กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 11-11-2010, 03:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะแก้ไขความกลัวที่มันฝังรากลึกของเด็กได้อย่างไร ?
ตอบ : ให้เขาทำอะไรที่ค่อนข้างจะเสี่ยงสักนิดหนึ่ง โดยการควบคุมใกล้ชิดของเรา พูดง่าย ๆ ว่า เรานำให้เขาเห็น นี่แค่ประการเดียวเท่านั้น

ประการต่อไป จับเขาฝึกสมาธิ ถ้ากำลังใจมั่นคง ความกลัวจะน้อยลง และประการสุดท้ายให้เขารู้อย่างแท้จริงว่า ชีวิตนี้คืออะไร แล้วเขาจะเลิกกลัว ค่อย ๆ ไปทีละขั้น

เคยฝึกเด็กอยู่หลายคน รู้เลยว่าเด็กบางคนพื้นฐานจิตใจไม่เหมาะที่จะใช้งานในลักษณะนี้ เขากลัวจนฝังอยู่ในสายเลือด แก้ไขไม่ได้ ให้คนอื่นทำ คนอื่นทำได้แม้ว่าจะกลัว แต่พวกนี้มืออ่อนตีนอ่อน ทำอะไรไม่ถูกเลย

ถาม : แล้วคนธรรมดาจะสอนให้รู้จักกล้า ?
ตอบ : เหมือนกัน อันดับแรก ต้องทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจก่อน ตัวเรานั่นแหละที่จะต้องนำ เมื่อเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา ก็อยากเอาเป็นแบบอย่าง เลียนแบบในวีรบุรุษวีรสตรีในดวงใจของเขา ฉะนั้น...ต้องเริ่มที่เรา ทำให้เขาดู อยู่ให้เขาเห็น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-11-2010 เมื่อ 10:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 11-11-2010, 13:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลานั่งกรรมฐาน แล้วลุกขึ้นมาโดยไม่มีเวทนาเลย ต้องทรงฌานระดับไหนขึ้นไปจึงจะทำได้
ตอบ : แค่ปฐมฌานละเอียดก็ทำได้แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-11-2010 เมื่อ 15:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 11-11-2010, 16:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการปฏิบัติ เกี่ยวกับการรู้เห็น อยากจะย้ำกับพวกเราอีกครั้งว่า การรู้เห็นเป็นเพียงของแถมเท่านั้น จิตที่สงบเหมือนกับน้ำที่นิ่ง พอน้ำนิ่งก็จะสะท้อนเงาสิ่งรอบข้างลงไปชัด ๆ เลย ถึงไม่ต้องการก็จะรู้เห็นเอง เพียงแต่ว่าจะมีสติสักเท่าไรในการรู้เห็น

ถ้าคล้อยตามเชื่อไปเลย ครั้งแรก ๆ จะใช่ แต่พอนานไป ๆ จะมีการทดสอบ สิ่งต่าง ๆ ที่เห็นก็จะไม่ใช่แล้ว ถ้าหากเรายังหลงตามอยู่ก็จะผิดทางไปเลย

เราจึงต้องมีสติอยู่เสมอว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นของแถมในการปฏิบัติ เป้าหมายที่แท้จริงของเราคือการหลุดพ้น คือความหมดกิเลสอย่างสิ้นเชิง ฉะนั้น..ถ้าหากยังมายึดติดสิ่งทั้งหลายเหล่านี้อยู่ ก็จะไม่สามารถทำให้เราก้าวล่วงไปได้

เรื่องของการรู้เห็นไม่ต้องไปอยากมาก ทำไปเรื่อย ๆ ถ้าวิสัยเก่ามีอยู่ ถึงเวลาก็จะมาเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2010 เมื่อ 01:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 11-11-2010, 17:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พักหลัง ๆ จะไม่จับลมหายใจ สมาธิจะนิ่ง ๆ ตลอด พอนิ่งแล้วก็เฉย ๆ ทีนี้ควรจะทรงอารมณ์นานแค่ไหน ?
ตอบ : ถ้านิ่งไปสักระยะหนึ่งแล้ว รู้ว่าจิตสงบมีกำลังก็ถอยออกมาพิจารณา คือคลายออกมาสู่อารมณ์ปกติ เหมือนที่เราจะคุยกัน เพียงแต่ว่าหลับตาเพื่อป้องกันการฟุ้งซ่าน

แล้วก็พิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ไม่มีตัวตนของร่างกายเรานี้ ที่มีการเกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายตัวไปในที่สุด ให้เห็นได้ในทุกอิริยาบถ พูดง่าย ๆ ว่าไม่ว่าไปไหนก็ให้เห็นทุกข์เอาไว้ ใจจะได้เบื่อและถอนออกมาจากความอยากได้ใคร่ดีต่าง ๆ

ถ้าไม่เบื่อ เราก็จะอยากเกิด อยากทุกข์ต่อ ฉะนั้น..เอาเบื่อให้ได้ก่อน พอเบื่อได้แล้วก็จะค่อย ๆ ปล่อยวางไปเอง

ถาม : ตอนนี้เบื่อมาก ๆ
ตอบ : รักษาความเบื่อไว้ ความเบื่อเป็นสิ่งที่ดี เพราะถ้าไม่เบื่อเราก็ยังอยากเกิดมาทุกข์อีก เพียงแต่ว่าตอนรักษาความเบื่อ สภาพจิตเราต้องมีความฉลาดด้วย คือใช้ปัญญาประกอบไปด้วย จะช่วยตัดการเกิด ตัดชาติ ตัดภพได้

ถ้าเปรียบกับการเวียนตายเวียนเกิดที่นับชาติไม่ถ้วนกับชีวิตเรานี้ เวลาก็แค่นิดเดียวเท่านั้นเอง พูดง่าย ๆ ว่ามีแค่ชั่วลมหายใจเดียวเท่านั้นเอง เราหายใจเข้า..ไม่หายใจออกอาจจะตาย หายใจออก..ไม่หายใจเข้าอาจจะตาย

ในเมื่อถึงเวลาแล้ว โอกาสที่จะตายมีอยู่ตลอดเวลา โอกาสเราจะพ้นจากร่างกายนี้ไปได้มีอยู่ตลอดเวลา ทำไมเราจะอยู่กับร่างกายนี้ไม่ได้ ถ้ากำลังใจอยู่อย่างนี้ ก็จะเริ่มเป็นสังขารุเปกขาญาณ คือปล่อยวาง

ฉะนั้น..พิจารณาบ่อย ๆ ความเบื่อเป็นสิ่งที่ดี ต้องประคองไว้ แต่ขอบอกว่าถ้าอยากได้ อารมณ์นี้ก็จะหนี ไม่อยู่ด้วยแล้ว แต่พอไม่อยากได้ ก็จะอยู่นาน พอรู้ว่าเป็นของดี เราตั้งหน้าตั้งตาเก็บ ก็หนีไปแล้ว ไม่เอากับเราด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2010 เมื่อ 01:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 11-11-2010, 18:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระคาถาเงินล้านที่ภาวนา ทีนี้จิตไม่ภาวนาไปด้วย ไม่ทราบว่า ผลของพระคาถาจะยังคุ้มครองอยู่หรือเปล่า ?
ตอบ : มีเป็นปกติเลยจ้ะ ถ้าเคยเกิดผลก็จะเกิดยาวไปเลย การภาวนาในปัจจุบันของเราเป็นแค่ส่วนที่ช่วยเสริมเท่านั้น เกิดผลแปลว่าพอแล้ว ถ้าหากว่าอยากได้มากกว่านั้น ต้องเสริมเข้าไป

ถาม : หมายถึงเสริมอย่างไรคะ ?
ตอบ : คือภาวนาเพิ่มไปทุกวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-11-2010 เมื่อ 10:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 12-11-2010, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยก่อนทางเหนือ จะมีเชื้อสายของเจ้าเจ็ดตนอยู่ท่านหนึ่ง เขาเรียก "เจ้าน้อยค่ำคน" ค่ำคน ก็คือ แกล้งคน คำว่าน้อยก็คือ ผู้ที่บวชเณรแล้วสึกมา ส่วนผู้ที่บวชพระแล้วสึกมา เขาเรียกว่าหนาน

เจ้าน้อยค่ำคนจะตั้งร้านน้ำเอาไว้ มีกระบวยตักน้ำขนาดใหญ่กับขนาดเล็กอยู่ เจ้าน้อยจะแอบอยู่และมีลูกก๋ง ลูกก๋งทางเราเรียกว่าคันกระสุน

ถ้าหากว่าคนตักน้ำด้วยกระบวยใหญ่ กินไม่หมดแล้วเทน้ำทิ้ง เจ้าน้อยจะยิง ถ้าคนตักน้ำด้วยกระบวยเล็ก กินแล้วตักซ้ำอีก เจ้าน้อยก็จะยิง พอเขาโวยวายว่ายิงทำไม เจ้าน้อยก็จะบอกว่าเพราะไม่รู้จักประมาณตน หิวน้ำมากก็เอากระบวยอันใหญ่ตัก หิวน้ำน้อยก็เอากระบวยอันเล็กตัก ไม่ใช่ว่าหิวน้อยก็ใช้อันใหญ่ตัก หิวมากก็ใช้อันเล็กตัก ถ้าไม่รู้ตัวก็สมควรที่จะโดน

เจ้าน้อยสอนคนด้วยวิธีนั้น แสดงว่ามาสายพระโพธิสัตว์เต็ม ๆ ขนาดไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองเลย ยังพยายามจะสอนเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-11-2010 เมื่อ 10:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 12-11-2010, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลายมือ (ลายเขียน) บอกลักษณะนิสัยคนได้ แล้วลายมือเด็กบอกได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ลายมือเด็กยังไม่มั่นคง เขายังมีเวลาที่จะสั่งสมและเปลี่ยนแปลงตัวเองอีกระยะหนึ่ง ถ้าจะเอาให้แน่ ๆ ก็ต้องบรรลุนิติภาวะแล้ว อันนี้บอกได้แน่นอน

ขนาดหมอจีนเขาไปดูฮวงจุ้ยให้ที่วัดท่าขนุน เขาบอกว่าอาจารย์ลองเขียนชื่อให้เขาดูหน่อย พอเขียนให้เขาบอกว่า ท่านอาจารย์เป็นคนไม่เห็นแก่หน้าใคร รับคนเสมอกัน พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง จะยากดีมีจนอย่างไรให้ราคาเท่ากันหมด จะไม่มีคนที่มีความสำคัญพิเศษ

เขาบอกว่าหลวงปู่สายอยู่กุฏิผิดที่ ไม่อย่างนั้นหลวงปู่จะอยู่ได้อีกนาน ตรงนี้ก็แค่ฟังไว้ เพราะหลวงปู่ท่านไม่อยู่แล้ว

ศาลาของวัดท่าขนุนที่ตั้งอยู่ในมุมนั้น ถนนที่เข้าด้านหน้าโบสถ์ ทำให้เงินทองรั่วไหลหมด เขาก็เลยให้เปลี่ยนและทำถนนเส้นใหม่เข้ามา ทางด้านหน้าโบสถ์ให้ปิดไว้

และแนวกุฏิที่สร้างไว้ในแดนสงบ เขาบอกว่าเราสร้างถูกแล้วแต่เนื่องจากพื้นที่จำกัด จึงสร้างลักษณะหลังพิงเขา แต่ด้านหน้าไม่มีช่องว่าง อยู่ติดน้ำเลย เขาบอกว่าเหมือนนกจะบินแล้วไม่มีที่ให้วิ่งก่อนตัว ก็เลยกลายเป็นว่ามีบริวารเยอะเสียเปล่า แต่ช่วยอะไรไม่ได้

อย่างไหนที่พอแก้ไขได้ตามเขาว่า เราก็ทำ ตรงไหนที่หมดปัญญา ก็ปล่อยไปตามเวรตามกรรม..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-02-2019 เมื่อ 19:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 12-11-2010, 15:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เดี๋ยวนี้เวลาหนูสวดมนต์ โดยเฉพาะคาถาเงินล้าน เหมือนกับความรู้สึกของตัวเองหายไป
ตอบ : ความรู้สึกหายไปเพราะ จิตของเราเริ่มเป็นสมาธิ แต่สติตามไม่ทัน พอเริ่มเป็นปฐมฌานหยาบ ความรู้สึกก็จะขาดเหมือนกับหลับไปเฉย ๆ ไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ว่าตอนนี้ตัวเองทำอะไร

ถาม : แก้อย่างไรคะ ?
ตอบ : วิธีแก้ก็คือ เอาจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เราทำ ถ้ามีลมหายใจเข้าออกก็ตามจี้ติด ๆ ไว้ ถ้าเผลอหลุดเมื่อไร ก็จะวูบไปเลย หรือไม่ตอนเราเปิดเทปฟัง พยายามตั้งสติไว้ที่หูว่าเราจะฟังให้ได้ทุกคำ ถ้าจิตเราจดจ่ออยู่ตรงนั้น ก็จะไม่หลับ เผลอถอยห่างออกมาเมื่อไรก็จะหลับ

ถาม : ถ้าเราฝึกโดยอยู่กับลมหายใจระหว่างวัน จะช่วยได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้ ซ้อมให้มาก ๆ เข้าไว้ ถ้าจิตละเอียดขึ้นเราก็จะก้าวข้ามไปได้ ถ้าไม่ละเอียด ไปถึงตรงจุดนั้นเมื่อไรก็จะตัดหลับ

ถาม : แสดงว่าที่หนูพูดมา คือหลับไปใช่ไหมคะ ?
ตอบ : จะเรียกว่าหลับก็ไม่ใช่หลับ พูดง่าย ๆ ว่าตัดหลับ ความจริงก็คือ จิตเริ่มเป็นสมาธิ แต่สติเราหยาบเกิน สติตามไม่ทัน ในเมื่อตามไม่ทัน โดนทิ้งห่าง เราก็เลยไม่รับรู้อะไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2010 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 12-11-2010, 15:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางทีเวลาหนูนั่งสมาธิ หนูเห็นภาพพระชัด แต่มีความรู้สึกเหมือนข้างในบอกว่า กำลังจะชัดนะ ๆ แล้วอยู่ ๆ ภาพก็หายไป หายได้เหมือนกันหรือคะ ?
ตอบ : การที่เราจะเห็นอะไร เราต้องส่งใจไปถึงตรงนั้นได้ เมื่อเราเองมาสนใจกับความชัดหรือไม่ชัด ก็คือ มาสนใจกับลูกตา พอสนใจกับลูกตา จึงเท่ากับเราดึงใจกลับมาที่ตัวเอง ภาพก็หายไปสิ...

นึกถึงตาเท่ากับเราดึงจิตเข้ามาที่ตัว แล้วจะไปเห็นอะไรเล่าจ๊ะ ? เพราะเท่ากับเราดึงจิตกลับมาที่ตัว ภาพก็หายแวบไปเท่านั้น

ถาม : ต้องปล่อยไปเลยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : จะชัดหรือไม่ชัดไม่เป็นไร มีหน้าที่แค่รับรู้ไว้เฉย ๆ ยิ่งไม่ใส่ใจจะยิ่งชัดมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2010 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 12-11-2010, 16:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเคยเอาเรื่องพระอีกฝ่ายไปพูดกับพระอีกฝ่ายหนึ่ง อาจจะยุยงให้เขาแตกกัน ถ้าเขายังไม่แตกกันยังไม่เป็นสังฆเภทใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เป็น แค่ชั่วเฉย ๆ..!

ถาม : ตอนผมบวช ผมมีพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่ผมได้ไปละพฤติกรรมตอนนั้น และไปขอขมาพระพี่เลี้ยง ถ้าเกิดมีพระบวชใหม่ จะเอาพฤติกรรมผมไปทำตามเลียนแบบ เห็นผมทำได้ ก็เอาชื่อผมไปพูดบ้าง ผมจะมีโทษกับเขาได้ไหมครับ ?
ตอบ : เราเลิกแล้ว โทษของเราไม่มี

ถาม : แล้วเขาเอาชื่อผมไปพูด ?
ตอบ : การที่เขาเอาชื่อเราไปพูด อาจจะเกิดโทษทางโลก คือ เขาเห็นว่าเราเป็นพวกเดียวกัน เดี๋ยวเราจะซวยไปด้วย แต่โทษทางธรรมไม่มี เพราะโทษทางธรรม ใครทำคนนั้นก็ต้องรับไป

เรื่องของสังฆเภทนั้นเกิดได้ยาก ที่เกิดยากเพราะเขาต้องแยกกลุ่มเป็นสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างทำสังฆกรรมของกลุ่มตัวเอง ไม่ยอมลงสังฆกรรมร่วมกับอีกฝ่าย อย่างนั้นจึงจะเรียกว่าสังฆเภท ถ้าแค่ทะเลาะเฉย ๆ ไม่แยกกันตอนลงปาฏิโมกข์ ไม่ถือว่าเป็นสังฆเภท แต่โทษก็สาหัส แบบไม่ถึงกับประหารก็คงจำคุกตลอดชีวิตไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2010 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 12-11-2010, 16:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในเรื่องสติ สติมันต้องไวมาก ขนาดที่ว่าเห็นทุกอย่างช้า..ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ใช่จ้ะ..ถ้าหากว่าเห็นกิเลสยังเร็วอยู่ ก็จะสู้ไม่ทัน เราต้องเร็วกว่า ในเมื่อเราเร็วกว่ากิเลส ทุกอย่างก็เหมือนกับช้า

ถาม : ต้องเร็วกว่าจริง ๆ ประมาณว่า เวลาเคลื่อนไหว ต้องเห็นเป็นเหมือนภาพช้า ?
ตอบ : ใช่จ้ะ..ถูกต้องแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-02-2011 เมื่อ 11:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 13-11-2010, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเรานั่งสมาธิแล้วง่วง ควรทำอย่างไร ?
ตอบ : มี ๒ อย่าง ถ้าฝืนได้ก็ฝืน หรือเปลี่ยนอิริยาบถไปเดินแทน หรือไม่ก็ล้างหน้าล้างตา แล้วกลับมาลุยกันใหม่ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็นอนภาวนาไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2010 เมื่อ 01:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 13-11-2010, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อะไรที่ทำให้ตัวท่านเปลี่ยนใจจากการปรารถนาพระโพธิญาณ ?
ตอบ : ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะปรารถนาพระโพธิญาณ แต่เกิดจากการที่อาตมาติดตามหลวงพ่อมานาน ในเมื่อหลวงพ่อปรารถนาพระโพธิญาณ เราที่ตามมาทำหน้าที่ ก็เกิดใกล้เคียงกัน จึงเท่ากับเป็นพระโพธิสัตว์ไปโดยปริยาย เรียกว่าเป็นแบบตกกะไดพลอยโจน

ในเมื่อหลวงพ่อท่านเปลี่ยน อาตมาก็เลยเปลี่ยนบ้างเท่านั้นเอง

ถาม : จะเปลี่ยนเมื่อไรก็ได้ ?
ตอบ : ได้..อยู่ที่เราเอง ถ้าหากกำลังใจมั่นคง จะไปต่อเรื่อย ๆ ก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าคิดว่าพอเสียที ก็เลิกได้
เพียงแต่ว่าถ้าสร้างมาเยอะแล้ว ต้องไปขออนุญาตพระพุทธเจ้าเพื่อเลิก ถ้าสร้างมาน้อยก็เลิกเองได้ จุดธูปขอลาต่อหน้าหิ้งพระเลย

ถาม : เมื่อไรก็ได้ ?
ตอบ : เดี๋ยวนี้ก็ได้

ถาม : ของหนูยังต้องทำอีกไกลไหม ?
ตอบ : จะเท่าไรก็แล้วแต่ อยู่ที่เราชอบหรือไม่ชอบ ถ้าชอบก็ไปต่อเลย ไม่มีใครเขาว่า จะมากจะน้อยก็ทำไป ถ้าบารมีน้อยทำมากหน่อยเดี๋ยวก็มากเอง ถ้าบารมีมากอยู่แล้วทำอีกหน่อยเดี๋ยวก็เต็ม เท่านั้นเอง

ถาม : แล้วหนูควรทำสายไหน ?
ตอบ : สายไหนก็ทำไปเถอะ ลงท้ายที่นิพพานทั้งหมด

ถาม : ได้หรือคะ ไม่แย้งกัน ?
ตอบ : จะมีอะไรแย้งกัน ? ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ พระพุทธเจ้าสอนมาไม่มีแย้งกันแม้แต่นิดเดียว การที่บอกว่าสายนั้นสายนี้ เกิดจากครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือและปฏิบัติตาม แต่ว่าทั้งหมดมาจากพระไตรปิฎก มาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-11-2010 เมื่อ 09:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 13-11-2010, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่การปฏิบัติของหนูติดขัดอยู่ เป็นเพราะดวงหรือเป็นเพราะกรรม ?
ตอบ : ไม่ใช่หรอกจ้ะ เรามาสายพุทธภูมิเราเรียนเพื่อเป็นครูเขา การจะเป็นครูเขาได้ ต้องรู้ครบถ้วนทุกอย่างจึงจะสอนเขาได้ เพราะฉะนั้น..อะไรที่คนอื่นกระทำได้ไม่ติดขัด เราเองจะยากกว่าเขาอย่างน้อยสี่เท่า..!

ถาม : อย่างน้อยหรือคะ ?
ตอบ : ใช่..เพราะถ้าไม่มีข้อบกพร่องอะไรให้เราได้ศึกษาเรียนรู้เลย แล้วคนอื่นเขาบกพร่องมา เราจะสอนเขาได้อย่างไร ? เพราะฉะนั้น..จึงต้องลำบากกว่าคนอื่นเขาทุกเรื่องแหละ

ถาม : เป็นบททดสอบหรือคะ ?
ตอบ : จะว่าเป็นบททดสอบก็ใช่ จะว่าเป็นการศึกษาความรู้ก็ใช่ ถึงเวลาจะได้นำไปสอนคนอื่นเขาต่อไป ถ้าโดนมาไม่ครบทุกแง่ทุกมุม จะทำให้สอนเขาได้ไม่ทั่ว

ถาม : จะถึงอีกเมื่อไร ?
ตอบ : ถ้าเราเร่งสร้างในส่วนที่เป็นบุญใหญ่จะเร็วขึ้น ถ้ายังปล่อยเรื่อย ๆ ก็ช้าอยู่ เพราะฉะนั้น..ไม่มีใครบอกได้แน่ ๆ

ถาม : ส่วนใหญ่ที่ต้องทำคือในเรื่อง..?
ตอบ : ศีล สมาธิ ปัญญานั่นแหละ ในส่วนของบุญใหญ่เช่น อาจจะสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่มหึมา หรือทำการสังคายนาพระไตรปิฎกอะไรทำนองนั้น

ถาม : ก็มีร่วมสร้างกับเขา
ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ ร่วมสร้างเองก็ได้ หรือกำลังพอก็ทำเอาเองเลย วิ่งใส่บุญทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่อย่าทิ้งการภาวนา เพราะการภาวนาเป็นบุญใหญ่ที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2010 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 13-11-2010, 13:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้โยมมาถูกทางหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้ายังไม่พ้นกรอบของศีล ๕ ก็มาถูก ฉะนั้น..เราต้องรักษาศีลพร้อมกับการภาวนา ไหลตามโลกไปก็อย่าให้เกินกรอบของศีล ถ้าไปตรงไหนแล้วเขาบอกว่าจำเป็นต้องละเมิดศีล เราก็ไม่ไปด้วยหรอก

ถาม : คือ เราควรจะเลือกใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ต้องดูด้วย ถ้าหากเป็นในหน้าที่การงานต่าง ๆ ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ ก็ใช้คำว่าปฏิสัมพันธ์กันให้น้อยที่สุด เพื่อรักษาอารมณ์ใจของเรา ถ้าหากไม่ใช่ในเรื่องของหน้าที่การงาน เราจะหลีกคนเลี่ยงคนอย่างไรก็อยู่ที่เรา

คนอื่นอาจจะว่าเราถือเนื้อถือตัว หรือเก็บตัวก็ช่างเขา รอกำลังใจให้เข้มแข็งกว่านี้ค่อยไปว่ากันอีกที

ถาม : ตอนนี้ก็ไม่ได้ผิดศีลอะไร
ตอบ : ตราบใดที่ยังรักษาศีลได้ก็ยังไม่ผิด ผิดอยู่อย่างเดียว คือ ยังไม่บรรลุมรรคผล..!

ถาม : หนูมีอะไรที่เป็นมิจฉาทิฏฐิบ้าง ?
ตอบ : ตราบใดที่ยังไม่เข้าถึงมรรคผล ความเป็นมิจฉาทิฏฐิมีอยู่ทุกคน มีมากมีน้อยเท่านั้น เพราะฉะนั้น..ไม่ต้องไปกังวลหรอก เราใช้ศีลเป็นกรอบ ใช้สมาธิเป็นเครื่องช่วยเหลือ ท้ายสุดก็ใช้ปัญญา

ดูว่าสิ่งไหนเป็นความดีอย่างแท้สุดหรือเปล่า อันไหนเป็นความดีแท้เราก็ทำเข้าไป อันไหนไม่ดีแท้ก็พยายามละ พยายามวาง

ถาม : ที่มีติดขัดก็คือเรื่องเงิน
ตอบ : หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้เอาไว้แล้ว คาถาเงินล้าน ภาวนาคาถาเงินล้านแทนคำภาวนาอื่นไปก่อน อย่างน้อยให้ได้วันละ ๑๐๘ จบทุกวัน ถ้าทำได้สม่ำเสมอสองเดือนติดกัน ทุกอย่างจะคล่องตัวเอง เพราะในคาถาเงินล้านมีตั้งแต่ปัดอุปสรรค รักษาทรัพย์ ฯลฯ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-02-2019 เมื่อ 19:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 13-11-2010, 17:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จิตลึก ๆ ยังอยากจะช่วยคนอยู่
ตอบ : ให้ทำได้เท่าที่ทำได้ ดูด้วยว่าอย่าทำให้ตัวเองและคนรอบข้างเดือดร้อน คือ อย่าให้เกินกำลัง นั่นแหละเขาเรียกว่า ทำแบบคนมีปัญญา ถ้าคิดจะช่วยโดยที่ไม่ได้ดูว่าตัวเองเดือดร้อนหรือเปล่า อันนั้นปัญญาน้อยไปหน่อย

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : จำไว้ว่าอย่าอยากดีจนเกินไป อยากดีก็ไปสำนักนั้นบ้าง สำนักนี้บ้าง ไปเรื่อย ๆ เราอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติไปเรื่อย แล้วก็ทำไปไม่ถึงไหนเลย

ยึดหลักอะไรให้ได้สักอย่าง แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำไปเลย จะได้เร็ว ทางลัดไม่มี คนช่วยให้เราทำได้ไม่มี มีแต่ต้องใช้ความพยายามตัวเองเท่านั้น เพราะฉะนั้น..ที่ไหนเขาบอกว่ามีทางลัด สามารถที่จะลัดหนทางได้ ช่วยให้บรรลุเร็ว ๆ ได้นี่อย่าไปเชื่อ ถ้าหากช่วยอย่างนั้นได้ พระพุทธเจ้าท่านช่วยเราไปหมดแล้ว

ถาม : แล้วเรื่องสัญญา จะช่วยคนได้ไหม ?
ตอบ : อาตมาไม่เอาอะไร เพราะถือว่าเลยไปแล้ว เสียเวลาไปคิด ตั้งหน้าตั้งตาทำปัจจุบันให้ดี อนาคตดีแน่นอน มัวแต่ไปติดสัญญาอยู่ จะเอาตัวไม่รอด

ถาม : เรื่องคู่บารมี ?
ตอบ : ไม่เป็นไรจ้ะ จะช้าจะเร็ว ก็จะมีไปเองจ้ะ ถึงเวลาวาระบุญ วาระกรรมจะส่งมาเอง ไม่ต้องไปเสียเวลาไปดิ้นรนไขว่คว้า

ถาม : ตอนนี้ยังไม่มีเลย
ตอบ : ไม่มีเลยแหละดี

ถาม : อยากจะให้มีก็ไม่ใช่
ตอบ : อย่าหวังพึ่งคนอื่น ถ้าหวังพึ่งคนอื่นเดี๋ยวก็ไปคว้าเอาคู่มา จะไปไหนไม่รอด ตั้งหน้าตั้งตาทำของเราให้เต็มที่ เดี๋ยวทุกอย่างจะมาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2010 เมื่อ 18:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 14-11-2010, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไม่มีใครช่วยใคร ต้องทำด้วยตัวเอง ?
ตอบ : พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเลย สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง นาญโญ อัญญัง วิโสธะเย คนจะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตัว บุคคลหนึ่งจะทำให้อีกบุคคลหนึ่งบริสุทธิ์นั้นไม่ได้ ต้องทำเอง

ถาม : เรื่องผู้ชาย ถ้าไม่มีจะดีใช่ไหมคะ ?
ตอบ : เรื่องผู้ชาย ถ้าเข้ามาเมื่อไรจะยุ่งเมื่อนั้น ยกเว้นเราตั้งใจจะให้เขาเป็นเนื้อคู่ เพราะผู้หญิงกับผู้ชาย โอกาสที่จะอยู่ด้วยกันโดยไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยวข้องเป็นไปได้ยาก เดี๋ยวกระแสกรรมจะชักนำให้เสียไปเปล่า ๆ

จำไว้ว่าอย่ากลัวการอยู่คนเดียว ถ้ามัวแต่กลัวอยู่ กลายเป็นตัดสินใจผิด ๆ พลาด ๆ เดี๋ยวจะเดือดร้อนไปเอง ส่วนใหญ่จะไปคิดว่า เดี๋ยวแก่ไปไม่มีใครดูแล เจริญ...กลายเป็นแก่แล้วต้องไปดูแลเขา จะซวยซ้ำซวยซ้อน

ถาม : คู่บารมีนี่ไม่มีใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่มีก็หาได้ บอกแล้วว่าบุพเพสันนิวาส เขาเรียกว่าคู่บารมี คือมาตั้งแต่ชาติก่อน ส่วนอีกอย่างคือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน ในเมื่อไม่มีในอดีตเราก็หาในปัจจุบันได้

นี่แสดงว่าสู้แม่ชีที่วัดไม่ได้ แม่ชีสมศรีน้ำหนักประมาณร้อยกิโลกรัม สึกไป เราก็ถามว่า "เอ็งอ้วนขนาดนี้จะสึกไปทำซากอะไร มีผู้ชายที่ไหนจะมาแต่งด้วย ?" เขาบอกว่า "แค่ผู้ชาย..เดินรอบตลาดรอบเดียวก็หาได้แล้ว..!"

เขาไปเดินพักเดียวพามาจริง ๆ อะไรจะมั่นใจตัวเองได้ขนาดนั้น แล้วเขาก็แต่งงานอยู่กินกันมาจะสิบปีแล้ว ตลกมากเลย..ตอนแรกอาตมาก็นึกว่าเขาพูดเล่น

ถาม : แต่ลึก ๆ ของหนูคิดว่าเป็นห่วง
ตอบ : เดี๋ยวก็แพ้ใจตัวเอง โอกาสที่เราจะมีปัญญา มีกุศลกรรม เห็นทุกข์ของการครองคู่นั้นน้อย ส่วนใหญ่มีแต่อกุศลกรรมจะกระหน่ำซ้ำเติมให้เราคิดผิด ทำผิด

ลองดูคนรอบข้างเราสิ เขาแต่งงานไป กี่คู่ที่มีความสุข ? คู่ไหนที่ไม่ทะเลาะกันบ้างไหม ? คู่ไหนที่ไม่บ้านแตกสาแหรกขาด ? โดยเฉพาะคนสมัยนี้ความอดทนน้อย หม้อข้าวยังไม่ทันจะดำเลย เลิกกันแล้ว..!

สมัยนี้ดันไปเล่นไมโครเวฟ ก็เลยไม่ทันดำจริง ๆ ก็หย่ากันแล้ว...ไปได้แล้ว เลิกคุย มัวแต่ไปวิตกกังวลอยู่ เสียเวลาทำมาหากิน ไปนั่งภาวนาดีกว่าไป จะได้บรรลุเร็วหน่อย..!

ถาม : ถ้าลาพุทธภูมิจะเป็นอย่างไร ?
ตอบ : ถ้าลาเรื่องยุ่ง ๆ ข้างนอกจะลดน้อยลง แต่การปฏิบัติก็ยังคงมาแบบเดิม คือไปช้ากว่าคนอื่นเขา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 14-11-2010 เมื่อ 10:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 14-11-2010, 20:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อากาสานัญจายตนะกับอากิญจัญญายตนะ ต่างกันอย่างไรครับ เพราะว่าว่างเหมือนกัน ?
ตอบ : อากาสานัญจายตนะว่างเพราะเราจับความว่างของอากาศ อากิญจัญญายตนะว่างเพราะเราใช้ส่วนหนึ่งปัญญาพิจารณาเห็นว่าทุกอย่างไม่มีอะไรเหลือ

พวกที่ถามโดยไม่ทำนี่นอกจากจะปัญหามากแล้ว ในเมื่อตัวเองทำยังไม่ถึง ถามไปแล้วก็ลืมหมด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2010 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 143 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 14-11-2010, 21:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงตำแหน่งของกุฏิเจ้าอาวาสว่า "กุฏิเจ้าอาวาสควรอยู่ตำแหน่งหลังซ้ายของพระประธาน และพระประธานหันหน้าทิศตะวันออกเท่านั้น

ถ้าจะเอารวย กุฏิเจ้าอาวาสควรอยู่ด้านหลังซ้ายของพระประธาน ถ้าจะเอาดัง ก็อยู่หน้าซ้ายหรือหน้าขวาของพระประธาน ได้สามมุมนี้เท่านั้น นอกนั้นไม่เหมาะสักมุม เพราะมีแต่ทิศโจร ทิศปาราชิก ทิศทุคตะ ทิศมรณะ ทิศกาลกิณี"

แต่ว่าตำราของหลวงพ่อต่างกับตำราอื่น โดยเฉพาะมุมรวยนี้ตรงกันข้ามเลย มุมรวยตามแบบของหลวงพ่อนั้น ตำราอื่นเขาว่าอยู่แล้วจน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2010 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 14-11-2010, 21:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เนวสัญญานาสัญญายตนะก็เป็นสัญญา ?
ตอบ : เป็นการใช้กำลังของสมาธิบังคับร่างกาย เมื่อเกิดความรู้สึกขึ้นมาก็ทำเป็นเหมือนกับไม่รู้สึก

ถาม : ทุ่มเทกำลังสมาธิไปที่ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือครับ ?
ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็รู้เอง ประเภทที่หมอผ่าตัดแล้วไม่ร้องโอ๊ยก็ใช้ได้ ไม่อย่างนั้นคนไม่เคยกินแล้วมาถามว่า อาหารนี้รสเป็นอย่างไร ? ตอบไปก็เหนื่อยเปล่า..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2010 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว