|
ล่องแก่งมหาภัย การท่องไปในเมืองพม่า โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
ล่องแก่งมหาภัย ตอนที่ ๖
ลุกขึ้นเตรียมตัวจะไปห้องน้ำ วางเท้าลงบนอกของใครก็ไม่รู้..! ส่องไฟดูกลายเป็นหลวงตาปัณฑิตะ รอบเตียงเป็นพระจากวัดต่าง ๆ นอนกันเต็มไปหมด ต้องเลี่ยงไปตามช่องว่างที่แทบจะหาไม่ได้ จัดการสรงน้ำแล้วจึงย่องกลับมาขึ้นเตียงภาวนาต่อ...
วัดหนองบัวมีเตียงอยู่แค่ ๔ หลัง เมื่อมีงานแต่ละที พระผู้ใหญ่อาวุโสจริง ๆ เท่านั้นจึงได้นอนเตียง นอกนั้นต้องนอนบนพื้นศาลาอย่างที่เห็น ท่านนาวินสละเตียงให้ท่านอาจารย์ใหญ่ ตัวเองลงไปนอนกลิ้งกับพื้นเหมือนกัน อาตมานั้นพระเถระทุกรูปท่านยกให้ บอกว่ามาจากต่างเมือง และพรรษามากแล้วด้วย ฉะนั้นจงนอนเตียงซะดี ๆ..! พระภิกษุสามเณรฉันเช้าร่วมกัน โปรดสังเกตความชำรุดของหอพระด้วย ฝนตกลงมาซู่ใหญ่ เสียงครืน ๆ ดังมาไกล ๆ ทางฝั่งน้ำตรงกันข้าม ทางด้านนั้นเป็นบ้านสามพระยา อาตมาเลิกจากการภาวนาไปฉันน้ำร้อน พระเณรพากันลุกตามเมื่อเห็นแสงเทียน อะไรก็ไม่ตลกเท่ากับพระเณรที่กลัวผี แล้วแบบนี้ชาวบ้านเขาจะไปพึ่งใครได้ละคุณเอ๋ย... ฉันเช้าแล้วอาตมาไปซักผ้า ตากเสร็จเรียบร้อยจึงมาขอยืมฟิล์มท่านนาวิน ๑ ม้วน ของที่ติดตัวมาหมดเกลี้ยงไปตั้งแต่เมื่อวาน ได้ฟิล์มมาก็ได้เรื่องมาด้วย ทายกนิมนต์ให้เทศน์ฉลองกฐิน ตายละวา...จีวรยังเปียก ๆ อยู่เลย..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2010 เมื่อ 02:06 |
สมาชิก 89 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
|||
|
|||
ห่มผ้ามันทั้งยังเปียกอยู่นั่นแหละ ท่านนาวินว่าสีมันดูใหม่ดี ฮ่า... ท่านลองมาห่มผ้าเปียกดูบ้างสิครับ กว่าจะเทศน์จบก็ไข้จับตายห่...ไปเลย กราบขอบารมีพระให้ช่วยในการเทศน์ ภาวนาคาถาท่านปู่พระอินทร์จนใจตั้งมั่น ก้าวขึ้นธรรมาสน์ด้วยความมั่นใจ...
อาตมามักจะเจอการนิมนต์เทศน์ฉุกเฉินแบบนี้เสมอ ไม่มีโอกาสเตรียมตัวเตรียมใจแบบท่านอื่นเขาหรอก เจอตั้งแต่ธรรมาสน์แรกที่ไปเป็นพระพี่เลี้ยงให้คุณอุกฤษฎ์ ประดับชัยมงคลโน่น คุณอุกฤษฎ์เขาบวชอยู่ที่วัดเทพศิรินทราวาส ทางวัดเทพศิรินทร์นั้นมีธรรมเนียมต้องเทศน์โปรดโยมทางบ้านก่อนสึก... ห่มผ้าเปียกขึ้นเทศน์ ยังดีที่ไม่ปอดบวมตายซะก่อน..! หลวงปู่มหาอำพันซักซ้อมลูกศิษย์เป็นอย่างดี และมอบหมายให้อาตมาไปเป็นพี่เลี้ยงด้วย แต่พอขึ้นธรรมาสน์เข้าจริง ๆ คุณอุกฤษฎ์เธอนั่งปลุกพระซะเฉย ๆ ญาติโยมทนไม่ไหวเลยนิมนต์พระพี่เลี้ยงให้เทศน์แทน ตั้งแต่นั้นก็เจอเทศน์ฉุกเฉินแบบนี้มาตลอด... ตั้งนโมนมัสการพระรัตนตรัย แล้วร่ายยาวเรื่องอานิสงส์กฐินไปเรื่อย คัมภีร์เทศน์แค่ถือไว้ให้มันถูกต้องตามรูปแบบเท่านั้น เมื่อวานท่านอาจารย์ใหญ่เทศน์เป็นภาษามอญ หลวงตาปัณฑิตะเทศน์เป็นภาษาลาว วันนี้อาตมาว่าเป็นภาษาไทย แต่ญาติโยมก็ฟังเข้าใจกันดี..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-10-2010 เมื่อ 05:26 |
สมาชิก 94 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
|||
|
|||
เทศน์จบเอวังแล้วลงจากธรรมาสน์ไม่ได้ บันไดมันหายไปไหนก็ไม่รู้..? มาถึงบางอ้อเอาเมื่อชาวบ้านขอให้เทศน์ต่อ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องลงจากธรรมาสน์กันล่ะ..! อาตมาเองเห็นว่าการฟังธรรมก็เหมือนกับการกินอาหาร ถ้ามากเกินไปก็ท้องอืดท้องเฟ้อ แทนที่จะเป็นประโยชน์จะกลับเป็นโทษเสียอีก...
ชี้แจงไปแล้วพวกเขาก็ยังไม่ยอม จนอาตมาต้องบอกว่าปีหน้าจะมาเทศน์ให้ฟังใหม่ และถ้าไม่เอาบันไดมา อาตมาก็ยอมเสียสมณสารูปด้วยการเหาะลงละนะ..! นั่นแหละเขาถึงได้เอาบันไดที่ซ่อนไว้มาประกอบเข้ากับธรรมาสน์ ปล่อยอาตมาลงมารับกัณฑ์เทศน์ และให้พรข้างล่างได้... ขบวนปราสาทผึ้งและต้นสังฆทานเริ่มแห่มายังวัดหนองบัว หลวงตาปัณฑิตะและพระหลายรูป เข้ามาขอดูคัมภีร์เทศน์ว่าเป็นเรื่องอะไร เนื้อหาจึงเป็นที่ถูกใจญาติโยมถึงขนาดนี้ พอรับไปเปิดดูเห็นทำหน้าพิกล ก็ที่อาตมาว่ามันมีในใบลานซะเมื่อไรล่ะ..? ทุกรูปพอทราบความจริงก็ปล่อยก๊ากกันงอหาย ยกหัวแม่มือให้กันเป็นแถว..! ท่านนาวินบอกว่าเมื่อท่านมาอยู่ที่นี่ ก็เอาเทปธรรมะของหลวงพ่อวัดท่าซุงมาเปิดทุกวัน ชาวบ้านฟังแล้วติดอกติดใจไปตาม ๆ กัน ก็แน่ละครับ...ลองว่าหางแถวสุดกู่อย่างอาตมา เขายังชอบใจจนขนาดนี้ หัวแถวอย่างหลวงพ่อย่อมไม่ต้องบรรยายให้เสียเวลา ของแท้จากใจที่แท้ ย่อมล้ำค่ากว่าเพชรทองเป็นไหน ๆ..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2010 เมื่อ 02:07 |
สมาชิก 96 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
|||
|
|||
ญาติโยมทยอยกันมาวัดไม่ขาดสาย จนกระทั่งพลุกพล่านไปหมด ต่างคนต่างแต่งองค์ทรงเครื่องกันมาเต็มที่ คนมามากเรื่องห้องน้ำห้องส้วมชักมีปัญหา น้ำหมดสูบใหม่ไม่ทัน น้ำที่ดูดขึ้นมาใหม่ ๆ ไม่มีการกรองการพัก ขุ่นคลั่กเชียว อาบแล้วรู้สึกตัวมันหนา ๆ ขึ้นอย่างไรก็ไม่รู้..?
ผู้ใหญ่องไลมาคุยด้วย บอกว่าเมื่อหัวรุ่งทหารกะเหรี่ยงเข้าตีค่ายพม่าที่บ้านสามพระยา ถามอาตมาว่าได้ยินเสียงปืนใหญ่บ้างไหม? อาตมาบอกว่าได้ยิน แต่คิดว่าเป็นเสียงฟ้าร้องเพราะฝนตกพอดี แต่คงไม่กระทบงานกฐินวันนี้ของวัดหนองบัวแน่ ๆ... ปีนี้ลูกหลานบ้านหนองบัวกลับจากไทยมามาก งานกฐินจึงคึกคักกว่าทุกปี ขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วยหาเรือให้ด้วย เพราะว่าพรุ่งนี้อาตมาต้องออกจากที่นี่แต่เช้า เนื่องจากติดรับสังฆทานทุกต้นเดือนที่กรุงเทพฯ ถ้าไม่บอกไม่กล่าวเอาไว้ก่อน ฉวยพลาดพลั้งขึ้นมาไปไม่ทัน มีหวังญาติโยมทางกรุงเทพฯ แตกตื่นกันทั้งบ้านทั้งเมืองเป็นแน่แท้... ตอนฉันเพลทั้งพระทั้งเณรทั้งโยมแน่นไปทั้งศาลา อาตมาชอบใจกระดาษทิชชูของพม่าที่ม้วนมาแน่นเปรี๊ยะ ไม่ต้องใส่แกนข้างในแบบของไทย ทำให้ได้เนื้อกระดาษเพิ่มขึ้นอีกมาก แต่ท่านนาวินบอกว่าชอบกระดาษของไทยมากกว่า กระดาษพม่าฉีกแต่ละทีเป็นฝุ่นปลิวว่อน สู้ของไทยไม่ได้ทั้งเหนียวทั้งนุ่ม...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2010 เมื่อ 02:09 |
สมาชิก 88 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
|||
|
|||
บ่ายโมงครึ่งขบวนแห่จากทุกกลุ่มบ้านก็มาถึงวัด เสียงฆ้องเสียงกลองดังจนแทบคุยกันไม่ได้ ต้นกฐิน ๒ ต้น ปราสาทผึ้ง ๒๐ หลัง ต้นสังฆทาน ๘๔ ต้น เจ้าของทานแบกเองหามเอง มีหมู่พวกตามมาช่วยฟ้อนช่วยรำมากมายครึกครื้น สาว ๆ นุ่งซิ่นใหม่ห่มสไบหลากสีละลานตา เด็ก ๆ วิ่งตามขบวนกันเกรียวกราว...
ปราสาทผึ้งของไทยใช้เทียนแกะสลักเป็นปราสาทราชวัง จริง ๆ บ้างก็เป็นอินทร์พรหมยมยักษ์ บ้างก็เป็นครุฑ นาค คนธรรพ์ กินนร กินรี แต่ของที่หนองบัวเอาขี้ผึ้งปั้นเป็นดอกไม้ดอกนิดเดียว ติดอยู่สี่มุมปราสาทเท่านั้น นอกจากนั้นเป็นเส้นด้ายระโยงระยาง ติดธนบัตรมาเพียบเลย... ปราสาทกฐิน ๒ หลัง ปราสาทผึ้ง ๒๐ หลัง ต้นสังฆทาน ๘๔ ต้น ขบวนยาวเกือบรอบวัด..! ธนบัตรใบละยี่สิบจั๊ตมีมากที่สุด น้อยต้นที่เป็นใบละร้อย ใบละห้าร้อยมีแทรกอยู่ประปราย ต้นสังฆทานที่เป็นหน่อกล้วยขนาดพอเหมาะ ค่อยมีใบละห้าสิบและใบละร้อยมากสักหน่อย ทั้งโห่ทั้งแห่รอบวัด มีการโปรยทานด้วย พอใบละหนึ่งจั๊ตถูกร่อนกระจายเต็มฟ้า เด็ก ๆ ก็กรูกันเข้ามาแย่งเก็บเป็นที่ชุลมุน..! ครบสามรอบก็มารวมกันที่ลานวัด เขาปูไม้กระดานยกพื้นขึ้นมาสักหนึ่งคืบ ทำเป็นที่สำหรับพระนั่งรับกฐิน มุมซ้ายสุดตรงต้นโพธิ์พอดีเป็นธรรมาสน์เทศน์ ท่านอาจารย์อุตตะมะจากวัดสามพระยาขึ้นเป็นองค์เทศน์ พรรษาท่านมากกว่าท่านอาจารย์ใหญ่เสียอีก แต่ดูอย่างไรก็ไม่แก่เลย...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2010 เมื่อ 02:12 |
สมาชิก 85 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
|||
|
|||
ขึ้นธรรมาสน์แล้วยังเทศน์ไม่ได้ เพราะขบวนดนตรีบรรเลงบรรลัยไล่ก็ไม่เลิกขบวนหนึ่ง มันตีฉิ่งฉาบฆ้องกลองฟ้อนแอ้ฟ้อนแอ่นอยู่นั่นแหละ ท่าทางกำลังเมาได้ที่ คนจำพวกนี้มีแทรกเป็นยาดำอยู่ทุกที่ซีน่า ในที่สุดชาวบ้านต้องลงขันกันจ้างให้เลิกตั้งหมื่นกว่าจั๊ต มันถึงยอมเลิก..!
ท่านอาจารย์อุตตะมะให้ศีลเหมือนทางบ้านเราเปี๊ยบเลย ให้เสร็จบอกอีกด้วยว่า มาบ้านไทยก็ต้องให้แบบไทย ชาวบ้านเฮชอบอกชอบใจกันใหญ่ ท่านเทศน์อานิสงส์กฐินสั้น ๆ ด้วยทราบมาว่าอาตมาว่าไปซะเต็มที่ตั้งแต่รอบเช้าแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นการกล่าวถวายกฐิน... เจ้าภาพถวายต้นสังฆทานเพิ่งกลับมา ทำให้ชาวบ้านเขาว่าอาตมาขนเงินกลับไปไทย..! จุดเด่นของงานคือการถวายสังฆทานสลากภัต ผู้ใหญ่องไลประกาศรายชื่อเจ้าภาพต้นสังฆทาน แล้วจับสลากขึ้นมาว่าวัดไหนจะได้รับ พอพระมานั่ง เจ้าภาพก็ประเคนให้ทีละราย เมื่อถึงชื่อของอาตมา ทุกคนก็เฮกันอีกครั้ง เนื่องจากเจ้าภาพเพิ่งจะกลับมาจากเมืองไทย เขาว่าอาตมามาเพื่อเอาเงินกลับไทย..! หลวงพ่อท่านทำเป็นตัวอย่างสำหรับพระวัดท่าซุงทุกรูปคือ ได้รับเงินที่วัดไหน ท่านให้ถวายไว้ที่วัดนั้นเลย ยกเว้นที่ชาวบ้านระบุเจาะจงมาจริง ๆ ถึงเก็บกลับวัด อาตมาจึงถวายต้นสังฆทานให้กับท่านนาวินไป กะด้วยสายตาคร่าว ๆ ต้นนี้ไม่หนีสองพันจั๊ต มันน้อยไปน่ะ..ฮิ..ฮิ..!
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 21-10-2010 เมื่อ 15:55 |
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
|||
|
|||
เข้าโบสถ์ไปร่วมกรานกฐิน ท่านสุโภคะเป็นผู้สวดประกาศ ครูบาน้อยรับครองเอง เรื่องการสวดกฐินนี่ก็เช่นกัน พม่าเขาใช้พระสวดประกาศรูปเดียว ส่วนของไทยใช้สองรูป เอาเป็นว่าใครทำแบบไหนก็ตาม ชาวบ้านได้บุญไปตั้งแต่คิดจะถวายแล้ว...
กว่าจะเลิกงานเกือบห้าโมงเย็น อาตมานำพระเณรทำความสะอาดส้วมเป็นอันดับแรก พักเดียวก็เรียบร้อย จากนั้นมาเก็บขยะที่เกลื่อนไปทั้งวัด เสร็จเอาตอนค่ำพอดี เขามีวีดีโอฉลองอีกหนึ่งคืน เป็นของที่ครูบาอินพานซื้อให้โยมที่บ้าน แล้วโยมเอามาให้ฉายฉลองกฐิน มีวีดิโอฉลองอีกคืน ดูกันให้ตาแฉะไปเลย ชาวบ้านมาช่วยกันรื้อต้นกฐินและปราสาทผึ้ง ได้เงินมากองพะเนินเทินทึก อาตมาช่วยนับจนสามทุ่ม กว่าจะได้ยอดออกมาแสนแปดหมื่นกว่าจั๊ต ถ้าเป็นเงินไทยก็รวยอื้อเลย แต่ถึงจะเป็นเงินพม่าก็เถอะ ในเมืองสองแควทั้งยี่สิบกว่าวัด ที่นี่ได้เงินมากที่สุด เพราะชาวหนองบัวส่วนใหญ่ไปทำงานในประเทศไทย หาเงินได้ง่าย จึงทำบุญมากกว่าบ้านอื่น... รื้อต้นกฐินมานับ ได้ปัจจัยแสนแปดหมื่นกว่าจั๊ต อาตมาแจกวัตถุมงคลแก่ญาติโยมจนหมดตัว ต้องขอติดเอาไว้ก่อน ปีหน้าฟ้าใหม่จะมาแก้ตัวอีกที ญาติโยมหลายคนเอาเงินมาแลกใบละหนึ่งจั๊ตใหม่ ๆ ไปเป็นมัด ๆ บอกว่าจะเอาไว้ติดต้นกฐินหรือต้นสังฆทานของปีหน้า เล่นเตรียมการข้ามปีกันเลย... บ้างก็มาขอน้ำมนต์ บ้างก็มาขอถ่ายรูป อาตมาสงเคราะห์ไปตามที่ทำได้ กว่าจะได้ทำวัตรกว่าจะได้นอนเกือบสี่ทุ่ม วันนี้สบายเพราะพระอาคันตุกะกลับกันจนหมด พระเณรของวัดหนองบัวก็ไปจุ้มปุ๊กอยู่หน้าจอวีดีโอ ตัวใครตัวมันละครับ ใครเห็นว่าอะไรดีก็เชิญทำกันตามสบาย... คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คิมหันต์ : 27-10-2010 เมื่อ 18:12 |
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คิมหันต์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|