|
เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#21
|
||||
|
||||
ถาม : เคยได้ยินมาว่า สวดคาถาชินบัญชร ๑๐ จบ แล้วอธิษฐานขออะไรก็จะสำเร็จ จริงหรือเปล่า ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าเราทำได้แค่ไหน ? ถ้าหากคุณสามารถทรงสมาบัติแปดได้เลย จบเดียวก็น่าจะสำเร็จแล้ว..! ถาม : แล้วถ้าทรงสมาบัติไม่ได้ ? ตอบ : ก็สวดไปหลาย ๆ จบ พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าสมาธิเรามีกำลังสูงมากเท่าไร ผลสำเร็จก็จะมีมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็สวดสัก ๑๐๘ จบ ถาม : ตอนนี้สวด ๑๐ จบ อยู่ทุกคืนครับ แล้วตอนแรกที่สวดก็มีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาในชีวิต ตอนหลังผ่านไปสักพัก ก็มีปัญหาเข้ามาเยอะกว่าเก่า ตอบ : คุณจะสวดหรือไม่สวดก็มีเป็นปกติอยู่แล้ว ถาม : ไม่ได้เป็นเพราะคาถา ? ตอบ : ไม่ได้เกี่ยวกับคาถา ถาม : แต่เขาว่ากันว่า พระคาถาชินบัญชรเป็นคาถาที่ส่งผลดีแน่นอน ตอบ : ในส่วนของความดี ส่งผลให้แต่ด้านดีด้านเดียว ถาม : แล้วพระคาถาชินบัญชร ร้อนจริงหรือเปล่า ? ตอบ : อาตมาทำมาตลอดชีวิต ไม่เห็นจะร้อนเลย ถาม : ไม่ได้เกี่ยวกับพระคาถา ? ตอบ : บอกแล้วว่าไม่เกี่ยว ถาม : แล้วตอนสวดควรจะตั้งกำลังใจอย่างไร ? ตอบ : บอกแล้วว่าสมาธิสูงเท่าไร ก็ดีมากเท่านั้น ถาม : แล้วที่ขึ้นไปสวดถวายพระข้างบน ? ตอบ : ก็ยิ่งดี ถาม : สวดแล้วมันรู้สึกว่าตนเองดีกว่าคนอื่น เป็นเพราะอะไรครับ ? ตอบ : ทิฏฐิมานะของเรา เป็นเรื่องปกติ ถาม : วิธีแก้ ? ตอบ : ก็เลิกคิด เรื่องพวกนี้เป็นกิเลสของนักปฏิบัติ ในเมื่อเป็นกิเลสของนักปฏิบัติ มีอยู่ทางเดียวก็คือรู้เท่าทันแล้วก็วางเสีย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2010 เมื่อ 02:48 |
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
ถาม : หนูภาวนาคาถาโสตัตตะภิญญาตอนนอน หลวงพ่อบอกว่าจะเป็นแสงลงไป หนูภาวนาไปแล้วเหมือนกับแสงลงไปในทะเลทราย
ตอบ : ให้ดึงเอาไว้ในอกเรา ถาม : ต้องบังคับหรือคะ ? ตอบ : ใช่ ต้องบังคับ เอากำลังใจรวมเข้ามาอยู่ในอกเรา เหมือนกับเราทอดแห..แล้วสาวเข้ามา ดึงเข้ามารวมกันในอก ถ้ารวมเป็นดวงได้เมื่อไร ตัวเราก็จะเริ่มลอยได้ เคยถามหลวงพ่อว่าใช้ระยะเวลาประมาณเท่าไร ท่านบอกว่า ถ้าขยันสักสามเดือนก็น่าจะได้ ปรากฏว่าอาตมาภาวนาครั้งแรกก็มาแล้ว ถาม : อะไรที่หายไป มันก็หายไปเฉยเลย ตอบ : ก็ปล่อยให้หายไป นั่นเป็นพลังงานที่ส่งมาช่วย คือใครใช้คาถาบทนี้แล้วท่านจะช่วย ถาม : ก็นึกว่าพลังอ่อนด้อย ก็เลยดึงไม่ได้ ตอบ : ไม่ใช่ แต่เพราะว่าเราไม่รู้วิธี ส่วนใหญ่ที่ภาวนากันปีแล้วปีเล่า แล้วไม่ได้ คือไม่รู้วิธี แบบเดียวที่อาตมาฝึกปฐมฌาน ทำอยู่สามปี เพราะไม่รู้วิธี ตอนนั้นขยันมาก ภาวนาสามปี หัวไม่วางหางไม่เว้น แต่ไม่ได้สักที พอดีวันนั้นคิดว่า จะได้หรือไม่ได้ ก็ช่างหัวมัน..! ปรากฏว่าได้เลย คือต้องวางกำลังใจอย่างนั้น ส่วนเราไม่ได้วางกำลังใจอย่างนั้น ส่วนเราไปอยากได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2010 เมื่อ 11:35 |
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
ถาม : เคยอ่านนิยาย นางเอกเป็นผู้มีพลังจิต นางเอกจะทุกข์มาก เวลาที่นั่งอยู่ในห้องที่มีคนเยอะ ๆ เพราะว่าไปรับกระแสอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่น แล้วเธอจะเหนื่อยและปวดหัว
ตอบ : นั่นไม่ใช่พลังจิต แต่เป็นทิพพจักขุญาณเลย ถาม : คนปกติจะเป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า ? ตอบ : ถ้าหากว่าเปิดได้ จะเป็นอย่างทุกคน จึงต้องหาวิธีตัด ถ้าหากเราทรงอยู่กับอารมณ์ของเรา ไม่ไปรับของคนอื่นเขา..ก็สบาย โผล่หัวออกไปให้เขาขว้าง เราก็เจ็บ เพราะฉะนั้น..มุดหัวอยู่ในบ้าน ปลอดภัยดี โดยอาศัยสมาธิของเรา นิ่งอยู่กับสมาธิก็ไม่ต้องไปรับของคนอื่นเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2010 เมื่อ 11:36 |
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเราเช่าพระพุทธรูปเขามา แล้วช่างเขาปั้นหน้าไม่สวย แล้วเราจะปั้นใหม่ จะเป็นการปรามาสไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากไปรื้อทำใหม่ ก็เกิดโทษเหมือนกัน แต่ถ้าให้เขาปั้นทับไปเลยจะได้ไหม ? ไปเจอที่วัดหนองบัว เขาทำพระนอน หัวหน้าช่างเขาไม่อยู่ ปรากฏว่าลูกน้องทำแล้วปั้นพระพักตร์สวยไม่ถูกใจ หัวหน้าช่างกลับมาเอาขวานถากออก แล้วปั้นใหม่เสียสวยเช้ง ไอ้นั่นเกิดชาติใหม่มีหวังได้เกิดอุบัติเหตุหน้าเยิน แล้วไปทำศัลยกรรมพลาสติกจนหล่อเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-04-2010 เมื่อ 12:57 |
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
ถาม: เวลาเราเดินทางแล้วสัตว์เลื้อยคลานมาขวางตัดหน้ายานพาหนะของเรา อย่างนี้ถือเป็นนิมิต เป็นลางอะไรบ้างคะ ?
ตอบ : เคยได้ยินหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ถ้างูเลื้อยตัดหน้าจากซ้ายไปขวาจะมีลาภ แต่ถ้าจากขวามาซ้ายให้ระวังอุบัติเหตุ แต่อาตมาว่า จะมาทางไหนก็ระวังไว้ก่อนดีกว่า..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2010 เมื่อ 15:33 |
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
ถาม : ผู้ที่อยู่ต่างดาวอีกโลกหนึ่ง เขามีกรรมบถ ๑๐ เป็นปกติ แล้วอย่างนี้ทำไมเขาไม่เป็นพระอริยเจ้า ?
ตอบ : สภาพสังคมของเขา ไม่เอื้อให้ผิด คนเขาไม่นิยมทำความชั่วกัน แบบเดียวกับเทวดา จะรักษาศีล ๒๒๗ ข้อก็ได้ แต่ทำไมไม่เป็นพระอริยเจ้า ? เพราะไม่มีที่ให้ละเมิด ในเมื่อไม่มีที่ให้ละเมิด เจตนาที่จะงดเว้นจริง ๆ ก็เลยไม่มี ยังไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้ามีที่ให้ละเมิดแล้ว จะงดได้หรือเปล่า ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2010 เมื่อ 15:34 |
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
||||
|
||||
ถาม : การมีคนชั่วอยู่ ก็ถือว่าเป็นสัจธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม คนชั่วก็มีสอดแทรกเข้าไปจนได้
ตอบ : น้ำถึงไหน ปลาก็ถึงนั่น โดยธรรมชาติของดีชั่ว ก็แค่เป็นทางเลือกหนึ่ง เป็นการกระทำอย่างหนึ่ง จัดเป็นสมมติ เรียกเพื่อให้แยกแยะออก ถ้าเราเรียกว่าดี แต่สิ่งที่เราทำทั้งหมดไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ความหมายของคำว่าดีก็จะเปลี่ยนไป ถ้าเราเรียกว่าชั่ว แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ทำถูกต้องตามที่คนส่วนรวมต้องการ ก็จะกลายเป็นอีกความหมายหนึ่ง เพราะฉะนั้น..เรื่องของการสมมตินั้นเปลี่ยนแปลงกันได้ ถาม : ดีของคนกลุ่มหนึ่ง อาจจะเป็นชั่วของคนอีกกลุ่มหนึ่ง ตอบ : อะไรทำนองนั้น บรรดาพวกมือปืนเจ้าพ่อ ปล้น ฆ่า ขายยาเสพติด ต้องทำอย่างนี้จึงจะรวย เขาก็ว่าของเขาดี แต่ถ้าของเราคงได้แช่งให้ตายไม่เว้นแต่ละวัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-04-2010 เมื่อ 15:36 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
||||
|
||||
มีคนนำหนังสือกรรมฐาน ๔๐ หลายเล่ม มาถวายพระอาจารย์ พระอาจารย์จึงนำไปแจกจ่ายต่อให้กับญาติโยม ท่านกล่าวถึงเรื่องอัชฌาสัยในหนังสือกรรมฐาน ๔๐ ว่า
"อัชฌาสัย คือ ความชอบเฉพาะตน ความชอบเฉพาะตนแบ่งออกเป็น ๔ แบบ ชอบแบบเรียบง่ายก็เป็นสุกขวิปัสสโก ขี้สงสัยนิดหน่อยก็เป็นเตวิชโช สงสัยมากก็เป็นฉฬภิญโญ ประเภทอยากเก่งเกินมนุษย์ ก็เป็นปฏิสัมภิทัปปัตโต" ถาม : เมื่อก่อนเคยได้ยินเขาคุยกันว่า อยากรู้ว่าตัวเองทำอะไรมา ให้อธิษฐานเปิดหนังสือสามครั้ง แล้วจะทราบทันที ว่าตัวเองทำอะไรมา จริงหรือเปล่าคะ ? ตอบ : ไม่ต้องถึงสามครั้งหรอกจ้ะ ถ้าหากว่ามีความเคารพจริง ครั้งเดียวก็รู้เรื่องแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-04-2010 เมื่อ 13:47 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
||||
|
||||
พระอาจารย์แจ้งข่าวให้ทราบว่า "วันที่ ๒ พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ บริษัทรับเหมาก่อสร้างบ้านวิริยบารมี เขาจะทำบุญเลี้ยงพระ ตรงบริเวณที่สร้างบ้านเลย ฉะนั้น..ใครจะไปร่วมงาน กรุณาถือข้าวไปคนละกล่อง จะได้ไม่ต้องไปกวนเขา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
ถาม : ผมทำอาชีพกฎหมาย บางทีต้องกระทบกับชาวบ้าน ทำอย่างไรจึงจะหลีกเลี่ยงกรรม..?
ตอบ : ให้ว่าตามข้อเท็จจริง ฟังให้ดี ๆ นะ ว่าตามข้อเท็จจริง เพราะว่าการที่เขาฟ้องร้องขึ้นมา ต่างคนต่างก็ยกข้อเท็จจริง คือ ทั้งเท็จและจริงขึ้นมาสู้กัน หลักฐานใครดีกว่าคนนั้นก็ชนะ ผู้พิพากษาเขามีหน้าที่พิจารณาตามข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องไปหาความยุติธรรม ถาม : แสดงว่าเราวินิจฉัยไปตามความรู้ ตอบ : คุณวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงเท่านั้น เราทำของเราตรงไปตรงมาตามนั้น ถาม : ไม่มีใครยิ้มเลยครับ ร้องไห้ทั้งสองฝ่าย ตอบ : ต้องเป็นอย่างนั้นแหละ..! ถาม : ว่ากันตามความรู้สึกไม่ได้ ? ตอบ : ว่ากันตามตัวบทกฎหมายและหลักฐานที่ปรากฎเฉพาะหน้า คุณเป็นฝ่ายถูกแต่หลักฐานสู้เขาไม่ได้ คุณก็ต้องผิด ถาม : แต่การแปลความและตีความ มันตีได้หลายทาง ตอบ : ตีได้หลายทาง เขาจึงต้องมีการซักและซักค้าน ใครยกเหตุผลขึ้นมาได้ดีกว่า สามารถจูงใจผู้พิพากษาลูกขุนได้ดีกว่า ก็ชนะเขา ถาม : ฉะนั้น..หากเราไม่มีอคติเข้าไปเจือปน ก็ไม่มีโทษสำหรับเรา ตอบ : ไม่มีโทษสำหรับเราหรอก ทำตามหน้าที่เท่านั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2010 เมื่อ 16:27 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวเกี่ยวกับวงการสงฆ์ให้ฟังว่า "ที่ต้องไปเรียน เพราะเขาบอกว่า พระมีความรู้ไม่พอ ก็เลยไปทำผิดพลาดจนกลายเป็นเสียหายต่อพระศาสนา ข้อนี้อาตมาเถียงเลย เพราะว่าถ้าคนจะทำผิด ยิ่งรู้มากก็ยิ่งเลี่ยงกฎหมายเก่ง ฉะนั้น..ถ้าต้องการแก้ปัญหาในวงการสงฆ์ ต้องอบรมให้เขา ละอายชั่ว กลัวบาป รักศีลของตัวเอง แล้วเรื่องจะจบ ไม่ใช่ไปเพิ่มความรู้ บางทีไปเพิ่มความรู้เป็นการติดปีกให้เสือไปเสียอีก"
ถาม : การละอายชั่วกลัวบาป คนที่ปฏิบัติจะละอายชั่ว หรือกลัวบาปมากกว่ากัน ? ตอบ : ทั้งคู่นั่นแหละ เขาเรียกว่ามโนธรรม ความรู้สึกที่มาจากใจจริงเลย รู้ว่าสิ่งที่ทำไม่ถูกต้อง แล้วจะรู้สึกอายตัวเอง พออายตัวเองก็ระแวงต่อไปว่า สิ่งที่เราทำไม่ถูกต้อง อาจจะส่งผลไม่ดีให้แก่เราก็ได้ ก็กลายเป็นกลัวบาป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2015 เมื่อ 02:21 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปัจจุบันนี้มองเห็นปัญหาใหญ่อยู่ข้อหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่ารัฐบาลเขาเห็นหรือยัง ? ก็คือ สมัยนี้เด็กวัยรุ่นทำผิดโดยไม่รู้สึกละอาย ไม่รู้สึกว่าผิดด้วย อย่างพวกเด็กแว้น เด็กสก๊อยก็เป็นปัญหาหนึ่ง พวกติดยาเสพติดก็เป็นปัญหาหนึ่ง พวกขายตัวทั้ง ๆ ที่อยู่ในสถาบันการศึกษาก็เป็นปัญหาหนึ่ง
เรื่องอย่างนี้เขาทำจนเป็นแฟชั่น ใครไม่ทำก็ตกยุค เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะเขาทำโดยไม่รู้สึกผิดบาปอยู่ในใจเลย ใคร ๆ เขาทำกัน ตัวเองไม่ทำกลายเป็นโง่ไปด้วย นี่มุมมองของสังคมเราเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้แล้ว" ถาม : สาเหตุนี้มาจากอะไรคะ ? ตอบ : สังคมที่เปลี่ยนไป ถ้าหากกล่าวว่าสังคมเปลี่ยนไป ที่เปลี่ยนไปก็เพราะผู้ใหญ่ ในเมื่อรุ่นพ่อรุ่นแม่ของตัวเองก็ยังทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น แล้วจะไปสอนลูกได้อย่างไร พูดก็ไม่เต็มปาก ถ้าลูกเถียงกลับมาว่า ทีแม่ยังทำเลย แล้วแม่จะว่าอย่างไรได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2010 เมื่อ 16:31 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
ถาม : มีพระบอกว่า สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ตรงนี้จริง ๆ หรือว่าเริ่มต้นจากตรงนั้น ?
ตอบ : เขาตีความผิด นรกสวรรค์ที่แท้จริงมีอยู่ แต่การที่เราทำสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ผลของความสุขหรือความทุกข์จะเกิดขึ้นในใจเรา ก่อนที่จะตายเสียอีก ตรงส่วนนี้เขาเรียกสวรรค์ในอก นรกในใจ แต่เขาไม่ได้ตอกย้ำว่าสถานที่แท้จริงนั้นมีอยู่ ก็เลยทำให้คนเขาเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2010 เมื่อ 16:31 |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
||||
|
||||
ถาม : การที่เราจะรับรู้ โดยไม่ไปคิดปรุงแต่ง เราต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : อันดับแรก สร้างสมาธิให้ทรงตัวก่อน ถ้าสมาธิทรงตัว สติก็จะว่องไวและแหลมคม พอเห็นก็จะหยุดได้ก่อน ฉะนั้น..ถ้าสมาธิไม่ดี ไม่ต้องคิดเลยว่าต้องทำไปอย่างอื่นต่ออย่างไร สร้างสมาธิให้ดี เห็นแล้วหยุดให้ได้ก่อน พอหยุดได้แล้วค่อย ๆ หาทางว่าทำอย่างไรที่เราจะไม่คิดได้ คิดเมื่อไรก็ยังเป็นรูปนาม เป็นคน เป็นสัตว์อยู่ ไม่สักแต่ว่าเห็น ถ้าทำไปถึงท้าย ๆ ใช้ปัญญาพิจารณาว่าไม่ใช่ของเราจริง ๆ ในเมื่อเห็นว่าไม่ใช่ของเราจริง ๆ แล้วกำลังใจยอมรับ ก็จะปล่อยวาง ไม่อย่างนั้นก็ยังคงเป็นตัวตนเราเขาอยู่นั่นเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-04-2010 เมื่อ 16:34 |
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาเราแผ่กสิณไป เราแผ่เมตตาตามได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : แล้วคุณจะแผ่กสิณไปทำอะไร ? ถาม : ใช้กสิณครอบประเทศไทย ตอบ : อย่างที่อาตมาสอนให้ทำกันอยู่ ก็ใช้อย่างนั้นเป็นปกติอยู่แล้ว ถาม : กสิณต่าง ๆ จะมีอานุภาพแตกต่างกันอยู่แล้วใช่ไหมครับ ? ตอบ : ใช่ ถาม : แต่ถ้าแผ่กสิณที่แตกต่างกัน แล้วแผ่เมตตาตามไปด้วย จะต่างกันไหมครับ ? ตอบ : เอาอย่างนี้ คุณไปฝึกปีตกสิณ ถึงเวลาอธิษฐานให้ทองคำเต็มประเทศไทย ใครหยิบขึ้นมาก็ใช้ได้เลย รับรองว่ามีผลต่างกันแน่นอน..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2010 เมื่อ 05:33 |
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
||||
|
||||
พระอาจารย์บอกว่า "แม่ชีทศพรเขาเป็นพุทธภูมิ เพราะเคยรับทานจากท่าน แล้วท่านอธิษฐานขอปรารถนาพระโพธิญาณ
เป็นผู้หญิงแล้วปฏิบัติธรรมได้ผล..ก็ดี เพราะว่าสามารถที่จะใกล้ชิดผู้หญิงด้วยกันได้มากกว่า หนังสือเกิดแต่กรรม แม่ชีเขาแนะนำวิธีรวยเร็ว ให้ไปกราบหลวงพ่อเงินไหลมา วัดท่าซุง แล้วท่องคาถาเงินล้านถวาย ฉะนั้น..ลองไปทำดู" ถาม : ถ้าสวดที่บ้านละคะ ? ตอบ : ไปกราบท่านที่วัดก่อนแล้วสวด หรือจะสวดตรงนั้นก็ได้ จะไปยากอะไรก็ไปบูชาหลวงพ่อเงินไหลมา แล้วเอามาตั้งบูชาที่บ้าน ถาม : บูชาแล้วค่ะ ตอบ : สวดคาถาเงินล้านไปเลย ยิ่งเยอะยิ่งดี
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2010 เมื่อ 05:34 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเราออกไปข้างนอก แล้วเราลืมพกวัตถุมงคลไปด้วย อย่างนี้ถ้าเราอาราธนาท่านแล้วจะได้ไหม ?
ตอบ : อาราธนาพระพุทธเจ้าไปด้วยก็หมดเรื่อง เพียงแต่อย่าเผลอก็แล้วกัน เผลอเลิกนึกถึงท่านเมื่อไรก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2010 เมื่อ 05:34 |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าเราได้วัตถุมงคลจากพระองค์หนึ่ง มีการปลุกเสกแล้ว เราก็เอาไปเข้าพิธีที่อื่นอีก อย่างนี้ถือว่าเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่เคยได้ยินหลวงพ่อฤๅษีบอกหรือ ? ท่านบอกว่า ครั้งที่หนึ่งใส่เข้า ครั้งที่สองเอาออก ฉะนั้น..ก็นับให้ดี ๆ ว่าเข้าพิธีไปกี่ครั้ง..(หัวเราะ).. ถาม : ครั้งที่หนึ่งใส่เข้า ครั้งที่สองเอาออก ครั้งที่สามใส่เข้า ครั้งที่สี่เอาออก ตอบ : หลวงพ่อท่านพูดเล่น...(หัวเราะ) ถาม : ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ ? ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก จะเข้าพิธีกี่ครั้งก็ได้ ถาม : ไม่ได้เป็นการปรามาสใช่ไหมคะ ? ตอบ : ไม่ได้เป็นการปรามาสหรอก แต่ขาดความมั่นใจ ลักษณะนั้นทำอะไรจะเอาดียาก ต้องมั่นใจเต็ม ๆ ไปเลย ถาม : แล้วถ้าเราเข้าพิธีโดยขออานุภาพเพิ่ม ? ตอบ : นั่นแหละ ขาดความมั่นใจ ถ้าไม่ขาดความมั่นใจจะไปขอเพิ่มทำไม ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 02:56 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
ถาม : คณะที่เขาจัดทำวัตถุมงคล เพื่อแจกจ่ายญาติโยม นำวัตถุมงคลเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่วัดนี้ แล้วช่วงบ่ายก็ไปเข้าพุทธาภิเษกอีกวัดหนึ่ง แสดงว่ากำลังใจของเขา ?
ตอบ : ลองนึกถึงน้ำเต็มแก้วสิ เติมน้ำไปอีกก็ล้นแก้ว แต่คราวนี้ถ้ามั่นใจว่าเติมไปอีกจะดีกว่า ก็เลยเติม ถาม : อันนี้พิสูจน์กำลังใจของคนทำหรือเปล่า ? ตอบ : บางทีคนหมู่มากเขานิยมแบบนั้น ประเภท ๙ รอบ ๙ พิธีอย่างนี้ก็มี ถ้าจะให้ดีต้อง ๑๐๘ พิธีจะเป็นมงคลมาก..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2015 เมื่อ 02:21 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
||||
|
||||
ถาม : อ่านหนังสือผู้พิชิตดาราจักร อ่านไปแล้วทรมานใจมากเลย เพราะจับได้ถึงกระแส รัก โลภ โกรธ หลง ของตัวคนที่เขียน เหมือนกับเขาเป็นผู้ชายที่อยู่เหนือผู้หญิง
ตอบ : อันนี้เป็นการต่อต้านในใจ ถ้าใจเราไม่ต่อต้านก็จะไม่เกิดอารมณ์แบบนี้ เราก็เลยกลายเป็นว่า ไม่ใช่..กูเหนือกว่ามึงอีก ก็ยิ่งไปกันใหญ่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|