#21
|
|||
|
|||
ประวัติหลวงปู่สิมที่นำมาลงก็จบที่ตอนนี้ (หน้า ๑๐)
ต่อไปจะเป็นคำสอนของหลวงปู่ที่รวบรวมไว้ ๓๐ ข้อ อยากเสนอให้นำประวัติและคำสอนของหลวงปู่สิมนี้ ย้ายไปไว้ที่ห้องประวัติและปฏิปทาของพระสุปฏิปันโนด้วย
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
|||
|
|||
๑๐ คำถามอะไรเอ่ย ?
อ้างอิง:
เป็น ๑๐ คำถามอะไรเอ่ยที่เธอส่งมาเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว ดังนี้ "ธรรมสวัสดีค่ะ... อารมณ์สบาย ๆ ...สไตล์วันศุกร์นี้มี ๑๐ คำถามอะไรเอ่ย ? มาให้ลับสมองกันค่ะ เป็น ๑๐ คำถามอะไรเอ่ย ? ที่พระอาจารย์มานพ อุปสโม ท่านได้เเสดงไว้ ระหว่างการปฏิบัติธรรม ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษาราชนครินทร์ ในวันพุธคืนสุดท้ายของเดือนเมษายน ๒๕๕๑ คำถามมีอยู่ว่า... ๑. อะไรเอ่ย ยิ่งให้ยิ่งดี ให้ทั้งผี ให้ทั้งคน ๒. อะไรเอ่ย ๕ ตัวกินหมด ๘ ตัวอดข้าวมื้อเย็น ๓. อะไรเอ่ย จอมปลวกมี ๖ รู เหี้ยหลบอยู่ข้างใน ใครจับได้ยอดดี ๔. อะไรเอ่ย ตัวใหญ่มาทำเล็ก เด็ก ๆ ชอบทุกคน ๕. อะไรเอ่ย ไม่บอกก็ช่วยเขาหาม ไม่ตามก็ช่วยเขาเเห่ ๖. อะไรเอ่ย หวงไว้คนเเช่ง ยิ่งเเบ่งยิ่งมาเติม ๗. อะไรเอ่ย ของคนอื่นเขา เอามาชื่นมาชม คนนิยมว่ายอดดี ๘. อะไรเอ่ย สาวหนุ่มฟังว่าเเย่ แก่เฒ่าว่าเข้าที ๙. อะไรเอ่ย ของให้ไร้ตัวตน วิญญูชนว่ายอดดี ๑๐. อะไรเอ่ย ยิ่งคดยิ่งหลง ยิ่งตรงยิ่งแหลม ที่มา...หนังสือคู่มือการสอนจริยธรรมด้วยกรณีศึกษาเเละกิจกรรม ป.ล. ได้กราบขออนุญาตพระอาจารย์เเล้ว ท่านเมตตาอนุญาต พร้อมให้หนังสือคู่มือการสอนจริยธรรมด้วยกรณีศึกษาเเละกิจกรรมมาด้วยค่ะ เพื่อความเสมอภาคแก่ทุกท่าน เพราะตอนที่พระอาจารย์ท่านถาม มีบอกใบ้เป็นนัย ๆ ให้ทายได้ถูกด้วย จึงขอใบ้คำตอบว่า อยู่ในข้อธรรมหมวด ๑๐ ข้อใดข้อหนึ่งคือ... ก. กุศลกรรมบท ๑๐ ข. อนุสติ ๑๐ ค. บุญกริยาวัตถุ ๑๐ ง. นาถกรณธรรม ๑๐ ลองจับคู่ตอบคำถามทั้ง ๑๐ ข้อดู แล้วจะมาเฉลยในวันศุกร์หน้า ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ" พร้อมทั้งลงคติไว้ท้ายข้อความ ทุกข์มีไว้ให้เห็น ไม่ได้มีไว้ให้เป็น ลองตอบกันดู มีเฉลยด้วย... รอสักพัก
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 22-09-2009 เมื่อ 08:50 |
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
|||
|
|||
๑. อะไรเอ่ย ยิ่งให้ยิ่งดี ให้ทั้งผี ให้ทั้งคน
ตอบ บุญ ,กุศล ๒. อะไรเอ่ย ๕ ตัวกินหมด ๘ ตัวอดข้าวมื้อเย็น ตอบ ศีล ๓. อะไรเอ่ย จอมปลวกมี ๖ รู เหี้ยหลบอยู่ข้างใน ใครจับได้ยอดดี ตอบ อายตนะ ,การภาวนา ๔. อะไรเอ่ย ตัวใหญ่มาทำเล็ก เด็ก ๆ ชอบทุกคน ตอบ การอ่อนน้อมถ่อมตน ๕. อะไรเอ่ย ไม่บอกก็ช่วยเขาหาม ไม่ตามก็ช่วยเขาเเห่ ตอบ การช่วยเหลือขวนขวายในกิจการงาน ๖. อะไรเอ่ย หวงไว้คนเเช่ง ยิ่งเเบ่งยิ่งมาเติม ตอบ บุญ , การให้โมทนาบุญ ๗. อะไรเอ่ย ของคนอื่นเขา เอามาชื่นมาชม คนนิยมว่ายอดดี ตอบ บุญ , การโมทนาบุญ ๘. อะไรเอ่ย สาวหนุ่มฟังว่าเเย่ แก่เฒ่าว่าเข้าที ตอบ การฟังเทศน์ ฟังธรรม ๙. อะไรเอ่ย ของให้ไร้ตัวตน วิญญูชนว่ายอดดี ตอบ การให้ธรรม ๑๐. อะไรเอ่ย ยิ่งคดยิ่งหลง ยิ่งตรงยิ่งแหลม ตอบ ทิฐิ หรือ ความเห็น สรุป ตอบข้อ ค.ถูกทุกข้อครับ
__________________
๑۩۞۩๑ ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่าน ๑۩۞۩๑ ช่วยกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง และโปรดหลีกเลี่ยงการนำภาษาพูดมาใช้เป็นภาษาเขียนด้วย ขอเชิญร่วมบุญธรรมทานเว็บไซต์"วัดท่าขนุน"
|
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทิดตู่ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
|||
|
|||
เมื่อมีท่านที่ตอบมาแล้ว ก็ขอลงเฉลยที่น้องเธอส่งมาให้เลย
และเป็นไปได้ว่าคำถามนี้จะเน้นคำตอบข้อ ค. ดังที่ท่านทิดว่า คำตอบจึงอาจจะไม่ตรงใจท่านไปบ้าง ธรรมสวัสดีค่ะ... วันศุกร์...เเสนสุขใจวันนี้มาเฉลย ๑๐ คำถามอะไรเอ่ย ? ที่เคยถามไว้เมื่อศุกร์ที่เเล้วนะคะ (เป็น ๑๐ คำถามอะไรเอ่ย ? ที่พระอาจารย์มานพ อุปสโม ท่านได้เเสดงไว้ระหว่างการปฏิบัติธรรม ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษาราชนครินทร์ ในวันพุธคืนสุดท้ายของเดือนเมษายน ๒๕๕๑ ที่มา...หนังสือคู่มือการสอนจริยธรรมด้วยกรณีศึกษาเเละกิจกรรม) คำถามมีอยู่ว่า... ๑. อะไรเอ่ย ยิ่งให้ยิ่งดี ให้ทั้งผี ให้ทั้งคน ตอบ ทาน ๒. อะไรเอ่ย ๕ ตัวกินหมด ๘ ตัวอดข้าวมื้อเย็น ตอบ ศีล ๓. อะไรเอ่ย จอมปลวกมี ๖ รู เหี้ยหลบอยู่ข้างใน ใครจับได้ยอดดี ตอบ ภาวนา (การฝึกสมาธิ) ๔. อะไรเอ่ย ตัวใหญ่มาทำเล็ก เด็กๆ ชอบทุกคน ตอบ การอ่อนน้อมถ่อมตน ๕. อะไรเอ่ย ไม่บอกก็ช่วยเขาหาม ไม่ตามก็ช่วยเขาเเห่ ตอบ การช่วยเหลือผู้อื่น ๖. อะไรเอ่ย หวงไว้คนเเช่ง ยิ่งเเบ่งยิ่งมาเติม ตอบ การเเบ่งส่วนบุญ ๗. อะไรเอ่ย ของคนอื่นเขา เอามาชื่นมาชม คนนิยมว่ายอดดี ตอบ การชื่นชมในคุณธรรมความดีของคนอื่น ๘. อะไรเอ่ย สาวหนุ่มฟังว่าเเย่ แก่เฒ่าว่าเข้าที ตอบ การฟังเทศน์ฟังธรรม ๙. อะไรเอ่ย ของให้ไร้ตัวตน วิญญูชนว่ายอดดี ตอบ การเเสดงธรรม ๑๐. อะไรเอ่ย ยิ่งคดยิ่งหลง ยิ่งตรงยิ่งแหลม ตอบ การทำความเห็นให้ตรง ทั้ง ๑๐ ข้อ เป็นเรื่องของบุญกริยาวัตถุ ๑๐ คือ พฤติกรรมหรือลักษณะดีเด่นของคนในสังคม ประกอบด้วย... ๑. ทานมัย (บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน) ๒. สีลมัย (บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล) ๓. ภาวนามัย (บุญสำเร็จด้วยการเจริญสมาธิภาวนา ลดโลภโกรธหลง) ๔. อปจายนมัย (บุญสำเร็จด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนแก่ผู้ใหญ่) ๕. เวยยาวัจจมัย (บุญสำเร็จด้วยการช่วยขวนขวายทำงานที่ถูกที่ชอบ) ๖. ปัตติทานมัย( บุญสำเร็จด้วยการทำให้ผู้อื่นได้บุญหรือให้ส่วนบุญ) ๗. ปัตตานุโมทนามัย (บุญสำเร็จด้วยการยินดีที่ผู้อื่นได้บุญ หรืออนุโมทนาส่วนบุญ) ๘. ธัมมัสสวนมัย (บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม-อ่านหนังสือธรรมะ) ๙. ธัมมเทสนามัย (บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม) ๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ (บุญสำเร็จด้วยการทำความเห็นให้ถูกตรง) (พระไตรปิฎกเล่ม ๒๒/๒๑๕, ๒๓/๑๒๖)
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
http://84000.org/tipitaka/attha/atth...=25.0&i=30&p=5 อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท มรรควรรคที่ ๒๐ ๕. เรื่องพระโปฐิลเถระ[๒๐๘] ข้อความเบื้องต้น พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระนามว่าโปฐิละ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "โยคา เว" เป็นต้น. รู้มากแต่เอาตัวไม่รอด ดังได้สดับมา พระโปฐิละนั้นเป็นผู้ทรงพระไตรปิฎกในศาสนาของพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป. พระศาสดาทรงดำริว่า “ภิกษุนี้ ย่อมไม่มีแม้ความคิดว่า ‘เราจักทำการสลัดออกจากทุกข์แก่ตน เราจักยังเธอให้สังเวช.’ ”จำเดิมแต่นั้นมา พระองค์ย่อมตรัสกะพระเถระนั้น ในเวลาที่พระเถระมาสู่ที่บำรุงของพระองค์ว่า "มาเถิด คุณใบลานเปล่า, นั่งเถิด คุณใบลานเปล่า, ไปเถิด คุณใบลานเปล่า แม้ในเวลาที่พระเถระลุกไป ก็ตรัสว่า "คุณใบลานเปล่าไปแล้ว." พระโปฐิละนั้นคิดว่า "เราย่อมทรงไว้ซึ่งพระไตรปิฎกพร้อมทั้งอรรถกถา บอกธรรมแก่ภิกษุ ๕๐๐ รูป ถึง ๑๘ คณะใหญ่ ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น พระศาสดายังตรัสเรียกเราเนือง ๆ ว่า ‘คุณใบลานเปล่า’ พระศาสดาตรัสเรียกเราอย่างนี้ เพราะความไม่มีคุณวิเศษ มีฌานเป็นต้นแน่แท้." ท่านมีความสังเวชเกิดขึ้นแล้ว จึงคิดว่า "บัดนี้ เราจักเข้าไปสู่ป่าแล้วทำสมณธรรม" จัดแจงบาตรและจีวรเองทีเดียว ได้ออกไปพร้อมด้วยภิกษุผู้เรียนธรรม แล้วออกไปภายหลังภิกษุทั้งหมดในเวลาใกล้รุ่ง. พวกภิกษุนั่งสาธยายอยู่ในบริเวณ ไม่ได้กำหนดท่านว่า "อาจารย์." พระเถระไปสิ้น ๑๒๐ โยชน์แล้ว, เข้าไปหาภิกษุ ๓๐ รูป ผู้อยู่ในอาวาสราวป่าแห่งหนึ่ง ไหว้พระสังฆเถระแล้ว กล่าวว่า "ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม." พระสังฆเถระ. "ผู้มีอายุ ท่านเป็นพระธรรมกถึก สิ่งอะไรชื่อว่าอันพวกเราพึงทราบได้ ก็เพราะอาศัยท่าน, เหตุไฉน ท่านจึงพูดอย่างนี้ ?" พระโปฐิละ. ท่านผู้เจริญ ขอท่านจงอย่าทำอย่างนี้ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของกระผม. วิธีขจัดมานะของพระโปฐิละ ก็พระเถระเหล่านั้นทั้งหมด ล้วนเป็นพระขีณาสพทั้งนั้น. ลำดับนั้น พระมหาเถระส่งพระโปฐิละนั้นไปสู่สำนักพระอนุเถระ ด้วยคิดว่า "ภิกษุนี้มีมานะ เพราะอาศัยการเรียนแท้." แม้พระอนุเถระนั้นก็กล่าวกะพระโปฐิละนั้น อย่างนั้นเหมือนกัน. ถึงพระเถระทั้งหมด เมื่อส่งท่านไปโดยทำนองนี้ ก็ส่งไปสู่สำนักของสามเณรผู้มีอายุ ๗ ขวบผู้ใหม่กว่าสามเณรทั้งหมด ซึ่งนั่งทำกรรมคือการเย็บผ้าอยู่ในที่พักกลางวัน. พระเถระทั้งหลายนำมานะของท่านออกได้ด้วยอุบายอย่างนี้. พระโปฐิละหมดมานะ พระโปฐิละนั้นมีมานะอันพระเถระทั้งหลายนำออกแล้ว จึงประคองอัญชลีในสำนักของสามเณรแล้วกล่าวว่า "ท่านสัตบุรุษ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผม." สามเณร. ตายจริง ท่านอาจารย์ ท่านพูดอะไรนั่น ท่านเป็นคนแก่ เป็นพหูสูต เหตุอะไร ๆ พึงเป็นกิจอันผมควรรู้ในสำนักของท่าน พระโปฐิละ. ท่านสัตบุรุษ ท่านอย่าทำอย่างนี้ ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของผมให้ได้. สามเณร. ท่านขอรับ หากท่านจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้ไซร้ ผมจักเป็นที่พึ่งของท่าน. พระโปฐิละ. ผมเป็นได้ ท่านสัตบุรุษ, เมื่อท่านกล่าวว่า "จงเข้าไปสู่ไฟ" ผมจักเข้าไปแม้สู่ไฟได้ทีเดียว. พระโปฐิละปฏิบัติตามคำสั่งสอนของสามเณร ลำดับนั้น สามเณรจึงแสดงสระ ๆ หนึ่งในที่ไม่ไกล แล้วกล่าวกะท่านว่า "ท่านขอรับ ท่านนุ่งห่มตามเดิมนั่นแหละ จงลงไปสู่สระนี้." จริงอยู่ สามเณรนั้น แม้รู้ความที่จีวรสองชั้นซึ่งมีราคามาก อันพระเถระนั้นนุ่งห่มแล้ว เมื่อจะทดลองว่า "พระเถระจักเป็นผู้อดทนต่อโอวาทได้หรือไม่" จึงกล่าวอย่างนั้น. แม้พระเถระก็ลงไปด้วยคำ ๆ เดียวเท่านั้น. ลำดับนั้น ในเวลาที่ชายจีวรเปียก สามเณรจึงกล่าวกะท่านว่า "มาเถิด ท่านขอรับ" แล้วกล่าวกะท่านผู้มายืนอยู่ด้วยคำ ๆ เดียวเท่านั้นว่า "ท่านผู้เจริญ ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง มีช่องอยู่ ๖ ช่อง, ในช่องเหล่านั้น เหี้ยเข้าไปภายในโดยช่อง ๆ หนึ่ง บุคคลประสงค์จะจับมัน จึงอุดช่องทั้ง ๕ นอกนี้ ทำลายช่องที่ ๖ แล้ว จึงจับเอาโดยช่องที่มันเข้าไปนั่นเอง, บรรดาทวารทั้งหก แม้ท่านจงปิดทวารทั้ง ๕ อย่างนั้นแล้ว จงเริ่มตั้งกรรม(๑-) นี้ไว้ในมโนทวาร." ด้วยนัยมีประมาณเท่านี้ ความแจ่มแจ้งได้มีแก่ภิกษุผู้เป็นพหูสูต ดุจการลุกโพลงขึ้นแห่งดวงประทีปฉะนั้น. พระโปฐิละนั้นกล่าวว่า "ท่านสัตบุรุษ คำมีประมาณเท่านี้แหละพอละ" แล้วจึงหยั่งลงในกรชกาย(๒-) ปรารภสมณธรรม. ________________________________________ (๑-) ๑. คำว่า กรรม ในที่นี้ ได้แก่ บริกรรม หรือกัมมัฏฐาน. (๒-) ๒. แปลว่า ในกายบังเกิดด้วยธุลี มีในสรีระ. ทางเจริญและทางเสื่อมแห่งปัญญา พระศาสดาประทับนั่งในที่สุดประมาณ ๑๒๐ โยชน์เทียว ทอดพระเนตรดูภิกษุนั้นแล้วดำริว่า "ภิกษุนั้นเป็นผู้มีปัญญา (กว้างขวาง) ดุจแผ่นดินด้วยประการใดแล, การที่เธอตั้งตนไว้ด้วยประการนั้นนั่นแล ย่อมสมควร." แล้วทรงเปล่งพระรัศมีไป ประหนึ่งตรัสอยู่กับภิกษุนั้น ตรัสพระคาถานี้ว่า :- ๕. โยคา เว ชายตี ภูริ อโยคา ภูริสงฺขโย เอตํ เทฺวธา ปถํ ญตฺวา ภวาย วิภวาย จ ตถตฺตานํ นิเวเสยฺย ยถา ภูริ ปวฑฺฒติ. ปัญญาย่อมเกิดเพราะการประกอบแล, ความสิ้นไปแห่งปัญญาเพราะการไม่ประกอบ, บัณฑิตรู้ทาง ๒ แพร่งแห่งความเจริญและความเสื่อมนั่นแล้ว พึงตั้งตนไว้โดยประการที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้. แก้อรรถ คำว่า "ภูริ" นั่น เป็นชื่อแห่งปัญญาอันกว้างขวาง เสมอด้วยแผ่นดิน. ความพินาศ ชื่อว่า ความสิ้นไป. สองบทว่า เอตํ เทวฺธา ปถํ คือ ซึ่งการประกอบและการไม่ประกอบนั่น. บาทพระคาถาว่า ภวาย วิภวาย จ คือ แห่งความเจริญและความไม่เจริญ. บทว่า ตถตฺตานํ ความว่า บัณฑิตพึงตั้งตนไว้ โดยประการที่ปัญญา กล่าวคือภูรินี้จะเจริญขึ้นได้. ในกาลจบพระคาถา พระโปฐิลเถระตั้งอยู่ในพระอรหัตแล้ว ดังนี้. เรื่องพระโปฐิลเถระ จบ.
------------------------
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 22-09-2009 เมื่อ 19:23 |
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
|||
|
|||
เรื่องทางพ้นทุกข์ ๑
เรื่องนี้ น้องเขาส่งมาเมื่อ ๓๐ กรกฎาคม ปีที่แล้ว
หมายเหตุ : ทีแรกว่าจะนำไปเพิ่มเติมที่กระทู้ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น แต่เห็นว่าไม่ได้มีอ้างอิงเป็นหนังสือที่ป้านุชนำมาลงไว้ จึงแยกมาไว้ในเรื่องนี้ตามปกติ เรื่องนี้ส่งเป็นแฟ้มแนบมาพร้อมพระรูปงามยิ่งของสมเด็จองค์ปฐมที่วัดท่าซุง (เนื้อหาแบ่งเป็น ๙ ข้อ) ขึ้นต้นว่า : วันจันทร์ที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๓๖ สมเด็จองค์ปฐมทรงเมตตาสอนไว้ มีความสำคัญดังนี้ และลงท้ายว่า : พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน ผู้รวบรวม เนื้อความว่า : ๑. "กาลเวลาที่ล่วงไป อย่าลืม ความตายยิ่งใกล้เข้ามา
เวลานี้พวกเจ้าโจทย์จิตเรื่องอารมณ์เข้าไว้ให้เต็มที่ กำหนดรู้สภาวะธรรมที่มากระทบจิตให้ชัดเจนแจ่มใส จักได้ไม่หลงใหลไปในสภาวะของธรรมนั้น ๆ หาความจริงของต้นเหตุแห่งทุกข์ในธรรมนั้น ๆ ให้พบ แล้วพิจารณาละสังโยชน์อันเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ในธรรมนั้น ๆ" (ในขณะนั้นเกิดปวดท้องขึ้นมา พระองค์จึงทรงตรัสว่า) ๒. "เจ้าจักเห็นได้ว่า ทุกข์อันเกิดจากโรคของร่างกายที่เข้ามาเบียดเบียนอารมณ์จิตนี้นั้นมีอยู่ ตราบใดที่ยังมีร่างกายอันเต็มไปด้วยรังของโรคนี้ เวทนาอันเกิดจากการเบียดเบียนก็ไม่เที่ยง บัดเดี๋ยวเกิด บัดเดี๋ยวดับ ร่างกายนี้ไม่ได้สร้างความสุขที่แท้จริงให้กับจิตเลย"
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
|||
|
|||
เรื่องทางพ้นทุกข์ ๒
๓. "ในเมื่อร่างกายเบียดเบียนอารมณ์ของจิตอยู่เยี่ยงนี้
พวกเจ้าก็จงทำความเบื่อหน่ายในการอยากมีร่างกายเยี่ยงนี้ลงเสีย ด้วยการพิจารณาทุกข์อันเกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าทุกข์อันเป็นนิพัทธทุกข์ ทุกข์เนืองนิตย์ เช่น อาการหิว กระหาย ร้อน หนาว ปวดอุจจาระและปัสสาวะ เป็นต้น และทุกข์อันเกิดจากการเสวยอารมณ์แห่งอายตนะ ๑๒ นอกกับในกระทบกัน ให้รู้อยู่ตลอดเวลา"
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
|||
|
|||
เรื่องทางพ้นทุกข์ ๓
๔. "อาการเสื่อมไปของอิริยาบถก็เป็นทุกข์ที่พึงกำหนดรู้
ให้เห็นว่านี่ก็เป็นโรคะนิทธังอย่างหนึ่งของร่างกายเช่นกัน ตลอดอาการ ๓๒ ของร่างกายเป็นโรคทั้งสิ้น พิจารณาไปอย่าให้จิตออกนอกทาง ดูอารมณ์เอาไว้ให้ดี ๆ"
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 52 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
|||
|
|||
เรื่องทางพ้นทุกข์ ๔
๕. "จงยอมรับกฎธรรมดา
ทำความเบื่อหน่ายร่างกายที่เต็มไปด้วยโรคนี้เสีย และเห็นความไม่เที่ยง ซึ่งมีแต่การเกิด-เสื่อม-ดับของธรรมแห่งการมีร่างกายนี้ เห็นธรรมใด ๆ ในโลกที่เข้ามากระทบอารมณ์ตามสภาพความเป็นจริง ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง ตกอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ทั้งสิ้น ยึดถือเข้ามาในอารมณ์เมื่อไหร่ ก็ทุกข์บังเกิดขึ้นเมื่อนั้น"
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
|||
|
|||
เรื่องทางพ้นทุกข์ ๕
๖. "จงหมั่นกำหนดรู้ และวางอารมณ์ให้หลุดพ้นจากการเกาะติดในธรรมแห่งโลกนั้น ๆ
ตั้งจิตไว้มั่นคง จับจุดหมายปลายทางแห่งความต้องการที่จักพ้นทุกข์เข้าไว้ ทำกำลังใจให้เต็ม ใช้ความเพียรรักษาอารมณ์ของจิตที่จักทำเพื่อพระนิพพานเข้าไว้"
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
|||
|
|||
เรื่องทางพ้นทุกข์ ๖
๗. "การละสังโยชน์เป็นของไม่ยาก หากทำกำลังใจในบารมี ๑๐ ให้เต็มอยู่เสมอ
พร้อมที่จักทำจริงอยู่เสมอ ก้าวเข้าไปใกล้พระนิพพานแล้ว รักษาอารมณ์อย่าให้บังเกิดความท้อแท้เป็นอันขาด อย่าหมดกำลังใจ การหมดกำลังใจคืออารมณ์หลง จัดเป็นนิวรณ์คือถีนมิทธะ จำเอาไว้ให้ดี อารมณ์ใดเป็นนิวรณ์ให้พยายามระงับตัดทิ้งไปเสียจากจิต"
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
|||
|
|||
เรื่องทางพ้นทุกข์ ๗
๘. "พวกเจ้าจักต้องรู้อารมณ์เข้าไว้ทุก ๆ ขณะจิต
ต้องหมั่นใช้สติตามกำหนดรู้เข้าไว้อย่าให้คลาดสายตาจากจิต การทรงอานาปานุสสติกรรมฐาน แม้เพียงปฐมฌานก็จักทำให้มีสติมั่นคงได้ ทุกอย่างต้องมีขั้นตอน ต้องทำตามขั้นตอนนั้น จิตจึงจักทรงตัวอยู่ได้ในการกำหนดรู้อารมณ์นั้น ๆ"
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
|||
|
|||
เรื่องทางพ้นทุกข์ ๘
๙. "การมีศีล สมาธิ ปัญญา จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักปฏิบัติ
เพื่อละอารมณ์แห่งทุกข์นั้น ๆ พวกเจ้าจงหมั่นตรวจตราอย่าให้ข้อวัตรปฏิบัติเหล่านี้ ขาดตกบกพร่องไปจากจิตของตนไปเป็นอันขาด จึงจักสามารถเป็นกำลังตัดสังโยชน์ให้หมดจดลงได้"
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
|||
|
|||
เรื่องทางพ้นทุกข์ ก็จบข้อความลงเพียงเท่านี้
อ่านแล้วก็รู้สึกคุ้นเคยว่า ครูบาอาจารย์ท่านเพียรสั่งสอนอบรมบ่มนิสัยให้ศิษย์ ตามคำสอนของพระพุทธองค์ จนคุ้นเคยว่าท่านกล่าวให้ได้ยินเป็นประจำ เป็นความชิน กราบขอพรพระ ขออย่าให้ได้เพียงความคุ้นเคยกับข้อความเลย ขอให้ได้เป็นความคุ้นเคยจากการปฏิบัติจนชินเถิด
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
|||
|
|||
ทำดีเพื่อพ่อ ... แค่คิดยังไม่ดีพอ !
เห็นว่าใกล้วันพ่อเข้ามาทุกที จึงเลือกเรื่องที่น้องเขาส่งมาเมื่อประมาณ ๒ ปีที่แล้ว
เป็นการส่งต่อคำชักชวนให้ทำดีเพื่อพ่อหลวงของพวกเรา และขอไม่สงวนชื่อเว็บชักชวนนี้ กับทั้งคงข้อความต้นฉบับ (แม้ความจริงที่เขียนว่าโหดร้ายนั้น เป็นความจริงที่แสน "ธรรมดา") ‘ทำดีเพื่อพ่อ’ ... แค่คิดยังไม่ดีพอ ! มีไม่ถึง ๑% ของจำนวนประชากรกว่า ๖๔ ล้านคนที่มีอายุเกิน ๘๐ ปี และนั่นหมายถึงว่าเกือบทุกคนในประเทศไทยเกิดและเติบโตขึ้นมา ใต้ร่มพระบารมีของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้มาโดยตลอด เมื่อตอนยังเล็ก เราถูกสั่งสอนให้กราบถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ ยืนถวายความเคารพเมื่อได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมี เข้าแถวรับเสด็จเมื่อขบวนรถพระที่นั่งผ่าน ตอนนั้น เราอาจจะยังไม่รู้ว่าทำไปทำไม รู้แต่เพียงว่าเป็นสิ่งที่ “ต้อง” ทำ และ “ควร” ทำเท่านั้น พอเราเติบโตขึ้น เราก็จะได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านผ่านสื่อต่าง ๆ น้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นพระองค์ท่านในฉลองพระองค์สง่างดงามเพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ส่วนใหญ่แล้วเราจะคุ้นตากับการเห็นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปตามที่ทุรกันดารทุกภาคทั่วประเทศ เพื่อทรงแนะแนวทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ นานา และเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤติวิปโยคที่คนไทยหันมาทะเลาะฆ่าฟันกันเอง ก็มีแต่พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ที่ทรงเป็นที่พึ่งเดียวและเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน และทุกครั้ง ปัญหาต่าง ๆ ก็จะถูกขจัดปัดเป่าไปได้สิ้น เราเคยชินกับภาพเหล่านั้น กับความรู้สึกเคารพเทิดทูนบูชาเช่นนั้นมาตลอดกว่า ๖๐ ปี จนบางครั้งเราลืมความเป็นจริงที่โหดร้ายไปบางอย่าง ความจริงที่ว่า พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของเราไม่ใช่ “เทพ” ความจริงที่ว่าพระองค์ท่านก็เป็น “มนุษย์” ความจริงที่ว่า “มนุษย์” มีทุกข์มีสุขได้ มีรัก โลภ โกรธ หลง ได้ และมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้เช่นกัน ลึก ๆ ในใจของเราก็คงรู้กันดีอยู่แล้วว่า พระมหากษัตริย์พระองค์นี้ทรงตรากตรำทำงานหนักกว่าใครทั้งสิ้นมาเป็นเวลาเนิ่นนาน ทรงต้องแบกทุกข์ของคนไทยทั้งชาติ และทรงพระชราภาพลงไปเรื่อย ๆ แล้วเราก็ใส่เสื้อเหลืองทุกวันจันทร์ จุดเทียนชัยถวายพระพร ร้องเพลงสดุดีมหาราชาและถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นคนดี จะทำความดีเป็นราชสักการบูชาสำหรับพระมหากษัตริย์ของเรา “ทำดีเพื่อพ่อ” กลายเสมือนเป็นคำสวดที่ติดปากพวกเราทุกคนในปัจจุบันนี้ บ้างก็จะไปปฏิบัติธรรมถวาย บ้างก็จะลด ละ เลิกอบายมุขและสิ่งเสพติดต่าง ๆ บ้างก็จะปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด บ้างก็จะเลิกโกงกินก้าวร้าวต่อกัน และบ้างก็จะอยู่อย่างพอเพียง เราคิดดี เราพูดดี แต่เราได้ทำตามที่พูดแล้วหรือยัง? เพราะถ้าทำบ้านเมืองคงไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่อย่างนี้ หากเราคิดดี พูดดี และทำดีก็จงทำเพื่อตัวคุณเอง เพื่อครอบครัวของคุณ เพื่อสังคมของคุณ และ จงทำวันนี้ ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษาเสียก่อน “พ่อ” ดูเรามากว่า ๖๐ ปี แล้ว ถ้าเรา “ทำดี” หรือทำหน้าที่ของเราได้อย่างที่ได้ตั้งสัตย์ปฏิญาณไว้จริง ๆ หรือลดทิฐิ จ้องแต่จะคอยจับผิดซึ่งกันและกัน “พ่อ” คงมีความสุขมากกว่าที่คนไทยทั้งประเทศจะมาร่วมใจกันทำดีเพื่อพ่อ - เพียงวันเดียว มาร่วมกันแสดงพลังแห่งความดีเพื่อพ่อ เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ที่ www.dogood.or.th แล้ววันนี้ สังคมไทยก็จะสุขสงบอย่างที่ “พ่อ” อยากเห็น และนี่คือของขวัญงดงามที่สุดที่ “พ่อ” ชื่นใจ เพียงแค่คิดว่า ‘รัก’ ยังไม่ดีพอ วันนี้ คุณทำดีเพื่อพ่อ แล้วหรือยัง.
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 14-11-2009 เมื่อ 22:39 |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
|||
|
|||
สวดถวายพระพรในหลวง
ในเมล์ที่ส่งชักชวนให้ทำดีเพื่อพ่อที่ส่งมาเมื่อประมาณ ๒ ปีแล้วนั้น
ได้แนบบทสวดถวายพระพรในหลวงมาด้วย พิมพ์บนกระดาษสีเหลือง ขอบลาย ลงข้อความกำกับไว้ว่า สวดมนต์ เจริญสติ ทำดีเพื่อพ่อ ณ หอประชุมพุทธคยา คำถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพะละมะหาราชะวะรัสสะ ชะยะมังคะละวะระทานะคาถา ภูมิพะโล มะหาราชา...............ภูปาโล ทะสะธัมมิโก เท์ว หิ วัสสะสะหัสสานิ...............ปัญจัสสะตาธิกานิปิ ท์วิตาฬีสุตตะราเนวะ.................ยัส์มิง โหนติ สุมังคะเล ตัส์มิง วัสเส มะหาปุญโญ................ท์วิสัตตะต์ยาวุวัฑฒะโก ชินัสสะ สาสะเน สัทโธ................ปะสันโน พุทธะมามะโก ยะตีนิง สีละธารีนัง....................โสปัตถัมภะทะโท สะมัง อะยัง ภัททะมะหาราชา.............วิทู รัฏฐะปะสาสะเน เขมัญจะ สัมปะวัตเตติ..................โสตถิญจะ รัฏฐะวาสินัง เสฏโฐ เสฏฐันทะโท ราชา...............ทะทะมาโน อะภิกขะณัง ยัตถะ อันธะตะมัง โหติ...............ทีปะโท วิยะ จักขุโท ตัตถะ ทัยยานะ ปัชโชโต..............สะมุปปาเทติ ผาสุกัง ตัส์มา เสฏโฐ มะหาราชา...............ทัยยินโท ธัมมะขัตติโย ภิยโยโส ทัยยะวาสีนัง...............จิรัง โหติ อะติปปิโย ระตะนัตตะยานุภาเวนะ..................กะตะปุญญานะ เตชะสา ทีฆายุโก มะหาราชา..................วัณณะวา จะ สุเขธิโต พะลูเปโต อะนีโฆ จะ...................อะโรโค โหตุ นิพภะโย สัพเพ เทวานุโมทันตุ..................เตชะวันโต ยะสัสสิโน อะภิปาเลนตุ รักขันตุ...................อิมัง ภูมิพะลัง สะทาติฯ พระราชวิสุทธิดิลก (เชิด จิตฺตคุตฺโต ป.ธ.๙) ... ตรวจแก้ วุฒินันท์ กันทะเตียน ป.ธ.๙ ... แต่ง
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 16-11-2009 เมื่อ 22:59 |
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
|||
|
|||
โพชฌงคสูตรแปล
เมื่อลงบทสวดมนต์ถวายในหลวงไปแล้ว ก็จะนำบทสวดที่น้องส่งต่อมาให้เมื่อกลางเดือนสิงหาคม ๒๕๔๙
ที่กัลยาณมิตรท่านหนึ่งส่งมาว่า "สวัสดี กัลยาณมิตร ทุกท่าน เมื่อวันอาทิตย์ ไปเรียนพระไตรปิฎกมา ที่วัดมหาธาตุ พระอาจารย์ให้บทโพชฌงคสูตร สำหรับสวดให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหายจากพระประชวร ก็เห็นว่าเป็นบทสวดที่ดี อีกทั้งยังมีคำแปลอีกด้วย จึงระลึกถึงกัลยาณมิตรทุกท่าน ให้ได้รับสิ่งดี ๆ เช่นเดียวกับที่ไก่ได้รับ ขอให้เจริญทั้งทางโลก และทางธรรม ^_^" ............โพชฌงคสูตรแปล นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. (๓ จบ) ๑...โพชฺฌงฺโค...สติสงฺขาโต................ธมฺมานํ...วิจโย...ตถา .....วีริยมฺปีติ...ปสฺสทฺธิ......................โพชฺฌงฺคา...จ...ตถาปเร. ๒...สมาธุเปกฺขโพชฺฌงฺคา...................สตฺเตเต...สพฺพทสฺสินา .....มุนินา...สมฺมทกฺขาตา...................ภาวิตา...พหุลีกตา. ๓...สํวตฺตนฺติ...อภิญฺญาย...................นิพฺพานาย...จ...โพธิยา .....เอเตน...สจฺจวชฺเชน.....................โสตฺถิ...เต...โหตุ สพฺพทา. ๔...เอกสฺมึ...สมเย...นาโถ.................โมคฺคลฺลานญฺจ...กสฺสปํ .....คิลาเน...ทุกฺขิเต...ทิสฺวา................โพชฺฌงฺเค...สตฺต...เทสยิ. ๕...เต...จ...ตํ...อภินนฺทิตฺวา...............โรคา...มุจฺจึสุ...ตงฺขเณ .....เอเตน...สจฺจวชฺเชน.....................โสตฺถิ...เต...โหตุ...สพฺพทา. ๖...เอกทา...ธมฺมราชาปิ.....................เคลญฺเญนาภิปีฬิโต ....จุนฺทตฺเถเรน...ตญฺเญว...................ภณาเปตฺวาน...สาทรํ. ๗...สมฺโมทิตฺวา...จ...อาพาธา..............ตมฺหา...วุฏฺฐาสิ...ฐานโส .....เอเตน...สจฺจวชฺเชน.....................โสตฺถิ...เต...โหตุ...สพฺพทา. ๘...ปหีนา...เต...จ...อาพาธา...............ติณฺนนฺนมฺปิ...มเหสินํ .....มคฺคาหต...กิเลสาว.......................ปตฺตานุปตฺติธมฺมตํ .....เอเตน...สจฺจวชฺเชน.....................โสตฺถิ...เต...โหตุ...สพฺพทา. โพชฌงค์ ๗ ประการเหล่านี้ คือ (๑) สติสัมโพชฌงค์ (๒) ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ (๓) วิริยสัมโพชฌงค์ (๔) ปีติสัมโพชฌงค์ (๕) ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ (๖) สมาธิสัมโพชฌงค์ และ (๗) อุเปกขาสัมโพชฌงค์ เป็นธรรมที่พระมหามุนีผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้โดยชอบ เมื่อบุคคลทำให้เกิดแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน ด้วยการกล่าวสัจจะนี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ในกาลทุกเมื่อเถิด สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคทอดพระเนตรเห็นท่านพระมหาโมคคัลลานเถระและท่านพระมหากัสสปเถระ เป็นไข้ ได้รับความลำบาก พระองค์จึงได้ทรงแสดงโพชฌงค์ ๗ ประการให้ฟัง ท่านทั้ง ๒ นั้น ต่างชื่นชมพระธรรมเทศนานั้น หายจากโรคาพาธในทันที ด้วยการกล่าวสัจจะนี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ในกาลทุกเมื่อเถิด แม้พระผู้มีพระภาคเอง ครั้งหนึ่งทรงประชวรหนัก จึงตรัสสั่งให้ท่านพระจุนทเถระ สวดโพชฌงค์ ๗ ประการนั้นแลถวายโดยเคารพ พระพุทธองค์ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย ทรงหายจากโรคาพาธนั้นโดยพลัน ด้วยการกล่าวสัจจะนี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ในกาลทุกเมื่อเถิด อาพาธทุกอย่างของท่านผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง ๓ นั้น ได้หายไปแล้ว ดุจกิเลสถูกอริยมรรคกำจัดเสียแล้ว ถึงความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา ด้วยการกล่าวสัจจะนี้ ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่าน ในกาลทุกเมื่อเถิด
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2009 เมื่อ 03:52 |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
|||
|
|||
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสร่วมกับพี่น้องเนื่องกับเว็บแห่งนี้
(พี่อรวรรณ ป้านุช น้องตัวแสบฯ น้องสไบเงิน และสาวสระบุรี) ฟังพระสวดบทโพชฌงคสูตร ถวายในหลวงของพวกเรา ทั้งเช้าที่วัดใหม่ยายแป้น และเย็นที่ป่าช้าตาลอย สระบุรี รู้สึกสุขใจ ... ที่ป่าช้านั้น พระท่านเสริมตรง ๕. และ ๘. หลังจาก "โสตฺถิ" แล้วต่อด้วย "ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช เอกอัครสานูปถัมภก ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ" "โหตุ สพฺพทา" กราบสาธุ
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
|||
|
|||
เอาดีนี่ไปพระนิพพานใช่ไหม ?
อันเนื่องมาจากกัลยาณมิตรนี้
จะลงเพียงแต่ข้อความหรือเรื่องราวที่ส่งมาให้เป็นข่าวสาร คงไม่น่าสนใจเท่าไรนัก คราวนี้ เอาที่เกิดจากพูดคุยกันบ้างดีกว่า ____________________________________ เรื่องนี้เกิดขึ้นระหว่างชั่วโมงเร่งด่วน พักรับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร (รีบกิน รีบไปทำงานต่อ) หนุ่มใหญ่ : (นั่งรับประทานอาหารกลางวัน อยู่กับสาวใหญ่รุ่นยายอยู่ก่อน ยายก็รีบนั่งลงร่วมวงด้วย) “ขอบคุณมากที่ส่งแผนที่วัดท่าซุงให้ ดูแล้ว ไกลเหมือนกันนะ” ยายสาย : (นึกในใจ “เขาขอมาตั้งเป็นเดือน เพิ่งจะส่งให้ตอนเขาขอซ้ำทำให้หลงดีใจว่าไปแน่ นี่รักแท้จะแพ้ระยะทางหรือเปล่า”) ยายเพื่อน : “วัดนี้นี่มีอะไร ทำไมช่วงนี้มีแต่คนจะไป” ยายสาย : (หูผึ่ง “จะไปทำอะไรกัน ใช่ไปธุดงค์หรือเปล่า กลุ่มไหนไป”) “ใครไปหรือ ไปบวชธุดงค์กระมัง ช่วงนี้เขาเตรียมตัวกัน” “ถ้าหนุ่มใหญ่จะไปก็เลี่ยงวันที่ ๕ เพราะเขาจะไปสมัครบวชกันเยอะ หรือถ้าจะไปช่วงวันที่ ๕ ถึง ๑๖ ก็จะมีกิจกรรมที่มีคนไปร่วมมาก ถ้าชอบก็ดี ถ้าไม่ชอบก็เลี่ยงวันงาน” ยายเพื่อน : “วัดนี้นี่ทำไม มีอะไรพิเศษหรือ” ยายสาย : “เป็นวัดของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ เป็นครูบาอาจารย์ที่มีคนเคารพมาก” ยายเพื่อน : “ที่ว่าฝึกแล้วเห็นอะไรต่ออะไร นรก สวรรค์ พูดกับพระ พูดกับเทวดาได้นี่หรือ เห็นจริงหรือ ได้ยินเรียกว่า มโนฯ อะไรนี่แหละ มีอีกที่ที่แถวพหลโยธิน เขาไปทำอะไรกัน เห็นเขาคุยกันจัง” ยายสาย : (อึ้ง เอ้อ… นี่จะเลยเถิดกลายเป็นวิจารณ์เรื่องมโนมยิทธิต่อหรือเปล่า) “ฝึกแบบเชื่อด้วยความเคารพแล้วก็เห็นได้จริง หากไม่เชื่อก็ฝึกไม่สำเร็จอยู่แล้ว แต่ขึ้นกับเราว่าเราเชื่อเราศรัทธาวิธีของครูบาอาจารย์องค์ไหน ก็ปฏิบัติตามวิธีขององค์นั้น พระท่านสอนตามพระพุทธเจ้า ให้เราทำดีทั้งนั้น” ยายเพื่อน : “ฝึกแล้วจะไม่ทำให้ยิ่งหลงไปหรือ ไปดู ไปเที่ยว ไปคุยกัน มิหลงไปกันใหญ่หรือ” ยายสาย : (นั่น มีภาคสอง) “หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ท่านก็กำชับสม่ำเสมอ สั่งสอนไปพร้อมกันให้ระวังอย่าใช้ผิดทาง อยู่ที่คนฝึกเอง ว่าจะหลงไปหรือเปล่า จะเอาดีได้หรือเปล่า” ยายเพื่อน : “เอาดีนี่ไปนิพพานใช่ไหม ?” ยายสาย : (หูผึ่งเลย เพราะไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินสักครั้งว่ายายเพื่อนอ่านหนังสือธรรมะ ไปปฏิบัติธรรมที่ไหน หรือแม้แต่เล่าถึงครูบาอาจารย์องค์ไหน แถมยังออกจะชอบวิจารณ์เรื่องต่าง ๆ อย่างรุนแรงบ่อยครั้ง โดยเฉพาะเรื่องความคิดคนคล้ายพวกหัวซ้าย จนยายสายไม่ค่อยกล้าคุยเรื่องธรรมะด้วยซ้ำ) “เชื่อเรื่องกรรม เรื่องภพชาติ เรื่องสวรรค์ นรก เชื่อว่ามีพระนิพพานหรือ ?” ยายเพื่อน : “เชื่อสิ ทำดีจะได้พ้นทุกข์จากที่เกิดมากันนี่ ไปพระนิพพานอย่างไรเล่า” “เชื่อว่าคนทำดี ก็ต้องได้ดี ทำชั่วก็ต้องได้ชั่ว มีภพมีชาติ ผลกรรมก็ส่งแล้วแต่ชาติไหน ใคร ๆ ก็เคยทำชั่วไว้ อย่างไรก็ต้องรับกรรม ธรรมดา หนีไม่ได้หรอก เป็นหนี้ต้องคืน เวลานี้ก็ต้องทำดีไว้ให้มาก ๆ ไปตลอด” ยายสาย : (อึ้ง ทึ่ง) “คิดเหมือนเราแต่ก่อนเลย เราเคยคิดว่าผลกรรมชั่วมันต้องชดใช้ มันมาหลบไม่ได้ เดี๋ยวนี้เข้าใจแล้วว่า ผ่อนผัน ยืดออกไปได้บ้าง ให้ผลกรรมดีมาส่งก่อน” “เพิ่งคุยเรื่องนี้กับหนุ่มใหญ่ไปวันก่อน เรื่องเชื่อกรรม เรื่องภพชาตินี่” (วันที่หลังจากคุยกัน หนุ่มใหญ่ก็อยากไปวัดท่าซุงมาก แล้วขอแผนที่ไว้) หนุ่มใหญ่ : “ใช่ ผมไม่เชื่อเรื่องภพชาติ นรก สวรรค์ เรื่องกรรมนี่ก็ไม่เชิง แต่ผมก็ไม่ทำชั่วนะ เพราะคนมันควรต้องทำดี ไม่ทำชั่วอยู่แล้ว” ยายเพื่อน : “ลึก ๆ คุณก็เชื่อเรื่องกรรมแหละ ไม่อย่างนั้นจะคิดไม่ทำชั่วได้หรือ” หนุ่มใหญ่ : (เงียบ แต่ท่าทางเหมือนนึกทบทวนเรื่องที่คุยกันไปเมื่อคราวก่อน) ยายเพื่อน : “แล้วมโนฯนี่เขาฝึกกันไปทำอะไร” ยายสาย : “อ๋อ เขาไว้ฝึกพวกขี้สงสัย ไม่เห็นด้วยตัวเองก็ไม่เชื่อ วิธีนี้หลวงพ่อค้นพบว่าฝึกได้ง่ายและเร็ว” หนุ่มใหญ่ : “ฝึกแล้วดีไหม” ยายสาย : “เราไม่ตอบคุณหรอกว่าดีหรือไม่ดี คุณเคารพเชื่อครูบาอาจารย์องค์ไหนก็ทำตามนั้นก็ดีทั้งนั้น เราเชื่อเราศรัทธา เราก็ต้องว่าดีอยู่แล้ว คุณเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณ” “แล้วกลุ่มไหน เขาคุยกันเรื่องนี้ล่ะ” ยายเพื่อน : (ตอบชื่อมา แต่ก็นึกไม่ออกว่ารู้จักหรือเปล่า) หนุ่มใหญ่ : (ทำหน้างง พลางเล่นโทรศัพท์… เครื่องที่ใช้ร่วมกับโทรศัพท์ของพนักงานที่นี่เล่นอะไรได้เยอะ รวมทั้งสั่งจ่ายเงินค่าข้าวได้ด้วย) ยายสาย : “ขอตัวไปทำงานก่อนนะ” พลางนึกว่า ตกลงหนุ่มใหญ่จะยังไปวัดท่าซุงอยู่ไหม และต้องหาทางคุยธรรมะกับยายเพื่อนดูสักที... (แทนที่จะตั้งใจภาวนาต่อ) เอาน่า ยังดีที่ได้ยินคำว่า “เอาดีแปลว่าไปพระนิพพาน”… กัลยาณมิตรนะนี่
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 23-08-2011 เมื่อ 10:21 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
|||
|
|||
น้องกัลยาณมิตรคนเดิม หลังจากเงียบจากการส่งข่าวไปหลายเดือน
ส่งมาอีกทีก็เป็นปลายเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ ที่พวกเราเพิ่งกลับกันมาจากดอยตุงได้ไม่กี่วัน จั่วหัวข้อว่า "ดอยตุง" แนบภาพ ๔ ภาพถ่ายจากพิธีบวงสรวงตอนเช้ามืดที่ดอยตุง ภาพหนึ่งเป็นภาพดึงใกล้เฉพาะพระอาจารย์กำลังปักธูป ดังที่เห็นนี้
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|