กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 28-09-2010, 08:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องของผีที่เขามาในสภาพน่าเกลียดน่ากลัว ก็ยังถือว่าเขามีความสามารถที่อยู่ในระดับที่ใช้ได้ ถ้าท่านที่บุญน้อยกว่านั้น ทำให้ภาพปรากฏก็ไม่ได้ เพราะกำลังเขาน้อย เราอาจจะได้ยินแต่เสียง หรือได้แต่กลิ่น

ถึงเป็นอย่างนั้นก็ไม่ต้องกังวล คิดว่าบุญทั้งหมดที่เราทำมา ขอให้เจ้าของเสียงนั้นโมทนา ผลบุญที่เราทำมาทั้งหมด ขอให้เจ้าของกลิ่นนั้นโมทนา ก็ใช้ได้เลย

ปัจจุบันนี้ผีมีโอกาสหลอกเราน้อยมาก เพราะมีไฟฟ้า เวลาผีจะปรากฏตัว เขาต้องใช้กำลังของเขาดึงเอาธาตุสี่ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่อยู่รอบข้าง ให้มารวมตัวกันเป็นกายหยาบให้คนเห็น แต่กระแสไฟฟ้าที่กระพริบด้วยความเร็ว ๕๐ ครั้ง/วินาที ไปกระแทกสะเทือนจนอนุภาคของธาตุ ๔ ทั้งหลายเหล่านั้นรวมตัวไม่ได้

เพราะฉะนั้น..เวลากลัวผีแล้วไปเปิดไฟนั่นถูกต้องแล้ว แต่ก็ป้องกันได้เฉพาะผีระดับต่ำ ๆ เท่านั้น ผีระดับสูง ๆ ต่อให้กลางวันเที่ยง ๆ ก็สามารถมาหลอกได้ เสียเวลาเปิดไฟเปล่า ๆ

บางทีเราสงสัยทำไมสมัยก่อนผีเยอะแยะ ทำไมสมัยนี้ผีไม่มี ? ก็ยังมีเหมือนเดิมแหละ เพียงแต่ว่าการปรากฏตัวของเขายากขึ้น พอจะดึงเอาธาตุสี่ดิน น้ำ ไฟ ลม มารวมกัน ก็ถูกไฟฟ้าที่กระพริบแวบ ๆ กระทุ้งจนกระจายหมด ถ้ากำลังเขาไม่พอก็ปรากฏตัวไม่ได้เลย บางคนจึงได้ยินแต่เสียง บางคนจึงได้แค่กลิ่นเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-09-2010 เมื่อ 16:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 28-09-2010, 09:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วผีที่มีนิสัยลามก ?
ตอบ : คนเราเวลามีชีวิตอยู่ มีสันดานนิสัยอย่างไร ถึงเป็นเป็นผีแล้วก็มีนิสัยสันดานอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2010 เมื่อ 11:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 28-09-2010, 09:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมานอนภาวนาอยู่ ผีเขามาถึงเห็นเรานอนหงายภาวนา สองคนแรกก็มาจับเราตะแคงขวาเป็นท่านอนสีหไสยาสน์ แล้วเขาก็ไป อีกสักพักโผล่มาทางปลายเท้าอีกสองคน "นอนท่านี้นานแล้วนี่" แล้วเขาก็จับพลิกซ้ายให้ แล้วเขาก็ไป

เดี๋ยวก็โผล่มาอีกสองคน "อะไรวะ..จะมายุ่งอะไรกับอนาคตตูขนาดนั้น ตูจะภาวนา..!" อาตมาจึงคิดจะลองดีกับผี พอเขาเข้าใกล้ คราวนี้ไม่รอให้เขาจับ ถีบโครมเลย..!

จำไว้ว่าอย่าเสียเวลาไปตีกับผี เพราะเขารู้ความคิดของเรา พอเราถีบโครมเขาก็จับขาไว้ เราก็ต้องรีบตะปบสบง..กลัวโป๊ พอถีบซ้ายเขาก็จับซ้าย ถีบขวาเขาก็จับขวา ชกซ้ายเขาก็จับซ้าย ชกขวาเขาก็จับขวา

ท้ายสุดก็โดนเขาขึงพืด พวกที่หายไป ๕ - ๖ คนย้อนกลับมาใหม่ ช่วยกันนั่งทับตั้งแต่อกยันปลายเท้า กระดิกไม่ได้เลย คนที่อยู่หน้าสุด จับแขนเราแล้วกดไว้กับหน้าอกบอกว่า "ให้บอกว่ากลัวสิ..แล้วจะปล่อย" เรื่องอะไรกูจะกลัวมึง..! อาตมาก็ว่าคาถาเป่าใส่เลย เขาเอียงหน้าหลบนิดเดียวบอกว่า "ไม่ถูก..!" กวนสุด ๆ

ตอนนั้นทำให้เข้าใจเรื่องผีว่า ถ้าเราหลับตาหรือทำไม่สนใจจะเห็นเขาชัดเจนมาก เขากดเราอยู่ น้ำหนักมือหรือความอุ่นเหมือนกับคนทุกอย่างเลย แต่ถ้าเราตั้งใจจะมอง ก็จะมองทะลุเห็นมือตัวเอง หรือจะเห็นเสาหรือของอะไรที่อยู่ข้างหลัง แต่ถ้าทำเฉย ๆ ไม่รู้ไม่ชี้ เขาก็เป็นเงาหนา ๆ เหมือนคนนี่เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2010 เมื่อ 11:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 28-09-2010, 10:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมาก็รอจังหวะ ต่างคนต่างคุมเชิงกันอยู่ พอเขาเผลอ อาตมากระชากแขนพรวดหลุดออกมาได้ เราก็คว้าตัวที่อยู่ทางด้านหัว ตั้งใจจะทุ่มเขา ปรากฏว่าไปคว้าเอาผู้หญิงเต็ม ๆ จับเอวเข้าพอดี ยายนั่นก็บ้าจี้ หัวเราะคิกคักยักเอวยักไหล่...

อาตมาเพิ่งจะรู้ว่าเนื้อผีก็คล้าย ๆ กับเนื้อคน ก็ต้องรีบปล่อย กลัวจะโดนอาบัติ เพราะเขาเป็นผู้หญิง ดิ้นหลุดออกมาได้ก็ไล่ชกไล่เตะ ตีกันตึงตังโครมครามอยู่ทุกวัน จนกระทั่งเหนื่อยหอบ พอได้เวลาออกมาทำวัตรเย็น ป้ากิมกีก็ถามว่า "หลวงพี่ย้ายของอะไรทั้งวัน ตึงตังไปหมด ?" เราจะไปย้ายอะไร ผีเขาย้ายเราต่างหาก..!

ไม่น่าเชื่อว่าตีกับผีเป็นปี ๆ ท่านทั้งหลายเหล่านี้ที่มา เขาต้องการจะทดสอบกำลังใจ ถ้าเรายึดเกาะความดีได้ นึกถึงพระนึกถึงนิพพานได้เขาก็เลิก แต่เขาดันมาเจอนักรบเก่า ขอให้พระช่วยก็ไม่ขอ ลุยเองเลย เรื่องจะให้ยอมแพ้หรือบอกว่ากลัว ไม่มีหรอก

จนกระทั่งท้ายสุด ท่านทนความหน้าด้านของเราไม่ไหว ท่านต้องไปเอง เพราะแกล้งหลอกเท่าไรเราก็ไม่กลัวสักที แถมยังไม่คิดถึงความดีอะไรด้วย สู้อย่างเดียว พอมานึกทบทวนย้อนหลัง อาตมานี่ดื้อสะบั้นหั่นแหลก จะนึกถึงพระนึกถึงนิพพานก็ไม่มี เอาแต่สู้อย่างเดียว

มีรุ่นน้องท่านหนึ่ง คือท่านโกวิท น่าจะสึกไปแล้ว บวชทีหลังอาตมาหนึ่งพรรษา ท่านนอนอยู่ตรงป้อมยาม โดนผีบีบคอเสียจนลมหายใจจะหมดแล้ว ท่านก็ตัดสินใจว่า "เอาละวะ..ตายเป็นตาย ตายตอนนี้ก็ไปนิพพาน"

พอคิดอย่างนั้นเขาก็ปล่อย คือ ถ้าเกาะความดีส่วนใดส่วนหนึ่งได้เขาก็ปล่อย เขาถือว่าการทดสอบของเขาประสบผลแล้ว แต่ก่อนจะไปเขาก็บอกว่า "ไอ้หน้าอย่างนี้หรือจะไปนิพพาน..!" แหม..ดูถูกกันมาก ถ้าเป็นอาตมานี่ไอ้ผีตัวนั้นโดนแน่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-09-2010 เมื่อ 16:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 28-09-2010, 10:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีอยู่เที่ยวหนึ่งไปโดนผีหลอกที่บ้านกะเหรี่ยงตะเพินคี่ อาตมาไปพักอยู่กลางป่า เทวดาบอกไม่ทัน อาตมาเพิ่งจะรู้สึกตัวตื่น ขยับลุกขึ้นมา นั่งไม่ทันเต็มตัวเลย เสียงเจ้าที่ตะโกนว่า "ระวังผี..!" ปรากฏว่าไม่ทัน มือเย็นเจี๊ยบมาถึงคอแล้ว..!

อาตมาภาวนาพุทโธ ๆ เขาก็ชะงัก พอคิดจะหยุดภาวนาไปล้างหน้า เขาก็รวบมือเข้ามา พอภาวนาเขาก็คลายออกให้หน่อยหนึ่ง เล่นได้กวนมากเลย

ก็ต้องยันกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งฟ้าเริ่มสว่าง จึงบอกกับเขาว่า "พอเถอะ..ตะวันขึ้นแล้ว ต่างคนต่างไป ถ้าจะหลอกเดี๋ยววันหน้าค่อยมาใหม่" เขาเองก็ว่าง่ายเหมือนกัน ไปเอาง่าย ๆ เราจึงลุกไปล้างหน้าแปรงฟันได้ ตกลงว่าปกติที่เคยภาวนาพิจารณาทุกวันก็ไม่ต้องแล้ว วันนั้นเหลือแต่พุทโธอย่างเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2010 เมื่อ 11:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 28-09-2010, 11:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สงสัยว่าผีในป่าช้าที่ท่านเล่ามา พวกเขาเดือดร้อนตรงไหน ?
ตอบ : เขาเดือดร้อนเพราะไปไหนไม่ได้ ก็เลยอยากได้ส่วนกุศล ถ้าเราอุทิศส่วนกุศลให้เขามีกำลังพอ หรือมีกำลังบุญสูงขึ้น เขาก็จะไปภพภูมิอื่นได้
ไม่อย่างนั้นแล้ว ด้วยความที่จิตยังยึดอยู่ แม้กระทั่งร่างกายที่ตายไปแล้ว ทำให้วนเวียนอยู่แถวนั้น ไปไหนไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2010 เมื่อ 12:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 28-09-2010, 11:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาพระอริยเจ้าท่านทำให้เข้าถึงอริยผล ท่านทำอย่างไร?
ตอบ : ข้อนี้ต้องไปถามพระอริยเจ้าเอง..! ก็ต้องเข้าหาวิปัสสนาญาณสิ โดยเฉพาะพิจารณาในกายคตาสติ หรือไม่ก็ดูในเรื่องของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นต้น

ถ้ายังเป็นปลาอยู่ในน้ำ อย่าไปถามว่าบนบกเป็นอย่างไร อธิบายไปก็กลุ้มใจตายเปล่า ๆ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2010 เมื่อ 12:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 28-09-2010, 15:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากรู้อานิสงส์การถวายดอกไม้ครับ ?
ตอบ : ต้องถามกลับว่าถวายใคร ? ถวายพระพุทธเจ้าก็เป็นพุทธบูชา ถวายพระสงฆ์ก็เป็นสังฆบูชา หรือเวลาเขาสวดมนต์แล้วไปโปรยก็เป็นธัมมบูชา

ท่านใช้คำว่าอัปปมาโณ หาประมาณไม่ได้ ขอให้บูชาด้วยความเคารพจริง ๆ เท่านั้น อย่างนายสุมนมาลาการมีหน้าที่เอาดอกมะลิไปถวายพระเจ้าปเสนทิโกศล วันละ ๘ ทะนาน

วันนั้นเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมา นายสุมนมาลาการเกิดความปลื้มใจ คิดว่า "แม้เราจะไม่มีดอกไม้ไปถวายพระราชา ถ้าท่านจะประหารชีวิตเราก็ตามทีเถอะ เราขอสร้างบุญไว้ก่อน" แล้วท่านก็ซัดดอกไม้ขึ้นไป ๒ ทะนาน ปรากฏว่าดอกไม้ขึ้นไปลอยเรียงเป็นเพดานกั้นให้พระพุทธเจ้า ท่านก็เกิดความปลื้มใจ มีปีติมาก ซัดไปอีก ๒ ทะนาน ดอกไม้ก็ลอยไปกั้นเป็นม่านอยู่เบื้องหลัง ซัดไปอีก ๒ ทะนาน ลอยไปกั้นอยู่เบื้องขวา ซัดไปอีก ๒ ทะนาน ลอยไปกั้นอยู่เบื้องซ้าย จนหมดเกลี้ยงทั้ง ๘ ทะนาน

พระพุทธเจ้าเสด็จไปไหนก็เหมือนกับอยู่ในห้องดอกไม้ เปิดให้เห็นเฉพาะด้านหน้า ชาวบ้านเห็นก็สาธุการกันเซ็งแซ่ แต่ภรรยาของนายสุมนมาลาการกลับคิดไปอีกอย่าง คิดว่า "ตัวเองต้องแย่แน่ ๆ สามีเอาดอกไม้ไปทำแบบนี้ พระราชาอาจจะสั่งประหารเราไปด้วย" จึงรีบเข้าวังไปแจ้งความประสงค์กับพระราชา ว่าตนเองเป็นภรรยาของนายสุมนมาลาการ ขอหย่าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สิ่งต่าง ๆ ที่นายสุมนมาลาการทำ ตนเองไม่ขอเกี่ยวข้อง

พระเจ้าปเสนทิโกศลท่านอนุญาตให้หย่าได้ แล้วให้ราชบุรุษไปตามตัวนายสุมนมาลาการมา ถามว่าทำไมจึงทำอย่างนั้น ตอนทำคิดอย่างไร นายสุมนมาลาการก็บอกให้รู้ว่า เห็นพระพุทธเจ้าเกิดความปลาบปลื้มปีติมาก อยากจะทำบุญ จึงตัดสินใจว่าถ้าโดนพระราชาสั่งประหารชีวิตก็ยอม ขอทำบุญก็แล้วกัน

พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงโมทนา แล้วมอบสิ่งของพระราชทาน โดยให้วัวไป ๘ ตัว ม้า ๘ ตัว ช้าง ๘ เชือก หมู่บ้านไปปกครองอีก ๘ ตำบล แล้วก็เมียอีก ๘ คน ส่วนภรรยาเก่าของนายมาลาการดันทะลึ่งไปขอหย่า จึงไม่ได้อะไรเลยสักบาท..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 28-09-2010, 15:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่เล่ามานี่เราเห็นอะไรบ้าง ? อันดับแรกก็คือ กำลังใจของนายสุมนมาลาการ ถ้าได้ทำความดีแม้ตัวตายก็ยอม ประการที่สอง พระเจ้าแผ่นดินสมัยนั้นไม่ได้หาตัวยาก เข้าพบเมื่อไรก็ได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ชาวบ้านคนหนึ่งขอเข้าไปพบพระราชา ไม่น่าจะได้พบง่าย ๆ

ฉะนั้น..เราจะเห็นว่าอานิสงส์การถวายดอกไม้เป็นพุทธบูชาอย่างนายสุมนมาลาการ กลายเป็นคนรวยทันตา แต่ถ้าอย่างชูชกก็ได้นางอมิตดามาเป็นเมีย ชูชกอายุ ๘๐ นางอมิตดาอายุ ๑๖ รุ่นเหลนเลยนะ

อรรถกถาเขาบอกว่า ชูชกถวายดอกไม้ตูมเอาไว้ในชาติก่อน ก็เลยได้ภรรยาสาวพริ้ง แต่เขาไม่ได้บอกว่านางอมิตดาเคยถวายดอกไม้เหี่ยวเอาไว้ก่อน เป็นเรื่องน่าคิดเหมือนกันนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 01:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 28-09-2010, 16:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ชูชกเป็นผู้มีความสามารถสูงมากในการขอ ขอใครไม่เคยพลาด ได้ทุกราย โบราณาจารย์อย่างหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน ท่านก็เลยสร้างชูชกขึ้นมาเป็นเคล็ดลับในเรื่องของมหาลาภ มหานิยม เพื่อให้ลูกศิษย์ไปทำมาหากิน จะได้มีความสะดวกคล่องตัว

เนื่องจากชูชกขอทานจนรวย มีเงินเป็นแสนกหาปณะ เอาไปฝากเพื่อนไว้แล้วตัวเองก็ไปขอทานต่อ ชูชกหายไปหลายปี อายุก็มากแล้วเพื่อนพราหมณ์นึกว่าชูชกตายแล้ว จึงเอาเงินของชูชกไปใช้จนเพลิน พอชูชกกลับมาทวงเงิน ไม่มีคืนให้ เขาก็เลยต้องยกลูกสาวให้เป็นการตอบแทน

ต้องบอกว่า นางอมิตตดานั้นพ่อแม่อบรมมาดี แม้จะยกให้เป็นภรรยาของชูชกที่แก่เฒ่าปานนั้น ก็ยังเคารพสามีเหมือนพ่อ ดูแลปรนนิบัติรับใช้ทุกอย่าง แต่ทีนี้เดือดร้อนบรรดาพราหมณ์อื่น ๆ เขาเอานางอมิตตดาเป็นมาตรฐาน ว่าทำไมเมียเราถึงไม่ดีเหมือนนางอมิตตดาบ้าง ก็ไปตีเมียบ้าง ด่าเมียบ้าง

บรรดาเมียพราหมณ์ทั้งหลายเก็บความแค้นเอาไว้ ตอนไปตักน้ำก็ไปรุมด่านางอมิตตดา "เพราะแกทีเดียวนางกาลกิณี เข้ามาในหมู่บ้าน เลยทำให้พวกข้าเดือดร้อนหมด" นางอมิตตดาร้องไห้กลับบ้าน ชูชกถามเกิดอะไรขึ้น นางจึงเล่าให้ฟังแล้วบอกว่าต่อไปนี้จะไม่ไปตักน้ำแล้ว

ชูชกบอกว่า "ไม่เป็นไรหรอก..ได้ยินว่าพระเวสสันดรตอนนี้ออกบวชอยู่ในป่า พระนางมัทรีที่เป็นมเหสี กัณหา ชาลี ที่เป็นราชกุมารีราชกุมารตามไปด้วย พระเวสสันดรเป็นผู้ใจดี ขออะไรก็ให้ เดี๋ยวเราจะไปขอกัณหา ชาลี มาให้เป็นทาสของเจ้าก็แล้วกัน" ว่าแล้วก็เดินทางไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 01:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 28-09-2010, 18:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จริง ๆ ช่วงออกพรรษาจะเป็นช่วงที่เขาเทศน์พระเวสสันดรชาดก บางทีก็เรียกว่า เทศน์คาถาพัน เพราะจะประกอบด้วยคาถาบาลีเป็นหัวเรื่องหนึ่งพันบทด้วยกัน รวมทั้งหมดมี ๑๓ กัณฑ์

ได้แก่ ทศพร หิมพานต์ ทานกัณฑ์ วนประเวศน์ ชูชก จุลพน มหาพน กุมาร มัทรี สักกบรรพ มหาราช ฉกษัตริย์ นครกัณฑ์ รวมแล้วเป็นบาทคาถาหนึ่งพันคาถา เขาเลยเรียก เทศน์คาถาพัน สมัยก่อนเขาเทศน์กันสามวันสามคืน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 01:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 28-09-2010, 18:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงโบสถ์เทวดาสร้าง ที่นครสวรรค์ให้ฟัง

"วัดจอมคีรีนาคบรรพต มีโบสถ์หลังนิดเดียว แต่เขาเชื่อว่าเป็นโบสถ์เทวดาสร้าง คนมาเท่าไรก็เข้าไปได้หมด

โบสถ์หลังนี้แต่เดิมเขาสร้างค้างไว้หลายปี ตามที่เล่ากันมา เขาบอกว่า วันหนึ่งเป็นวันพระใหญ่ ตอนกลางคืนมีแสงสว่างไปทั่วทั้งยอดเขา เหมือนกับใครมาจุดไฟทำอะไร พอรุ่งเช้าโบสถ์ทั้งหลังก็เสร็จเรียบร้อย เขาก็เลยเชื่อกันว่าเป็นโบสถ์เทวดาสร้าง

พอเวลามีงานบุญ คนก็ยัดกันเข้าไปในโบสถ์หลังเล็ก ๆ นั้นได้ คนก็เกิดความแปลกใจว่า โบสถ์หลังนิดเดียวแต่ทำไมคนมาแล้วนั่งได้เรื่อย ๆ เขาเลยลือกันไปว่าโบสถ์เทวดาสร้าง คนมาเท่าไรก็เข้าได้หมด

จึงมีนักเลงดี คือ ผู้บังคับกรมทหารราบที่ ๔ ค่ายจิรประวัติ เอาทหารทั้งกรมไปทดลอง ทหารกรมหนึ่งจำนวนเท่าไร ? ถ้าตามอัตรากำลังทหารที่อาตมาเคยอยู่ กองพลทหารราบที่ ๙ กาญจนบุรี การจัดอัตรากำลัง ๑ กองร้อย เท่ากับ ๑๔๒ คน ๕ กองร้อยเป็น ๑ กองพัน ๕ กองพันเป็น ๑ กรม ลองคำนวณดูแล้วกันว่า ๑ กรม มีทหารจำนวนเท่าไร ?

พอถึงเวลาท่านผู้การก็สั่งให้ทหารเข้าโบสถ์ไป เข้าไปก็เหมือนกับเต็ม พอขยับก็เข้าไปได้เรื่อย ๆ ท้ายสุดทหารทั้งกรมก็เข้าไปอยู่ในโบสถ์หลังเล็ก ๆ ได้ ไม่รู้ว่าเข้าไปได้อย่างไรกันตั้งพันกว่าคน..!

เขาจึงได้เชื่อว่าเป็นโบสถ์เทวดาสร้างจริง ๆ ทุกวันนี้ติดป้ายเย้ยฟ้าท้าดินเลยว่า "ขอเชิญชมโบสถ์เทวดาสร้าง" มีโอกาสก็ลองแวะดู เป็นโบสถ์ที่มีศิลปะแบบภาคกลางตอนเหนือ งามทีเดียวแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 29-09-2010, 12:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยพุทธกาล งานถวายพระเพลิงศพพระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี หรือว่างานประชุมเพลิงพระสารีบุตรมหาเถระ เทวดาต้องลงมาช่วย เนรมิตจิตกาธาน เนรมิตที่พักสงฆ์ ฉะนั้น..โบสถ์เทวดาสร้างจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

งานศพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพุทธศาสนา คือ งานศพของพระนางมหาปชาบดีโคตมีเถรี แม้แต่งานถวายพระเพลิงพุทธสรีระก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่า เนื่องจากพระพุทธเจ้าเป็นองค์อำนวยการเอง ในฐานะที่เป็นพระน้านางและเป็นแม่ผู้ถวายกษีรธารา(น้ำนม)มาตั้งแต่เด็ก เท่ากับว่าท่านจัดงานให้แม่ จึงได้เดือดร้อนเทวดาต้องมาเนรมิตจิตกาธานให้ และต้องยกขบวนมาเป็นเกียรติยศด้วย

งานนี้พระอรหันต์แบกโลงให้ ก็คือ บรรดาพระญาติพระวงศ์อย่างพระอานนท์ พระนันทะ พระพุทธเจ้าเสด็จนำ ตามด้วยหมู่สงฆ์เป็นแสน ยังมีพรหมเทวดาอีกนับไม่ถ้วน แล้วจึงต่อด้วยขบวนประชาชน

มีเวลาเตรียมงานนานมาก ไม่เหมือนกับการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ที่ต้องทำให้เสร็จภายในไม่กี่วัน ลองไปค้นเอาเองในพระไตรปิฎก งานนี้ไม่บอกว่าอยู่ในเล่มไหน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 12:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 134 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 29-09-2010, 13:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยที่พระองค์ที่ ๑๐ มาวัดท่าซุง เสียดายแทนโยมคนหนึ่ง โยมคนนั้นขอดอกบัวจากพระองค์ที่ ๑๐ บอกว่าแม่ไม่สบาย ขอดอกบัวไปต้มเป็นยาให้แม่กินเพื่อรักษาโรค

พระองค์ที่ ๑๐ ท่านบอกว่า "ถ้าให้เธอคนหนึ่ง คนอื่นก็อยากได้ด้วย เอาอย่างนี้สิ..ให้เธอเอาน้ำใส่หม้อแล้วตั้งใจนึกถึงฉัน ขอให้น้ำนี้เป็นยารักษาโรคได้" ปรากฏว่าโยมเขาทำท่าผิดหวัง และอาตมามั่นใจด้วยว่าเขาไม่ได้ทำ ถ้าเป็นอาตมาจะต้มน้ำเปล่ารักษาโรคให้ทั่วประเทศเลย ก็ท่านให้พรขนาดนั้นแล้ว"


ถาม : ท่านให้พรแค่คนเดียวหรือคะ ?
ตอบ : ท่านให้พรใครก็เป็นสิทธิ์ของคนนั้น แต่เขาไม่เอา อาตมาดูหน้าแล้วรู้เลยว่าเขาไม่ทำ เขาจะเอาดอกบัวให้ได้อย่างเดียว อาตมาเองตอนนั้นก็ไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยหนักอย่างตอนนี้ ไม่อย่างนั้นคงจะขอทำเสียเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 17:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 141 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 29-09-2010, 13:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีคนนำรูปคุณป้านิภา คงสุข มาถวายพระอาจารย์ ท่านจึงกล่าวถึงป้านิภาว่า "คุณป้านิภา ท่านไปบวชชีที่ต่างประเทศ ความจริงท่านเดินทางไปสงเคราะห์ญาติโยมทางด้านนั้น แล้วพระกับหลวงพ่อบอกว่าบวชได้แล้ว ท่านก็เลยต้องโกนหัวบวชที่ต่างประเทศเลย

อาตมาไม่ได้ไปช่วยท่านหลายปีแล้ว ตอนที่ท่านสร้างสำนักใหม่ ๆ ก็ไปทุกเดือน ไปถึงเมื่อไร ป้าก็จะส่งไมค์ให้ เป็นอะไรที่น่าขำ เข้าไปถึง..พูดอะไรก็ไม่พูดสักคำ ป้าส่งไมค์มาให้ อาตมาก็รับงานไปจนกว่าจะเสร็จ แล้วก็กลับ ส่วนใหญ่จะเป็นการถวายสังฆทานและมีการทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วย

ท่านไปซื้อที่แล้วทำเป็นบ้านจัดสรร ไม่ทราบว่ายังมีเหลืออีกหรือเปล่า ? ลักษณะเป็นเหมือนหมู่บ้านจัดสรรพร้อมอยู่ อยู่ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ประมาณ ๒๐ กิโลเมตร อยู่ในเขตอำเภอบ่อพลอย

ตอนที่คุณสมทรง อดีต ส.ส.กาญจนบุรีหลายสมัย จะลงสมัคร ส.ส.อีกครั้ง คุณสมทรงอุตส่าห์เดินทางขึ้นไปถึงทองผาภูมิ เพื่อที่จะไปถามอาตมาว่า สมัคร ส.ส. ครั้งนี้จะสอบได้ไหม ? อาตมาจะบอกว่าไม่ได้..ก็เกรงใจ เลยส่งเบอร์ป้านิภาให้ บอกว่า"ไปถามป้านิภาจะดีกว่า อาตมาเป็นพระ..พูดยาก"

สงสัยจะได้คำตอบ จึงไม่เห็นคุณสมทรงลงสมัคร ส.ส. ความจริง ก็คือ คุณสมทรงเขาไม่อยู่ที่นั่นมาหลายปี เท่ากับว่าพวกบรรดาฐานคะแนนเสียงต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปแล้ว โอกาสที่จะไปรบกับเจ้าถิ่นใหม่ก็ยาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-02-2019 เมื่อ 20:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 29-09-2010, 13:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องการปฏิบัติให้ฟังว่า "เรื่องของการปฏิบัติธรรมให้ระมัดระวังไว้อย่างหนึ่ง เรื่องของภาพหลอกภาพหลอน การทดสอบกำลังใจต่าง ๆ

บางรายรู้สึกว่าหลวงพ่อมาสั่ง พระมาสั่งให้ทำนั่นทำนี่ เสร็จแล้วก็มาปรึกษาอาตมาว่า ควรจะทำอย่างไร ? ปฏิบัติตามดีไหม ? ก็บอกวิธีพิจารณาแบบง่าย ๆ ว่า ถ้าหากไม่เกินวิสัยหรือความสามารถของเรา ไม่ต้องทำให้เราลำบากมากนักก็ทำไป แต่ถ้าอันไหนถึงขนาดให้เราลำบากมากก็ไม่ต้องทำ รับทราบไว้ด้วยความเคารพและก็ตั้งบูชาไว้บนหิ้งตรงนั้นแหละ

อย่างเช่น เราเป็นฆราวาสแล้วท่านบอกให้สร้างโบสถ์สักหลังหนึ่ง เราพิจารณาแล้วว่าเกินกำลัง ก็รับไว้ด้วยความเคารพแล้วขึ้นหิ้งไว้ ถึงวาระอันควรแล้วค่อยว่ากัน

อาตมาเองไปสร้างเกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ท่านมาสั่งให้ทำอาคารตรงนั้นตรงนี้ รวม ๆ แล้ว ๑๓ หลังด้วยกัน มีกระทั่งอาคารใช้แทนโบสถ์ ต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลมาก จึงได้กราบเรียนหลวงพ่อไปว่า "จะให้ผมทำก็ได้ แต่นิสัยผมไม่ชอบขอเงินใคร ถ้าต้องขอใครแม้แต่บาทเดียวผมจะไม่ทำเลย"
หลวงพ่อท่านก็หัวเราะว่า "แกจะเอาอย่างนั้นแน่หรือ ?"
"แน่ครับ"
"เออ..ถ้าอย่างนั้นก็ได้"


อาตมาก็รอดูว่าท่านจะทำอย่างไร หลังจากนั้นประมาณสองอาทิตย์ มีเพื่อนของหัวหน้าป่าไม้เขาขึ้นไป หลังจากที่เขาพาไปเที่ยวนั่นเที่ยวนี่ ท่านหัวหน้าก็บอกเพื่อนว่า มีพระมาอยู่ใกล้ ๆ หน่วย เลยพากันเข้ามาหา

เขาเดินดูรอบเกาะพระฤๅษีแล้ว จึงได้มากราบชวนคุยว่า "ที่สวยดีนะครับ"
"เออ..สวย"
"แล้วจะไม่สร้างอะไรบ้างหรือครับ ?"
"อยากจะสร้าง แต่เงินไม่มีว่ะ..!"
"จะสร้างอะไรบ้างครับ ?"
"อยากได้ศาลาสักหลัง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 01-10-2010 เมื่อ 11:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 29-09-2010, 13:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เขาหายไปประมาณสองชั่วโมง เดินกลับมาพร้อมกับแปลนศาลา ที่แท้เขาไปนั่งเขียนแปลน จริง ๆ แล้วเขาเป็นนายช่างรับเหมาก่อสร้าง "หลังขนาดนี้ดีไหมครับ ?"
"ดี..แต่เงินไม่มีว่ะ"
"ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมทำให้ก่อน"


ว่าแล้วเขาก็ขนช่าง ขนของ มาตั้งหน้าตั้งตาทำเอง คราวนี้เดือดร้อนพวกเราสิ..คนนั้นไปเห็น "อ้าว..ท่านก่อสร้างนี่" คนนี้ไปก็เห็น "อ้าว..หลวงพี่ก่อสร้างทำไมไม่บอกกันบ้าง ?" ต่างคนต่างควักเงินให้ ปรากฏว่าจำนวนเงินพอให้เขา จึงได้รู้ว่าหลวงพ่อท่านทำได้จริง ๆ ไม่ต้องขอใครแม้แต่บาทเดียวก็ได้ ท่านหาของท่านมาเอง

เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติ รู้อะไรอย่าไปเชื่อเสียทุกเรื่อง เพราะจะมีการหลอก มีการทดสอบกำลังใจกันได้ ถ้าเชื่อไปเสียทุกเรื่องเดี๋ยวจะเป๋ โดยเฉพาะพวกเราขาดวิจารณญาณมาก โอกาสโดนต้มมีสูง

เรื่องที่หนึ่งรู้มาอย่างถูกต้อง อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่สองจะถูก เรื่องที่หนึ่งที่สองถูกต้อง อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่สามจะถูก เรื่องที่หนึ่งที่สองที่สามถูกต้อง ก็อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่สี่จะถูก ให้ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่ายังไม่เชื่อ จนกว่าจะเป็นไปตามนั้นก่อน"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 17:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 134 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 29-09-2010, 14:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือท่านชาติชาย พระรุ่นน้องของอาตมา บวชที่วัดท่าซุงเหมือนกัน ออกจากวัดมาอยู่กับอาตมาที่เกาะพระฤๅษี ท่านเองเดินจงกรมภาวนา ไม่กินไม่นอนอยู่สองเดือนเต็ม ๆ อยู่ได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? ถ้าไม่ได้มีกำลังสมาธิหนุนเอาไว้ก็คงตายไปแล้ว..!

ภายหลังร่างกายไม่ไหวก็เกิดอาการกรรมฐานแตก ที่เขาเรียกว่า สติแตก อาตมาต้องเอาตัวเข้าโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ตอนที่ไปเก็บข้าวของให้พี่น้องของท่านเอาไป ไปเจอสมุดบันทึกของท่าน พออ่านดูจึงรู้ว่า เวลามารเขาหลอก เขาจะบอกความจริงเราประมาณ ๘๐ - ๙๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วก็หลอกไว้นิดหนึ่ง ถ้าวิจารณญาณไม่ดีจะเชื่อเขาหมดเลย

อย่างเช่นในการปฏิบัติ มีวันหนึ่งท่านบันทึกว่า "วันนี้พระมาบอกว่า ช่วงเวลาแห่งมรรคผลมาถึงแล้ว นักปฏิบัติที่ดีต้องกินน้อย พูดน้อย นอนน้อย ปฏิบัติให้มาก ยิ่งทุ่มเทมากเท่าไรยิ่งมีผลเร็วเท่านั้น"

มีตรงไหนผิดบ้างไหม ? ไม่มีเลยใช่ไหม ? แต่ผิด..! "นักปฏิบัติที่ดีต้องกินน้อย พูดน้อย นอนน้อย ปฏิบัติให้มาก" ชัดเลย นี่เป็นพระพุทธวจนะ แต่ "ยิ่งทุ่มเทเท่าไรยิ่งมีผลเร็วเท่านั้น" ตรงนี้ไม่ใช่

เพราะการปฏิบัติจะมีวาระมีเวลาของเขา ถ้าเราทำไม่ถึง ทำไม่พอ อย่าหวังเลยว่าผลจะเกิด ทีนี้ท่านอยากได้ ก็ไปทุ่มเทเดินจงกรมภาวนา ต่อเนื่องกันทั้งวันทั้งคืน สองเดือนเต็ม ๆ ไม่รู้อยู่ได้อย่างไร ? พอร่างกายไม่ไหวก็เรียบร้อย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 17:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 29-09-2010, 14:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เพราะฉะนั้น..เราเองวิจารณญาณยังไม่พอ ปัญญายังไม่พอ ไม่รู้ว่าเขาหลอกเราตรงจุดไหน ก็ยิ่งต้องระมัดระวังให้มาก เสียดายท่านที่ปฏิบัติดี มีการรู้เห็นที่ชัดเจน และเสียหายไป

อย่างวัด...ช่วงระยะที่ท่านดังขึ้นมา มีคนเอาหนังสือของท่านมาให้อาตมาแจกคนเยอะมาก ปกติเวลาเอาหนังสือใครมา อาตมาแจกหมด แต่หนังสือของท่านมาถึง อาตมาเก็บเรียบ เพราะรู้ว่าคำสอนท่านไม่ถูกต้อง

ท่านพูดตามที่ท่านรู้ แต่ว่าไม่ใช่ของจริง ระยะนั้นก็มีโยมมาถามมาก อย่างเช่นถามว่า ท่านสอนว่าไม่ให้เอาวัตถุมงคลไว้ในบ้าน เพราะจะทำให้บรรดาผีบ้านผีเรือนเดือดร้อน ไม่ให้พรมน้ำมนต์เพราะจะไปทำร้ายเขา

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นไปตามที่ท่านเห็น แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น อาตมาเองขี้เกียจตอบ ก็เลยถามโยมกลับไปว่า "ถ้าโยมเปิดร้านทอง แล้วโจรมาบอกว่า อย่าเอาตำรวจมาเฝ้าร้านเลย เพราะทำให้โจรเดือดร้อน โจรจะเข้าปล้นไม่ได้ ถ้าอย่างนี้เป็นโยมจะเชื่อไหม ?"

ของบางอย่างต้องใช้ปัญญาพิจารณาด้วย เวลามารเขาหลอก เขาไม่ได้หลอกชั้นเดียว เขาหลอกเป็นสิบ ๆ ชั้น เพราะเวลาท่านเชื่อแล้วสอนไป เป็นการสอนผิดไปจากพระพุทธวจนะ โอกาสที่ตัวเองจะเข้าถึงมรรคผลก็ไม่มี บุคคลที่หลงเชื่อและปฏิบัติตาม โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคผลก็ไม่มี ยิ่งถ้าท่านไปทำลายพระพุทธรูปด้วย ยิ่งสาหัสเลย ชาตินี้ไม่พ้นอเวจีอย่างแน่นอน..!

คราวนี้ท่านที่มีสติสัมปชัญญะแต่ปัญญาไม่พอ ไปกล่าวตำหนิว่าท่าน ก็ซวยอีก เพราะอย่าลืมว่าท่านเป็นพระ ถึงหลักการปฏิบัติผิด แต่ศีลของท่านไม่ได้ผิด ความเป็นพระในสมมติสงฆ์ของท่านยังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ เท่ากับเราไปด่าพระเต็ม ๆ ก็ลงอเวจีไปด้วย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 17:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 29-09-2010, 14:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอเราไปด่าท่าน บุคคลที่เลื่อมใสพระท่านนั้นอยู่ก็ "ไอ้นี่ด่าอาจารย์กูนี่หว่า.." เขาก็ด่าคืนมา กลายเป็นเกิดความแตกแยกในพระพุทธศาสนา

เราเห็นหรือยังว่าโทษเกิดหลายชั้น ท้ายที่สุดถ้าไปถึงเจ้าคณะปกครอง หรือไปถึงในหมู่สงฆ์ด้วยกัน ก็จะต้องแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่าย ท่านนี้ว่าถูก ท่านนี้ว่าไม่ถูก ตามแต่กำลังใจของตนเองจะพิจารณาไป ก็ทำให้ศาสนาของเราสั่นสะเทือนไปด้วย ถ้าออกไปกว้างใหญ่พอ จำนวนคนมากพอ จำนวนพระมากพอ อาจจะถึงกับมีการแยกนิกาย แล้วทำให้ศาสนาล่มสลายได้

เพราะฉะนั้น..ในเรื่องของมารเขาไม่เคยหลอกชั้นเดียว เขาหลอกหลายชั้นมาก ในการปฏิบัติให้ระมัดระวังไว้ อาตมาอยากจะบอกว่า ไม่รู้ไม่เห็นได้ปลอดภัยที่สุด คนหูหนวกตาบอด เขาไม่รู้จะไปหลอกอย่างไร แต่ถ้ารู้เห็นชัดเจนเท่าไร ยิ่งโดนหลอกง่ายเท่านั้น

จึงเป็นเรื่องที่พึงสังวรเอาไว้ นิมิตเกิดขึ้น รู้แล้ววาง น้อมรับไว้ด้วยความเคารพ ขอบคุณที่มาบอก แต่กองไว้ตรงนั้นแหละครับ ยกเว้นว่ามาย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าต้องทำนะ

ถ้าไม่เกินวิสัยและไม่ทำให้เราเดือดร้อนก็ทำ แต่ให้ยึดคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในพระไตรปิฎก หรือคำสอนของหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นหลัก มีอะไรให้ยกขึ้นมาเปรียบเทียบกัน ถ้าไม่ผิดไปจากสองส่วนนี้ เราปฏิบัติตามก็เชื่อได้ว่าน่าจะถูก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-09-2010 เมื่อ 17:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว