#61
|
|||
|
|||
อายตนะภายในที่ว่ามานี้ มันเป็นของหลอกลวงเหมือนกัน จะเชื่อมันเป็นของจริงเป็นของจังทั้งหมดไม่ได้ ของทั้งหมดที่มีอยู่ในโลกนี้จะต้องเป็นของจริงบ้าง ของปลอมบ้าง ด้วยกันทั้งนั้น
สรรพสังขารทั้งหลายซึ่งมีอยู่ในโลกนี้ทั้งหมด ไม่ว่าสิ่งสารพัดวัตถุ สัตว์ มนุษย์ ทั้งปวง ล้วนแล้วแต่เป็นของหลอกลวงกันทั้งนั้น
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 13-08-2011 เมื่อ 19:57 |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#62
|
|||
|
|||
โลก คือ จิต ของคนเรา มาหลอกลวงจิตให้หลงในสิ่งต่าง ๆ ว่าเป็นจริงเป็นจัง
แต่แล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นแต่เพียงมายาเท่านั้น เกิดมาแล้วก็สลาย แตกดับไปเป็นธรรมดาของมัน เช่น มนุษย์เกิดมาจากธาตุ ๔ ประชุมกันเข้าเป็นก้อนอันหนึ่ง เขาเรียกกันว่า ก้อนธาตุ จิตมนุษย์เข้าไปยึดถือเอา จึงสมมติเรียกว่า เป็นมนุษย์ เป็นหญิง เป็นชาย เป็นหนุ่ม เป็นสาว แต่งงานกันมีลูกออกมา หลงรักหลงใคร่ แล้วก็โกรธเกลียดชังกัน เบียดเบียน ฆ่าฟัน อิจฉาริษยา ซึ่งกันและกัน ส่วนอาชีพการงานก็เหมือนกัน เกิดมาในโลกกับเขาแล้วจะไม่ทำก็อยู่กับเขาไม่ได้ ต้องกระทำ ทำมาค้าขาย หรือกสิกรรมกสิกร หรือเป็นข้าราชการ ทำไปจนวันตายก็ไม่จบไม่สิ้น คนนี้ตายไปแล้วคนใหม่เกิดมาตั้งต้นทำอีก ยังไม่ทันหมดทันสิ้นก็ตายไปอีกแล้ว
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#63
|
|||
|
|||
ตราบใดโลกนี้ยังมีอยู่ มนุษย์คนเราก็เกิดมาทำอยู่อย่างนี้ร่ำไปทุก ๆ คน
เมื่อตายไปแล้วก็ไม่มีใครหอบเอาสิ่งที่ตนกระทำไว้นั้นไปด้วยสักคนเดียว แม้แต่ร่างกายก็ทอดทิ้ง เว้นแต่ กรรมดี แลกรรมชั่ว ที่ตนทำไว้เท่านั้น ที่ตามจิตใจของตนไป โลกจิต ที่มีวิญญาณครองยังหลอกจิตได้ ไม่เห็นแปลกอะไรเลยแม้ที่สุด โลกที่หาวิญญาณครองไม่ได้ ก็ยังหลอกจิตเลย เราจะเห็นได้จากสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น ป่า ดง พงไพร ต้นไม้ประกอบด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด เกิดในดงงดงาม เขียวชะอุ่ม ประกอบด้วยกิ่ง ก้าน ดอก ผล เป็นช่อระย้าเรียงลำดับเป็นระเบียบเรียบร้อย ยิ่งกว่าคนเอาไปประดับตกแต่งไว้ ใครเห็นแล้วก็นิยมชมว่าสวยงาม ส่วนผาเล่า ก็มีชะโงกเงื้อมงุ้ม เป็นตุ่มเป็นต่อม มีชะง่อน ชะเงื้อม เพิงผา ดูน่าอัศจรรย์ เป็นหลั่นเป็นถ้องแถวดังคนเอามาเรียงลำดับให้วิจิตรงดงาม
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#64
|
|||
|
|||
ส่วนแม่น้ำลำธารซึ่งตกลงแต่ที่สูงแล้วก็ไหลลงสู่ที่ต่ำ
เป็นลำธารมีแง่มีมุม เป็นลุ่มเป็นดอน มีน้ำไหลวนเวียน มีหมู่มัจฉาปลาหลากหลายพันธุ์ว่ายวนเป็นหมู่ ๆ ดูแล้วก็จับใจ ดูไปเพลินไป ทำให้ใจหลงใหลไปตาม ๆ กัน ดูแล้วเหมือนของเหล่านั้นจะเป็นจริงเป็นจัง เดี๋ยว ๆ ของเหล่านั้นก็อันตรธาน หายจากความทรงจำของเรา หรือมิฉะนั้นคนเราก็จักต้องอันตรธาน หายจากสิ่งเหล่านั้น ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในโลกนี้สักอันเดียว เป็นอนิจจังทั้งสิ้น
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#65
|
|||
|
|||
เมื่อของในโลกนี้เป็นของหลอกลวงได้ ธรรม ธรรมที่เป็นโลกีย์ ก็หลอกลวงได้เหมือนกัน
เราจะเห็นได้จากการนั่งสมาธิภาวนา เมื่อจิตจะรวมเข้าเป็นสมาธิ ตกใจผวา เหมือนกับมีคนมาผลัก บางทีมีเสียงเปรี้ยงเหมือนเสียงฟ้าผ่าลงมาก็มี บางทีกายของเราแตกออกเป็นซีก ๆ ก็มี บางทีมีแสงสว่างจ้าขึ้นมาเห็นสิ่งต่าง ๆ เข้าใจว่าเป็นจริงเป็นจัง พอลืมตาขึ้นหายหมด สารพัดแต่มันจะเกิด บางทีพอจิตจะรวมเข้าไป ปรากฏเห็นภูต ผี ปิศาจ ทำเป็นหน้ายักษ์ หน้ามารมา เลยกลัววิ่งหนี เลยเสียสติเป็นบ้าไป ก็มีธรรมที่ยังเป็นโลกีย์อยู่ ก็หลอกลวงได้ เช่นเดียวกับโลก ๆ เรานี้แหละ
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#66
|
|||
|
|||
บางทีเราพิจารณาร่างกายอันนี้ให้เป็นอสุภะ
เมื่อใจเราน้อมเชื่อมั่นว่ามันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ มันเลยเกิดอสุภะขึ้นมา เปื่อยเน่าเฟะไปทั้งตัวเลย แต่แท้ที่จริงแล้ว ร่างกายมันก็เป็นอสุภะธรรมดา ๆ เท่าที่มันมีอยู่นั่นแหละ แต่เราเข้าใจผิด หลงไปเชื่อตามจิตมันหลอก เลยหลงเชื่อว่าเป็นอสุภะจริง ๆ ไปยึดถือเอาจนเหม็นติดไม้ติดมือติดตัว ไปไหนก็มีแต่กลิ่นอสุภะทั้งนั้น
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-04-2010 เมื่อ 03:50 |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#67
|
|||
|
|||
จิตที่เราฝึกหัดให้เข้าถึงธรรมแล้ว แต่ธรรมนั้นมันยังเป็นโลกียะอยู่ มันหลอกได้เหมือนกัน
พระพุทธเจ้าจึงเทศนาว่า จิตหลอกจิต เราจะสังเกตได้อย่างไรว่าจิตหลอกจิต เรื่องเหล่านี้ มันยากเหมือนกัน ถ้าเราไม่เข้าใจเรื่องของจิต เรื่องของใจ จิต กับ ใจ มันคนละอันกัน ดังภาษาชาวบ้านที่พูดกันว่า ใจ ๆ นั่นแหละ ใจ เขาหมายเอาของที่เป็นกลางกลางอะไรทั้งหมดที่เป็นของกลางแล้ว เขาเรียกว่า ใจ ทั้งนั้น
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#68
|
|||
|
|||
คราวนี้มาพูดถึงเรื่อง จิต คือผู้คิด ผู้นึก ผู้ปรุง ผู้แต่ง
สัญญา อารมณ์ร้อยแปดพันเก้า ไม่มีที่สิ้นสุด นั่นเป็นเรื่องของ จิต ตามความรู้สึกของคนทั่วไปแล้ว จิต กับ ใจ มักจะเป็นอันเดียวกัน ดังพูดออกมาเมื่อไม่สบายว่า ไม่สบายใจ จิตใจหงุดหงิด ดังนี้ เป็นต้น ถ้าสบายใจก็บอกว่า จิตใจมันปลอดโปร่งโล่งไปหมด
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#69
|
|||
|
|||
จิต แล ใจ แยกออกไว้เป็นคนละส่วนกัน
บางทีท่านก็เรียกว่าจิตเป็นของผ่องใสอยู่เป็นจริง แต่อาคันตุกะกิเลสจรมา ทำให้จิตเศร้าหมองต่างหาก หรือบางทีท่านก็ว่า จิตเป็นของเศร้าหมอง จิตนี้เป็นของผ่องใส สะอาด หลายอย่างต่าง ๆ นานา ทำให้ผู้ศึกษาเรื่อง จิต เรื่อง ใจ ยุ่งกันไปหมด
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#70
|
|||
|
|||
จิต นี้ถ้าเราจะพิจารณาด้วยสามัญสำนึกแล้ว มันให้คิด ให้นึก ให้ปรุง ให้แต่ง ไปต่าง ๆ นานา
สารพัดร้อยแปดพันอย่าง ยากที่บุคคลจะห้ามให้อยู่ในอำนาจของตนได้ แม้ที่สุดแต่นอนหลับไปแล้ว ยังปรุงแต่งท่องเที่ยวไปเลย อย่างเราเรียกว่า ฝัน ปรุงแต่งไปทำธุรกิจการงานต่าง ๆ ทำสวน ทำนา ไปค้าขาย หาเงิน หาทอง อาชีพต่าง ๆ หรืออาฆาตบาดหมางฆ่าฟันกัน เป็นต้น
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#71
|
||||
|
||||
สังเกตว่ากระทู้นี้ จะมีขาประจำเพียงไม่กี่ท่านที่อ่านทันทีสม่ำเสมอ
นอกนั้น เห็นว่าค่อย ๆ ทยอยเข้ามาอ่านอย่างช้า ๆ จึงไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะพิมพ์มากเกินไปหรือถี่เกินไป แต่ละคราว หรือเปล่า หรือเป็นเพราะบทความนี้ เป็นที่แพร่หลายมาก ทำให้ได้อ่านกันอยู่แล้ว หากท่านใด มีข้อคิดเห็นต่อการลงบทความนี้... ขอให้ช่วยเมตตาบอกกล่าวกันแนะนำกันบ้าง นอกจากนี้ จะขอแนะนำให้อ่านบทความนี้จากกระทู้นี้ ...ไม่เพียงเพราะยายสายที่นำบทความมาลง ได้ประโยชน์มากมายเท่านั้น แต่ที่กระทู้นี้ ท่านพี่สุธรรมท่านเมตตาตรวจสอบข้อความให้ ...อย่างชนิดที่แม้อ่านจากต้นฉบับก็ไม่สามารถเทียบได้ ดังตัวอย่างด้านล่าง จึงขอกราบขอบพระคุณท่านพี่เป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ บทความที่นำมาลงเพิ่งผ่านไปได้ประมาณ ๑ ใน ๔ เท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการค่อย ๆ ซึมซาบข้อพระธรรม... แนะนำให้ค่อย ๆ ทยอยอ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะไม่สมทบกันมากเกินไป อาจทำให้รู้สึกลังเลที่จะอ่านได้ อ้างอิง:
อ้างอิง:
อ้างอิง:
อ้างอิง:
เสริมรูปประโยคให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น (ต้นฉบับอาจพิมพ์ตกหล่น)
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#72
|
|||
|
|||
ถ้าเราฝึกหัด จิต ของตนที่ดิ้นรนนี้ให้สงบอยู่เป็นหนึ่งได้แล้ว
เราจะมองเห็นจิตที่เป็นหนึ่งนั้น เป็นหนึ่งอยู่ต่างหาก กิเลส มีโทสะ เป็นต้นนั้น อยู่อันหนึ่งต่างหาก จิต กับ กิเลส มิใช่อันเดียวกัน ถ้าอันเดียวกันแล้ว ใครในโลกนี้จะทำให้บริสุทธิ์ได้ จิต เป็นผู้ไปปรุงแต่งเอา กิเลส มาไว้ที่จิตต่างหาก แล้วก็ไม่รู้ว่าอันใดเป็นจิต อันใดเป็นกิเลส พระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสว่า จิตฺตํ ปภสฺสรํ อาคนฺตุเกหิ กิเลเสหิ จิตเป็นของผ่องใสอยู่ทุกเมื่อ กิเลสเป็นอาคันตุกะจรมาต่างหาก นี้ก็แสดงว่าพระพุทธองค์ตรัสไว้ชัดแล้ว
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#73
|
|||
|
|||
ของในโลกนี้ต้องประสมกันทั้งหมดจึงเป็น โลก ของอันเดียวมีแต่ ธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ผู้เห็นธรรมเป็นของหลายอย่างต่าง ๆ กัน ผู้นั้นได้ชื่อว่ายังเข้าไม่ถึงธรรม
นัยหนึ่ง เหมือนกับน้ำเป็นของใสสะอาด เมื่อบุคคลนำเอาสีมาประสม ย่อมมีสีต่าง ๆ เช่น เอาสีแดงมาประสมน้ำก็เลยเป็นสีแดงไป เมื่อเอาสีดำมาประสมน้ำก็เลยเป็นสีดำไป สุดแท้แต่จะเอาสีอะไรมาประสม น้ำก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นสีนั้น ๆ แท้จริงแล้วน้ำเป็นของใสสะอาดอยู่ตามเดิม หากผู้มีปัญหา สามารถกลั่นกรองเอาน้ำออกมาได้ น้ำก็ใสสะอาดเป็นปกติอยู่ตามเดิม สีเป็นเครื่องประสมน้ำให้เป็นไปต่าง ๆ
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 13-08-2011 เมื่อ 19:59 |
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#74
|
|||
|
|||
น้ำ เป็นของมีประโยชน์มาก สามารถชำระของสกปรกสิ่งโสโครกทั้งปวงให้สะอาดได้ ความสะอาดของตนมีอยู่แล้ว ยังสามารถแทรกซึมเข้าไปในสิ่งโสโครกทั้งปวง ชำระเอาสิ่งโสโครกเหล่านั้นออกมาได้ นี่ก็ฉันใด
ผู้มีปัญญาทั้งหลายย่อมสามารถกลั่นกรองเอาจิตของตนที่ปะปนกับกิเลสออกมาได้ฉันนั้น
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายท่าขนุน : 13-08-2011 เมื่อ 20:00 |
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#75
|
|||
|
|||
คราวนี้มาพูดกันถึงเรื่อง จิต กับ ใจ ให้เข้าใจกันก่อน
จึงค่อยพูดกันถึงเรื่องกิเลส อันเกิดจากจิตต่อไป จิต คือ ผู้คิด ผู้นึก ผู้ปรุง สังขาร สัญญาอารมณ์ทั้งหมด เกิดจากจิต เมื่อพูดถึงจิตแล้วไม่นิ่งเฉยได้เลย แม้ที่สุดเรานอนอยู่ก็ปรุงแต่งไปร้อยแปดพันเก้า อย่างที่เราเรียกว่า ฝัน นั่นเอง จิต ไม่มีการนิ่งเฉยได้ จิตนอนหลับไม่เป็น แลไม่มีกลางคืน กลางวันเสียด้วย ที่นอนหลับนั้นมิใช่จิต กายต่างหาก มันเหนื่อยจึงพักผ่อน จิต เป็นของไม่มีตัวตน แทรกซึมเข้าไปอยู่ได้ในที่ทุกสถาน แม้แต่ภูเขาหนาทึบก็ยังแทรกเข้าไป แทรกทะลุปรุโปร่งได้เลย จิต นี้มีอภินิหารมาก เหลือที่จะพรรณนาให้สิ้นสุดได้
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#76
|
|||
|
|||
ใจ คือผู้เป็นกลาง ๆ ในสิ่งทั้งปวงหมด ใจก็ไม่มีตัวตนอีกนั่นแหละ
มีแต่ผู้รู้อยู่เฉย ๆ แต่ไม่มีอาการไป อาการมา อดีตก็ไม่มี อนาคตก็ไม่มี บุญแลบาปก็ไม่มี นอกแลในก็ไม่มี กลางอยู่ตรงไหน ใจก็อยู่ตรงนั้น ใจ หมายความเป็นกลาง ๆ ดังภาษาชาวบ้านเขาเรียกกันว่า ใจมือ ก็หมายเอาท่ามกลางมือ ใจเท้า ก็หมายเอาท่ามกลางเท้า แม้ที่สุดเมื่อถามถึงใจคนเราก็ต้องชี้เข้าท่ามกลางหน้าอก แต่แท้จริงแล้วที่นั่นไม่ใช่ใจ นั่นเป็นแต่หทัยวัตถุ เครื่องสูบฉีดเลือดที่เสียแล้วกลับเป็นของดีให้ไปหล่อเลี้ยงสิ่งต่าง ๆ ในสรรพางค์ร่างกายเท่านั้น ตัว ใจแท้ มิใช่วัตถุ เป็นนามธรรม
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#77
|
|||
|
|||
จิต กับ ใจ โดยความหมายแล้วก็อันเดียวกัน ดังพระพุทธเจ้าตรัสว่า
จิตอันใด ใจก็อันนั้น ใจอันใด จิตก็อันนั้น จิต กับ ใจ เป็นไวพจน์ของกันแลกัน ดังพุทธภาษิตว่า จิตตํ ทนตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกหัดดีแล้วนำความสุขมาให้ หรือ มโนปุพพํ คมาธมมา ธรรมทั้งหลายมีใจถึงก่อน เป็นต้น แต่โดยส่วนมากท่านจะพูดถึงเรื่องจิตเป็นส่วนมาก เช่น เรื่องพระอภิธัมม์จะพูดแต่เรื่องจิตเจตสิกทั้งนั้น จะเป็นเพราะจิตทำงานมากกว่าใจ ไม่ว่าจะเรื่องของกิเลส หรือเรื่องของการชำระกิเลส (คือปัญญา) เป็นหน้าที่ของจิตทั้งนั้น กิเลสมิใช่จิต จิตไม่ใช่กิเลส
แต่จิตไปยึดเอากิเลสมาปรุงแต่งให้เป็นกิเลส ถ้าจิตกับกิเลสเป็นอันเดียวกันแล้ว ใครในโลกนี้จะชำระกิเลสให้หมดได้
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#78
|
|||
|
|||
จิต แล กิเลส เป็นแต่นามธรรมเท่านั้น หาได้มีตัวมีตนไม่
จิตที่ส่งไปทางตา หู เป็นต้น ก็มิใช่ตา หู เป็นกิเลส แต่จิตกระทบกับอายตนะจึงเป็นเหตุให้เกิดกิเลสเท่านั้น เมื่อตาเป็นต้น กระทบกับรูป ให้เกิดความรู้สึกแล้วความรู้สึกนั้นก็หายไป จิตไปตามเก็บเอาความรู้สึกนั้นมาเป็นอารมณ์จึงเกิดกิเลส ดีแลชั่ว รักแลชัง ต่างหาก ผู้ไม่เข้าใจ ไปหลงว่าจิตเป็นกิเลส ไปแก้แต่จิต ตัวกิเลสไม่ไปแก้ ไม่ไปแยกเอาจิตให้ออกจากกิเลส อย่างนี้แก้เท่าไร ๆ ก็แก้ไม่ออก เพราะแก้ไม่ถูกจุดสำคัญของจิต จิตไปหลงยึดเอาสิ่งสารพัดวัตถุเครื่องใช้ต่าง ๆ มาเป็นของกู ๆ ติดมั่นอยู่ในสิ่งนั้น ๆ มันเลยเป็นกิเลส
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#79
|
|||
|
|||
เป็นต้นว่า เรือกสวน ไร่นา ทรัพย์สิน เงินทอง วัตถุต่าง ๆ
แม้ที่สุดแต่บุตร ธิดา สามี ภรรยา พี่ ป้า น้า อา เป็นที่สุด ว่าเป็นของกู ๆ จิตเลยเป็นกิเลส แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมันเป็นอยู่อย่างไร มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น มันหาได้ไปเป็นตามความหลงยึดมั่นถือมั่นของเราไม่ ดังภรรยาสามีของเรา หลงยึดมั่นถือมั่น สำคัญว่าเป็นของเราจริง ๆ ราวกับว่าเอาหัวใจของเขามาไว้ในหัวใจของเราเลยทีเดียว เวลาเขาคิดจะทำมิจฉาจาร เขาไม่ได้บอกเราเลยสักนิดเดียว พอรู้เรื่องเราเกิดความทุกข์ระทมใจแทบตาย นี่ก็เพราะ ความหลง ไม่เห็นตามความเป็นจริงของมันนั่นเอง ยิ่งเป็นสิ่งที่หาวิญญาณไม่ได้เสียแล้ว ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เช่น เพชร นิล จินดา ราคามาก ๆ เก็บใส่ตู้ใส่หีบไว้แน่นหนา กลัวขโมยจะมาลักเอาไป แต่ตัวมันเองหาได้รู้สึกอะไรไม่ ใครมาลักมาขโมยเอาไปก็ไม่มีความรู้สึก จะโวยวายก็ตัวเจ้าของผู้ไปยึดมั่นถือมั่นนี้ต่างหาก กิเลสตัวผู้ยึดถือนี้มันช่างร้ายกาจจริง ๆ ไม่ว่าอะไรทั้งหมด มันเข้าไปยึดถือเอาเลย แล้วก็ฝังตัวรุกเข้าไปจนถอนไม่ขึ้น
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-05-2010 เมื่อ 03:14 |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#80
|
|||
|
|||
จิต ใจ แล กิเลส มีความหมายดังได้อธิบายมานี้
จิต ผู้ที่ไม่ได้ฝึกฝนอบรมไว้ให้ดีแล้ว มีแต่จะนำให้กิเลสมาทับถมถ่ายเดียว
ตรงกันข้าม ถ้าผู้ได้ฝึกฝนอบรม จิต ไว้ดีแล้ว ก็จะเป็นขุมทรัพย์อันมหาศาล เพราะจิตเป็นผู้แส่ส่ายแสวงหากิเลสใส่ตัวเอง พร้อม ๆ กันนั้น ก็เป็นผู้แสวงหาปัญญามาให้ตัวอีกด้วย
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
Tags |
หลวงปู่เทสก์ |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|