระที่อื่น เขาบอกว่าเป็นตัวรบกวน แต่ผมว่าไม่น่าจะใช่ครับ ถ้านั่งดี ๆ แสงในตามันจะจ้า สวย ๆ ถ้าสมมติว่าเป็นแสงสวย ๆ อย่างนี้แล้ว เราจะต้องทำอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : ถ้านับเป็นการเรียนหนังสือ ก็อยู่ประมาณอนุบาลสาม..! ถ้าเราติดอยู่ตรงนั้น ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่ต้องได้อะไร ที่พระท่านบอกว่าเป็นสิ่งรบกวน ท่านบอกถูกแล้ว พอจิตเป็นสมาธิจะเกิดความเป็นทิพย์ขึ้น พวกแสงสีจะมา ถ้าเรามัวไปสนใจอยู่ จะไม่เป็นสมาธิสูงขึ้นไปและติดอยู่แค่นั้นแหละ ถาม : แล้วเราควรจะทำอย่างไรครับ ? ตอบ : อยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา อยู่กับคำภาวนาของเรา แสงสีจะมาอย่างไร ไม่ต้องไปใส่ใจ ถาม : แล้วการนั่งสมาธิจะไปสุดที่ตรงไหนครับ ? ตอบ : ถ้าหากเป็นรูปฌานก็ฌานสี่ ถ้าเป็นอรูปฌานก็ฌานแปด ถาม : แล้วเราจะสังเกตได้อย่างไร ว่าเราได้ฌานสี่หรือฌานขั้นไหนแล้ว ? ตอบ : ไปศึกษาเอาว่าแต่ละอารมณ์ฌานว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง แล้วจะรู้ ถาม : คือสังเกตที่อารมณ์หรือครับ ? ตอบ : เปิดตำราดูว่าแต่ละขั้นตอนเป็นอย่างไรบ้าง อธิบายตอนนี้แล้วยาว เสียเวลาคนอื่นเขา ถาม : แล้วการเพ่งกสิณใช่ตัวนี้หรือเปล่าครับ ? ตอบ : เพ่งกสิณเขาดูวัตถุ หลับตาลง จำภาพแล้วนึกถึง ถ้าหากว่าหายไปก็ลืมตาดูแล้วนึกถึงใหม่ จนกระทั่งหลับตาก็เห็น ลืมตาก็เห็น ถาม : ภาพนี้จะเป็นภาพในใจหรือภาพที่ติดตา ? ตอบ : ถ้าหากว่าถามอย่างนี้ก็ต้องบอกว่า เป็นภาพในใจเพราะว่าหลับตาก็เห็น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2010 เมื่อ 03:01 |
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
ถาม : ทรงฌานเดินแล้วหนัก ๆ
ตอบ : ก็ทำให้ไม่หนักสิ..! ถาม : ก็ต้องเป็นไปด้วยความระวังตลอด ตอบ : นั่นมันเด็กหัดใหม่ ถ้าทำให้คล่องตัวถึงขนาดไม่ต้องระวังก็จะไม่หนัก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2010 เมื่อ 03:02 |
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
||||
|
||||
ถาม : เห็นตัวเองร้ายทุกวันค่ะ ดูเฉย ๆ ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : รู้แล้วอย่าคล้อยตามไป ถ้าเราคล้อยตามไป ยอมให้กิเลสอยู่เหนือเรา ก็พาเราเละไปเรื่อย ๆ หัดดื้อกับกิเลสบ้างสิ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2010 เมื่อ 03:04 |
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|